|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#121
|
||||
|
||||
ถาม : ทำอย่างไรที่จะเลิกกลัวความพลัดพรากจากคนที่รักไปคะ ?
ตอบ : พยายามพิจารณาให้เห็นว่า ถึงเราไม่กลัวทุกคนก็ต้องพลัดพรากจากกันเป็นปกติอยู่แล้ว ดูสิว่ามีใครในบ้านไม่พลัดพรากจากกันบ้าง ถ้าไม่จากเป็นก็ต้องจากตาย ก็ในเมื่อเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ แล้วเราต้องไปกลัวทำไม ? ระหว่างที่อยู่ก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถึงเวลาถ้าต้องจากกันก็ถือว่าหมดภาระไป เพราะฉะนั้น..ควรจะจากกันเร็ว ๆ จะได้ไม่ต้องมีภาระ ถาม : เข้าใจแล้วครับ ? ตอบ : เข้าใจทุกทีแหละ เพียงแต่ไม่เคยทำได้สักอย่าง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2015 เมื่อ 19:54 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#122
|
||||
|
||||
ถาม : ความอาลัยนี่ตัดยากนะคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับกำลังใจ กำลังใจสูงก็ตัดได้ง่าย กำลังใจต่ำก็ตัดได้ยาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 02:51 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#123
|
||||
|
||||
ถาม : (เด็กถาม) โดนเพื่อนแกล้ง ควรจะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ปล่อยให้แกล้งต่อไป..! การอยู่ในสังคมส่วนรวม โดยเฉพาะโรงเรียนของเด็ก ๆ การโดนเพื่อนแกล้งถือว่าเป็นปกติ สมัยยังเรียนหนังสือหลวงพ่อก็โดนเพื่อนแกล้งเหมือนกัน แกล้งเสร็จเพื่อนก็วิ่งไปอยู่ใกล้ ๆ ครู แล้วหลวงพ่อก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ครั้งที่ ๑ ก็อย่างนี้ ครั้งที่ ๒ ก็อย่างนี้ ครั้ง ๓ ก็อย่างนี้ ครั้งที่ ๔ หลวงพ่อเตะเพื่อนต่อหน้าครูเลย แล้วครูก็รู้ด้วย ครูก็แค่บอกว่า "เธอ...คราวหน้าอย่าทำอย่างนี้อีกนะ" ส่วนเพื่อนอีกรายหนึ่งชอบแกล้งตอนเรียนมัธยมแล้ว หลวงพ่อว่าตัวเองสูงแล้ว เพื่อนคนนี้สูงกว่าเกือบศอก ก็รอวันว่าเมื่อไรจะได้เอาคืน แล้ววันดีคืนดีก็มาถึง ตอนนั้นเรียนชั่วโมงไฟฟ้าอยู่ พอเลิกเรียนก็ต้องช่วยกันปิดโรงฝึกงาน เจ้าเพื่อนคนนี้ก็ล้าหลัง หลวงพ่อเดินไปถึงประตูซึ่งเป็นประตูเหล็กยืด กระชากประตูล็อกทันที หันกลับมาไอ้นั่นรู้ว่าซวยแล้ว ตอนนี้ใครจะช่วยได้ล่ะ ? ภารโรงก็ไม่อยู่ กว่าจะหากุญแจมาเปิดได้มีทางเดียว ก็คือ เอ็งรับมือรับตีนข้าไปก่อนก็แล้วกัน..! งานนั้นตั้งใจจะเตะเพื่อนให้สลบคาตีนจริง ๆ..! ว่าจะเตะก้านคอคนสั่งสอนสักหน่อย แต่เตะไม่ถึงเพราะเขาสูงกว่าเยอะ เตะได้แค่ต้นแขน เตะจนเขายกแขนสองข้างไม่ขึ้น เตะจนลงไปกองกับพื้นบอกว่ายอมแพ้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้น..อนุญาตให้เลียนแบบได้ หลังจากนั้นจะไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าแกล้งเราอีกเลย..! ถาม : ไม่ผิดศีลหรือครับ ? ตอบ : ผิดตรงไหนวะ ? ไม่ได้ฆ่าเขาโว้ย..! ส่วนเตี่ยของอาตมานี่สุดยอดมาก ห้ามฟ้องเด็ดขาดว่าเพื่อนรังแก ฟ้องว่าโดนเพื่อนรังแกเมื่อไรโดนตีเมื่อนั้น เพราะนิสัยของเตี่ยก็คือ เอ็งต้องมีหน้าที่รังแกเพื่อน ไม่ใช่ให้เพื่อนมารังแกเอ็ง ท่านสอนให้สู้อย่างเดียว อาตมาเองรังแกใครไม่เป็น แต่ถ้าใครมารังแกโปรดระวังตอนฟิวส์ขาด จะเอาคืนเยอะกว่าหลายเท่าเลย ทุกวันนี้เพื่อนคนนี้เป็นอาจารย์สอนอยู่โรงเรียนใกล้ ๆ วัดท่าขนุน ไปเจอกันได้อย่างไรไม่รู้ ไม่ได้ถามหรอกว่าเอ็งยังจำได้ไหมวันนั้น ไปเจอกันตอนที่ไปงานกิจกรรมนักเรียนที่โรงเรียนบ้านเสาหงส์ พอเห็นชื่อบนกระดานก็อ้าว...นี่เพื่อนเรานี่หว่า ก็เลยถามหา ไปเจอกันก็คุยกันพักหนึ่งเห็นเขายังทำท่าแหยง ๆ อยู่ ไปก็ได้วะ..๓๐-๔๐ ปีแล้วยังจะกลัวอยู่อีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2015 เมื่อ 02:31 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#124
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงพระพุทธรูปทองคำ ถ้าหล่อแบบพระพุทธชินราชก็มีทองพอแล้วนะ เสียดายว่าท่านสั่งให้หล่อแบบทรงเครื่อง ทองจึงยังไม่พอ ไม่รู้ว่าจะซื้อทันไหม..เพราะว่าทองจะขึ้นราคามาก ใครมีโอกาสถ้าจะซื้อก็ซื้อ ๆ ไว้ก่อน ถ้าทองขึ้นนี่ขึ้นหลักหมื่นนะ..ไม่ใช่แค่หลักพัน
