กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-01-2010, 21:36
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Talking เรื่องมั่ว ๆ ของเต้ย

ด้วยความปากหมาของคนเขียน เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา

จะตั้งไว้ก่อนเพื่อจะเล่าเรื่องมั่ว ๆ ทีละเรื่องของเต้ย

เรื่องเวลาบางอย่างอาจจะผิดไปบ้าง แต่ตั้งใจมั่วให้ใกล้เคียงของจริง

เริ่มจากเรื่องในการบวชของเต้ยแล้วกัน

ก่อนหน้าที่จะบวชประมาณสิบห้าเดือนที่แล้ว หลวงพี่เอ วัดปากน้ำได้ทักเต้ยว่า "บวชแล้วจะรวย มีความคล่องตัวมากขึ้น"

เต้ยไม่ได้หวังจะรวยแต่ว่าจน ๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เลยตั้งใจจะบวชเพื่อให้ตัวเองมีความคล่องตัวหน่อย

รายแรกที่ไปติดต่อคือหลวงพี่เล็กวัดท่าขนุน

เต้ย:หลวงพี่ครับผมอยากบวชวัดหลวงพี่

หลวงพี่:เอามาสองหมื่น

เต้ย:
(ในใจคิดว่าสองร้อยยังลำบากเลย)

เลยไปติดต่อเลขาหลวงตาสมเด็จเกี่ยว

เลขาหลวงตาฯ เลยให้ไปลงชื่อแล้วรอเรียก
.
.
.
.
ประมาณเก้าเดือนผ่านไป

ไม่มีการติดต่อกลับมา แม้แต่เรียกจากวัดว่าโทรผิด

เลยไปปรึกษาท่านจิตโต(น้ำเสียงอ้อน+ฟ้อง)

หลวงพี่ครับผมอยากบวช แต่หลวงพี่เล็กจะเอาตั้งสองหมื่น

ท่านจิตโต:มาเอาที่กู!!!!(เสียงเข้ม)

เต้ย:แล้วอัฐบริขารละครับ(ได้คืบจะเอาศอก)

ท่านจิตโต:มาเอาที่กู!!!!(เสียงเข้ม)

แล้วท่านจิตโตก็นิ่งไปสักพักแล้วพูดขึ้นว่า.......บอกก่อนหนึ่งอาทิตย์นะโว้ย จะได้เตรียมทัน(เสียงค่อย)

ในใจตอนนั้นไม่คิดอะไรแล้ว นอกจากเตรียมพร้อมใจรอให้สู้กับกิเลสได้ ฝึกไปเรื่อย ๆ ไม่สนวันเวลาแล้ว เพราะค่าใช้จ่ายเราไม่กังวลแล้ว
เลยไปหาพระอาจารย์ในที่ต่าง ๆ

ครูบาเหนือชัย: คนปฎิบัติธรรมนะเต้ยถ้าขี้เกียจ(เขา)ทิ้งกันเลยนะ

ครูบาเหนือชัย:ถ้าเต้ยอยากได้มรรคได้ผลนะ ให้เต้ยกินข้าวมื้อเดียว อยู่ในห้องหรืออาณาเขตที่จำกัด ห้ามพูดห้ามคุย(ในใจคิดว่ามันต่างกับบวชตรงไหนวะ...บวชเลยดีกว่าได้บุญเยอะกว่าด้วย)

ยิ่งอยากบวชมากขึ้น แต่ยังไม่มีโอกาส

มีวันหนึ่งออนเอ็มคุยกับเทพฤทธิ์

เทพฤทธิ์:หมอไปบวชกันไหม วันพรุ่งนี้

เต้ย:ที่ไหน(หนายยย)

เทพฤทธิ์:บวชธุดงค์วัดท่าซุง

เต้ย:ไป ๆ (บรรยากาศแบบเดียวกับไปเซนจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)

เทพฤทธิ์:นัดพี่โรจน์ไว้เจ็ดโมงเช้า

เต้ย:ที่ไหน

เทพฤทธิ์:ถนนข้าง ๆ บ้านตลิ่งชัน

วันนั้นฝนตกหนักมาก ไอ้คุณเทพแกทำงานหนักไป เลยไม่ได้นอน ตื่นมาพร้อมอาการเมาหมัด เลยไปสายไปหนึ่งชั่วโมง

แต่วันนั้นพี่โรจน์แกตีนผีมาก เหยียบไปคือ ๑๓๐-๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่ามกลางความตกใจของคนขับว่า ทำไมรถไปเร็วถึงขนาดนี้ ไปถึงวัด.....อีกไม่กี่นาทีสิบโมงครึ่ง(ขับเองดันเสือกงงเอง ไม่บ้าก็เมากันละ)

การสอบมโนฯ เพื่อเข้าบวชสำหรับผู้บวชครั้งแรกมี ๓ รอบ ให้สอบวันละรอบ

เลยได้เข้าสอบมโนฯ รอบแรกในวันนั้นเลย พอวันที่สองสอบรอบสอง...ไม่มีอะไร พอวันที่สามยังได้สอบมโนฯ เราเลยถึงบางอ้อว่า ในวันพรุ่งนี้วันที่สี่(วันอาทิตย์)วัดมีงานพุทธาภิเษกงดสอบมโนฯ ถ้าเรามาสายในวันแรก เราจะต้องไปสอบวันอื่น ซึ่งพี่โรจน์คงลำบากมาก เพราะต้องลางานเพิ่ม ซึ่งด้วยเรื่องนี้ทำให้คนอื่นต้องเสียวันลากันหลายคน

พอเวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ไปหาท่านจิตโตอีก ท่านก็พูดถึงเรื่องพุทธาภิเษกว่า ขอพระให้เสกมงคลเข้าส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวได้คนละจุด พอไป ๆ มา ๆ เริ่มมาเล่นอีเต้ยอีก

ว่า"ไม่มีมงคลใดจะดีเท่าการบวชอีกแล้ว เป็นมงคลที่สูงสุดแล้ว"

แล้วท่านก็พูดต่อไป "แล้วมีเจ้าภาพบวชหรือยังละ..?"(ตอนนี้มีมือชูขึ้นมาให้ปรากฎ...ตอนสองหมื่นละไม่เห็นจะมีรายไหนโผล่เลย)

เลยตอบท่านไปว่า....หลวงพี่นั่นแหละ

หลวงพี่เลยถามเทพฤทธิ์ว่าเจ้าภาพรายละเท่าไร เทพตอบว่ารายละสามพันขอรับ(ประหยัดไปตั้งแยะ)

หลวงพี่ท่านเลยให้เงินมาสามพัน เลยกราบเรียนท่านต่อว่า อัฐบริขาร ละครับ

หลวงพี่ท่านก็บอกว่าเอาของวัดดีกว่า เดี๋ยวมันจะยุ่งยากลูก(ดีแล้ว..เพราะตอนหลังจีวรของวัดเป็นของใช้แล้ว ไม่คัน ถ้าเราใช้ของใหม่เราจะคัน)

ได้ไปรับโอวาทก่อนบวชจากแต่ละท่าน

หลวงตาสมเด็จเกี่ยว:ตั้งใจนะ ถ้ามีเรื่องอะไรมาเล่ากันบ้างนะ(ในใจคิด "มีเรื่องอะไรคุยมากมายวะ..!")
ท่านจิตโต:ถ้าเลวเมื่อไรศาสนาเสื่อม น้ำขุ่นไว้ใน น้ำใสไว้นอก นักบวชที่สามารถเอาตัวตนของตัวเองออกมาได้จะต้องบรรลุอรหัตผลแล้ว เพราะว่าการกระทำของท่านไม่ได้เป็นโทษเป็นภัยกับใคร(ถ้าเต้ยเอาตัวตนของตัวเองออกมา โปรดจำไว้..ตอนนั้นหลงลืมสติไปชั่วขณะ)
หลวงพี่เล็กถาม :หลวงพี่ครับ ขอโอวาทก่อนบวชครับ
ตอบ : อย่าพยายามบวชเลย ทำให้ศาสนาเขาเสื่อมเปล่า ๆ

ถาม : ?????......
ตอบ : เป็นโอวาทที่ถูกกิเลสมากเลย ใช่ไหม ?
เอาอย่างที่หลวงปู่มหาอำพันท่านบอกสิ ถ้าบวชน้อยก็ขอให้ได้ถึงโสดาบัน ถ้าบวชมากก็เอานิพพานไปเลย
(เอามาหมดเพราะว่ามีผลตั้งแต่ต้นยันปลาย)

