|
ปลดหนี้ที่เนปาล ปลดหนี้ที่เนปาล โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร. (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
ปลดหนี้ที่เนปาล ตอนที่ ๑
การได้พบและให้ความช่วยเหลือวัดมุนิวิหารเมื่อปีที่แล้ว สืบเนื่องมาจากการที่อาตมานำคณะไป "สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล" จนได้ไปเจอวัดมุนิวิหาร ที่เมืองภักตรปุระ (Bhaktapur) ซึ่งเป็นวัดไทยในพระสังฆราชูปถัมภ์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แล้วชอบใจการทำงานเพื่อพระพุทธศาสนาแบบทุ่มเทของท่านวิปัสสี ธมฺมราโม เจ้าอาวาสวัดมุนิวิหาร ที่ส่งพระภิกษุสามเณรเข้ามาศึกษาในเมืองไทยถึงสองร้อยกว่ารูป จึงสอบถามท่านว่าต้องการจะให้ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง ? ท่านวิปัสสีบอกว่าต้องการซื้อที่ดินเพื่อขยายวัด จะได้สร้างอาคารที่พักสงฆ์เพิ่มเติม แต่เนื่องจากเนปาลเป็นที่ราบสูง มีพื้นที่จำกัดมาก ราคาที่ดินจึงค่อนข้างแพง ที่ดินแค่ ๒๐๐ ตารางวาที่วัดต้องการซื้อ มีราคาถึง ๑๐ ล้านรูปี ซึ่งคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๔ ล้านบาท อาตมาซึ่งจัดโครงการทอดกฐินปลดหนี้อยู่ทุกปี เห็นว่าไม่เกินกำลัง จึงรับปากว่าจะนำกฐินปลดหนี้มาทอดให้ในปีถัดไป (พ.ศ. ๒๕๕๘) บรรดาเทวดานางฟ้าโดยเฉพาะ "นภิสราเทวี" เจ้าแม่หลักเมืองเนปาล นอกจากอนุโมทนาสาธุการแล้ว ยังคอยตาม "จิก" ไม่ให้อาตมาลืมสัญญาอีกด้วย... |
สมาชิก 260 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ขโมยก่อนมีลิขสิทธิ์..! กลับมาเมืองไทยแล้ว อาตมาจึงปรึกษาคุณนายปุ๊ก (พิกุลฉัตร พิจารณ์จิตร) กับ ตากล้องเอ๋ (สุรชาติ บุญเจริญ) ว่าจะสร้างพระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดิน เพื่อหาทุนไปทอดกฐินปลดหนี้ที่เนปาล ยายจี๋ (วินิตา มณฑลโสภณ) อุตส่าห์เอาพระพุทธรูปเนปาลของรักของหวงมาให้เป็นต้นแบบ แต่อาตมาเห็นว่าพระพักตร์ยังงามไม่ถูกใจ จึงไป "ขโมย" รูปจากในอินเตอร์เน็ตมาเป็นพระพักตร์ แล้วให้ทั้งสองคนไปหาช่างที่มีฝีมือมาสร้าง ถึงราคาจะแพงก็ไม่ว่า ขอให้ออกมาสวยถูกใจก็แล้วกัน คู่หูต่างเพศจึงต้องวิ่งกันขาขวิดเพื่องานนี้ อาตมารักษาการติดต่อกับท่านวิปัสสีทาง Email เมื่อได้รับการติดต่อกลับมาว่า ท่านจะมาจำพรรษา ๒๕๕๗ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร อาตมาจึงนัดแนะวันเวลาไปพบท่าน เพื่อตกลงรายละเอียดในการเดินทางไปทอดกฐินปลดหนี้ โดยเฉพาะวันเวลาที่จะไป และสอบถามรายละเอียดบางอย่างเพิ่มเติม ท่านนัดให้ไปพบกันที่กุฏิของท่าน ที่ตึก ๙๖ พรรษา ญสส. วัดบวรนิเวศวิหาร หลังงานทำบุญวันแม่ของวัดท่าขนุน... |
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อากาศที่เนปาลช่วงนั้นประมาณ ๗ องศาเซลเซียส (รูปจากอินเตอร์เน็ต) อาตมากับน้องเล็ก (จิราพร ซื่อตรงต่อการ) ไปถึงก็ไปกราบพระพุทธชินสีห์ในพระอุโบสถ แล้วมากราบสังขารของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ตำหนักเพชร จากนั้นโทรหาท่านวิปัสสีให้ออกมารับ แล้วไปที่กุฏิของท่าน เจรจากันหลายเรื่องดังนี้... ....................