เขามีระบบการซื้อขายทองบนกระดาษ ระบบนี้ซื้อกันไปขายกันมา คุณอาจจะวางทองค้ำประกันไว้ ๑๐ บาท แต่ซื้อไปขายมาทวีคูณไปอาจจะเป็น ๒๐๐-๓๐๐ บาท แต่ทองจริง ๆ มีแค่ ๑๐ บาท แล้วคุณลองคิดดูว่า ถ้าทุกคนที่ถือตั๋วสัญญาอยู่ต้องการทองพร้อม ๆ กัน เขาจะเอาจากไหนให้ แล้วระดมซื้อทองพร้อม ๆ กัน ทองทั้งโลกจะขึ้นไปเท่าไร ใครเล่นทองอย่าย่ามใจ ได้แล้วรีบเบิกออกมาให้เร็วที่สุด ไม่ใช่ทบต้นไปเรื่อย ๆ แบบทบต้นไปเรื่อย ๆ นี่เจ๊งทีก็หมดเลย" ถาม : คนค้าขายจะเล่นง่าย ? ตอบ : ง่าย...แต่ไม่ใช่ความเป็นจริง ในเมื่อการค้าขายไม่ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง คนขายไม่ได้มีสินค้าอยู่ในมือ ลักษณะเดียวกับพวกเซ็งลี้ตอนสงครามโลก คนที่หนึ่งมีน้ำมันอยู่ถังหนึ่ง บอกขายคนที่สองไป ๕๐๐ บาท คนที่สองบอกขายคนที่สามไป ๗๐๐ บาท คนที่สามบอกขายคนที่สี่ ๑,๐๐๐ บาท รับเงินกันไปเป็นทอด ๆ แต่น้ำมันมีอยู่ถังเดียว สมัยสงครามโลกเขาทำกันอย่างนี้ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเขาบอกว่า เพื่อนไม่ได้มีอาชีพอะไรหรอก เหมือนกับเซลล์แมนเดินขายของ แต่รายได้สมัยนั้นวันหนึ่งสองสามร้อยบาท สมัยก๋วยเตี๋ยว ๒ ชาม ๕ สตางค์ สองสามร้อยนี่รวยตายชักเลย นี่คือฝีมือการเซ็งลี้สมัยนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:21 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#125
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมเวลาตัดร่างกายต้องทุกข์แล้วทุกข์อีกครับ ตัดแบบนอนสบาย ๆ อยู่บ้านไม่ได้หรือครับ ?
ตอบ : ถ้าปัญญาถึงก็ได้ แต่เมื่อปัญญาไม่ถึง ความโง่มีมากกว่า ก็เลยต้องทุกข์แล้วทุกข์อีกให้เห็นชัด ๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่เชื่อว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ถาม : ในเมื่อโดนบังคับให้คิดกับคิดเอง ผมว่าคิดเองน่าจะดีกว่า ? ตอบ : แล้วมีใครอยากจะคิดบ้างล่ะ ? เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ไปคุยที่วัดตุ๊พ่อสิงห์ ขอยืนยันว่าถ้าคุณต้องการจะไปพระนิพพานต้องพิจารณาเอง ไม่อย่างนั้นก็จะโดนบังคับให้พิจารณา พอหรือยังที่เขาบังคับ ? ถ้ายังไม่พอเดี๋ยวจะโดนมากกว่านี้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:23 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#126
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ตอนนี้อยากมีเลขานุการเพิ่มอีก ๓ คน งานเยอะฉิ_หายเลย แต่มีมาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่างานคุมเล่มวิทยานิพนธ์คนอื่นอ่านแทนไม่ได้ ต้องอ่านเอง อาตมาเจอไป ๙ เล่ม"
ถาม : ก็ไม่ต้องทำสิครับ ? ตอบ : อยู่ ๆ หนังสือแต่งตั้งก็มาพร้อมกับงานปึกเบ้อเร่อเลย มีเลขาฯ งานวัดคนหนึ่ง เลขาฯ งานเจ้าคณะตำบลคนหนึ่ง ส่วนงานคุมวิทยานิพนธ์นี่เลขาฯ ช่วยไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:24 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#127
|
||||
|
||||
ถาม : กังวลค่ะ ?
ตอบ : เอาแค่วันนี้ก็อยู่ได้ อยู่แค่วันนี้ ตายเราก็ไปพระนิพพาน อย่าให้เกินวันนี้ ถ้าเกินวันนี้จะกังวล เอาแค่วันนี้ก็พอ ถาม : พยายามทำอยู่ เอาทีละวัน ? ตอบ : วันเดียวยังเยอะไป ความจริงเขาเอาแค่ชั่วลมหายใจเดียว เอาเถอะ...ยังไปไหนได้ก็ดีมากแล้ว จะได้รู้ไว้ว่าเกิดมาเมื่อไรก็เจออย่างนี้ เข็ดหรือยัง ? ร่างกายนี้เหมือนเสือร้ายคอยขบกัดทำร้ายเราอยู่ตลอดเวลา เจ็บโน่นป่วยนี่ ยังอยากได้อยู่อีกหรือไม่ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:25 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#128
|
||||
|
||||
พระอาจารย์สนทนากับหลวงพี่เอว่า "ตอนนี้ความรู้สึกคล้ายจะเป็นเต่า ก็คือ อยู่ในน้ำครึ่ง อยู่บนบกครึ่ง เราก็ว่าเรามาสายปฏิบัติแท้ ๆ แต่หลุดไปสายวิชาการตอนไหนก็ไม่รู้ ไปเรื่อยเปื่อย คราวนี้พอยืนอยู่ตรงกลางมองสองข้าง ก็เหมือนกับเต่า ตูจะขึ้นบกหรือลงน้ำดีวะ ?
ช่วงที่ผ่านมาสอนเขาตามตำรา ก็ต้องอธิบายให้ลูกศิษย์เข้าใจว่า ถ้าเขาถามมาให้คุณตอบตามตำรา แต่ว่าความจริงเป็นอย่างนี้ ๆ อย่างที่เขาบอกว่ารูปกับเวทนาเป็นวิปัสสนา ส่วนที่เหลือเป็นสมถะล้วน ๆ ถามว่ามีคนเป็นอัลไซเมอร์ไหม ? ลูกศิษย์บอกว่ามีเยอะแยะเลยครับ เออ...แล้วสัญญาเที่ยงไหม ? ถ้าสัญญาเที่ยง คนก็ไม่เป็นอัลไซเมอร์สิ แล้วไหนคุณบอกว่าเป็นสมถะล้วน ๆ ก็ต้องเป็นวิปัสสนาได้ สังขาร การนึกคิดปรุงแต่ง ยั่งยืนยาวนานไหม ? ไม่ยั่งยืนก็เป็นทุกข์ใช่ไหม ? สิ่งที่ไม่ยั่งยืนเป็นทุกข์ เราบังคับบัญชาได้หรือไม่ ? เขาอธิบายไปเรื่อยโดยไม่รู้จริง ก็เข้าป่าเข้าดงไปเรื่อย รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธัมมารมณ์ เขาบอกว่ารูปสามารถกำหนดเป็นสมถะได้ ส่วนที่เหลือกำหนดไม่ได้ จริงไหม ? รูปเราตั้งรูปกสิณขึ้นมา ก็กำหนดได้ ตั้งรูปอสุภกรรมฐานขึ้นมา กำหนดได้ใช่ไหม ? เสียงกำหนดได้ไหม ? ตั้งใจฟังเสียงเกิดสมาธิไหม ? เขาบอกว่าไม่ได้ แล้วฝึกทิพโสตฝึกวิธีไหน ? ก็ต้องตั้งใจฟังเสียง แล้วทิพโสตเป็นสมถะเต็ม ๆ หรือเปล่า ? ต้องไปอธิบายให้ลูกศิษย์ฟังทีละข้อว่าความจริงเป็นอย่างนี้ แต่เวลาสอบคุณตอบตามตำราเพราะเป็นข้อสอบกลาง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตก เป็นอะไรที่น่าเซ็งมากเลย แต่ก็ต้องทำ กลิ่นเป็นสมาธิไหม ? ถ้าตั้งใจดม อโรมาเธอราพี คุณเข้าไปนวดไปอะไรสารพัด เขาตั้งใจใช้กลิ่นในการประกอบเพื่อความผ่อนคลายให้เกิดสมาธิใช่ไหม ? คนไหนที่เคยไปสปาจะนึกออกเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:27 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#129
|
||||
|
||||
ถาม : เขายกขึ้นแล้วก็ลอย ผมว่าเดี๋ยวนี้ทำไมทำกันได้เยอะเลย ?
ตอบ : เรื่องปกติ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าอภิญญาจะเป็นสาธารณะ ไม่เห็นหรือว่าพวกเล่นกลจับไม่ได้ปัจจุบันมีเยอะแยะมาก วันก่อนมีพระลามะที่ลอยพ้นพื้น แล้วนักข่าวฝรั่งเขาขอไปถ่ายทำออกทีวี ลามะก็ไปเดินวน ๆ ๆ เดินให้ดูว่าไม่มีอะไร เสร็จแล้วก็นั่งลง ภาวนาอยู่ไม่กี่ครั้ง ตัวก็ค่อย ๆ ลอยพ้นพื้นขึ้นมาฟุตกว่า ๆ นักข่าวถ่ายเสร็จ แกก็ค่อย ๆ แปะลงไปกับพื้นใหม่ นักข่าวถามว่าเป็น magic หรือเปล่า ? ท่านว่า No..no ลามะบอกว่า Meditation is not the same as magic. ไม่เหมือนกันเลย เกิดจากอำนาจจิตล้วน ๆ ไม่ใช่แหกตากัน ถาม : ฝรั่งเขาเดินบนน้ำ ? ตอบ : เดินบนน้ำ เดินข้ามตึก แต่ผมดูแล้ว ต้องตั้งสมาธิอย่างแรง เขาตั้งสมาธิอยู่พักหนึ่งถึงจะไปได้ ถาม : ท่านเปิดคอร์สสอนหน่อยครับ ? ตอบ : สอนอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยทำกัน ที่สอนไปนั่นแหละ ถ้าทำได้ก็ได้ทุกคน โดยเฉพาะที่สอนตอนปฏิบัติธรรม ถาม : ถ้าเราดูไปเรื่อย ๆ พยายามดูว่าเขากำหนดจิตอย่างไร แล้วเรากำหนดใจคล้อยตาม เราจะทำได้อย่างเขาไหมครับ ? ตอบ : ถ้าพื้นฐานเก่ามีอยู่ก็ทำได้อย่างเขา ถาม : จริง ๆ พวกเราน่าจะมีพื้นฐานเก่ากันหมดนะครับ ? ตอบ : คุณเคยยอมรับกฎของกรรมจริง ๆ ไหม ? ถึงเวลาเห็นคนอื่นเดือดร้อนก็เสือกแส่เข้าไปช่วยเขา โดยไม่ได้ดูว่าเขาเดือดร้อนจากเรื่องอะไร ถาม : คนพวกนี้เขายอมรับกฎของกรรมหรือครับ เขาถึงทำได้ ? ตอบ : ถึงเวลาจะมีสิ่งที่ควบคุมอยู่ แต่เขาไม่ได้บอกเรา อาจจะเป็นเสียง อาจจะเป็นภาพ ที่บอกว่าเอ็งช่วยได้แค่ไหน เอ็งแสดงได้แค่ไหน เกินจากนั้นก็ไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 19:29 |