ได้รับใบคำขอบวชของวัดท่าซุง มีคำกล่าวอยู่ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ นึกในใจ "ขี้ ๆ ว่ะ ตำรายาสี่สิบหน้า อ่านคืนเดียวยังจำได้ แค่นี้เด็ก ๆ" สองเดือนจึงแทบไม่ได้แตะคำขอบวชเลย(เดี๋ยวมาดูผลกัน)

พอหกวันก่อนบวชท่องคำขานนาค....ได้หน้าลืมหลัง ได้หลังลืมหน้า

เทพ..ทำอย่างไรดี ท่องได้หน้าลืมหลัง ได้หลังลืมหน้า.." เทพก็คิดว่าเรื่องไม่หนักไม่หนา เลยไม่ได้สนใจ

จะบวชแล้วเลยไปบอกกับหลวงพ่อปานว่า"ขอความคล่องตัวทุกประการนะครับ"
บอกกับหลวงพ่อขนมจีนว่า"อย่าให้เงี่ยนนะครับ ขออารมณ์พระอริยะเจ้ามาในใจลูกช่วงบวชนะครับ"
ขอบนด้วยขนมจีนสามชนิด(แต่กะว่าจะรวมกับบวชพระที่วัดธรรมยานไปเลย เป็นสี่ชนิด)


พอตอนใกล้ ๆ จะบวช ให้คนมาติวไอ้ครึ่งหน้านั่นแหละสี่คน!!!!
เทพ(บวชประมาณห้ารอบ) พี่ฮิม(บวชประมาณสี่รอบ บวชวัดอื่นอีกเป็นสามเดือน) พี่ชัย(บวชประมาณสิบสองรอบ) พี่โรจน์(บวชวัดอื่นหกเดือน) ติวไปแล้วสี่วันยังท่องไม่ได้เลย ขอขมาก็แล้ว จับลมหายใจก็แล้ว
พอเดินผ่านหลังอุโบสถกับเทพ เทพบอกว่า "เวลาขานนาคต้องออกไมค์..!"(กลัวขายขี้หน้าสุด ๆ )
มีกำลังใจสุด ๆ เลยนะนี่
เพราะถ้าขานนาคไม่ได้ พระจะไล่ไปต่อคิวบวชทีหลัง
เทพบอกว่าอาจจะเป็นรายแรกของวัดท่าซุง ที่บวชพระแล้วเป็นได้แค่เณรมาร่วมธุดงค์ด้วย

(อย่าเพิ่งวิจารณ์ในทางใด ๆ เพราะจะเฉลยตอนท้ายเรื่อง)

อีกสองวันก่อนบวชเลยไปปรึกษาท่านจิตโต

"หลวงพี่ครับ..ผมยังท่องคำขอบวชไม่ได้เลย.."

หลวงพี่บอกว่า "จุดธูปบอกหลวงพ่อปานที่หน้าโบสถ์สิ.." "จุดแล้วครับ.."
หลวงพี่ถามต่อว่า "บอกท่านเรื่องนี้หรือยังละ.." "..ยังครับ.."

เลยไปจุดธูปบอกหลวงพ่อปานว่า "หลวงพ่อครับเอาแค่พอบวชได้นะครับ"

ดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ไหวเหมือนกันถ้าเจอสถานการณ์จริง
พอคืนก่อนบวช.....ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!!!

จุดธูปใหม่ "หลวงพ่อครับ..ไม่ไหวแล้วครับ ไม่เอาแล้วครับ แค่พอบวชได้ เอาให้ดังลั่นสนั่นเมืองไปเลยนะครับ..!"

พอตอนเช้าพวกญาติโยมมา ยิ่งมีกำลังใจสุด ๆ เลย พวกแรกบวชไปแล้ว
พระอุปัชฌาย์เคร่งครัดมากฟังจากลำโพง ขนาดพระคู่สวดกล่าวผิดยังไม่ให้ผ่านไปง่าย ๆ

เราเป็นพวกชุดแรกของพระอุปัชฌาย์องค์ที่สอง สมองท่านยังสดชื่นอยู่ จะทำเนียน ๆ หลอกไปก็ไม่ได้
พอเราเข้าโบสถ์ด้วยความมั่นใจมาก ฮือ ๆ อีกสักพัก..............
ไฟดับ!!!!(ตอนหลังถึงรู้ว่าเสาไฟที่มาทางวัดมันล้ม...รถชน)
ส่วนเครื่องปั่นไฟของวัดระเบิดหรือไหม้ก็ไม่รู้ แต่เหตุการณ์นี้มีเณรลูกศิษย์หลวงพี่เล็กเป็นพยานได้
(พระชุดนี้....เพื่อนพระเรียกว่าพระรุ่นไฟดับ..ขลัง!!!)

ทำให้นึกคำพูดหลวงพ่อฤๅษีว่า "เงินเป็นล้านก็ซื้อพระนิพพานไม่ได้"


พอกล่าวคำขานนาคเสร็จได้เป็นพระแล้ว....ไฟมา ตอนหลังออกไมค์แค่คำว่าอามะ ภันเต ยังไม่รอดเลย
(อย่านึกว่ารอดแล้วนะ เหอ ๆ )นี่แค่วันแรกเท่านั้น

วันที่สอง
เนื่องจากเสียเวลาเรื่องคำขอบวชไปนานมาก เลยไม่มีเวลาหัดห่มผ้า ของที่อยู่กับตัวที่หิ้วเข้าป่ามี
๑.เป้ของธุดงค์ น่าจะหนักเกือบสิบกิโลกรัม
๒.หมวกไหมพรมเก้าใบ ผ้าพันคอหนึ่งผืนเอาเป็นสังฆทาน(แม่ถักเพื่อจะถวายตอนเป็นพระ อานิสงส์คูณด้วยแสนให้แม่)
๓.ถุงนอนหนัก ๑.๕ กิโลกรัมกับของใช้ส่วนตัว

ปวดปัสสาวะก่อนออกเดินทางไปป่า เลยไม่มีเวลาจัดของหิ้วให้ถนัด เพราะรีบสุด ๆ

ผ้าจีวรกับสังฆาฏิเกือบหลุดแล้ว แต่ต้องหิ้วด้วยความพะรุงพะรัง
ในใจนึกไปถึงตอนที่แม่เลี้ยงพวกเรา
(ลูกสามคนแต่มีหนี้ทั้งหมดประมาณล้านเจ็ดแสน รวมดอกเบี้ยสองล้านหก เมื่อประมาณพ.ศ.๒๕๒๘ - พ.ศ.๒๕๒๙ แต่ยังซื้อดังกิ้นโดนัทมาฝากพวกเราทั้งสามคนวันละกล่อง จนลูกเบื่อ แม่มีเงินมาให้พวกเราใช้ได้ ใช้หนี้ที่พ่อทิ้งไว้ให้ก่อนตาย ค่ารักษาพยาบาลตาเป็นอัมพาต ,มะเร็งลำไส้ ยายเป็นเบาหวาน ,ไตวาย ,ความดันสูง ,หัวใจโต ,โลหิตจาง แถมเลี้ยงญาติ ๆ เพื่อน ๆ ของแม่เอง พาเรา ,ตา-ยายไปเที่ยวได้ เพราะแม่สวดคาถาพระปัจเจกฯ ขึ้น)ผมขอถามนอกเรื่องกับคนอ่านสั้น ๆ ว่าถ้าแม่ผมเป็นข้าราชการโกงกิน แล้วจะใช้หนี้หมดได้อย่างไร
ของพวกนี้มันโคตรจะเบาเลยถ้าเทียบกับงานของแม่

เข้าป่า....กลดกางอย่างไรวะ ? กางไม่เป็น..
มีพระพี่เลี้ยงช่วยลากที่นอนเต้ยหนีรังมดแดง โดยที่พระรูปอื่นโดนมดกัดเป็นปกติจนสึก ปักกลดให้เต้ยเสร็จก่อนพระที่มีเต็นท์ซะอีก

พอเอาของไปวาง วางไว้นอกกลดเกือบหมด(เป็นที่แปลกใจอย่างมากของพระเทพฤทธิ์ เพราะไม่มีสัตว์ที่ไหนมาทำรังเลย)

เลี้ยงเพล...วันที่สอง
ก่อนหน้านี้ได้ฝึกพิจารณาปัจจัยสี่มาสิบสามปีโดยที่ไม่มีใครบอก
เลยไม่สนข้อนี้เท่าไร เต้ยฝึกพิจารณาอาหารคำต่อคำ เพราะพระท่านปรับปาจิตตีย์ทุกคำกลืน เลยต้องระวังหน่อย

พอฉันกับข้าวอย่างแรก
๑.ไก่อบ.....รสเหมือนแม่ทำ(ผมชอบมาก) แต่แม่ไม่ทำ เพราะไก่อบจนเปื่อยมันเปลืองแก๊ส เราต้องประหยัดเงินไว้ใช้หนี้
๒.ผัดผัก.....รสเหมือนแม่ทำ
๓.ไข่เจียว....รสเหมือนแม่ทำ

น้ำตาซึมครับท่าน สติหลุดลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้..?!!?
ลืมพิจารณาอาหารทั้งจานเลย..!!

