#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันวุ่นวายในชีวิตอีกวันหนึ่ง เนื่องเพราะว่าตั้งแต่ช่วงเช้าที่ออกบิณฑบาต ก็ต้องนำพระภิกษุสงฆ์วัดท่าขนุน เข้าไปรับบิณฑบาตที่ตลาดริมแควเมืองท่าขนุนในวาระพิเศษ ก็คือจากที่รับบิณฑบาตทุกวันเสาร์ ก็มารับบิณฑบาตเนื่องในโอกาสที่นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมาตรวจประเมินชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ๒๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมนั้น ว่าสมควรที่จะได้รับการยกขึ้นเป็น ๑ ใน ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖ หรือไม่ ?
ต้องบอกว่าด้วยความที่ท่านผู้ตรวจราชการ มาในฐานะพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทำให้ฝนฟ้าเว้นว่างให้ ไม่ต้องเปียกปอนตอนบิณฑบาตแบบวันอื่น ๆ เมื่อบิณฑบาตเสร็จเรียบร้อย กลับไปวัด ฉันเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรอให้คณะของท่านเจ้าคุณกอล์ฟ - พระวิเทศวัชราจารย์ เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร ประเทศอินเดีย ธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล ท่านนำคณะมาถวายสักการะเนื่องในวันเข้าพรรษา หลายท่านอาจจะไม่รู้ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นเป็นผู้บวชให้กับท่านเจ้าคุณเอง สมัยก่อนก็คิดแต่ต้องการบุญต้องการกุศล ช่วยเป็นเจ้าภาพบวชให้ท่านนั้นท่านนี้ โดยที่ไม่ได้คิดว่ามาภายหลังแล้ว ท่านจะเจริญก้าวหน้าในการคณะสงฆ์ อย่างเช่นท่านเจ้าคุณพระวิเทศวัชราจารย์ก็ดี พระครูกาญจนปริยัติคุณ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนรามก็ดี หรือว่าพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ.๖ ก็ตาม ซึ่งแต่ละท่านล้วนสามารถแบ่งเบาภาระให้กับครูบาอาจารย์ได้มาก ในเมื่อทำไปโดยไม่หวังผลตอบแทน ไปตรงกับสุภาษิตจีนที่ว่า "ไม่ได้ตั้งใจปักหลิว แต่หลิวงอกงาม" เป็นที่น่าชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องของยศของตำแหน่งนั้น กระผม/อาตมภาพวางกำลังใจตามแบบโบราณที่ว่า "การแข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งได้ แต่การแข่งบุญแข่งวาสนานั้นแข่งกันไม่ได้" สมัยที่ขอตำแหน่งพระครูปลัดของพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ.๔) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีในขณะนั้น ให้กับพระมหาปรีชา จิรนาโค ซึ่งปัจจุบันก็คือพระครูปลัดปรีชา จิรนาโค, ดร. เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ ปรากฏว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านไม่เซ็นให้ ท่านบอกว่า "ตำแหน่งนี้ใหญ่กว่าคุณนะ" เนื่องเพราะว่าตอนนั้นกระผม/อาตมภาพเป็นพระครูธรรมธร กระผม/อาตมภาพกราบเรียนว่า "หลวงพ่อเซ็นเถอะครับ ไม่ว่าท่านจะใหญ่สักเท่าไรก็ตาม ท่านก็ต้องเรียกกระผมว่าอาจารย์อยู่ดี" ท่านก็ยังปรารภว่า "คนที่คิดแบบคุณก็มีด้วย..!" ภายหลังก็คือขอตำแหน่งพระครูวินัยธรของท่าน ให้กับพระมหาชุมพร ปิยธมฺโม หรือว่าพระครูกาญจนปริยัติคุณในปัจจุบันนี้ ก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน เพราะว่าตำแหน่งพระครูวินัยธรกับตำแหน่งพระครูธรรมธรนั้น แม้ว่าจะมีศักดิ์ศรีเท่ากันก็ตาม แต่ว่าหากลำดับนั่งในงานหลวงแล้ว พระครูธรรมธรต้องนั่งถัดจากพระครูวินัยธร ก็คือยกให้พระครูวินัยธรเป็นใหญ่กว่า หลวงพ่อวัดท่ามะขามท่านก็ไม่เซ็นให้เช่นกัน จนกระผม/อาตมภาพให้เหตุผลเดียวกัน ท่านจึงยอมเซ็นให้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2023 เมื่อ 01:20 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แม้กระทั่งการมาขอตำแหน่งพระครูวินัยธรก็ดี พระครูสมุห์ก็ตาม ให้กับท่านอาจารย์นิล และครูบาหน่อแก้วฟ้า โดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ , ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปปัจจุบัน ท่านก็ยังปรารภว่า "ถ้าท่านอาจารย์เล็กขอ ผมต้องรีบให้ เพราะว่าท่านไม่เคยขออะไรให้กับตัวเองเลย..!" ซึ่งตรงนี้นอกจากจะเป็นความเมตตาของผู้บังคับบัญชาแล้ว ยังเป็นความภูมิใจเฉพาะตัวว่าเราสามารถที่จะหายศหาตำแหน่ง ให้เป็นกำลังใจในการทำงาน ทั้งแก่สหธรรมิกและลูกศิษย์ของตนเองได้