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#130
|
||||
|
||||
มีคลิปที่เขาถ่ายสถานที่แห่งหนึ่งในอินเดีย แล้วอยู่ ๆ มีโยคีคนหนึ่งเหาะหายไปเลย โยคีอุตส่าห์ไปบังเสา แล้วมีคนถ่ายทีวีพอดี ถ่ายไปจังหวะที่แกลอยวูบหายไปติดในทีวี พอไปรีเพลย์ดูก็เลยรู้ อุตส่าห์ไปหลบซ่อนอยู่หลังเสาแล้ว ดันถ่ายติดมาได้
ถาม : แอบไปติดกล้องไว้วัดท่าขนุนดีกว่า อาจจะเห็นพระเหาะ ? ตอบ : ไม่ต้อง...ตอนนี้วัดท่าขนุนติดกล้องไว้เยอะแยะไปหมด เปิดให้เด็กวัดดูร้องกันจ๊าก...ติดไว้แต่เมื่อไร บอกว่าติดนานแล้ว พวกเอ็งไม่รู้เอง เดี๋ยวนี้ละเอียดมากเลย ชัดกว่าตาเห็นอีก ไม่รู้ระบบอะไร ฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่งไม่ถึง ๔ แสนบาท กล้อง ๑๔ ตัวพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ ๒ เทราไบต์ ๖ ตัว ราคา ๘ หมื่นกว่าบาทเอง ทำไมฮาร์ดดิสก์ของ กทม.ตัวละ ๔ แสน ? แล้วก็คิดว่าคนอื่นเขาโง่กันมาก แก้ตัวไปเรื่อย คราวนี้รอบ ๆ นั้นทั้งกลางวันกลางคืน ใครจะออกลิงออกค่าง ดูได้หมด เขาก็คิดว่าหลวงพ่อไม่อยู่กัน ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาดูทางอินเตอร์เน็ตได้ ขนาดชี้ให้พวกช่างณรงค์เขาดู เขายังหากล้องไม่เจอว่าอยู่ตรงไหน กล้องสมัยนี้ตัวเล็กไม่สะดุดตา พระครูสุนทรวัชรกิจ วัดถ้ำรงค์ ไปถึงวัดก็บอกช่างว่า "มึงทุบเสาต้นนี้..เดี๋ยวนี้เลย" "ทุบทำไมอาจารย์ ?" "ไอ้ห่..มึงไม่ได้ผูกเหล็ก เล่นเสียบเอาไว้เฉย ๆ" ทุบออกมาปรากฏว่าไม่ได้ผูกเหล็กสักอัน ประเภทเทคอนกรีตกรอกไว้เฉย ๆ แล้วเอาเหล็กเสียบข้างบนให้โผล่มาหน่อยหนึ่ง ถาม : ท่านรู้ได้อย่างไร ? ตอบ : ท่านดูจากกล้อง ท่านมาเรียนปริญญาเอก ถึงเวลาช่างเห็นหลวงพ่อไม่อยู่ก็มั่ว พวกนี้โกงทุกอย่าง ฉะนั้น..วัดท่าขนุนได้คุณสุรีย์ถือว่าโคตรโชคดีเลย ถึงจะแพงหน่อยก็จริงแต่แกตรงไปตรงมา ช่างบางที่ลดวัสดุยังไม่พอ ยังเอาวัสดุไปขายอีกต่างหาก สมัยอยู่วัดท่าซุงหลวงพ่อท่านโดนประจำ ถึงเวลาผูกเหล็กห่างกัน ๑๕ ซม. ห่างกัน ๑๒ ซม. เขาก็ผูกตามนั้นแหละ แต่พอหลวงพ่อเผลอก็ชักตรงกลางออก หายไปช่วงหนึ่ง คิดดูสิว่า..ศาลาหลังขนาดนั้น ชักออกไปเป็นเหล็กกี่ตัน ? ได้กำไรไปเท่าไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2015 เมื่อ 01:53 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#131
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อน่าจะรู้ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าท่านรู้ ท่านถึงได้ทำเอง ศาลา ๒ ไร่ เขาตีราคามา ๑๒๐ ล้านบาท ท่านทำไป ๗ ล้านกว่าบาทเอง คุณภาพดีกว่าตั้งเยอะ แต่อาตมาทำไม่ได้อย่างหลวงพ่อหรอก ศาลาวัดท่าขนุนเขาตีราคาโดยประมาณไว้ ๔๐ ล้านบาท ตูทำมา ๘๑ ล้านกว่าบาทแล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าตีราคาจริงเดี๋ยวอาจารย์ไม่ยอมทำ..! เมื่อวานซืนคุณสุรีย์มาเบิกค่าแรงทำหมู่เรือนไทยข้างบน ๖.๕ ล้านบาท เขาบอกว่า "ถ้าอาจารย์ไม่มี ขอแค่พอใช้ก่อนก็ได้" อาตมาตอบไปว่า "พูดอย่างนี้แสดงว่ายังไม่รู้จักอาจารย์เล็กดีใช่ไหม ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-09-2015 เมื่อ 13:14 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#132
|
||||
|
||||
ถาม : ทุกวันนี้ท่านยังภาวนาพระคาถาเงินล้านไหมครับ ?