ปลงอาบัติกับพระพี่เลี้ยง แล้วคิดว่าเราจะฝึกสติที่ไหนดี เข้าป่า..!!!!
(กฎของวัดตอนธุดงค์ ห้ามเข้าป่าเวลาเที่ยง แต่..หนูไม่รู้)
แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป
.
.
.
เดินเข้าป่ามีพระเดินนำไปรูปหนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจ
เอาน้ำมาฝากเพื่อนพระ ล่อซะย่ามตุง
ในใจก็ขอพระให้ช่วยหาใครก็ได้ มาช่วยฝึกสติให้เราที


กะว่าอาบน้ำก่อน แล้วจะเดินจงกรมสัก๒ ชั่วโมง ทำโทษตัวเอง
กำลังอาบน้ำอยู่ มีทหารทั้งหมด กระจายกำลังกันหาอะไรไม่รู้
(เพิ่งรู้ตอนหลังว่ามีคนปลอมเป็นพระมาขโมยของ)
สรงน้ำเสร็จเลยถามทหารว่า"หาอะไรกันหรือโยม"
หากลดเบอร์นี้....ครับ แล้วเหมือนกับทหารเริ่มรู้ตัวแล้ว เลยถามว่า"หลวงพี่มาทำอะไรครับ"

เลยบอกความจริงไป พอพวกทหาร วอไปแจ้งทางตึกขาว
ทางตึกขาวก็สั่งให้เราออกมา(ถ้าเราโดนว่าปาราชิกจะเป็นอย่างไรหนอ ลองคิดตามสิ)

เลยรีบเดินออกมา เจอหลวงพี่รูปหนึ่งจีวรสีซีด ๆ ถือวอ เลยบอกให้ท่านช่วยแต่งตัวด้วยสีหน้าตื่น ๆ แล้วก็เล่าความจริงให้ท่านฟัง พอหลวงพี่รูปนั้นได้ยิน ก็ตวาดทหารไปกัณฑ์มหาราชเลย แต่เนื้อความขอไม่เอามากล่าว ตกลงคือได้อยู่จนกระทั่งถึงเกือบสี่โมงเย็น
น้ำตาตก แต่ไม่ได้โกรธทหารแม้แต่นิด แต่เบื่อคนหมู่มาก คิดว่าที่ไหนมีคนหมู่มาก ถ้าไม่จำเป็นเราจะไม่ขอเจออีกแล้ว

ทำวัตรเย็นก็นึกว่าเวรกรรมคงหมดแล้ว แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดโคตร ๆ

วันที่สาม
ด้วยการคุยกับทหารข้างหน้าป่าธุดงค์เล็กน้อยเมื่อวาน (จริงหรือ^^") ทำให้เราได้อภิสิทธิ์เล็กน้อย คือ
ไม่ต้องตรวจบัตรเหมือนพระหรือพราหมณ์ชายท่านอื่น ๆ ภูมิใจมาก

บิณฑบาตตอนเช้า คิดว่าจะผ่านไปด้วยความสงบ ที่ไหนได้ หัวเราไม่รู้เป็นอย่างไร มีเสียงเพลงของชาย เมืองสิงห์
แต่สภาพของเสียงเป็นคล้าย ๆ เสียงของเทวดาคือดังมาจากในหัว ดังเท่า ๆ กับออกจากลำโพง
แต่เสียงมีความหนา ทึบกว่า สักประมาณเท่าตัว

ก่อนบวชไม่ได้สนใจเพลงนี้เลย....เพลงทำบุญร่วมชาติ ร้องก็นาน ๆ ครั้ง แถมไม่ใคร่จะจบด้วย

"ชาติก่อนเราเพียง คู่เคียง เก็บดอกไม้ร่วมต้น
แต่ว่าเราสองคน ไม่สนใจ ใส่บาตรร่วมขัน
ชาตินี้เราสอง เราสอง จึงต้องโศกศัลย์
รักกันชอบกัน ไม่ได้กัน บุญเรานั้นไม่มี

พี่จะทำบุญ ต่อทุน ไว้ตามน้องชาติหน้า
ชาตินี้ พี่จะลา ก่อนหน้า น้องจ๋าคนดี
ก่อนลาน้องจ๋า น้องจ๋าจงได้ปราณี
ขอหอมสักที เถิดคนดี ก่อนพี่จะจากไป

พี่จากน้องไป น้องเอย อย่าได้กังวล
พี่จะอุทิศตน โกนหัว นุ่งห่มผ้าไตร
อโหสิกรรม เถิดหนาถ้าพี่พลั้งไป
บุญมี พบกันชาติใหม่ อย่าได้ อย่าได้ อาวรณ์

พี่บวชเป็นพระ จะมา บิณฑบาตโปรดเจ้า
ถ้าหากนงเยาว์ ใส่ข้าว พี่ก็จะให้พร
ชาตินี้วันนี้ บุญพี่ ไม่ถึงบังอร
ขอลางามงอน ด้วยอาวรณ์ แม่รักซ้อนพี่อ่อนใจ

พี่จากน้องไป น้องเอย อย่าได้กังวล
พี่จะอุทิศตน โกนหัว นุ่งห่มผ้าไตร
อโหสิกรรม เถิดหนา ถ้าพี่พลั้งไป
บุญมีพบกันชาติใหม่ อย่าได้ อย่าได้อาวรณ์

พี่บวชเป็นพระ จะมา บิณฑบาตโปรดเจ้า
ถ้าหากนงเยาว์ ใส่ข้าว พี่ก็จะให้พร
ชาตินี้วันนี้ บุญพี่ ไม่ถึงบังอร
ขอลางามงอน ด้วยอาวรณ์ แม่รักซ้อนพี่อ่อนใจ"

วนไปวนมา กว่าจะบิณฑบาตเสร็จ...แทบตาย เพราะถ้ากำลังใจมันตก ปากจะพยายามร้องตาม กรรมฐานที่ฝึกมาได้ใช้เต็มอัตราศึก!!!!

ไหน ๆ หลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่า ก็สงเคราะห์มาขนาดนี้แล้ว เอาให้เต็มรูปแบบไปเลย

" หลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่า ผมควรจะฉันแค่ไหนดีครับ ? กำหนดมือให้ด้วยว่าเอาแค่ไหนดี.."

แหม..ท่านทั้ง ๓ น่ารักมาก พอจะตักเยอะ อาหารมันร่วงกลับไปใส่ถาดอาหารหน้าตาเฉย สมมุติ ขนมจีบอยากได้เจ็ดชิ้น กลับได้ห้า ตักแล้วอาหารเกาะอยู่ที่ทัพพีหน้าตาเฉย ไม่ร่วงลงมา..!!!
(เล่าให้ท่านเทพฟัง แกบอกว่า นี่กะจะไม่ช่วยตัวเองบ้างเลยหรือท่าน ??^^)

พอตอนเที่ยง...ฝึกมโนฯ
"หลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่า..กำหนดตีนผมด้วยครับ จะเดินไปทางไหนดี.."
อยู่ ๆ ไม่อยากเดินขึ้นข้างบนเลย พอนั่ง ๆ ไปเจอหลวงพี่วิรัช วัดธรรมยาน รวมอยู่กับพระใหม่ อยู่ข้างหลัง
ตอนแรกยัง งง ๆ เพราะจำหน้าท่านไม่ค่อยได้ ได้แต่ไหว้

เลยได้แต่ถวายหมวกไหมพรมที่เตรียมไว้ แล้วก็ใจรู้สึกมีหวังขึ้นอีกนิด ว่ามีคนช่วยฝึกในระหว่างที่บวชแล้ว
เพื่อนพระกลับมาพบขวดน้ำ....ไม่กล้าใช้(เกือบแลกมาด้วยการถูกไล่ออกจากวัดนะมึง!!)