ในเมื่อทำในลักษณะอย่างนี้มาแล้ว เห็นท่านใดเจริญก้าวหน้าในการคณะสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง หรือว่าด้านการสอนธรรมะก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ชื่นใจแทนท่าน โดยไม่ได้มีความอิจฉาเลย เนื่องเพราะว่าสิ่งหนึ่งประการใด ถ้าเป็นของเรา ไม่ช้าก็เร็ว ก็จะมาเป็นของเราจนได้ จึงทำให้กระผม/อาตมภาพรับการถวายสักการะจากท่านเจ้าคุณกอล์ฟด้วยความปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางไปให้รางวัลและให้กำลังใจแก่คณะญาติโยม ที่มาร่วมออกงานในการตรวจประเมิน ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็นช่างทอผ้าด้วยกี่เอว ช่างแกะสลักผักผลไม้ ช่างปักผ้า ตลอดจนกระทั่งเด็กน้อยนางรำ หรือว่า "ขบวนรถซาเล้ง" นำเที่ยวชุมชนยลวิถี เมื่อมอบรางวัลให้แก่ทุกคนจนครบถ้วนแล้ว ก็ไม่ได้อยู่รอท่านผู้ตรวจฯ ซึ่งพาคณะไปรับประทานอาหารเช้าในตลาด เนื่องเพราะว่าต้องรีบวิ่งมายังวัดปรังกาสี หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ด้วยได้รับมอบหมายจากพระเดชพระคุณพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ และ พระครูกาญจนปัญญาวุฒิ รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ เจ้าอาวาสวัดเขื่อนวชิราลงกรณ ให้กระผม/อาตมภาพเป็นประธานในการเปิดงาน และให้โอวาทแก่พระนวกะ ซึ่งเข้าปฏิบัติธรรมในช่วงเข้าพรรษา ๒๕๖๖ โดยที่ทั้งสองท่านนั้นติดงานวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน ณ ที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ เมื่อทำพิธีเปิด ให้โอวาทเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอทั้งสอง ได้กลับมาจากงานวันกำนันผู้ใหญ่บ้านพอดี จึงพร้อมใจกันรับถวายสักการะจากบรรดาเจ้าอาวาสและพระนวกะ โดยยกให้พระครูสุจิณบุญกาญจน์ (สมจิตร จนฺทปุณฺโณ) เจ้าคณะตำบลห้วยเขย่ง เจ้าอาวาสวัดท่ามะเดื่อ และพระครูสุวิมลกาญจนวัฒน์ (อุทัย สุวฑฺฒโน) เจ้าคณะชะแลเขต ๑ เจ้าอาวาสวัดพุทโธภาวนา ซึ่งทั้งสองท่านนั้นมีอายุกาลพรรษามากกว่ากระผม/อาตมภาพ ให้ท่านนั่งในที่ประธาน ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ตลอดจนเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภออีก ๑ รูป ในฐานะที่อาวุโสน้อยกว่าก็นั่งลดหลั่นกันลงมา เจ้าคณะปกครองตั้งแต่ระดับเจ้าอาวาสขึ้นไป ถ้าหากว่ามีพรรษาเกิน ๒๐ ก็ให้ขึ้นมานั่งรับการถวายสักการะพร้อมกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2023 เมื่อ 01:25 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ต้องขอตัววิ่งมายังวัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขาม เพื่อร่วมบรรยายถวายความรู้ในงานอบรมพระนวกะ คณะสงฆ์อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยที่แวะซื้อข้าวกล่องฉันเพลกลางทาง เมื่อวิ่งมาถึงก็จวนเจียนกับเวลาภาคบ่าย