ตอบ : ภาวนาเป็นปกติ มีเวลาก็ว่าไปเรื่อย ไปได้เยอะตอนบิณฑบาต เพราะว่าตั้งใจสงเคราะห์คนใส่บาตร แต่ทีนี้เราจะให้เขา เราก็ต้องมี จึงเท่ากับเราได้ไปด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2015 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#133
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนี้พระพุทธรูปทองคำได้ทองไปกี่บาทแล้วครับ ?
ตอบ : ตั้งไว้ที่ ๑๐๐ กิโลกรัม ตอนนี้ทองคำได้ ๖๒ กิโลกรัมนิด ๆ อย่าไปคิดเป็นตัวเงิน เดี๋ยวช็อก ถาม : อันนี้รวมทองคำของตะกรุดเมฯ ล่าสุดหรือยังครับ ? ตอบ : ยัง...กลัวว่าซื้อไม่ทันแล้วทองจะขึ้นราคาก่อน ความจริงหลวงพ่อท่านให้ทุ่มซื้อตอน ๑๗,๙๐๐ บาท แต่อาตมาซื้อทันแค่อึดใจเดียว เพราะลดลงวันเดียวและช่วงเดียวเท่านั้น อุตส่าห์ตั้งเป้าไว้ ๑๗,๙๐๐ บาท ท้ายสุดมาซื้อได้ที่ ๑๘,๓๕๐ บาท ถ้าไม่ซื้อราคาก็ไปไกลกว่านี้อีก ตอนนี้ ๑๙,๒๕๐ บาท กำลังรอสหรัฐทุบราคาลงมาอีกทีหนึ่ง เพราะว่าถ้าทองคำราคาแพงดอลลาร์จะหมดราคา ถือว่าเป็นตาชั่ง ถ้าดอลลาร์ตกทองคำจะขึ้น ถ้าดอลลาร์ขึ้นทองคำจะตก ถ้าหากทองคำขึ้นราคาชนิด ๓ เท่า ๔ เท่า ดอลลาร์ก็เจ๊งแล้ว ถาม : ขึ้นเป็น ๓-๔ เท่าเลยหรือครับ ? ตอบ : บอกแล้วว่าเขายักไฮโลว์มาเป็น ๑๐ รอบ ทองจริงมีแค่หน่อยเดียว ตอนนี้ที่รู้มากที่สุดก็คือทางเอเชียเรานี่แหละ จีนกับอินเดียตุนทองคำกันแหลกเลย ต่อให้เงินจีนตกอย่างไรก็ตาม ไม่ต้องไปตื่นเต้นหรอก เขามีทองคำค้ำอยู่ พอถึงเวลาถ้าเขาแบต้นทุนออกมาเมื่อไร เงินจะเด้งขึ้นเอง แต่เขาไม่ให้เด้งขึ้นเพราะเงินราคาตก เขาขายของได้เยอะ ตอนนี้สหรัฐยังไม่รู้หรอก ไปทุบตลาดหุ้นจีน หารู้ไม่ว่าจีนกำลังขุดบ่อล่อปลาอยู่ ถึงเวลาคุณทุบไป ๆ เงินตก แต่ทุนสำรองมีเป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์ ก็ปล่อยออกซื้อทองคำไปเรื่อย พอเก็บทองคำหมด คุณไม่มีทุนสำรองเหลือ พอแบต้นทุนออกมาแล้วเอ็งหงายหลัง เกทับเขาจนหมดตูดหมดหน้าตัก เขาเปิดมาเป็นสเตรทฟลัช ถือเอโพธิ์ดำด้วยก็เจ๊ง ตกลงเคยเล่นไพ่กันไหม ? ถ้าไม่เล่นก็ฟังไม่รู้เรื่อง ถาม : อย่างนี้จีนก็ตลาดวาย ? ตอบ : ของจีนถ้าไม่ได้เกรงว่าเกิดผลกระทบทั่วโลกนะ แค่เทพันธบัตรออกมาเท่านั้น อเมริกาก็เจ๊งแล้ว เพราะจีนถือพันธบัตรอเมริกาอยู่หลายแสนล้านดอลลาร์ ถ้ามีเงินเหลือก็ตุน ๆ ทองคำเอาไว้บ้าง แต่เสียอยู่อย่างคือกินไม่ได้ พอเดือดร้อนก็ต้องเสียเวลาเอาไปขาย แล้วถ้าต่างคนต่างจนใครจะซื้อ ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2015 เมื่อ 02:00 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#134
|
||||
|
||||
ถาม : เช่าที่วัดปลูกผักดีกว่า
ตอบ : มีที่ข้างวัดอยู่ ๙๐ ตารางวา ซื้อมาตั้งล้านกว่าบาท ความจริงราคาประเมินไร่ละ ๒ แสนบาท แต่ราคาขายเลยมาตั้ง ๑๐ เท่าตัว ถาม : ตอนน้ำท่วมราคาไม่ลงหรือครับ ? ตอบ : ไม่ลง...ตราบใดที่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไม่ย้ายหนี ก็ยังราคาแพงอยู่ ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์ ผอ.ณรงค์ประกาศขายห้องละล้าน บอก ผอ.ว่าขายแพงขนาดนั้นไม่คิดถึงคนอื่นบ้างหรือ ห้องหนึ่งของเขา คือ หน้ากว้าง ๔ เมตร ลึก ๒๐ เมตร ถาม : ตารางวาละห้าหมื่น...โห ตอบ : ที่โน่นเขาเรียกขายเป็นห้อง ถาม : แสดงว่าเขาขายได้แน่เลย ตอบ : เขาตั้งราคาไว้ต้องขายได้ เราเองว่าก็น่าซื้อไว้ เพราะที่ติดวัด แต่ราคาสูงก็เลยไม่ซื้อ บังเอิญว่าแผนพัฒนาวัดท่าขนุน โปรเจ็คล่าสุดกะว่าจะจบแล้ว ทำเมรุเสร็จก็ไม่เอาแล้ว ซ่อมของเก่าต่อ เดี๋ยวคอยดูตอนท้าย ๆ พองานเมรุเสร็จ พวกช่างจะห่อเหี่ยวเหลือเกิน ทำงานวัดมาตั้งหลายปีเงินดี เบิกเท่าไรได้เท่านั้น ต่อไปจะไปหาที่ไหนอีก พวกช่างทำท่าซังกะตายเลย พอเห็นว่าหอจ่ายน้ำประปาจะเสร็จแล้ว ไม่มีงานอื่นทำ ตอนนี้กำลังใจมาแล้ว เห็นมีเมรุด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#135