วันที่สี่
บอกเพื่อนพระว่า "ขวดน้ำของผมเอง ฝากให้ทุก ๆ ท่าน.." ถึงกล้าใช้กัน
เพราะเทพบอกว่า พอปลาย ๆ งานธุดงค์ น้ำจะเป็นขวดเล็ก ๆ
และขันธ์ห้าของท่านเทพแพ้น้ำสกปรกได้ง่าย จึงต้องเอาน้ำที่ใช้สำหรับดื่ม มาบ้วนปาก แปรงฟัน

ส่วนเพลงมาตรงเวลาเผง!!!! เหมือนเดิม ใช้สติเข้าสู้สุดชีวิต
บิณฑบาตไป อยู่ ๆ หลับใน ลักษณะเหมือนทีวีไฟดับ หลับทั้งเดิน!!!!
ไปชนเอาพระรูปหน้า โชคดีอย่าง คือท่านที่เดินอยู่ข้างหน้าทนได้ ถ้าไม่ได้แล้วละก็ ท่านเทพกำลังจะน็อกเพราะนอนไม่พอ มีหวังล้มเรียงหน้ากระดานแน่ ๆ เพราะตอนหลับทั้งยืนนั้นไม่มีการยั้งตัวเลย เดินเท่าไรชนไปด้วยแรงเท่านั้น

พอจะฉันข้าวก็ทำเหมือนเดิม....หลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่า วันนี้จะฉันเท่าไรดี
มาเป็นภาพ....ชักน้อยลงเรื่อย ๆ ว่ะ .....ไม่เป็นไรอาตมายังไหว
ได้เจอพระเก้า(ตอนนี้เป็นทิดแล้ว)ครั้งแรกอัศจรรย์ใจมาก
เพราะนมกับพระนี่ ฉันมาก ๆ ไม่ได้ เพราะอารมณ์ทางเพศมันจะพุ่ง
อย่างข้าพเจ้านี่ฉันไม่ได้เลย พวกนม ๆ เนย ๆ นี่ฉันไปซวยแหง ๆ อยากฉันไอศครีมนมที่โยมเอามาถวายใจจะขาด ขนาดนมข้นหวานมันก็ยังเสี่ยงไป แต่บางท่านก็ไม่เป็นเหมือนกัน มันก็แล้วแต่องค์
ไปเจอท่านเก้าแต่ละรอบ ท่านฉันบีทาเก้นไปแล้วอย่างน้อย ๆ ๓ ขวด น้ำหวานอีกสองแก้วยังอยู่เฉย ๆ ฉันเป็นปกติ
เราหรือฉันน้ำชาไม่ก็น้ำเป็นปกติ มองด้วยความอิจฉา+ตะกละ

ตอนเที่ยงใกล้เวลากรรมฐานแล้ว ไม่เข้าป่าแน่รอบนี้
หลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่าครับ จะเดินไปทางไหนดี ขึ้นไปข้างบนทางห้องผู้ฝึกใหม่ มีพระอาคันตุกะมาสาม-สี่รูป พระครูฝึกก็ถามว่ามาทำไม เพราะห้องนี้มันห้องผู้ฝึกใหม่ เลยบอกว่าพระพามา..
...
พอนั่ง ๆ กรรมฐานไป.....หลับในอีกแล้วแต่พระครูฝึกหาว่าเราเข้าฌาน... พอจบกรรมฐานแล้ว เล่าเรื่องที่ให้ท่านปู่-ท่านย่าช่วยในการฉันข้าว การเลือกห้องที่จะเดินมา พระอาคันตุกะเห็นเป็นอัศจรรย์ เลยมีกำลังใจอยากจะฝึกมากขึ้น

ปกติถ้าหลับ อาการไม่ใช่แบบนี้ เพราะเราชอบนอนเป็นอาชีพอยู่แล้ว
ตอนเย็นเจอหลวงพี่วิรัช เลยเข้าไปสนทนากับท่านว่า "ขอโอวาทธรรมหน่อยขอรับ.."
บอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพี่เล็ก(เอาหลวงพี่มาขาย)

ท่านถามว่า"หลวงพี่สอนว่าอย่างไร"
อ้าวเฮ้ย...นึกไม่ออกเลยว่าหลวงพี่เล็กสอนว่าอะไรบ้าง นึกไม่ออกสักคำเดียว ท่ามกลางความขายหน้า
เลยนึกถึงหลวงตาสมเด็จฯ (เกี่ยว) ขึ้นมาได้ ว่าเรื่องเกี่ยวกับทุกข์-สุข และอารมณ์ตรงกลาง เลยเรียนท่านไปแบบนั้น

ท่านบอกว่าให้หาสมมุติบัญญัติให้เจอก่อน แล้วทิ้งขันธ์ห้านี้
ลมหายใจเป็นแค่สัญลักษณ์ของการทรงตัวของขันธ์ห้า

เลยเรียนท่านกลับไปว่า "ถ้าอารมณ์ผมอยู่ตรงกลางไม่ได้ คงไม่มีทางเข้าใจคำพูดของท่านได้แน่ ๆ"

ท่านกล่าวต่อว่า
"มัชฌิมาปฏิปทา เป็นทางที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ"

ทุกคืนก่อนนอนจะขอบคุณกับขอหลวงปู่ทุกทีว่า"วันนี้ผ่านไปอีกวัน ขอบพระคุณครับที่ช่วยเหลือและปกป้องพวกผม หลวงปู่ครับขอ.. (เลยบอกว่าพรุ่งนี้ขอบะหมี่นะครับ).."

วันที่ห้า
เพลงมาเป็นปกติ!!!! อาตมาทนได้ เอากรรมฐานสู้มัน แต่กลัวหลับในมาก ๆ
ตอนทำวัตรเช้าเสร็จ
อาการปวดหลังกลับมาอีกแล้ว

อาการตัวนี้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ขันธ์ห้าของเราจะต้องเป็นอัมพฤกษ์แน่นอน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะนวดตัวเองไม่ได้
ทำใจมาหลายเดือนแล้ว ปวดหลัง+หิว+อยากกินบะหมี่
พอจะฉันข้าวเหมือนเดิม....หลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่า วันนี้จะฉันเท่าไรดี ท่องไว้ ๆ อยากได้บะหมี่...ปรากฏว่าอด
แสดงภาพมาอาหารน้อยลงกว่าเมื่อวาน...
ไม่ยอมแล้ว..จะฉัน..ฮึ่ม!!!

ตักแยะกว่าภาพหน่อย พอฉัน ๆ ไปแยะกว่า ในภาพสักสามคำ พอคำที่สี่มันจะอ้วก ต้องกลั้นไม่ให้อ้วกซะจนน้ำตาเกือบไหล ถ้ากลั้นไม่ไหวนี่พุ่งแน่นอน!!!

พวกโยม แนน(บ้านสบายใจ) นุ้ย(บ้านสบายใจ) พี่ชัย(บ้านสบายใจ) พี่เต้ยอ้วน(บ้านสบายใจ) จะจัดดอกไม้ไหว้ครูมโนฯ แถมเงินให้พวกเราทุกวันโมทนาด้วยครับ
๑.หลวงพี่เต้ย
๒.หลวงพี่ฮิม
๓.หลวงพี่โรจน์
๔.หลวงพี่เทพ
๕.หลวงพี่เก้า

วันนี้กรรมฐานไม่อยู่ตัว เลยพาตีนเดินไปไม่ค่อยดี มั่ว ๆ ไป แต่ไปหลับในเช่นเคย
ปรึกษาพระครูฝึก ท่านบอกว่า นิวรณ์ห้าเข้า

ไม่รู้จะหาที่พึ่งที่ไหน
เลยเซ็ง ๆ จะซักจีวรเพราะมันคันมาก ถ้าตากไม่ทันก็จะห่ม ๆ ทั้งเปียก ๆ ไปเก็บของในป่าธุดงค์
บังเอิญเจอหลวงพี่วิรัชเดินออกมา ไม่คิดอะไรมากเดินตามเลย
หลวงพี่วิรัชถามว่าจะไปไหน บอกท่านว่าจะไปซักจีวร

