อานุภาพของพระกริ่งพิชัยสงคราม

[โอรส]

ถาม : อานุภาพของพระกริ่งพิชัยสงครามเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : เจตนาจริง ๆ ก็คือท่านทำไว้ทุกด้าน แต่จะเป็นการป้องกันอันตรายโดยเฉพาะ เพราะว่าคำว่า "พิชัยสงคราม" ก็คือชนะในสงคราม แต่อย่าเอาไปตีกับใครเขานะ

ถาม : เพื่อนผมที่บูชาไป เขาเอาไปให้อาจารย์ที่วัดแห่งหนึ่งจับ ท่านบอกว่าแรงจริง ๆ ?
ตอบ : บอกเขาว่า ถ้ารับไม่ไหวระวังจะตายเอา ...(หัวเราะ)...

ถาม : เขาบอกว่าพุ่งปรี๊ดเลย พุทธคุณดีทางไหนครับ ?
ตอบ : ชื่อว่าสิ่งที่สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาสงเคราะห์แล้ว ถือว่าเลิศแล้วในทุกด้าน ถามว่าดีทางไหนจึงตอบไม่ถูก

ถาม : เข้าสงครามได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ท่านทำมาเพื่อเรื่องสงครามโดยเฉพาะ ลองเข้าไปดูสิ..ไม่ยาก..อนุญาตให้ลองได้..!

ถาม : กันรังสีปรมาณูได้ไหมครับ ?
ตอบ : ข้อนี้คุณต้องต้องถามท่านเอง ...(หัวเราะ)... เรื่องของพุทธคุณ ถ้าหากว่าจิตใจของเรายึดมั่นจริง ๆ ไม่ต้องมีพระเครื่องก็ได้ โดยเฉพาะคนที่ได้มโนมยิทธิ อาราธนาภาพพระท่านคลุมตัวไปเลย

ถาม : บูชาอย่างไรครับ ?
ตอบ : พระกริ่งพิชัยสงครามมีคาถากำกับเฉพาะ ถ้าอาราธนาติดตัวปกติทั่ว ๆ ไปก็ใช้ "อิทธิฤทธิ พุทธนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด" แต่ถ้าหากจะใช้งานเฉพาะด้าน สมมติว่าเราไปตกอยู่กลางศึกกลางสงคราม ให้ใช้คำภาวนาว่า "มหาวิชชะโย โหหิ อะสังวาโส สัมปฏิจฉามิ" ทางไหนมีปืนมีระเบิดหนักที่สุดก็ให้ฝ่าออกไปทางด้านนั้นแหละ นี่เป็นเรื่องแปลกมาก วิชาของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านห้ามกลัว ยิ่งกล้าลุยยิ่งปลอดภัย..!


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

[นายกระรอก]

ถาม : อาราธนาทำน้ำมนต์รดคนที่โดนของ ?
ตอบ : ได้เลย ว่าไปเลยเต็ม ๆ ตั้งใจสวดอิติปิ โสฯ ด้วยความเคารพนะ ขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ให้รักษาโรคในกายของเขาให้หายโดยฉับพลัน เสร็จแล้วจะรดหรือให้เขากินก็ว่าไปเลย เพราะว่าพระกริ่งพิชัยสงครามนี่ทำมาทุกด้านจริง ๆ ขนาดคนต้องการด้านลาภด้านผล เขาไปบนเพื่อให้ได้โน่นได้นี่ก็ดี เอาไปค้าขายก็ดี ก็ได้ผล

แต่ว่าถ้าหากใช้เพื่อป้องกัน ให้ใช้คาถา “มหาวิชชะโย โหหิ อะสังวาโส สัมปฏิจฉามิ” ถ้าหากว่าใช้ในการรักษาโรคภัยหรือทำเป็นน้ำมนต์ ให้เสกด้วย อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๓ จบ ถ้าหากว่าจะใช้ในลักษณะให้ลาภ ก็ให้ควบกับคาถาเงินล้าน แล้วอาตมามีสิทธิ์สร้างแค่นั้นแหละ ห้ามทำอีกแล้ว ใครมีก็โชคดีไป ตอนนี้รุ่น ๑ เหลืออยู่ ๔๗ องค์ รุ่น ๒ ยังเหลืออยู่ ๕๐๐-๖๐๐ องค์ อย่างไรก็ราคาเดียวกัน ๑๐,๐๐๐ บาทถ้วน ๆ กว่าจะรู้ว่าดีก็รอให้คนอื่นลือกันไปก่อนนะ..!

อย่างผ้ายันต์เกราะเพชรนี่เมื่อสัก ๒ อาทิตย์ที่แล้วมีคนบุกตามไปถึงที่วัดเลย จะตื๊อเอาให้ได้ บอกว่าแจกเฉพาะที่นี่เท่านั้น ไล่เขากลับแล้วเขาก็ตามมาเอาที่นี่ไปจนได้ เพราะว่าเพื่อนเขาได้ไปแล้ว เอาไปติดร้านเสริมสวย บอกว่าคนเข้าวันหนึ่งเป็นร้อยเลย เขาบอกว่า ร้านเสริมสวยคนเข้าวันละ ๒๐ ก็ถือว่ามากแล้ว

คราวนี้พอหมดสัญญาเช่า เพื่อนเขาย้ายร้านก็แกะเอายันต์ไปด้วย เขาบอกว่าคนก็หายเงียบไปเลย เลยตามไปดูว่าเป็นของที่ไหน พอเห็นคำว่า วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เขาตามไปถึงวัดเลย ขับรถไปก็คร่ำครวญไป ทำไมถึงไกลขนาดนี้..! ไปถึงก็ยังไม่ได้อีก โดนไล่กลับมาอย่างเลือดเย็น บอกให้มาเอาที่นี่ แล้วเขาตามมาเอาจริง ๆ อยากได้มากขนาดนั้น คิดดูว่าอาตมาทำมาเพื่อการป้องกัน แต่อย่างว่าเรื่องของพุทธานุภาพ พุทโธ อัปปมาโณ เขาบูชาด้วยความเคารพจริง ๆ ตั้งใจอธิษฐาน ต่อให้เป็นเรื่องการทำมาหากินก็ยังได้

แบบเดียวกับสมัยที่อยู่วัดท่าซุง พอหลวงพ่อท่านทำมีดหมอชาตรีรุ่นแรก อาตมาเองก็รู้ว่ามีดหมอเด่นในด้านป้องกันภัย รักษาโรค ติดตัวเป็นมหาอำนาจ ก็อยากจะลองดูว่าด้านลาภผลเป็นอย่างไร ตอนเช้าตั้งใจบูชาพระ หยิบมีดหมอมาอธิษฐาน ขอทดสอบดูหน่อยว่าด้านลาภผลเป็นอย่างไร วันนี้จะออกบิณฑบาตแล้ว ปรากฏว่าแทบตายเลย กับข้าวถุงอย่างเดียว ๔ เข่งใหญ่ ๆ..! ถึงได้บอกว่าเลิกสงสัยไปเลย ขนาดด้านลาภที่ไม่ใช่เรื่องโดยตรงยังได้ขนาดนี้ แล้วเรื่องของการป้องกันภัย รักษาโรค ที่เป็นหน้าที่โดยตรงนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ใครอยากจะลองก็ลองดูเถอะ..!

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