|
||||
|
||||
ถาม : ระบบไฟของเมรุใหม่ที่ว่าจะทำเตาเผาเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : เขาเสนอราคามา ๓ ราย มีตั้งแต่ระดับราคา ๑ ล้านกว่าบาท – ๓ ล้านกว่าบาท ถาม : ราคาต่างกันเยอะนะครับ ต่างกันตั้ง ๓ เท่า ? ตอบ : ก็ต้องดูของเขาว่าเดือนหนึ่งเผาได้กี่ศพ อัตราการสิ้นเปลืองเท่าไร เขาจะมีรายละเอียดมาให้ เราเอามาเปรียบเทียบแล้วเลือกว่าจะเอาแบบไหนถึงคุ้มค่าที่สุด เขาบอกว่า ถ้าจะเอาไฟฟ้าล้วนเลยต้องลงหม้อแปลงต่างหากอีกลูกหนึ่ง ก็เลยคิดว่าจะใช้ระบบน้ำมันปนไฟฟ้า คราวนี้เขาอยากขายมาก เพราะว่าของพวกนี้ปีหนึ่งขายได้สักครั้งก็บุญโขแล้ว พอได้ยินว่าวัดเราจะเอา ไปสืบราคานี่ โอ๊ย...ประเภทยัดเยียดให้เลย ถาม : เขาก็ได้กำไรนะครับ นาน ๆ ขายได้ที ? ตอบ : จะทำอย่างไรได้ ดันมาค้าขายด้านนี้ไปแล้ว ถาม : ถ้าซ่อมของเก่า ? ตอบ : ถ้าจะซ่อมต้องซ่อมหมุนเวียนไปเลย โบราณเขาถึงบอกว่าวัดกับวังสร้างไม่รู้จบ เพราะของใหม่เสร็จ โน่นก็เก่าแล้ว ต้องซ่อมไล่ไปเรื่อย ถึงได้ว่าบุคคลที่เป็นเจ้าอาวาสต้องมีศักยภาพเพียงพอ ไม่อย่างนั้นแล้วจะพาวัดไปไม่รอด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2015 เมื่อ 19:34 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#136
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านไม่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลขนาดนั้น พระพุทธศาสนาก็คงยังไม่แผ่กว้างไปต่างประเทศ ท่านลงทุนยอมให้เขาด่าให้เขาว่าทุกอย่าง เพราะสมัยก่อนพระขออนุญาตไปต่างประเทศ เขาใช้คำว่าไปเที่ยว เขาไม่เข้าใจคำว่าเผยแผ่พุทธศาสนาหรืออย่างไรก็ไม่รู้ หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านก็มีหน้าที่ไปขออนุญาต เขาก็ด่า ๆ ลงมา เอ้า..วันนี้ไม่อนุญาตไม่เป็นไร ๒-๓ วันเห็นท่านเย็นลงแล้วก็ไปใหม่ ไปก็ไม่ใช่จะอนุญาตอีก...ก็โดนด่า วันนี้ไม่ได้วันต่อไปก็ไปใหม่
ไปจนเขารำคาญ จนกระทั่งให้ไป ท่านก็ส่งพระธรรมทูตไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีวัดไทยในอเมริกาขึ้นมา เราลองมานึกดู ถึงศาสนาอื่นมายึดประเทศไทยได้ เราก็ไม่ต้องกังวล เพราะศาสนาพุทธไปเจริญในต่างประเทศหมดแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2015 เมื่อ 19:36 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#137
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "การศึกษาของเราปัจจุบันนี้เพิ่งจะมาเน้นเรื่องศีลธรรม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ดึงออกจากวัดไป สมัยก่อนความรู้ทุกอย่างอยู่กับวัด บรรดาท่านที่ไปบวช คือท่านที่มีความรู้ทางโลกเต็มที่แล้ว บางทีก็เบื่อ บางทีก็เกษียณตัวเองแล้วเข้าไปบวช แม้กระทั่งบรรดานักรบขุนศึกต่าง ๆ ก็อยู่ในลักษณะของการบวชล้างบาป ถึงได้มีการฝึกมวยฝึกดาบในวัด เพราะบรรดาท่านที่เก่งสุดไปอยู่ในวัด