ท่านถามต่อว่าตากที่ไหน ตากอย่างไร ถ้าไม่แห้งทำอย่างไร
บอกท่านว่าจะตากตรงที่พักพระ ตากโดยเอาเก้าอี้หลาย ๆ ตัวมาพาดต่อ ๆ กันเอาพัดลมเป่า ถ้าไม่แห้งจะห่มทั้งเปียก ๆ
ท่านบอกว่าแห้งไม่ทันหรอก ถ้าใส่ทั้งเปียก ๆ ไป มันจะป่วยหนักกว่าเดิม ทน ๆ ใส่ไปหน่อยแล้วกัน ใช้วิธีอาบน้ำบ่อย ๆ ชดเชยแล้วกัน(ท่านช่วยกระทั่งเรื่องเล็กน้อย)

ตอนเดิน ๆ อยู่ มีพระนวกะเดินสวนมาเกือบสิบรูป นึกในใจว่า ดูสิท่านจะทำอย่างไรต่อไป ?
ท่านเดินสวนหลบพระนวกะกลุ่มนั้นอย่างสุภาพ แต่พระกลุ่มนั้นกลับแซวเต้ยข้ามหัวหลวงพี่วิรัช
จุ๊ปากก็แล้ว บอกใบ้ก็แล้ว ยังไม่หยุดกันอีก พอเห็นเต้ยเดินแบบนอบน้อมสุดชีวิต
พวกท่านถึงเริ่มมีสติ!!!!

พอไปปรึกษาหลวงพี่วิรัชท่านเรื่องหลับใน ตอนแรกท่านทำเสียงประหลาดใจ และบอกว่า "ไม่เคยเจอมาก่อนเลยนะนี่ -..-"
ท่านพูดต่อว่า ถ้าให้เดานะ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะ "จิตมันไม่มีกำลัง เพราะจิตมันไม่ได้พัก พอจิตเข้าเขตอุปจารสมาธิ มันก็ตัดหลับไปเลย"

พอไปบอกท่านเทพก็โดนแซวกลับมาว่า "บอกไปตรง ๆ คุณไม่เชื่อ ต้องให้พระผู้ใหญ่ท่านมาบอก"

จับกลุ่มพูดถึงหลวงพี่เล็กว่า
หลวงพี่เล็กนะงานเป็นงาน บางทีประกาศไมค์รวมพลให้เวลา ๑๕ นาทีต้องเรียบร้อยแล้วทั้งแต่งตัว ต้องพร้อมที่จะรับงานต่าง ๆ ในวัด ฯลฯ เณรพูดขึ้นว่า"ถ้าโดนไล่ออกจากวัดหลวงพี่เล็กที่ใด ที่หนึ่ง ไม่อาจจะบวชในวัดสาขาที่เหลือได้ทั้งหมด"พอถึงตอนนี้ เลยรู้ว่าทำไมหลวงพี่เล็กถึงห้ามเราไปบวชวัดท่าน เพราะว่าเราทำอะไรช้า ไม่ทันเวลาแหง ๆ ไม่คล่องงาน เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ขี้เกียจ ฯลฯ

"หลวงพี่เล็กครับ ขอโทษด้วยครับ หนูผิดไปแล้ว
ผมรู้แล้วว่า ที่กีดกันไม่ให้ผมบวชที่วัดในปกครองของหลวงพี่เพราะเหตุผลอะไร"


อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุธรรม อ่านข้อความ
อือม์..ใคร ๆ ก็เห็นในกระทู้อุปสมบทวัดท่าขนุน ว่าทางวัดบวชให้ฟรี แสดงว่าพระอาจารย์คิดค่า "ตาถั่ว" สำหรับเต้ยเป็นพิเศษ
ขอโทษนะครับ..เขียนเว้นวรรคบ้าง ขี้เกียจตามแก้ให้ทุกกระทู้ ครั้นจะให้ไปแก้เอง แม่ง..(ขอโทษ) ก็ "ฟาย" จนไม่รู้ว่าจะแก้ตรงไหนอีก..!
ผมเห็นกระทู้อุปสมบทวัดท่าขนุน ว่าทางวัดบวชให้ฟรีนานแล้วครับ แต่ไปขออนุญาตทีไร ก็โดนบ่ายเบี่ยงทุกที ^^

ส่วนตัวของภาษาไทย หลวงพี่ให้พรว่า ผมตกภาษาไทย ถึงเป็น"ฟาย"นะครับ ผมทำตามพรหลวงพี่ทุกอย่าง
ไม่มีขาดตกบกพร่อง ในฐานะ "ลูกศิษย์ติงต๊อง" อย่างไรละครับ
เพราะคนติงต๊องจะดีก็ได้ จะร้ายก็ได้ ไม่มีคนเอาโทษเอาความ........ปลอดภัยทุกประการ

เวลาเย็นวันนั้นปวดหลังมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้แต่ทำใจ กะว่าไม่วันใดวันหนึ่งเป็นอัมพฤกษ์แหง ๆ แต่อยากให้เพื่อนพระที่บวชด้วยกันได้ทำบุญหล่อพระด้วย เพราะพระธุดงค์ไม่มีเงินส่วนตัว เงินบิณฑบาตได้มาเท่าไหร่ลงตู้กองกลางทั้งหมด

ตอนค่ำ ๆ ทหารเจ้าเดิมได้พยายามยัดเยียดปูนขาวให้เต้ยไปโรยที่กลด

บางท่านทำเงินหลงอยู่ในย่ามแบบไม่ได้ตั้งใจ มดหามนอนไม่หลับหลายราย เลยไม่กล้าเก็บเงินจึงจุดธูปบอกหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ..ขอให้เพื่อนพระของผมทั้ง ๑๑๘ รูป ได้ทำบุญหล่อพระด้วยครับ พวกผมไม่มีเงิน"

วันที่หก

ตอนเช้าบิณฑบาต เพลงมาตรงเวลาดีเหมือนเดิม
ตอนก่อนทำวัตรเช้า ใจกำลังฟุ้งซ่านมาก ๆ อะไรก็เอาไม่อยู่ จะเข้าห้องน้ำไปปัสสาวะ ไปรอคิวหน้าห้องน้ำ หลวงพี่วิรัชท่านเดินออกมาจากในห้องน้ำพอดี
.
.
.
ระฆัง...ช่วยชีวิต...เรียนกับท่านว่า "หลวงพี่ครับ..มาได้เวลาพอดีเลยครับ" ท่านยิ้มเหมือนหลวงพี่เล็ก ๑๐๐%

ตอนจะฉันข้าวไม่คิดอะไร เพราะเพื่อนพระได้หล่อพระแล้ว เห็นหมี่ขาว..เอาวะ..กินแทนบะหมี่ก็ได้ ตัก ๆ มา เดินไปเรื่อย ๆ ไชโย!!!! บะหมี่แบบที่ชอบกินสมัยฆราวาส ตาไม่ฝาดไปนะ ไม่กล้าตักแยะมาก กลัวกินไม่หมดเสียดายของ..

ตอนกลางวันกลับเข้าป่าไปเพื่อพักผ่อน ได้นำเอาปูนขาวจากทหารหน้าประตูไปโรยที่กลด พอโรยเสร็จ ทหารคนเดิมขับรถมอเตอร์ไซด์ผ่านพอดี ไม่ต้องหิ้วไปคืน

บังเอิญเจอเพื่อนมาช่วยรับข้าวตอนบิณฑบาต ตอนสาย ๆ ได้คุยกัน เพื่อนเลยยอมเป็นโยมอุปัฏฐากให้

บอกเพื่อนว่า ให้ไปบอกบุญเรื่องหล่อพระหน่อย กะว่าถ้าได้แผ่นทองมา จะนั่งตัดกันเป็นชิ้นเล็ก ๆ ถวายพระนวกะ

ไป ๆ มา ๆ พอรู้ถึงเจ้าภาพหล่อพระ เจ้าภาพบอกว่า จะถวายแผ่นทองพระ-เณรทั้งหมดให้เป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐมสององค์.....ฮ่า ๆ โล่งใจแล้ว(โดยมีพระณัฐพัชร หรือพระtamsak แห่งเว็บพลังจิตเป็นผู้แจก)

เดิน ๆ ไปพร้อมความเจ็บปวดที่หลัง เจอโยมคนหนึ่ง รู้จักกับเราตอนเป็นฆราวาส เขามีศรัทธาถวายเงินมาให้หกร้อยกว่าบาท แบงค์ยี่สิบล้วน ๆ เดินแจกตามความต้องการ

