#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อร่วมงานวันกตัญญูกตเวทิตานุสรณ์ซึ่งจัดถวายบูรพาจารย์ของวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) โดยหลวงพ่อเชาวลิตร (พระครูโสภิตปัญญากร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) และเจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง ซึ่งท่านนั้นรับเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ครั้งที่ ๑ ทุกวันที่ ๑๐ มิถุนายนของปี
องค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งมีกระผม/อาตมภาพทำหน้าที่ประธานรุ่นมา ต้องบอกว่าถึงวาระที่ ๓ แล้วก็ยังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องเพราะว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงให้ความไว้วางใจ ว่าสามารถที่จะบริหารจัดการทุกอย่างให้เป็นไปด้วยดี ก็คือมีการจัดประชุมสมัยสามัญปีละ ๒ ครั้ง ทุกเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคมของปี มีการจัดกิจการงานเพื่อสาธารณประโยชน์ปีละ ๑ ครั้ง อย่างเช่นว่า ช่วยในสถานที่น้ำท่วม ไฟไหม้ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ไม่มีที่อยู่ หรือแม้กระทั่งในการซื้อเครื่องมือแพทย์พยาบาล มอบให้กับโรงพยาบาล เป็นต้น นอกจากนั้น ถ้าหากว่าพรรคพวกเพื่อนฝูงพระอุปัชฌาย์เจ็บไข้ได้ป่วยหรือว่าเสียชีวิต เราก็ยังไปช่วยค่ารักษาพยาบาล ช่วยเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้ เรื่องนี้รวมไปถึงพ่อแม่ของพระอุปัชฌาย์ร่วมรุ่นด้วย ถ้าหากว่าถึงแก่ชีวิต พวกเราก็จะไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมให้อย่างน้อย ๑ คืน การจัดตั้งเป็นองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นนั้น ตั้งแต่มีการอบรมพระอุปัชฌาย์มาจนถึงรุ่นของกระผม/อาตมภาพถึง ๕๑ รุ่นนั้น ยังไม่มีใครสามารถที่จะจัดตั้งองค์กรพระอุปัชฌาย์ขึ้นมาได้ ยกเว้นรุ่นที่กระผม/อาตมภาพสังกัดอยู่นี้ และเมื่อตั้งขึ้นมาแล้ว รุ่นถัดไปจนกระทั่งมาถึงปีพุทธศักราช ๒๕๖๖ ก็เข้าสู่ปีที่ ๘ แล้ว ปรากฏว่ามีรุ่นน้องจัดตั้งองค์กรพระอุปัชฌาย์ตามมาหลายรุ่น แต่ว่าไม่มีบทบาทอะไรเลย เพราะว่าไม่สามารถที่จะรวมใจพรรคพวกเพื่อนฝูงร่วมรุ่นได้ ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์ก็ดี ที่ปรึกษาของรุ่นก็ตาม ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นมีกิจการงานอะไร เราก็ไปช่วยเหลือกัน แล้วขณะเดียวกัน กระผม/อาตมภาพก็ยังนำเอาผ้าป่า หรือว่ากฐินไปทอดให้กับเพื่อนร่วมรุ่นมาหลายวาระด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือทางด้านวัดชลธราราม (ท่าซิก) ก็ดี วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรีก็ดี วัดสระแก้ว อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทองก็ตาม วัดทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนพระอุปัชฌาย์ด้วยกันทั้งสิ้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2023 เมื่อ 01:45 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แม้กระทั่งถึงเวลามีน้ำท่วม ไฟไหม้ วัดวาอารามของเพื่อนพระอุปัชฌาย์ หรือว่าท่านเจ็บไข้ได้ป่วย กระผม/อาตมภาพก็จะวิ่งไปถึงก่อน ควักกระเป๋า ถวายเงินฉุกเฉินให้กับท่านไปก่อน แล้วหลังจากนั้น ถ้ามีโอกาสใกล้เคียงกับการประชุม ก็จะนำเข้าสู่การประชุม เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเพิ่มเติมขึ้นไปอีก