เมื่อได้เวลาเที่ยงครึ่ง ทางพระปลัดรัชชานนท์ ติกฺขปญฺโญ ซึ่งทำหน้าที่พิธีกร ก็ประกาศให้ท่านพระครูกาญจนสุตาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอไทรโยค พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ขึ้นบรรยายถวายความรู้แก่พระนวกะตามลำดับ แล้วก็เป็นคิวของท่านเจ้าคุณวีรพล (พระสุธีวชิรปฏิภาณ) หรือว่าอดีตพระมหาวีรพล วีรญาโณ เจ้าของรายการธรรมะอารมณ์ดี ซึ่งท่านมาถวายความรู้แก่พระนวกะอย่างสนุกสนาน จนหมดเวลาในช่วงบ่าย เมื่อทำการไหว้พระและปล่อยเลิกแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องมารับถวายสักการะจากพระครูบวรกาญจนธรรม (สมคิด อคฺควโร) และพระครูกาญจนปริยัติคุณ (ชุมพร ปิยธมฺโม) ซึ่งพาพระภิกษุวัดตะเคียนงามลัคณานุกูลและวัดราษฎร์ประชุมชนาราม มาถวายสักการะเนื่องในวันเข้าพรรษา ความจริงแล้วหลวงพ่อพระครูบวรกาญจนธรรม เจ้าคณะตำบลบ้านเก่า เขต ๒ เจ้าอาวาสวัดตะเคียนงามลัคณานุกูลนั้น แม้ว่าจะพรรษาเท่ากัน แต่ว่าท่านแก่เดือนกว่า เพียงแต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมา ท่านก็กราบกระผม/อาตมภาพในฐานะครูบาอาจารย์ เพราะว่าตั้งแต่สมัยเป็นฆราวาสด้วยกัน กระผม/อาตมภาพก็สอนกรรมฐานให้แก่ท่านมาแล้ว จนกระทั่งต่างคนต่างตัดสินใจบวชเข้ามา โดยที่ไม่ได้นัดแนะกัน โดยที่ท่านบวชเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ ๙ วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๘ กระผม/อาตมภาพบวชหมู่รุ่นพิเศษ ถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๒๙ ซึ่งก็คือห่างกันเกือบ ๕ เดือน ๑๐ วัน แต่ด้วยความที่ท่านบอกว่าท่านเป็นลูกศิษย์ ท่านจึงขออนุญาตกราบกระผม/อาตมภาพในฐานะครูบาอาจารย์มาทุกครั้ง ทำให้บางคนก็เห็นว่าทำไมคนแก่อายุ ๗๐ กว่าปีแล้ว ยังมากราบคนอายุ ๖๐ กว่าปี แถมยังพรรษาน้อยกว่าตั้งเกือบ ๖ เดือน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2023 เมื่อ 01:32 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ตรงจุดนี้ต้องบอกว่า เป็นความไม่มีมานะของหลวงพ่อสมคิดหรือพระครูบวรกาญจนธรรม ที่ควรจะเลียนแบบและทำตามเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้ที่มีสมานัตตตาธรรม ก็คือความสม่ำเสมอในการปฏิบัติตนต่อผู้อื่น เคยเคารพกระผม/อาตมภาพเป็นครูบาอาจารย์มาอย่างไร ก็เคารพอย่างนั้น เคยเรียกหาเป็นพระอาจารย์อย่างไร ก็เรียกหาอย่างนั้น
ระยะหลัง ๆ เมื่อกระผม/อาตมภาพเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านก็ยังเรียกนำให้กับพระใหม่และสามเณรว่า "หลวงพ่อเล็ก" บางทีกระผม/อาตมภาพก็รู้สึกว่าจะเป็นบาปเป็นกรรมหรือเปล่า ? แต่เมื่อท่านยกเหตุผลขึ้นมาก็ต้องยอมรับฟัง ในเรื่องของพระภิกษุสามเณรของเรา ถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัยแล้ว ก็คือเคารพกันตามอาวุโสภันเต แต่ว่าบางท่านที่กระผม/อาตมภาพเป็นครูบาอาจารย์สอนให้ท่าน ไม่ว่าจะที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดีก็ดี วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิก็ดี หรือว่าที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ก็ตาม บางท่านเป็นนิสิต แต่ว่าอายุพรรษามากกว่า เจอหน้าเมื่อไร ท่านก็ขอไหว้ขอกราบในฐานะครูบาอาจารย์เช่นกัน กระผม/อาตมภาพต้องห้าม บอกท่านว่า "แค่ไหว้ก็พอ อย่าถึงขนาดกราบเลย ไม่อย่างนั้นแล้วจะเป็นบาปเป็นกรรมแก่กระผมเสียเปล่า ๆ" กลายเป็นว่าครูบาอาจารย์ก็ไม่ขอรับไว้ ลูกศิษย์ก็พยายามที่จะถวายความเคารพ บางทีก็ยื้อแย่งจนหัวชนกันก็มี..! เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านฟังแล้วเห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดี จะกระทำตาม ก็ขอให้ระมัดระวังว่า พระภิกษุสงฆ์สามเณรของเราต้องเคารพกันตามพระธรรมวินัย ยกเว้นว่าผู้ที่มีพรรษามากกว่า หรือว่าบวชก่อน ท่านอนุญาตจริง ๆ แล้วเราก็ฝืนรับเอาไว้ แต่ว่ามีโอกาสเมื่อไรก็ให้นั่งต่ำจากท่านเอาไว้ จะปลอดภัยที่สุด สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2023 เมื่อ 01:34 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|