มีเพื่อนพระเคยเรียนที่เดียวกัน ท่านสามารถแก้อาการให้เราได้ ดีใจจัง..จะได้แข็งแรงพอที่จะไปทำบุญที่ต่าง ๆ แล้ว

จัดกระดูก+นวด ๆ กดแก้อาการแล้วมันทรมานมาก เพราะคนกดต้องการให้เราหายทัน เดินได้คล่องในพิธีขอขมาสถานที่สำคัญในวัดท่าซุง เลยกดแรงกว่าปกติ

พอจะเข้านอน...เจอเงินหนึ่งบาทในย่าม ฮ่า ๆ ถ้าไม่มีปูนขาว..คืนนี้น่ากลัวจะโดนมดมาทักทายไม่ต้องสงสัย
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุรจิตร : 31-03-2012 เมื่อ 08:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-01-2010, 23:48
ชยาคมน์'s Avatar
ชยาคมน์ ชยาคมน์ is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Apr 2009
ข้อความ: 222
ได้ให้อนุโมทนา: 21,244
ได้รับอนุโมทนา 155,559 ครั้ง ใน 2,941 โพสต์
ชยาคมน์ is on a distinguished road
Default

สุรจิตร คือ เต้ย นะครับ

ผมว่าเขาบวชแล้วผอมลงครับ

ถ้าจะให้ดี บวชแล้วไม่ต้องสึกเลยนะครับ

โมทนาครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-01-2010, 13:45
ใจใส's Avatar
ใจใส ใจใส is offline
สมาชิกใหม่
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 1
ได้ให้อนุโมทนา: 1,438
ได้รับอนุโมทนา 352 ครั้ง ใน 7 โพสต์
ใจใส is on a distinguished road
Default

เต้ยเป็นคนที่น่ารัก ปน น่าสงสาร..อันนี้ไม่รู้เพราะอะไรจึงรู้สึกอย่างนั้น..อย่างไรเสียเชื่อว่าเต้ยบวชได้และได้ดีด้วย..ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอีก..

รู้แต่ว่าล่าสุดไปทำดี(หรือยุ่งก็ไม่ค่อยมั่นใจ)..ที่วัดท่าขนุน..เพราะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง..แต่เขาชวนมาก็ไปประสาใจง่ายเสมอเมื่อมีคนชวนไปวัด..นอนค้างที่วัดฝันไปว่าเจอ..เต้ย ในฝันถามเต้ยว่า..อ้าว ยังไม่สึกอีกหรือ เพราะเต้ยยังครองจีวรอยู่..ยังเป็นพระสงฆ์ปรกติ เต้ยหันมายิ้ม แบบเต้ย เต้ยแล้วตอบว่ายังครับ..

แสดงว่าเต้ยยังเป็นพระอยู่นะ..แม้ช่วงที่ฝันเต้ยจะสึกแล้วจากงานบวชธุดงค์

ขออนุโมทนากับบุญทั้งมวลที่เต้ยทำดีแล้วในการบวชธุดงค์นะจ๊ะ..(ส่วนอันไม่เป็นบุญฝากไว้ที่เดิมจ้ะ)

ปล. ไม่ได้รู้จักเต้ยเป็นการส่วนตัวเลยนะจ๊ะ..ยังฝันได้ขนาดนี้..งงงง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ใจใส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-01-2010, 20:23
ชูศักดิ์ ชูศักดิ์ is offline
สมาชิก
 
วันที่สมัคร: Apr 2009
ข้อความ: 2
ได้ให้อนุโมทนา: 6
ได้รับอนุโมทนา 608 ครั้ง ใน 15 โพสต์
ชูศักดิ์ is on a distinguished road
Default

อ่านแล้วได้ใจมากครับ
เข้าใจอารมณ์เลย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 87 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชูศักดิ์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-01-2010, 08:04
สุดใจ สุดใจ is offline
สมาชิก
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 16
ได้ให้อนุโมทนา: 392
ได้รับอนุโมทนา 5,746 ครั้ง ใน 149 โพสต์
สุดใจ is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุธรรม อ่านข้อความ
ตกลงว่า ไอ้ที่ตูต้องมานั่งแก้ให้มันทุกบรรทัด ก็ฝีมือหลวงปู่ กับ ท่านปู่ - ท่านย่า ตามเคย..!!


น้องเต้ย ช่วยอธิษฐานให้ ท่านปู่ - ท่านย่า ช่วยจับมือเขียนให้ถูกต้อง

ช่วยจับปากพูดให้ดีเป็น....วจีสุจริต

สงสารท่านพี่สุธรรมสักนิด...

เพราะท่านไม่ถือคติ ศรี...ทนได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุดใจ : 04-01-2010 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุดใจ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 04-01-2010, 08:39
ป้านุช's Avatar
ป้านุช ป้านุช is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: Bangkok Thailand
ข้อความ: 866
ได้ให้อนุโมทนา: 21,453
ได้รับอนุโมทนา 109,765 ครั้ง ใน 2,785 โพสต์
ป้านุช is on a distinguished road
Wink

เต้ยเอ้ย!โชคดีมหาศาลแล้วที่ได้บวช อุปสรรคเยอะนัก ปีหน้าธุดงค์วัดท่าซุงอีกครั้ง ให้มันรู้ไปว่าจะพ่ายแพ้!
เต้ยก็คือเต้ย บางครั้งก็ขาด บางทีก็เต็มจนล้น เวลาจะให้ช่วยอะไรก็มาประจบเอาใจ จนต้องทำให้ด้วยความเต็มใจเสมอ
แต่จะอย่างไรก็ตาม รู้สึกดีมาก ตรงที่..เต้ยรักแม่!...อ่านแล้วคิดถึงแม่ของป้าจัง!
__________________
เสียงธรรมจากพระองค์ที่ ๑๐
ธรรมพระพุทธเจ้า คือธรรมชาติ ธรรมชาติที่ทุกคนก็มีอยู่ในตัวเอง
เพราะฉะนั้นเธอก็มีธรรมะ ฉันก็มีธรรมะ เธอกับฉันมีธรรมเสมอกันคือความตาย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ป้านุช ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 04-01-2010, 14:41
ณญาดา's Avatar
ณญาดา ณญาดา is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 27
ได้ให้อนุโมทนา: 12,041
ได้รับอนุโมทนา 34,861 ครั้ง ใน 742 โพสต์
ณญาดา is on a distinguished road
Default

โมทนากับน้องเต้ยด้วยค่ะ

ค่ำคืนนี้ถ้าพี่ไม่ง่วงมากจะเข้ามาช่วยแก้และแบ่งระยะบรรทัดให้อ่านง่ายอีกครั้ง เพราะเนื้อหาสนุกแต่หลังจากอ่านจบแล้ว พี่กำลังเกิดอาการเช่นนี้ค่ะ ฮิ ฮิ ฮิ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ณญาดา ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 04-01-2010, 19:30
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Talking

วันที่เจ็ด
บัตรประจำตัวหาย(หายตอนนวด) แต่ไม่ต้องห่วงไม่ต้องใช้กับทหาร เพราะเราน่ารัก ทหารจำได้หมดแล้ว

บิณฑบาตตอนเช้า ชูเงินให้หลวงพี่เทพดูหนึ่งบาท ท่ามกลางความตกใจของพระนวกะ ถามกันใหญ่ว่า เอามาจากที่ไหน บอกว่ามันหลงในย่าม ถวายให้ท่านเทพรับเคราะห์ต่อไป ๕๕๕+
หลวงพี่เทพถามว่า...แล้วมดละ(มดในป่าธุดงค์กัดเจ็บกว่ามดปกติมาก)

เราตอบว่า...ปูนขาว (รอดไป)

เสียงเพลงไม่เคยพลาดโอกาสเลย มาตลอด

เจอเพื่อน คนไข้คนที่เคยช่วยเหลือ ยิ้มให้ตลอดเหมือนนัดกันไว้
พยายามยกย่ามให้ไปที่ใกล้ ๆ มือโยมที่สุด จะได้ให้โยมหยอดได้สะดวก แต่ยื่นย่ามไปแต่ละทีเหมือนหลังจะแตก
ระบมจากการนวดมาก(แต่มีหวังหายแน่นอน ๑๐๐% )

มีโยมเมตตาถวายแผ่นทองเหลืองให้หล่อพระด้วย.....ดีใจจัง

พอเดินกลับกับหลวงพี่เทพ

หลวงพี่เทพพูดสั้น ๆ ว่า"หลวงพี่สมปองตอนบิณฑบาตไม่เคยหลุดยิ้มมา ไม่มีซักนิด"
วันนี้หล่อพระเลยอารมณ์ดีมาก