อย่างเช่นว่าไฟไหม้หอระฆัง วัดตะลุ่ม จังหวัดสุพรรณบุรี ไฟไหม้ศาลาการเปรียญ วัดท้ายเมือง จังหวัดราชบุรี หรือว่าท่านพระครูขันติวรานุสิฐ (สามารถ ขนฺติวโร) เจ้าอาวาสวัดน้อย อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เข้ารับการผ่าตัด เราก็ไปช่วยเหลือในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล แม้ว่าไม่สามารถที่จะช่วยได้ทั้งหมด แต่ว่าอย่างน้อย ๆ ก็มีกำลังใจจากเพื่อน ว่าเรายังจับกลุ่มกันแน่นเหนียว กลมเกลียว ไม่ทอดทิ้งกัน สำหรับวันนี้ พระเดชพระคุณพระเทพสิทธิเวที, ดร. (สมอิง โชติกโร ป.ธ.๗) วัดเนินพระ เจ้าคณะจังหวัดระยอง ท่านมาเป็นประธานในงาน เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยจากวันกตัญญูกตเวทิตานุสรณ์แล้ว พวกเราก็ฉันเพล แล้วก็คุยเรื่องทั่วไป เป็นการเกริ่นเพื่อที่จะนำเข้าสู่วาระการประชุมไปก่อน แต่ว่าสิ่งที่ประทับใจก็คือ หลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากรในฐานะเจ้าภาพ ท่านถวายทุเรียนให้วงละ ๑ จานใหญ่ และอีก ๑ ลูก ก็คือแกะมาเสร็จสรรพเรียบร้อย ถ้าหากว่าในจานหมด สามารถเปิดเปลือกแล้วก็ฉันลูกต่อไปได้เลย ซึ่งเรื่องของทุเรียนนั้น เราต้องเข้าใจว่า ทุเรียนภาคตะวันออกของเรานั้น ไปประกวดได้ที่ ๑ ทุเรียนโลกมาแล้ว หลังจากนั้นก็โดนล้มโดยทุเรียนทองผาภูมิที่ไปชิง ๑ มาได้..! แต่ว่าไม่ใช่ว่าในเรื่องของทุเรียนแล้ว ทางด้านภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด จะด้อยคุณค่าลงไป เนื่องเพราะว่าขึ้นอยู่กับการฟูมฟักรักษาและการกะระยะเวลาในการตัดส่งประกวด ถ้าหากว่าใครกะระยะเวลาที่ได้แม่นยำกว่า ก็จะได้ทุเรียนที่มีรสชาติพอเหมาะพอดี ถูกใจคณะกรรมการมากกว่า ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นทุเรียนภาคตะวันออกก็ดี ทุเรียนนนทบุรีก็ตาม ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ ทุเรียนหลงลับแลอุตรดิตถ์ หรือแม้กระทั่งทุเรียนทองผาภูมิ ก็ต่างมีชื่อเสียง ในขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าส่งเข้าประกวดได้ถูกจังหวะ คณะกรรมการบางทีก็ละล้าละลัง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะให้ใครชนะเลิศกันแน่ เนื่องเพราะว่าเบียดกันมาชนิดคะแนนในหลักจุดทศนิยม ๓ หลักเลยก็มี เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่บรรดาเจ้าของถิ่นจะหามารับรองแขกอย่างไร ให้ได้ถูกใจถูกปากต่างหาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2023 เมื่อ 01:48 |
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
หลังจากฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม โดยนิมนต์พระปริยัติวโรปการ (ดำเนิน จิตฺตโสภโณ ป.ธ.๖) หรือท่านเจ้าคุณดำเนิน เพื่อนร่วมรุ่นนำในการไหว้พระ แล้วก็ขอเชิญหลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากร ในฐานะเจ้าภาพกล่าวต้อนรับเพื่อนพระอุปัชฌาย์ แล้วมอบหมายหน้าที่ในการกล่าวนำให้กับหลวงพ่อพระภาวนาวิหารกิจ วิ. (ทองย้อย สญฺญโม) หรือหลวงพ่อเจ้าคุณทองย้อย ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวัง จังหวัดราชบุรี
ท่านได้เมตตากล่าวกับพระอุปัชฌาย์เพื่อนร่วมรุ่น แล้วกระผม/อาตมภาพก็นำเข้าสู่วาระการประชุม ก็คือวาระที่ ๑ เรื่องที่ประธานแจ้งให้ทราบ จากนั้นก็มอบหมายให้พระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ซึ่งท่านเป็นเลขานุการรุ่น นำเข้าสู่วาระการประชุมต่อไป เมื่อครบตามวาระการประชุม ซึ่งเรากำหนดเอาไว้ว่าจะไปสนับสนุนการอบรมพระอุปัชฌาย์รุ่นน้องที่วัดสามพระยาวรวิหารกันเมื่อไร เป็นจำนวนเท่าไร การประชุมครั้งต่อไปของเราควรจะมีขึ้นที่วัดไหน ในวันที่ เดือน ปี เท่าไร เมื่อตกลงกันได้แล้ว เมื่อไปถึงวาระอื่น ๆ ก็มีการนำเสนอทีละรูป โดยส่วนที่เพื่อนพระอุปัชฌาย์ประทับใจที่สุดก็คือ กระผม/อาตมภาพสามารถจำเพื่อนร่วมรุ่นได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสมณศักดิ์เก่า สมณศักดิ์ใหม่ วัดวาอาราม จังหวัดที่ท่านอาศัย สามารถที่จะออกปากเชิญได้ถูกต้องทุกคน แม้กระทั่งผู้ที่เพิ่งเข้าประชุมในครั้งแรก ก็คือพระครูปฐมสรคุณ (พรประสิทธิ์ ปภากโร) เจ้าอาวาสวัดบางแก้ว ซึ่งก่อนหน้าที่ท่านเป็นพระครูคู่สวดที่พระครูพิจิตรสรคุณ เมื่อขึ้นมาเป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูปฐมสรคุณแล้ว ท่านเพิ่งจะมีเวลาว่างมาร่วมประชุมเป็นครั้งแรก เป็นต้น หรือแม้กระทั่งท่านพระมหาเจริญ จิรวุฑฺโฒ ป.ธ.๘ เจ้าคณะอำเภอบ้านบึง เจ้าอาวาสวัดพยอม จังหวัดชลบุรี ซึ่งถ้าหากว่ามาประชุมทางด้านภาคตะวันออก ท่านถึงจะมีเวลามาร่วมงานด้วย ไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไกล เนื่องจากว่างานในฐานะเจ้าคณะอำเภอ ซึ่งได้รับความไว้วางใจ จากหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดชลบุรีนั้น จะต้องรับหน้าที่ดูแลการงานต่าง ๆ ทั้งในส่วนการปกครองคณะสงฆ์อำเภอบ้านบึงของตน แล้วก็ต้องสนองงานผู้บังคับบัญชาในระดับจังหวัดอีก ถ้าไม่ใช่มาในสถานที่ใกล้เคียงจริง ๆ ท่านก็ไม่สามารถที่จะมาประชุมได้ ทำเอาพรรคพวกเพื่อนฝูงบางท่านรู้สึกว่าไม่คุ้นตา เป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นอื่นเข้ามาสังเกตการณ์เพื่อที่จะมาจัดตั้งองค์กรแบบของเราหรือเปล่า ? เป็นต้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2023 เมื่อ 01:49 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เมื่อเสร็จจากการประชุมแล้ว ยังได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากร ท่านถวายไทยธรรมมารูปละ ๒ ห่อใหญ่ แล้วยังไม่พอ มีการถวายค่ารถกลับมาด้วย ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ได้บอกกล่าวแก่เจ้าภาพในการประชุมครั้งต่อไปว่า ถ้าหากว่าจะรับรองเพื่อนพระอุปัชฌาย์ ก็แค่ถวายอาหารเพลมื้อเดียว แล้วในระหว่างนั้น จะเป็นน้ำชากาแฟอะไรก็ไม่ว่า แต่ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องหาปัจจัยไทยธรรมมาถวายกันในลักษณะอย่างนี้ เพราะว่าทุกท่านล้วนแล้วแต่มีภาระ มีกิจการงานที่ต้องรับผิดชอบ ถ้ามาถวายไทยธรรมเพื่อนพระอุปัชฌาย์ในลักษณะอย่างนี้ก็จะสิ้นเปลืองมาก
โดยเฉพาะวันนี้ที่มีปัจจัยไทยธรรมด้วย ก็เพราะว่าเป็นงานบูรพาจารย์ของวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) ซึ่งหลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากร เจ้าภาพการประชุมครั้งที่ ๑ ของทุกปี นิมนต์พวกเราซึ่งเป็นเพื่อนฝูงมาเป็นเนื้อนาบุญให้ท่านได้ถวายปัจจัยไทยธรรม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบูรพาจารย์ของวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) จึงมีไทยธรรมถวายให้มากมาย แต่ว่าท่านอื่น ๆ ที่เป็นเจ้าภาพนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องจัดถวายแบบนี้ แบบเดียวกับที่ไปยังวัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพก็ถวายภัตตาหารเพล โดยสั่งให้ไปฉันเพลกันที่ครัวแปดริ้ว ซึ่งมีเพื่อนฝูงบางท่านเรียกหากุ้งเผา กระผม/อาตมภาพก็เลยโบกไปทีหนึ่ง บอกว่า "มาป่าดันร้องหากุ้งเผา ไม่ใช่ทะเลครับ" ว่าแล้วก็สั่งกบภูเขาทอดกระเทียมพริกไทยให้ ปรากฏว่าฉันกันอย่างภาษาโบราณเรียกว่า "กินแบบแหกหม้อแหกไห" ก็คือสั่งเพิ่มแล้วเพิ่มอีก เพราะไม่นึกว่ากบทอดกระเทียมพริกไทยจะอร่อยได้ขนาดนี้ เป็นต้น เราก็รับรองเพื่อนฝูงกันในลักษณะแค่นี้เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่านี้ แล้วก็เข้าสู่วาระการประชุม ดังนั้น..เพื่อนพระอุปัชฌาย์ท่านใดก็ตามที่ฟังบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ถ้าหากว่าหนักใจ คิดว่าเมื่อถึงคิวจะรับเป็นเจ้าภาพแล้ว ต้องมีค่าใช้จ่ายมาก ขอให้ทราบว่า แค่เลี้ยงเพื่อนด้วยข้าวกล่องคนละกล่องก็พอแล้ว ถ้าหากว่ามีน้ำใจ จะเลี้ยงน้ำ เลี้ยงกาแฟอะไรมากไปกว่านั้น ก็แล้วแต่ท่านว่าจะสามารถบริหารจัดการอย่างไรได้ เราเอาเงินในส่วนที่เหลือไปช่วยเหลือสาธารณประโยชน์ ตามที่กลุ่มองค์กรของเราได้กำหนดเอาไว้เป็นสัญญัติของทางด้านองค์กรของเราดีกว่า เพราะว่าถ้าหากว่าเอามาถวายเพื่อนกันจนหมดแล้ว ส่วนที่จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมกันจริง ๆ เพื่อที่จะให้เป็นงานขององค์กรพระอุปัชฌาย์ของเรา ก็จะลดน้อยถอยลงไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อเสร็จจากการประชุมแล้ว มีการถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก หลังจากนั้นก็กราบลา นัดกันอย่างดิบดีว่า ครั้งหน้า การประชุมสามัญครั้งที่ ๒ ช่วงปลายปี เราจะหาเพื่อนพระอุปัชฌาย์ในกรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพกันบ้าง ลองไปล้มทับเพื่อนในกรุงเทพฯ ดูว่า จะสามารถจัดการประชุมได้ดีเหมือนเพื่อนต่างจังหวัดที่ผ่าน ๆ มาหลายปีหรือไม่ ? สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2023 เมื่อ 01:52 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|