แม้กระทั่งอาตมาเรียน ป.๑ ป.๒ โรงเรียนก็หยุดวันโกนวันพระ เพราะต้องหยุดตามกิจกรรมของวัด พอการศึกษาของต่างประเทศเข้ามา รัชกาลที่ ๕ ที่ ๖ มีบาทหลวงฝรั่งมาตั้งโรงเรียนฝรั่ง ของเขาหยุดวันเสาร์อาทิตย์ เพราะว่าเขาต้องไปโบสถ์กัน คนไทยดันบ้าจี้ไปหยุดเสาร์อาทิตย์ตามเขา อาตมาเซ็งสุด ๆ ไม่รู้ว่าเสาร์อาทิตย์หน้าตาเป็นอย่างไร เพราะรู้แต่ขึ้นแรม จนพี่มุกดารำคาญเพราะถามแกทุกวัน แกพาไปดูปฏิทินสมัยก่อน เป็นแผ่น ๆ ๓๖๕ แผ่น แกก็เปิด ๆ ให้ดู นี่ใบแดง ๆ คือวันอาทิตย์ เพราะใบอื่นสีขาวหมด อาตมาถึงได้จำได้ว่าใบแดงคือวันอาทิตย์ พอทางราชการตั้งโรงเรียนประชาบาลขึ้นมา เพื่อเผยแผ่ความรู้ให้กว้างไกล เพราะสมัยก่อนคนมีความรู้มีไม่มาก เผยแผ่ความรู้ออกมาก็ต้องตั้งโรงเรียนอยู่ในวัด พอเราไปเปลี่ยนอะไร ๆ ตามโรงเรียนฝรั่ง ก็เหมือนกับว่ามาตรฐานโรงเรียนฝรั่งเขาสูงกว่า ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างที่ฝรั่งทำเลยกลายเป็นของดีในสายตาของเรา เลยเกิดเป็นลัทธิบูชาฝรั่งเป็นเทวดา ทำให้การศึกษาของเราไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความเป็นเอกลักษณ์ ลองไปดูปักษ์ใต้สิ โรงเรียนปอเนาะไม่เห็นจะเปลี่ยนตามเราเลย แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนตามกระทั่งอาเซียน ถามว่าดีไหม ? ก็ดีในบางส่วน แต่คุณควรเป็นผู้นำให้คนอื่นตามเรา ไม่ใช่ไปคอยตามเขา ถ้าคุณตามเขาก็ไม่แปลกหรอก เพราะคุณเป็นอันดับ ๘ ของอาเซียน ไม่เป็นอันดับ ๑๐ ก็บุญโขแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2015 เมื่อ 19:38 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#138
|
||||
|
||||
"ระบบการผลิตครูของเราผลิตพลาด ต่างประเทศเขาเอาคนเก่งที่สุดไปเป็นครู เหมือนกับที่กองโรงเรียนทหาร ตอนที่อาตมาเรียนจบแล้วด่าเช็ด "โคตรแม่ง...พวกคนเก่ง ๆ มึงก็เอาไปใช้งานกันหมด แล้วใครจะอยู่สอนรุ่นน้อง" เขาด่ากันอย่างนี้ จริง ๆ แล้วอาจารย์เขาด่าถูก เพราะคุณเอาคนเก่งไปหมด เอาคนห่วย ๆ มาสอนรุ่นน้อง แล้วรุ่นน้องจะออกมาดีได้อย่างไร ? คนเก่งของเราไปเรียนหมอ เรียนวิศวะฯ กันหมด คนที่เอ็นท์ฯ ไม่ติดที่ไหนก็ไปเข้าวิทยาลัยครู
บ้านเรากลายเป็นว่าครูเป็นอาชีพเหลือเลือก จะหาเก่งจริงก็ยาก คนที่เก่งจริงก็เหลือทนกับระบบห่วย ๆ จึงออกไปเป็นติวเตอร์กันหมด แล้วจะไปโทษได้อย่างไรว่า เอ็นทรานต์เมื่อไรก็มองแต่สวนกุหลาบ เทพศิรินทร์ ก็เพราะว่าโรงเรียนทั้งหลายเหล่านั้นเขามีศักยภาพ ถึงเวลาก็จ้างอาจารย์ดี ๆ มาสอน ระบบของเราควรจะเริ่มต้นใหม่ ควรตั้งเงินเดือนครูให้สูง แบบเกาหลีใต้เงินเดือนครูสูงที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นหมอ เป็นวิศวะฯ เป็นอะไรเงินเดือนต่ำกว่าครูทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นครูบ้านเราก็ต้องขายแอมเวย์ ขายประกัน เงินไม่พอใช้ก็กู้ทุกอย่าง สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ฝากไปกี่เดือน ๆ มีสิทธิ์กู้ ใช้สิทธิ์กู้ทุกประการเลย ถามว่าทำไมกู้เยอะแยะขนาดนั้น ? เขาจะได้ไม่โดนไล่ออก เป็นหนี้เยอะแยะไล่ออกหนี้ก็สูญสิ..! เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน ในเมื่อเป็นอย่างนี้จะทำให้ประชากรเราเก่งได้อย่างไร ? แม่พิมพ์ประเภทบิด ๆ เบี้ยว ๆ พิมพ์ตื้นไม่พอยังเบี้ยวอีกต่างหาก อาตมาเองยังชื่นชมครูสมัยก่อน จบ ป.๔ แท้ ๆ สมัยนี้จบครุศาสตรบัณฑิตยังเทียบไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นครูด้วยจิตวิญญาณ สมัยนี้เป็นครูเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร เอาใหม่...ต้องเริ่มตั้งแต่รุ่นของเรา อาตมาไม่ได้เขี้ยวนะ แต่ทำให้เขาดู เป็นอาจารย์ที่ไปนั่งรอลูกศิษย์เสมอ ชั่วโมงแรกเริ่ม ๐๘.๓๐ น. อาตมาไปนั่งรอตั้งแต่ ๘ โมง อ้าว..อาจารย์มาก่อนอีกแล้ว มาเช้าจัง บอกไปว่า มึงมาสายต่างหาก ถึงเวลาตรวจงานบอกเขาว่าอ่านทุกตัวจริง ๆ นะ ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ ตอนตรวจวิทยานิพนธ์ เจออ่านทุกตัว แก้ทุกบรรทัด ร้องจ๊ากไปตาม ๆ กัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2015 เมื่อ 19:42 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#139