พอสาย ๆ หน่อย คนจัดกระดูก+นวดมาตรวจอาการ แล้วลงความเห็นว่า ต้องนวดใหม่ตั้งแต่ต้น

เราเห็นด้วย แต่ตำแหน่งนั้นเราไม่อาจจะตรวจด้วยตัวเองได้เลย มั่นใจแค่ ๖๐% ว่ายังไม่หาย

จัดกระดูก+นวดใหม่ตั้งแต่ต้น เพิ่มแรงอีกประมาณ ๔๐% แต่ที่ช้ำในยังอยู่นะ
ฮ่า ๆ ๆ ระบมหนักกว่าเก่าเพียบ กดไปแต่ละครั้งเหมือนค้อนทุบ
ต้องหาที่พิงตลอด เดินขากางตลอด นั่งสมาธิไม่ได้ ต้องนั่งพับเพียบ

ตอนเที่ยงฝึกมโนฯ เต็มกำลัง หลับสนิท คราวนี้หลับลึกมาก
แปลกมาก พอตื่นพละกำลังกลับมาเหมือนอายุแค่ ๒๐ จิตมีความกล้าแข็งอย่างมาก

แต่ยังปวดหลังเหมือนเดิม ^^สร้างความเวทนากับพระนวกะดีนักแล ตอนหลัง ๆ ไม่อาจจะนั่งยอง ๆ ปัสสาวะได้ เพราะนั่งแล้วลุกไม่ไหว เหมือนมีดเสียบจากเหนือก้นกบไปหากลางหลัง ต้องนั่งโถเท่านั้น

ไปปลงอาบัติกับเพื่อนพระเรื่องนั่งปัสสาวะไม่ได้ มีแต่พระนวกะด้วยกันสงสาร เย็น ๆ มีโยมเก็บบัตรประจำตัวได้ ดีจังไม่ต้องไปทำใหม่แล้ว

ตอนไปหล่อพระ โยมนิมนต์พระ-เณร เข้าปราสาททองคำ
เพื่อนพระนวกะอยากไปอยู่ใกล้ ๆ เบ้าหลอม เลยชี้ว่า คุณจะรอดอาบัติไปได้ไหมนี่ โยมหนาแน่นขนาดนี้

มีโยมถวายเงินพอดี...กำลังต้องการ เลยหยอดตู้ปิดทองวิหารทองคำพอดี

ใจสบายมาก เพราะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์เท่าที่จะทำได้แล้ว คิดถึงหลวงพี่เล็กว่า น่าจะมาเขกกบาลซักที จะสึกแล้วนะ (ปัจจุบันไปให้หลวงพี่เล็กเขกกบาลมาแล้ว) หันหน้าไปด้านซ้ายตกใจ!!!!
หลวงพี่วิรัช........มาจากไหน
หลวงน้าหมอมาเรียบ ๆ สงบ
แต่เจอพระครูปลัดฯ นิมนต์ไปด้านหน้าเรียบ

ตอนกลับเณรอาสาพยุงเอาบุญ(เหมือนหลวงตาแก่ ๆ เลย)

จุดธูปบอกว่า ให้หลวงปู่หาพระมารับสังฆทานให้หน่อย เพื่อเป็นเจ้าของสิ่งของส่วนตัวของข้าพเจ้า แต่ให้เจอง่าย ๆ โดยผมไม่ต้องเดินตามหา

เรื่องนอนเอนตัวลงไม่ได้ ต้องทิ้งตัวลงแบบไม่มีแรงพยุงเลย

วันที่แปด
เพลงมาตามเคยไม่พลาด ท่ามกลางหลังที่ปวดระบม น้ำตาแทบร่วง
กะจะไม่ยิ้ม แต่ว่าเจอเพื่อนสมัยมัธยมกุลีกุจอ ควักเงินแบบสับสน

เราจะรักษาระเบียบหรือรักษากำลังใจของโยมดี????

คราวนี้ไม่ยิ้มธรรมดา....เอียงคอเอาหน้าให้มันเห็นชัด ๆ
โยมเพื่อนตกใจ พอเห็นป้ายชื่อและรอยยิ้มปัญญาอ่อนของเรา เลยมั่นใจว่า ใช่ ไอ้วรนัสเพื่อนเก่าเราแน่ ๆ

โยมเพื่อนยิ้มแบบน้ำตาคลอเบ้า

พอใกล้ ๆ จะถึงศาลา ๑๒ ไร่แล้วเจอหลวงน้าหมอ เดินตัดหน้าระยะไม่ถึงสิบเมตร เลยบอกว่า "หลวงน้าหมอครับ นิมนต์"
ถวายผ้าพันคอกับหมวกไหมพรม เรียนท่านว่าถวายสังฆทานครับ

มีพระนวกะบางองค์เข้าใจผิดว่า พระที่นวดทำเราอาการหนัก

เลยตอบว่า อาการของผมแต่เดิมนั้น ปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอัมพฤกษ์
เหมือนคนที่จะโดนโทษประหาร แล้วมีคนมาพูดให้เหลือโทษแค่โบย ๓๐๐ ที คุณจะเตะคนบอกหรือขอบคุณเขาดีละ

พอจะเข้าป่าเพื่อผลาญพลังงาน แต่ความจริงรู้สึกอยากเข้าป่าแบบไม่มีสาเหตุ

พอไปถึงป่าได้สักพัก

เจอหลวงพี่วิรัชเดินมา เลยเดินตามท่า่นไปในระยะประชิด

พอหลวงพี่วิรัชเห็นท่านถาม"มาอย่างไร(มายังไง)"

สะกดรอยตามหลวงพี่มาครับ ท่านบอก "เก่ง ๆ "

เลยเอาไฟฉายถวายท่านบอกว่าสังฆทานครับ

ท่านบอก"งั้นก็ใช้คนเดียวไม่ได้นะสิ" ยิ้มเหมือนหลวงพี่เล็กมาก

แล้วท่านถามต่อว่าแล้วหลวงน้องจะใช้อะไรละ (เพราะไฟฉายสำคัญที่สุดในป่าธุดงค์ตอนมืด)

ซึ้งครับ......ไม่เป็นไรครับ ไฟฉายของวัด ริบหรี่หน่อย ผมทนใช้ได้ครับ

ตอนค่ำนิมนต์หลวงพี่เก้ามารับถุงนอน เข้ากองกลางสงฆ์ของหลวงพี่เล็ก

พอถวายแล้วเลยเรียนท่านเก้าว่า ยืมนอนวันหนึ่ง แล้วจะซักส่งคืนสงฆ์ (ตั้งใจเอาอานิสงส์ในขณะเป็นพระ)

วันที่เก้า

ตอนเช้าได้เอานาฬิกาปลุกไปถวายเป็นสังฆทานตุ๊พ่อมหาสิงห์ วัดถ้ำป่าไผ่ เอาน้ำของแนนไปมอบแก่สงฆ์

ชนะเพลงได้แล้วสะใจ ดีใจที่วันนี้ได้โปรดโยมจริง ๆ จนผู้อื่นมีความเข้าใจผิดว่าเต้ยดีใจที่ได้สึก

ฉันเช้าคิดว่าอาหารที่เราไม่ฉันนี้ ขอบูชาซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งหมด

พอเอาดอกไม้จะไปไหว้ที่สำคัญ ๆ ของวัดท่าซุงหันไปทางซ้าย
สะดุ้ง!!!!!........หลวงพี่วิรัชมาจากทางไหน

ผวาแกมดีใจ เหมือนท่านมาส่งเราจากความเป็นพระ ไม่มีใครสนใจท่านเลย จนกระทั่งเดินเกือบ ๆ จบงานแล้ว

พอสึกแล้วอย่าคิดว่าเรื่องจบแค่นี้
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุรจิตร : 09-01-2010 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 04-01-2010, 22:02
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Talking คำตอบของปัญหาทั้งหมด

ท่านจิตโตอยากเจอท่านเป็นที่สุด

หลวงพี่ครับอยากถามจริง ๆ ว่าอุปสรรคของผมมาจากไหนเยอะแยะ

หลวงพี่เจอหน้าไม่ตอบ.....เดินหนี

ทิ้งเราไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง

รอคนมาสักสิบกว่าคนแล้วพูดง่าย ๆ ขึ้นว่า

อุปสรรคทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการตำหนิติเตียนที่ไม่มีเจตนา แต่ไปทำลายความดีของคนอื่นเขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