๑. วันเวลาในการทอดกฐิน ได้แก่ วันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ เวลา ๑๐.๐๐ น. เนื่องจากทางเนปาลมีเทศกาลบูชาเทวดาในช่วงนั้น ถ้าตรงกับงานเทศกาล จะมีโยมมาวัดกันน้อย จึงต้องเลือกวันเวลาที่เหมาะสม ไม่ติดงานเทศกาลใด ๆ ....................๒. เรื่องที่พักทางวัดมุนิวิหารไม่มีให้ เพราะพระเณรพักกันเต็มจนล้นแล้ว ทางอาตมาต้องจองโรงแรมเอง หรือจะให้ท่านช่วยจองให้ก็ได้ วันงานทางวัดจะเลี้ยงอาหารกลางวัน ๑ มื้อ ....................๓. จำนวนคนแล้วแต่ทางอาตมาสะดวก เมื่อไม่ได้พักที่วัดจะไปคณะใหญ่แค่ไหนก็ได้ ....................๔. อากาศช่วงนั้นปกติอยู่ที่ประมาณ ๗ องศาเซลเซียส ถ้าไม่ออกนอกที่พักก็ไม่หนาวนัก ....................๕. จะมีกฐินไปทอดกี่คณะก็ได้ ทางอาตมาไม่รังเกียจที่จะร่วมบุญเป็นกฐินสามัคคี ....................๖. เงินกองกฐินให้ซื้อดราฟท์เป็นอเมริกันดอลลาร์ สั่งจ่ายในนามของท่านโดยเฉพาะ ....................๗. อาตมาจะสร้างพระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดิน ไทย - เนปาล เพื่องานกฐินครั้งนี้ |
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ธรณีพิบัติภัยในเนปาล (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) ถ้ามีรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม ให้แจ้งไปทาง Email แล้วอาตมาก็มาวุ่นวายอยู่กับการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก และติติงแก้ไขแบบของพระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดิน จนแทบจะไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น ขณะที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มในการสอบจบปริญญาเอก ก็เกิดแผ่นดินไหวขนาด ๗.๘ ริกเตอร์สเกล ถล่มเนปาลราบเป็นหน้ากลอง โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งอาตมากับคณะไป "สนุกสนานวุ่นวาย" กันมาทุกแห่ง พังทลายยับเยิน มีคนตายหลายพันคน และไร้ที่อยู่อาศัยอีกนับแสน..! พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จำนวน ๑๐ ล้านบาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานสิ่งของอีก ๕ ตัน มี เต็นท์ ผ้าห่ม เตาแก๊ส และยารักษาโรค เป็นต้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศเนปาลในครั้งนี้... นอกจากนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยกองทัพไทย จัดส่งทีมแพทย์และชุดบรรเทาสาธารณภัยเฉพาะกิจ เข้าไปช่วยเหลือเป็นการด่วน แต่ที่ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง คือศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเฉพาะกิจ ของสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ภายใต้การดูแลของพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) กรรมการมหาเถรสมาคมและเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่บัญชาให้พระเทพโพธิวิเทศ (วีระยุทธ วีรยุทฺโธ, ดร.) หัวหน้าพระธรรมทูตไทยสายอินเดียและเนปาล เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน นำพระธรรมทูตบุกเข้าไปช่วยเหลือในทุกพื้นที่ซึ่งทางราชการเนปาลเข้าไปไม่ถึง... |