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่จองวัตถุมงคลแล้วพิมพ์ผิดกติกา กรุณาเข้าไปแก้ไขด้วย เมื่อเช้าอาตมาเพิ่งจะแบนตลอดชีวิตไปอีก ๔ - ๕ ราย ในกระทู้พระกริ่งปลดหนี้ฯ เนื้อชุบทองพ่นทราย เนื่องจากว่าเขาแจกใบแดงทิ้งคาไว้นานมากแล้ว จนจะปิดกระทู้อยู่แล้วยังไม่กลับไปแก้ไข ดังนั้นถ้าอยู่ ๆ ท่านทั้งหลายเหล่านี้เข้ากระทู้ไม่ได้ ก็ไปสมัครใหม่ได้เลย เพียงแต่อย่าใช้ชื่อเดิมเพราะชื่อเดิมโดนแบนตลอดชีวิตไปแล้ว
อาตมาไม่ค่อยโหดหรอก ใช้วิธีนี้ตลอด เปิดโอกาสให้แก้ไขเป็นเดือนก็ไม่แก้ บรรดาเจ้าหน้าที่ดูแลเว็บเขาเมตตา ลงโทษกันที ๒ อาทิตย์ ๓ อาทิตย์ แจกใบแดงแล้วก็ยังเปิดโอกาสให้แก้ตัวแล้วแก้ตัวอีก เจอเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน แบนตลอดชีวิตสถานเดียว..! เราไม่กลัวว่าไม่มีสมาชิก เรากลัวว่าสมาชิกจะเยอะเกินไป โดยเฉพาะสมาชิกที่ไร้คุณภาพ อาตมาต้องการให้ทุกคนเป็นคนละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ ถ้าหากว่าแค่การเขียนหนังสือ พิมพ์หนังสือ ตลอดจนการใช้ภาษาไทยของเรายังผิดพลาดและไม่แก้ไข จะไปหวังอะไรกับศีล สมาธิ ปัญญา ที่เป็นของสูงมากกว่านี้ เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่แก้ไข พร้อมที่จะจมอยู่กับกองทุกข์อาตมาก็จะบี้ให้ตายไปเลย หมดเรื่องหมดราว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2015 เมื่อ 19:51 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#140
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อเช้ามีโยมมารายงานว่า ภรรยาตั้งท้องแล้วไปให้หมอตรวจแต่ไม่เจออะไร อาตมาไม่อยากให้กังวลใจก็เลยไม่ได้พูดว่า ถ้ารออีก ๓ - ๔ วันท้องโตขึ้นมาใหม่ แสดงว่าได้ของดีแน่
ผู้หญิงที่ท้องแล้ว ท้องโตบ้างท้องยุบบ้าง เด็กที่เกิดมามักจะเป็นลูกกรอก ลูกกรอกเป็นโอปปาติกะ กึ่งผีกึ่งเทวดา เวลามาเกิดก็ต้องบอกว่ามีอาการเหมือนผู้หญิงท้องทั่วไป แต่เวลาเขาไปเที่ยวท้องแม่ก็ยุบเป็นปกติ ดังนั้น..ถ้าใครตั้งท้องลูกกรอก นอกจากชุดคลุมท้อง ยังต้องเตรียมชุดปกติไว้ด้วย เวลาลูกไปเที่ยวเราก็นุ่งชุดปกติไปเต้นระบำได้ พอลูกเขากลับมาค่อยแบกท้องต่อไป อาตมาเจออยู่ ๒ – ๓ ราย ถึงเวลาเขาก็คลอดเหมือนคนปกติ แต่สิ่งที่คลอดออกมาคือเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างเก่งก็ตัวเท่านิ้วชี้ ไม่มีชีวิต เป็นเพียงแต่ซากที่เป็นสัญลักษณ์เฉย ๆ ให้จัดพิธีรับขวัญเขาเหมือนกับที่รับขวัญเด็กอ่อน มีเปล มีที่นอน มีเครื่องหอม มีข้าวปลาอาหาร แล้วก็รีบถวายสังฆทานอุทิศให้เขา ไม่อย่างนั้นหมอผีจะเรียกไปใช้หมด ถ้าเราถวายสังฆทานให้ ด้วยบุญของสังฆทานจะทำให้ลูกกรอกมีอำนาจเหมือนกับเทวดา คราวนี้หมอผีหมดสิทธิ์ เพราะหมอผีเก่งแค่ไหนก็โดนเทวดาเหยียบ..! ส่วนใหญ่แล้วลูกกรอกมาก็มักจะช่วยให้ครอบครัวนั้นเจริญ โดยเฉพาะในเรื่องของลาภผล ทำมาค้าขายหรือประกอบอาชีพอะไรก็มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง เสียอยู่อย่างเดียวว่าอายุมากน้อยไม่เท่ากัน แล้วแต่เวรกรรมของเขา ลูกกรอกบางตัวก็อยู่แค่ ๑ – ๒ ปี บางตัวก็อยู่ ๒๐ – ๓๐ ปี บางตัวไม่คลอด แต่ว่ามาวิ่งเล่นกับบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ ที่เป็นมนุษย์เป็นปกติ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2015 เมื่อ 19:53 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|