|
อีหรอบเดียวกัน อีหรอบเดียวกัน โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
ร้านอาหารไทยในกรุงปารีส เดินย้อนกลับไปทางเดิม คิดว่าจะไป “สร้างหนี้ใหม่” ด้วยการให้เงิน “ตาลุง” นั่นสักหน่อย ถึงไม่มีกรรมสัมพันธ์มาก็สร้างบุญสัมพันธ์เสียใหม่ แต่..ไปถึงมีแต่ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า เออหนอ... องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า “การที่คนเราได้มาเจอกันในชาตินี้ ในอดีตไม่มีความสัมพันธ์กันมานั้นไม่มี” แต่การเจอ “ตาลุง” แบบนี้ แสดงว่าในอดีตเป็นแค่คนเคยเห็นหน้ากันมาเท่านั้น ทำให้เหมือนกับ “บุญมีแต่กรรมบัง” ขนาดตั้งใจมาหาอย่างนี้ยังไม่ได้เจอ ถ้าไม่ถึงกับ “ดวงแตก” มากนัก ชาตินี้เราอาจจะได้เจอกันอีกสักครั้งนะลุงนะ... ไหน ๆ ก็มาแล้ว จึงทนเจ็บสะโพกเดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ไปเจอร้านอาหารไทยเข้า เป็นร้านในตึกแถวสวย ๆ บริเวณนั้นแหละ แต่ตอนนี้ปิดอยู่ บริเวณหน้าร้านทำเป็นกันสาดผ้าใบสีแดง ยื่นออกมาคลุมประตูกระจกเอาไว้ ที่ข้างกันสาดเขียนว่า RESTAURANT THAILANDAIS อีกบรรทัดคือ SALON DE THE ซึ่งน่าจะเป็นร้านน้ำชาอีกด้วย มีตราซึ่งออกแบบโดยใช้ตัว T ใหญ่ตัวเดียว ต่อด้วย hai ซ้อนกัน อ่านได้ความว่า Thai Thai น่าเสียดายที่ร้านปิดเงียบ อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีลูกค้า หรือเป็นวันหยุดก็ไม่รู้ ? มีหนุ่มวัยรุ่นเรียกขอถ่ายรูปด้วย พออาตมาอนุญาตกลับเรียกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาช่วยถ่ายให้ ได้พ่อหนุ่มผิวหมึกเป็นตากล้องจำเป็น เสร็จแล้วอาตมาเดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งตอนนี้มีคนนั่งอยู่สองคน นั่งลงที่ริมสุดติดผนังใส หยิบเอาสมุดบันทึกออกมาเขียนบันทึกประจำวัน เพิ่งจะเขียนไปได้หน่อยเดียว หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกด้านก็ล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ ทำเอาอาตมาต้องลุกเดินหนีควันบุหรี่ ข้ามถนนกลับไปที่ร้านลาฟาเย็ตต์ ที่ด้านข้างประตูกระจกมีขั้นเหมือนกับบันไดอยู่สองขั้น ด้านบนกว้างทีเดียว น่าจะเป็นบริเวณโชว์สินค้าที่เคยกั้นเป็นห้องกระจก แต่ตอนนี้เลิกใช้งาน จึงมีคนจีนกลุ่มหนึ่งยึดเป็นที่นั่งพัก กินขนมและดื่มน้ำกันอยู่ตรงนี้... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2017 เมื่อ 21:34 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
ขนาดตึกแถวยังสวยไปหมด แล้วจะเขียนรายงานอย่างไร ? เห็นด้านบนที่กว้างมากยังไม่มีใครนั่ง ปู้ห่าวอี้ซือ อาตมากล่าวขอโทษแล้วเดินแหวกขึ้นไปนั่ง พิงผนังได้ก็เข้าสู่สมาธิในพริบตา เพื่อระงับอาการปวดตุบ ๆ ที่สะโพกของตน จึงไม่ได้สนใจสายตาที่มองแปลก ๆ ของบรรดาพี่น้องชาวจีน กำหนดใจนิ่งอยู่พักใหญ่ รู้สึกว่ามีคนมานั่งข้าง ๆ จึงลืมตาขึ้นมาดู เห็นเป็นพระครูปรีชากับท่านไพฑูรย์ จึงส่งเสียงแหบ ๆ ถามว่าไปถึงไหนมา ? ทั้งสองคนบอกว่าเดินวนอยู่รอบ ๆ แถวนี้แหละ แค่บรรดาตึกแถวอย่างเดียวก็ถ่ายรูปกันไม่รู้เบื่อแล้ว ท่านไพฑูรย์พูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเองว่า มีแต่ของน่าสนใจสวยงามมากมายอย่างนี้ ต้องไปเขียนสรุปการดูงานหนาเป็นเล่มเลยมั้ง ?... เอาอย่างนี้สิครับ สรุปไปสั้น ๆ ว่า ถ้าเรารักษาของเก่าจนขายได้แบบอิตาลี รักษาธรรมชาติจนขายได้เหมือนกับสวิส สร้างแบรนด์จนขายได้เหมือนกับฝรั่งเศส ก็น่าจะเพียงพอแล้ว อาตมา ไกด์ไลน์ ให้เพื่อนตามความเคยชิน ทั้งที่ไม่มีเสียงจะพูด พูดน่ะง่าย...