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ภักตระปุระพังทั้งเมืองแต่ไม่มีข่าววัดมุนิวิหารเลย (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) อาตมาพยายามติดต่อกับท่านวิปัสสี ไม่ว่าจะเป็นทางอินเตอร์เน็ตหรือทางโทรศัพท์ แต่ก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้ เมื่อเห็นสภาพพังยับเยินของเมืองภักตรปุระแล้ว ได้แต่ภาวนาให้ทางวัดมุนิวิหารปลอดภัย นึกไปถึงคำก่อนลาจากของนภิสราเทวี เจ้าแม่หลักเมืองเนปาลที่ว่า "พบกันครั้งหน้าก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว" ซึ่งอาตมาเข้าใจไปว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเทวดาผู้ทำหน้าที่ดูแลประเทศเนปาล ใครจะไปนึกว่าแม่เจ้าประคุณพยายามบอกใบ้เต็มที่แล้ว แต่อาตมาตีความผิดไปเอง... จนน้องเก๋แจ้งมาว่าติดต่อกับคุณราม (Mr. Ram Silwal) ของบริษัท “Friendship Nepal Tours and Travels” ได้แล้ว ฝ่ายนั้นปลอดภัยก็จริง แต่บ้านช่องห้องหับพังราบ ต้องนอนเต็นท์ไปก่อน เมื่อสอบถามว่าต้องการอะไรบ้าง ? อีกฝ่ายบอกว่าเงินสดเป็นดีที่สุด ถ้าส่งเป็นสิ่งของไป ทางรัฐบาลรับไว้แล้วมักจะเอาไปรวมกันอยู่ที่เดียว แจกจ่ายให้ไม่ทั่วถึงเหมือนกับทีมงานพระธรรมทูตไทย ถ้าได้เงินไปก็สามารถสั่งซื้อข้าวของที่ต้องการจากประเทศจีนได้ และแสดงความความบริสุทธิ์ใจด้วยการให้โอนเงินเข้าไปในบัญชีของมูลนิธิ Lions Club of Kathmandu แทนที่จะโอนไปให้เขาโดยตรง... เมื่อถามถึงวัดมุนิวิหาร พระรามของเราก็ตอบไม่ได้ บอกได้แค่ว่าภักตรปุระพังเสียหายทั้งเมือง อาตมาจึงให้น้องเก๋ดำเนินการบอกบุญในเว็บวัดท่าขนุน เพื่อรวบรวมเงินส่งไปช่วยเหลือ ส่วนตัวเองอาศัยบารมีของท่านพระครูปลัดปิง (พระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณ) ในฐานะเลขานุการส่วนตัวของท่านเจ้าคุณพรหมสิทธิ ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ให้ติดต่อกับทีมงานพระธรรมทูตเฉพาะกิจ ซึ่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวอยู่ในประเทศเนปาล ช่วยสืบข่าวให้ด้วย... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2015 เมื่อ 03:09 |
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
พระมหาสุพจน์ กิตฺติวณฺโณ (กลาง) กำลังแจกของช่วยเหลือผู้ประสบภัย พระมหาสุพจน์ กิตฺติวณฺโณ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ประธานศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเนปาล แจ้งกลับมาแบบรวดเร็วทันใจว่า วัดมุนิวิหารปลอดภัยดี แต่เมืองภักตรปุระพังเสียหายทั้งเมือง เนื่องจากทางวัดมุนิวิหารสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต จึงไม่ได้ติดต่อประสานงานกับทางศูนย์ช่วยเหลือฯ ทำให้ทางศูนย์ฯ ไม่ทราบว่ามีวัดนี้อยู่ด้วย เมื่อติดต่อกันได้แล้ว จึงรีบส่งความช่วยเหลือเข้าไปเป็นการด่วน อาตมาติดตามข่าวอยู่หลายวัน เมื่อทราบว่าความช่วยเหลือเข้าไปถึงแล้วก็เบาใจ และรู้สึกซาบซึ้งใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากของพระธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาลทุกรูป... น้องเก๋เปิดกรุขนวัตถุมงคลส่วนตัวออกมาให้บูชากันในเว็บ ระดมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในเนปาลได้มา ๑๔๕,๐๐๐ บาทเศษ แลกเป็นเงินดอลลาร์ได้ ๔,๒๘๐ ดอลลาร์ โอนไปเข้าบัญชีของมูลนิธิ Lions Club of Kathmandu เรียบร้อยไม่นาน ท่านวิปัสสีก็โทรเข้ามาแจ้งว่า ทางวัดมุนิวิหารปลอดภัยทุกประการ เพราะตัวอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กแบบสมัยใหม่ แต่เมืองภักตรปุระที่เป็นอาคารแบบเก่าอายุหลายร้อยปี ส่วนมากก่ออิฐไม่ได้ฉาบปูนไม่ได้เสริมเหล็ก พังทลายยับเยินไปทั้งเมือง ชาวบ้านต้องแห่กันมาอาศัยวัดเป็นที่หลับที่นอน... ทางศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวของพระธรรมทูตไทย ได้ส่งอาหารและเต็นท์ที่พักเข้าไปให้หลายครั้งแล้ว แต่ช่วงนี้ฝนเริ่มตกทำให้ชาวบ้านต้องนอนกับพื้นเปียก ๆ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ขอให้ทางศูนย์ฯ ช่วยส่งเตียงไปให้สัก ๑๒๐ เตียงด้วย อาตมารีบติดต่อกับพระครูปลัดปิงแจ้งเรื่องให้ทราบ แต่ว่าการส่งเตียงไปจากเมืองไทย ต้องเสียภาษีนำเข้าแพงมาก ทั้งยังล่าช้าเพราะการขนส่ง การซื้อเตียงในเนปาลก็ราคาสูงถึงหลังละห้าพันกว่าบาท ทางศูนย์ฯ ติดขัดด้วยงบประมาณ จึงขอทยอยซื้อส่งไปให้ อาตมาถือว่าทำหน้าที่เต็มที่แล้ว จึงได้แต่วางอุเบกขาอยู่ในใจ... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2015 เมื่อ 04:08 |
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
พระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดิน (เนื้อเงิน) สอบถามท่านวิปัสสีถึงความสะดวกในการไปงานกฐินปลดหนี้ เนื่องจากอาตมาวางแผนสำรองเอาไว้ว่า ด้วยความลำบากจากภัยพิบัติ เดือดร้อนทั้งการกินการอยู่แบบนั้น พวกเราที่ไปเป็นคณะใหญ่ ถ้ารบกวนท่านจนเกินไป ก็จะนิมนต์ท่านมารับกฐินปลดหนี้ที่บ้านวิริยบารมีแทน อีกฝ่ายรีบบอกว่าไม่ลำบาก ถึงจะไม่สะดวกในบางเรื่องก็ยังสามารถต้อนรับไหว อาตมาจึงเบาใจว่า ไม่ต้องผิดคำพูดกับ "เจ้าแม่" ที่ตามทวงสัญญาอย่างกับเจ้าหนี้นอกระบบก็ไม่ปาน..! ในช่วงแรกเมื่อให้น้องเก๋ติดต่อกับบริษัทนำเที่ยว เพื่อจัดทริปไปงานกฐินปลดหนี้ อาจจะเป็นเพราะแหล่งท่องเที่ยวของเนปาลพังเสียหายเกือบหมด แม้แต่ยอดเขาเอเวอร์เรสต์ก็ยังเกิดหิมะถล่ม ฝังนักปีนเขาไป ๑๗ ศพ ทำให้ไม่มีบริษัทใดคิดจะจัดทัวร์ไปเนปาลในช่วงนั้นเลย อาตมาจึงต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เปลี่ยนเป็นบอกให้คุณนายปุ๊กเปิดกระทู้บูชาพระกริ่งปลดหนี้สองแผ่นดินเนื้อเงิน เพื่อเตรียมปัจจัยไว้ให้พร้อมก่อน เมื่อมีเงินแล้วงานจะออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น... ญาติโยมที่รอบูชาพระกริ่งปลดหนี้ฯ กันอยู่ สั่งจองกันถล่มทลายจนได้ปัจจัยถึง ๕ ล้านบาทเศษ ซึ่งคุณนายปุ๊กแจ้งให้ทุกคนทราบอย่างชัดเจนแล้วว่า ปัจจัยที่เหลือจะนำเข้าร่วมในการสร้างมณฑปเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำกับทางวัดท่าขนุน เมื่อเงินส่วนนี้โอนมาเข้าบัญชีของอาตมาเรียบร้อย ก็เป็นที่อุ่นใจว่า ถึงเศรษฐกิจจะตกสะเก็ดอย่างไร ก็สามารถไปช่วยปลดหนี้ให้กับท่านวิปัสสีได้ทุกเวลา... |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