แล้วที่ตั้งใจล่ะ มันจะรับผลอย่างไร ผมไม่อยากคำนวณเลย คนข้าง ๆ ผมมีคนชอบติเตียนคนอื่นเยอะมาก ผมได้แต่สงสารพวกเขาเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ที่เขียนไปทั้งหมด ยังแค่ครึ่งเดียวกับของจริงที่ผมได้รับเท่านั้น
(โดยประมาณ) แล้วไอ้พวกข้อความคอมพิวเตอร์นี่....สยอง

ท่านเน้นคำสีแดงนั้นเด่นชัดมาก ผมพยายามถามด้วยความประหลาดใจ แต่ท่านก็เน้นคำเดิม
ถ้าท่านคิดว่า ท่านเข้าใจธรรมมากกว่าท่านจิตโต

ผมคงไม่มีอะไรบรรยายมากกว่านี้อีกแล้ว

กำลังใจของเต้ยตอนบวช นึกถึงคำพูดหลวงตาวัชรชัยว่า หลวงพ่อฤๅษีท่านเหมือนพญาราชสีห์
ผมถึงแม้จะทรมาน แต่จะพยายามทำตนว่าไม่เจ็บต่อหน้าโยม เพื่อกำลังใจของโยม
ถ้ากำลังใจโยมทรุด จะทำให้ศาสนาเสื่อมเปล่า ๆ ถ้าทิ้งขันธ์ห้าได้คงมีโอกาสไปนิพพานแน่ ๆ
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2010 เมื่อ 21:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 04-01-2010, 22:25
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Talking พรพระ

หลวงพี่วิรัช:คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา อนาคตรุ่งโรจน์ นิพพานชาตินี้

ตุ๊พ่อมหาสิงห์
:โชคดีหลาย ๆ คิดหื้อหวังสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา นิพพานชาตินี้
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2010 เมื่อ 21:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 05-01-2010, 18:47
ชยาคมน์'s Avatar
ชยาคมน์ ชยาคมน์ is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Apr 2009
ข้อความ: 222
ได้ให้อนุโมทนา: 21,244
ได้รับอนุโมทนา 155,559 ครั้ง ใน 2,941 โพสต์
ชยาคมน์ is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุรจิตร อ่านข้อความ
หลวงพี่เล็กถาม :หลวงพี่ครับ ขอโอวาทก่อนบวชครับ
ตอบ : อย่าพยายามบวชเลย ทำให้ศาสนาเขาเสื่อมเปล่า ๆ

ท่านจิตโตอยากเจอท่านเป็นที่สุด

หลวงพี่ครับอยากถามจริง ๆ ว่าอุปสรรคของผมมาจากไหนเยอะแยะ

หลวงพี่เจอหน้าไม่ตอบ.....เดินหนี

ทิ้งเราไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง

รอคนมาสักสิบกว่าคนแล้วพูดง่าย ๆ ขึ้นว่า

อุปสรรคทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการตำหนิติเตียนที่ไม่มีเจตนา แต่ไปทำลายความดีของคนอื่นเขาโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
โมทนาครับ ท่านทั้งสองได้เตือนทิดเต้ยแล้ว

สรุป คือ ต้องระวัง "ปาก" ของเรานั่นเองนะครับ

ผมจะน้อมรับไปปรับปรุงตนเองครับ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 05-01-2010, 21:20
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Default

แถมอีกนิด
เต้ยไอตลอดวัน ตั้งแต่บวชวันแรกยันเลยปีใหม่ไปเลย
จากการกินที่รับสารอาหารไม่พอ เพราะหัดกินมื้อเดียวมาเป็นเดือน ๆ

หลวงพี่วิรัชถึงทักเรื่องป่วย

เต้ยแพ้มดและยุง แต่อยู่ในป่าธุดงค์ที่เพียบไปด้วยมดและยุง

พอไปกราบหลวงตาสมเด็จเกี่ยว หลวงตาทักคำแรกว่า "เก่งจัง(น้า)บวชตั้งเก้าวัน" ท่ามกลางความสงสัยของ พระผู้ใหญ่สิบกว่าพรรษาขึ้นไป

พอท่านจะกลับก็ทักอีกว่า"มีโอกาสก็บวชอีก(น้า)"

เสียงของท่านแหบ รูปแบบเสียง ไม่ได้ออกเป็นไม้โทแน่นอน
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุรจิตร : 06-01-2010 เมื่อ 03:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 08-01-2010, 17:20
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Default

สมัยก่อน(แต่ตอนนี้ดูเอาเอง) ที่เต้ยจะมาสนใจพระ คนห้อยพระแยะ ๆ ไม่น่าคบ
สมัยหนุ่ม ๆ (ตอนนี้อายุเหลือเริ่มน้อยแล้ว) เคยคิดว่าการบนบานศาลกล่าวเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ


แต่จากประสบการณ์การขอพระแล้วได้ผล มีองค์ประกอบ ๓ อย่างหลัก ๆ
๑.ขอจากใจ ถ้าใจหยาบให้พูดหยาบ ถ้าใจละเอียดให้พูดสุภาพ ไม่ควรปกปิดใจของตน(ใจสะอาดเท่าไรยิ่งมี % สูงที่จะได้ผล) [ใจละเอียดกับใจสะอาดคนละเรื่องกันนะครับ]

๒.ศีลต้องบริสุทธิ์จากในหัวใจ อย่างน้อยก็ช่วงเวลาที่จะขอ

๓.ยึดมั่นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยความจริงใจ

ถ้าใจสะอาดมาก ๆ เวลาขอแล้วไม่ได้ผลหรือไม่อาจจะเป็นไปได้ จะมีเสียงตอบปฎิเสธมาเอง พอขอปุ๊บตอบปฎิเสธปั๊บ
ถ้าละเอียดมากเข้า จะมีภาพด้วยว่า สาเหตุอะไรที่ท่านไม่ให้

อย่าลืมนะนี่ มั่ว ๆ เอาอย่าคิดจริงจัง
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุรจิตร : 09-01-2010 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 09-01-2010, 10:50
สุรจิตร's Avatar
สุรจิตร สุรจิตร is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 37
ได้ให้อนุโมทนา: 3,422
ได้รับอนุโมทนา 28,547 ครั้ง ใน 1,003 โพสต์
สุรจิตร is on a distinguished road
Default

ก่อนบวชครั้งนี้ เต้ยบวงสรวงเทวดา

ท่านจิตโตเคยสอน

ท่านจิตโต:พวกเราควรบวงสรวงทุกเดือน

เต้ย:หลวงพี่ครับผมไม่มีเงิน

ท่านจิตโต:ทำไมเอ็งโง่นักว่ะ

เต้ย:ทำไมครับ

ท่านจิตโต:บ้านเอ็งมีธูปไหมว่ะ

เต้ย:มีครับ

ท่านจิตโต:เทียนละ

เต้ย:มีครับ

ท่านจิตโต:จุดธูปตอนก่อนเก้าโมง อย่าจุดเก้าโมงพอดี มันเสียมารยาท
ประมาณแปดโมงครึ่งก็ได้ แล้วเปิดเทปบวงสรวงหลวงพ่อฤๅษีฯ
(ช่วงเวลาที่แน่นอนที่สุด ตีสาม-แปดโมงครึ่งเช้า) ถ้าได้วันที่ในฤกษ์พรหมประสิทธิ์ยิ่งดี


ในเวลาต่อมา(เสียงแบบฮาโตริ)

เต้ย:หลวงพี่ครับผมอยากฝึกมโนทุกวัน แต่ไม่มีเงินหรือไม่สะดวกในการหาดอกไม้สามสี

หลวงพี่เล็ก:ให้หยอดกระปุกออมสินทุกวัน
แล้วพอถึงเวลาบวงสรวงให้เอามาร่วมกับหลวงพี่ก็ได้


เลยเอาทั้งสองงานเลยทั้งมโนฯ และบวงสรวงไปในตัว......ประหยัด ^-^v
__________________
เต้ย:ทำ(ยังไง)อย่างไรกับอารมณ์ที่อยู่ตรงกลาง ไม่สุข ไม่ทุกข์
หลวงตา:กำหนดรู้ว่ามันอยู่ตรงกลาง
“ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 11-01-2010 เมื่อ 11:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุรจิตร ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว