#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๖
|
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพต้องวิ่งไปประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ครั้งที่ ๒/๒๕๖๖ ที่หอสมุดรัชมังคลาภิเษก ถนนแสงชูโต ซอย ๒๒ ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ในที่ประชุมนั้นมีวาระสำคัญต้องติดตามอยู่หลายเรื่อง แล้วในขณะเดียวกัน ก็มีการเสนอเครื่องแบบของสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกระผม/อาตมภาพคัดค้านว่า "ไม่เห็นด้วย เพราะว่าพระใส่ไม่ได้..!" แต่พร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพให้ ถ้าหากว่าหาสีหาแบบมาได้แล้ว ทางสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิยินดีจะเป็นเจ้าภาพในการจ่ายเงินค่าชุดนั้นให้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าถ้าเรามีชุดที่อยู่ในลักษณะเดียวกัน ไปไหนก็จะได้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นคณะเดียวกัน แต่ว่าเป็นข้อเสนอที่มาช้าเกินไป เพราะว่าตั้งแต่การเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิเมื่อสองสมัยที่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็จัดชุดเครื่องแต่งกายให้กับคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิไปตั้งนานแล้ว..! หลังจากรับการถวายเพลและฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางต่อไปยังวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) เพื่อเข้าร่วมประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ระดับเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๖ ซึ่งวาระการประชุมที่สำคัญก็คือ การกำหนดบุคคลที่จะเข้าดำรงในตำแหน่งในสำนักศาสนศึกษาวัดต่าง ๆ ซึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีนั้น มีสำนักศาสนศึกษาอยู่แค่ ๑๓ แห่งเท่านั้น โดยที่วัดท่าขนุนเป็น ๑ ใน ๑๓ แห่งนั้น เหตุที่จำเป็นต้องกำหนดตัวบุคคลลงประจำตำแหน่ง ก็เพราะว่ากฎหมายเกี่ยวกับพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์นั้นผ่านออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเจ้าสำนักศาสนศึกษาก็ดี ตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ ครูพระสอนปริยัติธรรมแผนกบาลี ครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ตลอดจนกระทั่งเลขานุการสำนักศาสนศึกษา ล้วนแล้วแต่กำหนดให้มีเงินเดือนทั้งสิ้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกำหนดตัวบุคคลให้ชัดเจนและทำประวัติส่งไปยังส่วนกลาง เพื่อถึงเวลาจะได้เสนอของบประมาณตามที่กฎหมายได้อนุมัติมาแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2023 เมื่อ 02:27 |
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แต่ว่ากระผม/อาตมภาพก็มองเห็นปัญหาล่วงหน้าตั้งแต่แรก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า การศาสนศึกษาที่ว่านั้นคือ การเรียนบาลี เรียนนักธรรม และเรียนแผนกสามัญ ซึ่งบรรดาครูบาอาจารย์ต่าง ๆ นั้น ถ้าหากว่าท่านเห็นช่องทาง ท่านก็พร้อมที่จะสึกหาลาเพศไปทันที ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงเวลาก็ต้องส่งประวัติกันใหม่ ทำให้สับสนวุ่นวาย และต้องมีความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณเกี่ยวกับเงินเดือน หรือว่าเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของสำนักศาสนศึกษานั้น ๆ
แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ เรื่องที่ใหญ่จริง ๆ ก็คือว่า สำนักศาสนศึกษาที่ไม่ได้มีพระภิกษุสามเณรเหลือเฟือแบบวัดท่าขนุน ท่านไม่สามารถที่จะแต่งตั้งให้พระภิกษุผู้มีความรู้ทางบาลี นักธรรม หรือปริยัติสามัญ ลงประจำตำแหน่งได้ครบถ้วน แม้ว่าสำนักศาสนศึกษาวัดท่าขนุนจะมีบุคลากรพอที่จะประจำตำแหน่งให้ครบถ้วน แต่กระผม/อาตมภาพก็ตั้งเอาไว้แค่ ๑๑ ตำแหน่งเท่านั้น เนื่องเพราะว่าเกรงใจที่ทางราชการต้องจัดสรรงบประมาณมาให้ สำนักศึกษาวัดท่าขนุนของเรา จึงมีอาจารย์ทางแผนกบาลี ๕ ตำแหน่ง ทางแผนกนักธรรม ๕ ตำแหน่ง และเจ้าสำนักศาสนศึกษา อีก ๑ ตำแหน่งเท่านั้น ในเรื่องของผู้ช่วยหรือว่าเลขานุการ ตลอดจนกระทั่งตำแหน่งอื่น ๆ ปล่อยให้ว่างไว้เฉย ๆ จะได้ไม่ต้องไปสิ้นเปลืองงบประมาณมากนัก เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ทางคณะสงฆ์ของเรารับผิดชอบในเรื่องของการศึกษากันเองมาตั้งแต่ต้น แต่ในเมื่อมีกฎหมายออกมารองรับ ก็ยังต้องมีเรื่องให้ปวดหัวกันอีกมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพแล้ว การไม่รับงบประมาณแผ่นดินจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด เพราะว่าเราจะใช้ไปในลักษณะไหนก็ได้ แต่ถ้าหากว่าเรารับเงินงบประมาณมาแล้ว ก็จะมีกฎเกณฑ์ในการใช้ ซึ่งจะระบุเอาไว้ชัดเจนว่า สิ่งใดสามารถจ่ายได้ สิ่งใดไม่สามารถที่จะจ่ายได้ ถ้าหากว่าเผลอเมื่อไร ก็อาจจะทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับแหย่เท้าข้างหนึ่งเข้าไปในคุกตาราง แต่ว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ต้องเพิ่มเจ้าหน้าที่มา ๑ รายโดยไม่คิดงบประมาณ ก็คือให้มาดูแลในเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะ ก็คือศึกษาว่าทำแบบไหน ถึงจะสามารถจ่ายงบประมาณได้ถูกต้อง แล้วก็ปฏิบัติไปตามนั้น ไม่ต้องรับผิดชอบหน้าที่อื่น ๆ แต่วัดเล็ก ๆ ที่ท่านมีพระแค่ ๒ รูป ๓ รูป แล้วสอนกันแบบพี่สอนน้อง เมื่อถึงเวลาไม่รู้ว่าจะหาบุคลากรที่ไหนมาลงประจำตำแหน่งได้ ก็อาจจะมีปัญหาตรงนี้มาก เรื่องพวกนี้ปล่อยให้ทางเจ้าคณะปกครอง โดยเฉพาะฝ่ายการศาสนศึกษาท่านปวดหัวกันไป ของพวกเราก็ทำหน้าที่เหมือนเดิมไปทุกประการ มีเงินมาให้ก็ยินดีรับไว้ และจะพยายามใช้จ่ายให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกานั้น ๆ ก็เป็นอันว่าจบแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2023 เมื่อ 03:03 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ส่วนเรื่องที่ไม่จบ ก็คือบรรดาท่านที่ "ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับเอาไปกระเดียด" โทรศัพท์มาขอจองตะกรุดโลกธาตุบ้าง ขอจองพระเสริมปัญญาบ้าง ถ้าอยู่ใกล้ ๆ กระผม/อาตมภาพจะ "โบก" ให้หัวทิ่ม..!
เนื่องเพราะบอกกล่าวไปอย่างชัดเจนแล้วว่า ทางเจ้าหน้าที่เพิ่งจะเบิกวัสดุ เพื่อที่จะไปดำเนินการอย่างหนึ่ง และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าวัสดุอะไรอีกอย่างหนึ่ง แต่ท่านที่เกรงว่าจะไม่ได้รับวัตถุมงคล ก็ชิงจองกันมาอุตลุด ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านทั้งหลายคลุ้มคลั่งอะไรขึ้นมา จึงไม่ได้คิดจะตั้งสติรับฟังรายละเอียดอะไรเลย..! เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว น่าเสียดายที่ท่านทั้งหลายประกาศตนว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม ถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติธรรมจริง ๆ เราจะต้องมีสติ ฟังแล้วต้องแยกแยะให้ออกว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่พอได้ยินแล้วก็แสดงความต้องการเลย จะว่าไปแล้วก็เป็นความผิดของกระผม/อาตมภาพเอง ที่บอกกล่าวเรื่องเหล่านี้ล่วงหน้า หวังว่าท่านทั้งหลายจะได้มีโอกาสเตรียมตัว เตรียมใจ ตลอดจนกระทั่งเตรียมทุนทรัพย์ เมื่อถึงเวลาจะบูชา ก็จะได้เข้าไปจับจองกันตามเวลาที่เปิดให้จอง แต่สิ่งที่กระผม/อาตมภาพหวังว่าท่านจะได้เตรียมพร้อมไว้ก่อนนั้น กลายเป็นว่าท่านพร้อมที่จะจองในวินาทีนี้เลย แล้วก็จองกันเข้ามาทันที..! ในเมื่อท่านทั้งหลายทำในลักษณะอย่างนี้ ต่อไปถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพรำคาญมาก ๆ ก็อาจจะตัดการสร้างวัตถุมงคลออกไปจากใจ ถึงเวลาแล้วก็หางบประมาณทางด้านอื่นมาดำเนินการเกี่ยวกับวัดวาอารามแทน ไม่ต้องมีอะไรให้ท่านทั้งหลายเสียเวลามาจับจองกันอีกต่อไป เพราะว่าท่านที่จองได้ก็กระดี๊กระด๊า ดีอกดีใจ ฟูจนเกินงาม ท่านที่ไม่ได้ก็มานั่งเฉา ประมาณว่าชีวิตนี้บุญไม่ถึง หรือว่าแต้มบุญไม่พอ แล้วแต่จะบ่นกันไป เสียดายที่ว่าอยู่ห่างไปหน่อย ถ้ามาบ่นใกล้ ๆ ก็อาจจะได้รับการเป่า "ยัน" รอบพิเศษให้..! ความหนักเบาแล้วแต่สิ่งที่ท่านบ่นมา เพียงแต่ว่าเรื่องเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่พูดไปเท่านั้น บุคคลที่ไม่ยอมใช้ปัญญาของตนเองพินิจพิจารณามีมากต่อมากด้วยกัน ขนาดวัตถุมงคลจองหมดตั้งแต่หน้าแรก ๆ ท่านทั้งหลายก็จองเรื่อยเปื่อยไปเป็นสิบ ๆ หน้า โดยที่รู้อยู่ว่าจองไปก็ไม่ได้ แต่ก็ขอฝากชื่อไว้ในพระพุทธศาสนาก็ยังดี..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2023 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้มีมานานมากแล้ว จึงเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บอกให้เตรียมตัวก็กลายเป็นรีบจองเข้ามา ทั้ง ๆ ที่อีกจำนวนมากที่รู้เรื่องรู้ภาษา พร้อมที่จะรอเวลา ท่านทั้งหลายก็ไม่คิดที่จะทำตามเขา แต่ว่าทำตามใจตัวเอง ไม่สนใจกฎเกณฑ์กติกาอะไรทั้งสิ้น พร้อมที่จะหาคนมาถ่ายคลิปตอนปีนรั้ว ขออภัย..พูดผิด..! ขอพูดใหม่..คนละเรื่องกันไปแล้ว พร้อมที่จะจองทันทีที่กระผม/อาตมภาพกล่าวถึง
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็ยังห่างไกลความดีอยู่อีกมาก เพราะว่าขาดในเรื่องของปัญญา ขาดในเรื่องของการใช้วิจารญาณที่ดี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า การปฏิบัติธรรมของท่านทั้งหลายยังไม่เข้าขั้น ยังอยู่แต่ในระดับที่ รัก โลภ โกรธ หลง สามารถเอื้อมถึงทั้งสิ้น..! จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายควรที่จะสังวรระวัง พินิจพิจารณาและปรับปรุงแก้ไขให้ดีกว่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายก็เสียเวลาในการปฏิบัติธรรมเปล่า ๆ เพราะว่าวันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่าเดิมเลย สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2023 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|