"ว่าที่เจ้าคุณ" ท่านว่า บริษัทนี้ดีที่สุด หลังจากนั้นอาตมามอบหมายให้หญิง (ณญาดา ศราภัยวานิช) ทำการติดต่อบริษัททัวร์ เพื่อนำคณะไปเนปาล แต่ผลออกมาก็คือมีแต่คนบ่นว่า "ทำไมถึงราคาแพงอย่างนี้ ?" ซึ่งอาจจะเป็นเพราะบริษัททัวร์ต่าง ๆ ต้องคิดเผื่อว่าแผ่นดินไหวทำลายแหล่งเที่ยวหลัก ๆ ไปหมด คงจะหาโปรแกรมพาพวกเราไปยังที่ซึ่งลูกค้าพอใจ ซึ่งเหลือแต่โพคารา (Pokhara) และ เบสแคมป์ (Base Camp) ที่เชิงเขาเอเวอร์เรสต์หรือเปล่าก็ไม่รู้ ? จึงทำให้ราคาแพงมาก ในที่สุดเรื่องก็เงียบเป็นคลื่นกระทบฝั่งไปเฉย ๆ... จนกระทั่งวันเวลากระชั้นเข้ามา อาตมาจึงให้คุณชวง (ไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ไปทำการติดต่อบริษัททัวร์ต่าง ๆ ให้นำเสนอโปรแกรมเที่ยวเนปาลใน ๔ - ๕ วันมา โดยขอครึ่งวันเช้าวันเสาร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ให้เป็นเวลานำกฐินไปทอดที่วัดมุนิวิหาร อาจจะเป็นเพราะผ่านระยะเวลาที่แผ่นดินไหวมาเป็นปีแล้ว จึงมีหลายบริษัทยื่นโปรแกรมมา ซึ่งเงื่อนไขดีมากจนอาตมากำลังจะตกปากรับคำของบริษัทเบสท์ฮอลิเดย์ทัวร์อยู่แล้ว พระครูปลัดปิง ซึ่งตอนนี้อาตมาเรียกท่านว่า "ว่าที่เจ้าคุณ" ทราบเรื่องก็ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับ "คุณจันทร์" บอกว่าให้ใช้บริการของบริษัทนี้จะดีกว่า... "คุณจันทร์" ตอบกลับและส่งโปรแกรมมาให้แบบทันใจมาก เมื่อเห็นเงื่อนไขและราคาแล้ว อาตมาตอบตกลงทันที เพราะเสนอให้เดินทางด้วยการบินไทยและพักโรงแรมสี่ดาว คุณชวงจึงเดินทางไปยังบริษัทเพื่อคุยเงื่อนไขและทำสัญญา แล้วก็เกือบจะช็อกตาย เมื่อพบว่า "คุณจันทร์" ที่ติดต่อกันและสบอัธยาศัยมากนั้น คือคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เจ้าของบริษัทเอ็น.ซี.ทัวร์ ซึ่งเกษียณตัวเองไปแล้ว แต่ยังอุตส่าห์มาต้อนรับขับสู้และรับงานด้วยตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราจึงเทใจให้เต็มร้อย อาตมาประกาศรับสมัครญาติโยมที่ติดตามไปด้วย ทั้งที่บ้านวิริยบารมีและลงประกาศในเว็บวัดท่าขนุน... |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
หนังสืออนุญาตจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต ท่านวิปัสสีโทรแจ้งมาว่า ให้อาตมาทำหนังสือขออนุญาตท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) กรรมการมหาเถรสมาคม รักษาการเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต รักษาการเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และพระเทพสารเวที ประธานคณะกรรมการอุปถัมภ์วัดมุนิวิหาร เพื่อขออนุญาตนำกฐินไปทอดที่วัดมุนิวิหารด้วย อาตมาได้ยินเข้าก็อึ้งไปหลายวินาที เพราะดันไปคิดว่า "ขนาดเอาเงินไปให้นี่ยังต้องขออนุญาตอีกหรือวะ ?" แต่ก็พยายามทำความเข้าใจว่า ทางคณะสงฆ์ธรรมยุตคงจะต้องการความโปร่งใส และขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน อาตมาจึงรีบทำหนังสือขออนุญาตไปโดยด่วน... หลังจากนั้น ๔ วันอาตมาก็ได้รับหนังสืออนุโมทนาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต เมื่อแจ้งให้ท่านวิปัสสีทราบ ท่านก็ขอรายชื่อคณะกรรมการกฐินในครั้งนี้ เพื่อจะได้พิมพ์ลงในใบฎีกาบอกบุญ อาตมาบอกว่า "ลงชื่อพระครูวิลาศกาญจนธรรมไปรูปเดียวก็พอ ขืนเอารายชื่อทั้งหมดจะกลายเป็นหนังสือเล่มใหญ่แทนที่จะเป็นฎีกาบอกบุญ" ท่านวิปัสสีจึงไปจัดการตามนั้น อีกไม่กี่วันก็ส่งซองฎีกาหอบหนึ่งไปให้อาตมาถึงวัดท่าขนุน ซึ่งอาตมาโยนลงลังเก็บของ รอเวลาเอาไปชั่งกิโลขายอีกที..! ในการสอนกรรมฐานต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ทิดเต้ย (สุรจิตร สมิทธิ์นราเศรษฐ์) ขอร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าไตรกฐินในครั้งนี้ อาตมาจึงแจ้งกับญาติโยมทั้งหลายว่า ผู้ใดจะร่วมบุญผ้าไตรกฐินปลดหนี้ปีนี้ ก็ให้ไปร่วมบุญกับทิดเต้ย คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้ร่วมบุญกันมากขนาดนั้น หลังจากจัดหาผ้าไตร ๙ ขันธ์ ผ้าสังฆาฏิสองชั้นแล้ว ทิดเต้ยยังเหลือปัจจัยฝากยายจี๋มาถวายอาตมาถึง ๑๒,๐๐๐ บาท..! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-11-2015 เมื่อ 18:03 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
งานตักบาตรเทโวฯ วัดท่าขนุน หลังงานเป่ายันต์เกราะเพชรเพื่อสงเคราะห์ญาติโยมเป็นครั้งแรกในรอบปี (๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๘) ทางคุณหนึ่ง (ณิชารีย์ จั่นแก้ว) ผู้ติดต่อประสานงานของ เอ็น.ซี.ทัวร์ก็แจ้งมาว่า จะเดินทางไปร่วมงานตักบาตรเทโวและทอดกฐินสามัคคีของวัดท่าขนุน (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘) เพื่อนำเอากำหนดการไปส่งให้กับคณะของเรา แม้อาตมาจะทักท้วงว่า รอไปรับที่สนามบินเลยก็ได้ แต่คุณหนึ่งก็ไม่ยอม บอกว่าเป็นคำสั่งของเจ้านาย (คุณนวลจันทร์) ที่มิอาจจะปฏิเสธได้ ฟังแล้วเหมือนคำพูดของ Don Corleone เจ้าพ่อมาเฟียแห่งอิตาลีอย่างไรพิกล... ออกจากการเข้ากรรมฐาน ๓ วัน แล้วมารับบาตรเทโวและกฐินสามัคคี ทั้งที่คนแห่กันมาทำบุญแน่นไปทั้งวัด แต่อาตมาก็ยังอุตส่าห์ไม่เป็นลมไปเสียก่อน หลังงานก็ได้พบกับคุณหนึ่ง ซึ่งนำเอากำหนดการเดินทางมาส่งให้พร้อมกับแจ้งว่า ผู้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะทัวร์ในการเดินทางครั้งนี้คือคุณโอเล่ (นุสรา เด่นซอ) อาตมาก็เกิดความรู้สึกว่า "โลกนี้ช่างกลมเสียจริง" ทั้งที่ใช้บริการของคนละบริษัทแท้ ๆ แต่กลับมาเจอคนที่คุ้นเคยกันตั้งแต่ครั้ง "อีหรอบเดียวกัน" เข้าจนได้... ทั้งที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดจากงานตักบาตรเทโวและทอดกฐินสามัคคี อาตมาก็ต้องส่งรายละเอียดส่วนตัวไปให้หมู (กมลรัตน์ บุญเกิด) ผู้จัดการธนาคารคู่บุญ ที่ติดตามรับเงินไปเข้าธนาคารให้ทุกต้นเดือนมานับสิบปี เพื่อให้ช่วยซื้อดราฟท์ให้เป็นจำนวน ๑๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์ จึงได้ทราบว่าท่านวิปัสสีรู้จริงในขั้นตอนการนำกฐินไปทอดที่ต่างประเทศ เพราะเพื่อป้องกันการแอบอ้างขนเงินออกนอกประเทศ ทางธนาคารได้ขอหลักฐานในการนำกฐินไปทอดที่เนปาลด้วย ทั้งหนังสืออนุโมทนาของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต และฎีกาทอดกฐินปลดหนี้ที่เนปาล จึงได้ควักกลับขึ้นมาใช้งานจริง ๆ... |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ซื้อดราฟท์ไปเท่านี้ เมื่อเดินทางมาสอนกรรมฐานและรับสังฆทานต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘ แต่ควบปลายเดือนตุลาคมที่บ้านวิริยบารมี อาตมาขอให้ป้ามอย (คุณมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ช่วยแลกเงินดอลลาร์เพื่อเอาติดตัวไปด้วย ไม่ได้คิดจะไปซื้อข้าวซื้อของอะไรหรอก ตั้งใจว่าจะเอาไปปิดยอดกฐินที่เนปาลให้เป็นตัวเลขกลม ๆ ลงบัญชีได้ง่ายเท่านั้น ป้ามอยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในครึ่งวัน ใบละ ๑๐๐ ดอลลาร์ และ ๕๐ ดอลลาร์ แลกได้ที่อัตรา ๓๕.๖๒ บาทต่อดอลลาร์ ส่วนใบละ ๒๐ - ๑๐ - ๕ ดอลลาร์ แลกได้ที่อัตรา ๓๕.๕๒ บาทต่อดอลลาร์ ฝ่าย ผจก.หมูส่งรูปดราฟท์มาทางไลน์ เพื่อให้ทราบว่าได้ดำเนินการเสร็จแล้ว การซื้อดราฟท์ครั้งนี้ (วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ ๓๕.๗๐ บาทต่อดอลลาร์ จึงต้องจ่ายเงินไทยไปทั้งสิ้น ๔,๒๘๔,๐๐๐ บาท จ่ายค่าธรรมเนียมไป ๒๐๐ บาท อากรแสตมป์อีก ๓ บาท... ท่านวิปัสสีโทรเข้ามา ถามว่าทางอาตมามีข้าวของบริวารกฐินไปมากหรือไม่ ? เมื่อตอบไปว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากผ้ากฐิน ๑ ไตรเท่านั้น ท่านก็แทบจะไชโยด้วยความดีใจ แจ้งว่ามีผู้ถวายบริวารกฐินไปกับท่านเป็นจำนวนมาก น้ำหนักน่าจะถึง ๕๐ กิโลกรัม จะขออนุญาตเฉลี่ยน้ำหนักกับคณะของอาตมาด้วย เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อไปเครื่องเที่ยวเดียวกันอยู่แล้ว อาตมาจึงตอบอนุญาตไปด้วยความยินดี... ดูท่าว่าจะอยู่ในช่วงบุญกรรมฐานส่งผลให้ "ไหลมาเทมา" เพิ่งวางสายจากท่านวิปัสสี คุณนวลจันทร์กับคุณโอเล่ก็หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางมาเป็นกุรุส ถวายอาตมาและมหาโรจน์ (พระมหานัทกฤต ทีปงฺกโร) คนละใบ ที่เหลือมอบให้กับคุณชวงไปจัดการ อาตมาลงชื่อไว้ที่กระเป๋าเสร็จสรรพ คุณนวลจันทร์ก็กราบขออนุญาตว่า "กลับมาแล้วดิฉันขอกระเป๋าใบนี้เป็นที่ระลึกนะคะ จะเอาใบใหม่มาเปลี่ยนให้ค่ะ" ฮ่า..ฮ่า..โดนตัดทาง "ทำมาหากิน" เสียแล้ว ว่าจะเอาออกประมูลอยู่ทีเดียว ท่านเจ้าของบริษัท เอ็น.ซี.ทัวร์ ขออนุญาตร่วมบุญกฐินปลดหนี้ในครั้งนี้ ด้วยการถวายปัจจัยมา ๑๐๐ ดอลลาร์... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-11-2015 เมื่อ 15:32 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น (ภาพจากอินเตอร์เน็ต) พูดคุยทักทายฟื้นความหลังครั้ง "อีหรอบเดียวกัน" กับคุณโอเล่ และนัดแนะพบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ทั้งคุณนวลจันทร์กับคุณโอเล่ก็ไป "เจรจาความเมือง" กับคุณชวงกันอีกรอบ ปล่อยให้อาตมานั่งรับสังฆทาน สนทนาธรรม และสอนกรรมฐานไปตามเพลง กว่าจะครบสามวันตามกำหนดการก็แทบจะหลุดเป็นชิ้น ๆ ช่วงนี้มีคุณมุกดา พฤกษถานนท์กุล ถวายค่าเดินทาง ๒๐๐ ดอลลาร์ คุณชวง ๒๘๓ ดอลลาร์ ซึ่งมาจากการที่มีผู้มีจิตศรัทธาช่วยกันออกค่าเดินทางให้อาตมา ดังนี้ ................................๑. ป้าติ๋ว (นท.หญิง อริศรา กิติธีระกุล) ๑๐,๐๐๐ บาท ................................๒. เสี่ยแดง (มงคล ม่วงน้อยเจริญ) ๑๐,๐๐๐ บาท ................................๓. คุณชวง (ไพรินทร์ สุวิชชาญพันธุ์) ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วยังมีทิดแจ๊ค (กรชัย บันดาลสิริกุล) กับสาวโอ (ปาริฉัตร อายุวัฒนะ) อีก ๕,๐๐๐ บาท และทาง เอ็น.ซี.ทัวร์ คืนค่าวีซ่ามา ๘๗๕ บาท เพราะของอาตมาใช้หนังสือเดินทางราชการ ไม่ต้องจ่ายค่าวีซ่า เมื่อหักค่าตั๋วเครื่องบินและค่าห้องพักเดี่ยวแล้ว คุณชวงจึงเอาเงินที่เหลือซื้อดอลลาร์มาถวาย ส่วนป้ามอยที่ครั้งนี้ไม่ได้ไปด้วย เพราะมีตารางเที่ยวพม่ารออยู่แล้ว ถวายธนบัตรใบละ ๑ ดอลลาร์ มา ๒๘ ใบ ตามมาด้วยคณะของทิดเดช (ณภพ รัคสิกรณ์) ถวายมา ๑๘๓ ดอลลาร์ มีใบละ ๒ ดอลลาร์ที่อาตมาเพิ่งจะเคยเห็นติดมาด้วย และปิดท้ายด้วยผู้ไม่ประสงค์ออกนามอีก ๑๐ ดอลลาร์... |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
มณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ จากอาจารย์สอนกรรมฐาน ก็แปลงกายเป็นอาจารย์ผู้บรรยายประจำวิชา ด้วยการไปสอนหนังสือทั้งที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ซึ่งแปลงโฉมยกชั้นขึ้นมาจากห้องเรียน มจร.วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม รุ่งขึ้นอีกวันก็ไปสอนที่ ห้องเรียน มจร.วัดไชยชุมพลชนะสงคราม จังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นวิ่งกลับวัดท่าขนุนไปตรวจงานก่อสร้าง โอ้..พระเจ้า...ทำไมถึงโหดร้ายกับอาตมาขนาดนี้หนอ ?!? งานทั้งในส่วนของมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ อาคารทรงไทยตรีมุข หอจ่ายน้ำประปา และ ฌาปนสถานวัดท่าขนุน เดินหน้าไปด้วยดี เมื่อจ่ายค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงช่างรับเหมา ไปทั้งสิ้นล้านกว่าบาท อาตมาก็ต้องนั่งตูดด้านทำรายงานประวัติประกอบผลงานย้อนหลัง ๕ ปี เพื่อยื่นขอสอบเป็นพระอุปัชฌาย์ ตามระเบียบของคณะสงฆ์ที่ว่า เมื่อเป็นเจ้าคณะตำบลแล้วต้องยื่นประวัติเพื่อขอเข้าสอบ ของคนอื่นประวัติอาจจะไม่มาก แต่ของอาตมาผลงานท่วมหัว ขนาดต้องลดผลงานลงด้วยการรายงานผลงานการบูรณปฏิสังขรณ์แค่ปีละ ๑ ชิ้นเท่านั้น... จากที่คิดว่าครึ่งวันเสร็จ ก็กลายเป็นอาตมาเสร็จเสียเอง เพราะนั่งทำประวัติตั้งแต่ตีห้าครึ่งไปเสร็จเอาตอนบ่ายสามครึ่ง สิบชั่วโมงเต็ม ๆ ขนาดอาหารยังต้องตักมาฉันไปทำประวัติไปเลย เมื่อเอาผลงานวิ่งไปส่งท่านเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ (พระครูวรกาญจนโชติ) แล้ว น้องเล็กก็พาวิ่งเข้ากรุงเทพฯ เพิ่งมาถึงแถวไทรโยคคุณหนึ่งก็โทรตาม เพื่อป้องกันการ "ลืม" กว่าจะฝ่ารถติดเข้าถึงบ้านวิริยบารมีก็ตกทุ่มครึ่ง เพิ่งมีเวลามาจัดกระเป๋าเดินทางตอนนี้เอง ยังดีที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมเดินทางแล้ว แต่...เพิ่งนึกได้ว่าเอกสารที่ส่งพร้อมกับประวัติให้กับท่านเจ้าคณะอำเภอนั้น ยังขาดงานสาธารณสงเคราะห์ไปทั้งกระบิ..! จึงต้องมาเปิดโน้ตบุ๊ก (๓) ส่งไฟล์ไปให้ท่านทาง Email กว่าจะเสร็จก็หมดสภาพนอนแผ่สี่สลึงไปเลย... |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|