อีตอนเขียนคงต้องอดตาหลับขับตานอนกันอีกนาน อาตมาส่งน้ำดื่มไปให้ ทั้งสองแบ่งกันซดจนเกลี้ยง เมื่อคิดว่าเรากำลังรอรถเพื่อไปยังที่พัก จึงไม่คิดที่จะไปเติมน้ำใหม่ เพื่อน ๆ เริ่มทยอยกันออกมา เมื่อเห็นว่ามีคน ยึดหัวหาด ไว้ให้ ก็ลุยเข้ามากองรวมกันเป็นกระจุก ในที่สุดบรรดานักท่องเที่ยวจีนก็สู้กำลังของเหล่า ไต้ซือ ไม่ได้ ต้องถอนสมอออกไปจากบริเวณนี้จนหมด เหลือแต่พวกเราล้วน ๆ... รออยู่เกือบชั่วโมงอาตมาจึงนับพวกเราแก้เซ็ง รวมแล้วได้แค่ ๑๘ รูป ขาดใครไปบ้างวะ ? ขาดพระครูกล้า พระครูญาณฯ พระครูโจ กับหลวงพ่อท่ายาง องปลัดที่มองอยู่ก่อนแล้วบอกมาโดยไม่ต้องถาม ท่านหายไปไหนกัน ? อีกฝ่ายแถลงอย่างคล่องแคล่วไม่เหมือนตอน พรีเซนต์ งานหน้าห้องว่า ให้โอ๋พาขึ้นไปถ่ายรูปบนชั้น ๗ เห็นบอกว่ามาทั้งทีก็อยากได้เห็นวิวเมืองปารีสด้วย สรุปว่าการถ่ายวิวเมืองปารีส ทำเอาพวกเรานั่งรอจนตูดด้าน กว่าพ่อเจ้าประคุณทั้งหลายจะมาถึง กล้าอีกแล้ว เสียงพระครูวิสุทธฯ แซวเมื่อเห็นหน้า แต่อย่าหวังว่าพวกจะสะดุ้งสะเทือน มีแต่หลวงพ่อพระครูญาที่รู้ว่าพรรคพวกรอนาน เลยตีหน้าปูเลี่ยน ๆ เนื่องจาก ติดหลังแห ไปด้วย... |
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
ไข้จับจนมึนไปหมด มาถึงโรงแรมได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? มัคคุเทศก์รูปหล่อพาพวกเราเดินย้อนเส้นทางเดิมที่นั่งรถมา เพื่อกลับไปยังจุดที่อนุญาตให้จอดรถรับคนได้ แหม..ตอนยกขบวนเดินข้ามถนนนี่เป็นเป้าสายตาดีแท้ ทั้งกล้องทั้งโทรศัพท์มือถือยื่นมากันให้ว่อน ขนาดในรถที่จอดให้พวกเราข้ามถนนก็ยังมีมือถือยื่นออกมาด้วย ทั้งถ่ายภาพนิ่งและถ่ายคลิปวิดีโอ หวังว่าคงไม่ไปโพสต์ลงยูทูบแล้วให้คำบรรยายว่า “พระวัดเส้าหลิน เดินขบวนประท้วงรัฐบาลฝรั่งเศส” อะไรประมาณนี้ “ที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าคงจะเป็น “แฟชั่นใหม่อินเทรนด์ในกรุงปารีส” มากกว่าครับ” มัคคุเทศก์ล่องหนเล่นด้วย... พรรคพวกเดินช็อปปิ้งกันจนหมดแรง หรือว่าอาตมาทั้งที่ขาเจ็บแล้วยังเดินเร็วก็ไม่รู้ ? จึงเดินนำหน้าเพื่อน ๆ ไปหลายคน เมื่อเป็นดังนั้นจึงหยุดนั่งบนม้านั่งสาธารณะกลางสะพาน ให้ “หญิงใหญ่” ช่วยถ่ายรูปกับศาลาว่าการกรุงปารีส แล้วยังเดินแซงไปได้อีก “หลายท่านอายุมากกว่าท่าน อีกหลายท่านที่อายุน้อยกว่าแต่ก็แข็งแรงน้อยกว่าท่านครับ” ได้ยินแล้วจะภูมิใจดีไหมนี่ ? ตอนนี้อาการไข้มาลาเรียเริ่มขึ้นสมองตุบ ๆ แล้ว เลี้ยวขวาเลาะไปตามถนนริมแม่น้ำ ถ่ายรูปไปเรื่อยจนมาถึงสี่แยกข้างศาลาว่าการกรุงปารีส ก็ยกขบวนข้ามถนนทีเดียวสองแยกเลย พลขับเอารถมาจอดอยู่ข้างถนนหลังศาลาว่าการ พวกเราที่เข้าใจสภาพการจราจรดี จึงรีบขึ้นรถกันโดยเร็ว... ขึ้นรถมาเรียบร้อยท่านอาจารย์ ดร.พิเชฐก็ส่งไมโครโฟนให้กับท่านประธานรุ่น เพื่อนำทำวัตรค่ำ ขณะที่นายสันโดษนำรถออก และอาตมาเข้าสู่สมาธิอย่างแนบแน่นเพื่อหนีความเจ็บสะโพก มารู้ตัวอีกทีเสียงมัคคุเทศก์รูปหล่อประกาศว่า “ถึงที่พักแล้วครับ” ปรากฏว่าเป็นโรงแรมชื่อ Holiday Inn เพราะว่าป้ายนีออนสีเขียวใสอยู่ในระดับสายตาพอดี หอบกระเป๋าสะพายลงจากรถแบบมึน ๆ นั่งบื้ออยู่ที่เก้าอี้รับแขกเพราะอาการไข้มาลาเรียกำลังขึ้นเต็มที่ จนกระทั่งรับบัตรกุญแจหมายเลข ๓๑๐ มา แล้วเดินตามพรรคพวกไปสู่ห้องได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? จำได้แค่ว่าสรงน้ำร้อนแบบลวก ๆ ขอยาแก้ไข้จากคุณโอเล่ที่มาแจกน้ำปานะฉันลงไป แล้วนอนฟิวส์ขาดไปเลย... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-06-2017 เมื่อ 18:15 |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|