View Full Version : ปกิณกธรรมงานหล่อหลวงพ่อทองคำ วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๒
เวลาทำบุญอะไร ทำให้ง่ายทำให้ไว ในบาลีท่านบอกว่า ตุลิตะ ตุลิตัง สีฆะ สีฆัง ทำอะไรทำให้เร็ว ทำให้ไว ถึงเวลาผลตอบแทนก็ได้เร็ว ได้ไว ได้มาก เพราะว่าจูเฬกสาฎกทำช้า ผลตอบแทนก็ลดเหลือนิดเดียว ถ้าหากว่าใครเรียนบาลีจะอยู่ในธรรมบทภาค ๘
ตอนนี้สมาคมผู้ค้าทองสรุปได้แล้วว่า การขายทองที่สะพัดในช่วงนี้ ร้านทองออโรร่ารับไปมากที่สุด และสาเหตุก็คือวัดท่าขนุนหล่อพระทองคำ..! ไม่อย่างนั้นเขาก็สงสัยไม่เลิกว่า ทำไมอยู่ ๆ จำนวนทองที่ขายถึงได้พุ่งทะยานขึ้นไปขนาดนั้น
เวลางานไม่ต้องมาเสนอหน้า เพราะว่าอาตมาไม่จำใคร ทุกคนจะมีราคาเดียวกันหมด
รีบเดินไม่ใช่มานั่งถ่ายรูปกันตอนนี้ รู้ไหมว่าการขวางทางบุญคนอื่นนั้นมีโทษขนาดไหน ? ไปทำให้คนอื่นเขาทำบุญช้า ถึงเวลาตัวเองได้อะไรก็ช้า ชีวิตมีแต่อุปสรรคขัดขวาง แล้วก็จะไปสงสัยว่าเกิดจากอะไร ?
ทองคำที่อาตมาเตรียมไว้ทั้งหมด ๙๗.๕ กิโลกรัม เนื่องจากว่าการนับทองนี้ลงหลักร้อยบาท ก็เลยไม่สามารถที่จะลงไป ๙๗ กิโลกรัมตามต้องการ ความจริงทองคำครึ่งกิโลกรัมจะอยู่ที่ประมาณ ๓๐ กว่าบาท จะเอาออกสัก ๕-๖ แท่งก็ยังพอไหวอยู่ เดี๋ยวอาตมาบวงสรวงเสร็จก็จะเอาทองลงเบ้าเลย
ญาติโยมทั้งหลายที่คิดจะหย่อนทองลงเบ้าเลิกคิดไปได้เลย เพราะว่าทองคำถ้าไม่ใช่ทองในระดับเดียวกัน ยิ่งเป็นทองรูปพรรณ พอลงไปพระจะลายเป็นตุ๊กแกทั้งองค์ ขัดอย่างไรเนื้อก็ลายเพราะว่ามีส่วนผสมมาก อาตมาจึงใช้ทองแท่งใหญ่ทั้งหมด ซึ่งใช้เงินซื้อไป ๗๘,๐๓๗,๗๕๐ บาท รวมกับทองที่ญาติโยมทั้งหลายถวายมาด้วย ตอนนี้มีอยู่ประมาณ ๑๒๐ กิโลกรัมเศษ แต่ในงานนี้เราจะใช้แค่ ๙๗.๕ กิโลกรัม
ส่วนที่เหลืออาตมาจะรวบรวมเอาไว้ เพื่อหล่อพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรให้โยมอีกองค์หนึ่ง แปลว่าโยมที่ถวายทองคำมา ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ เป็นรูปพรรณ หรือทองคำแท่ง ตลอดจนเงินสดก็ตาม ได้เป็นเจ้าภาพหล่อพระพุทธรูปทองคำร่วมกัน ๒ องค์ ก็คือ สมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๑๙ นิ้ว ทรงเครื่ององค์นี้ และสมเด็จพระพุทธกัสสปในรูปลักษณ์ของพระพุทธลีลาประทานพรอีก ๑ องค์
ฉะนั้น..ในส่วนที่ญาติโยมถวายมาก็คือรวมอยู่ใน ๙๗.๕ กิโลกรัมนี้ ไม่ว่าของท่านจะได้หย่อนลงไปหรือไม่หย่อนลงไป ท่านได้บุญสมบูรณ์ตั้งแต่ตั้งใจทำแล้ว ท่านที่เป็นเจ้าของเงินทำบุญมาเท่าไร ก็คงไม่เกิน ๗๘ ล้านบาทที่อาตมาจ่ายไปเพื่อซื้อทองคำ
ดังนั้น..ญาติโยมไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีส่วนร่วม พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นบาลีว่า “เจตนาหัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจตนานั้นก็เป็นบุญแล้ว แปลว่าถ้าท่านตั้งใจทำ บุญเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเดินทางมาไม่ถึง มีอันเป็นไปเสียก่อน โยมได้บุญเต็มไปแล้ว แต่อาตมาขาดทุน เพราะว่ายังไม่ได้รับของเลย
ในส่วนนี้ขอให้เข้าใจตามนี้ ไม่ใช่ว่าถวายมาพระอาจารย์ต้องรับกับมือ ถวายมาพระอาจารย์ต้องหย่อนลงเบ้าให้เห็น ลักษณะอย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจในการทำบุญของท่านต่ำติดดิน..!
บุคคลที่จะไปพระนิพพาน กำลังใจต้องรู้จักปล่อยวางทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ถ้าให้ทานแล้วปล่อยวางไม่ได้ ท่านก็จะไปแบกเอาไว้ว่า พระท่านเอาไปกินหรือเปล่า ? เอาไปใช้หรือเปล่า ? รักษาศีลถ้าหากว่าท่านปล่อยวางไม่ได้ ท่านก็จะเครียดอยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงว่าศีลจะขาด ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่า เจตนาจึงเป็นตัววัดความบริสุทธิ์ของศีล บำเพ็ญภาวนาไม่รู้จักปล่อยวางก็เข้าถึงฌานไม่ได้ เพราะว่าอารมณ์สุดท้ายของฌานทุกระดับ ที่เป็นตัวเอกัคคตารมณ์ก็คืออุเบกขา
ดังนั้น..ในส่วนของทานถ้าท่านยังวางไม่ได้ ในส่วนของศีล ของภาวนา ท่านก็วางไม่ได้เช่นกัน หนทางแห่งการพ้นทุกข์ของท่านก็จะยาวนานและยาวไกลเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น..รีบ ๆ วางได้แล้ว
ถ้าวางที่อื่นไม่ได้ ก็วางตั้งแต่งานนี้ อาตมาเองไม่ได้มีความสุขที่จะมาแบกญาติโยมเยอะ ๆ เป็นเวลานาน ๆ รีบปล่อยรีบวาง วางก่อนสบายก่อน แต่ให้วางแบบคนมีปัญญา วางเพราะสภาพจิตยอมรับและปล่อยวางจริง ๆ ไม่ใช่วางใส่กบาลคนอื่นเขา..! หลายต่อหลายคนบอกว่า “ผมไม่สนละ..ผมวางแล้ว” พอถึงเวลาทำอะไรผิดอะไรพลาด คนอื่นไปเตือนก็บอกว่า “ฉันวางแล้ว” อันนั้นวางใส่กบาลคนอื่นเขา..!
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีคนมาจ้ำจี้จ้ำไชบอกกับท่าน ยกเว้นที่นี่เท่านั้น เพราะฉะนั้น..ฟังแล้วจำ จำแล้วคิด คิดแล้วเอาไปปฏิบัติด้วย
โทรศัพท์เป็นเครื่องติดต่อสื่อสาร ไม่ใช่เครื่องแสดงฐานะ อาตมาไปไหนใช้โทรศัพท์เครื่องละ ๖๙๐ บาท นั่งสองแถวไป เขาก็บอกว่า “พระอาจารย์เล็กรวย” ของโยมใช้ Galaxy Note ๙ เครื่องหนึ่ง ๔-๕ หมื่นบาท เขาก็รู้ว่าเป็นหนี้บัตรเครดิต..!
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้หลักการเศรษฐกิจพอเพียงไว้ ซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็น และสิ่งที่จำเป็นนั้นไม่ใช่เครื่องเสริมฐานะของเรา ใครที่หัวถึงเท้าราคาหลายแสนบาท ให้รู้ไว้ว่าท่านเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด ถึงขนาดต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมืออื่นในการเสริมฐานะตัวเอง
(กล่าวกับโยมที่จัดเตรียมทองคำ) นับแล้วทำไมเกินอยู่เรื่อย ๆ เมื่อครู่ก็พอดีแล้ว ? ถ้าอย่างนั้นนับอีกสัก ๒ รอบสิ จะได้เกินสัก ๒๐๐-๓๐๐ บาท..!
มีสิ่งหนึ่งที่โยมมาร่วมหล่อพระทุกงานแล้วสังเกตไว้ว่า ต้นชัยพฤกษ์ในลานธรรมวัดท่าขนุนจ้องจะบานเฉพาะตอนหล่อพระ ปีที่แล้วเราหล่อพระเดือนกุมภาพันธ์ก็บานเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้เราหล่อเดือนมีนาคมก็บานเดือนมีนาคม เดี๋ยวปีหน้าจะลองหล่อเดือนเมษายนดู..! อาตมาแปลกใจมากว่าต้นไม้รู้ได้อย่างไรว่าเราจะหล่อพระ ?
สีนี้เขาเรียกว่า ต้นชัยพฤกษ์ ถ้าหากว่าต้นราชพฤกษ์ก็คือดอกคูน หรือลมแล้ง ซึ่งมีสีเหลือง ถ้ากัลปพฤกษ์จะเป็นสีชมพูอมขาว แล้วยังมีกาฬพฤกษ์ที่ออกสีม่วงแดงเข้มกว่านี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นไม้ตระกูลเดียวกัน เพียงแต่ลักษณะดอกต่างกันเท่านั้น อาตมาเองตั้งใจปลูกตลอดแนวตรงนี้ ปรากฏว่าดอกบานเมื่อไร โยมมาถึงก็รถติด เพราะว่าคนจอดรถเซลฟี่กัน เห็นแล้วเครียด...!
เครื่องบวงสรวงในการทำบวงสรวงหลายปีมานี้ คณะของพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม หรือท่านอาจารย์มหาเอ วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด งานนี้ทำเองไม่ทัน ก็ยังอุตส่าห์ไปจ้างเขาทำมา แต่ละงานหมดหลายหมื่นบาท งานที่ผ่านมาช่วงเป่ายันต์เกราะเพชรหมดไปแสนกว่าบาท ก็ขออนุโมทนากับท่านด้วย พวกเราไม่ต้องลำบาก แค่ยกมือสาธุก็ได้ทั้งหมดแล้ว
ความจริงอาตมาตั้งใจจะสร้างหลวงพ่อทองคำหน้าตักแค่ ๑๖ นิ้ว พอช่างไปวัดขนาดเพื่อกะองค์พระ บอกว่าได้ ๒๑ นิ้ว อาตมาก็ดีใจด้วย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้วมีเครื่องทรง มีมงกุฎเข้าไป ต้องลดหน้าตักลงเหลือ ๑๙ นิ้ว ไม่อย่างนั้นแล้วพระมหาพิชัยมงกุฎจะชนหลังคามณฑป
(ขณะเททองลงเบ้า) เสียงเหมือนเทวดาย้ายทองเลย..! อาตมาเคยทำวัตรอยู่ที่เกาะพระฤๅษี อยู่ ๆ โบสถ์ทั้งหลังลั่นครืน กำหนดใจดู เห็นเทวดา ๘ องค์มหึมายืนล้อมโบสถ์ ถามท่านว่าทำอะไร ? ท่านบอกว่า "เอาของมาฝากหน่อย" ขอท่านดู โอ้โฮ..ทองคำทั้งนั้น แต่ละแท่งใหญ่อย่างกับเสาไฟ ก็เลยถามท่านว่า “ทำไมต้องเอามาฝากด้วย ?” ท่านบอกว่า “ถ้าอยู่ใต้โบสถ์ก็ปลอดภัยหน่อย ไม่ต้องระวังมาก” ก็เลยบอกกับท่านว่า “ถ้าว่างงานแล้วก็ช่วยหาเงินให้ด้วย ขอคิดค่าฝากหน่อย..!”
(โยมมารับโทรศัพท์ที่ทำตกไว้) ข้าวของที่วัดนี้ ถ้าท่านหลงลืมอยู่ที่ไหน ส่วนใหญ่ไม่หายหรอก เพราะว่าผู้ที่มาล้วนแล้วแต่เป็นนักบุญทั้งนั้น มิจฉาชีพพยายามจะแฝงมาที่นี่แต่ไม่สำเร็จ เพราะว่าท่านผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ และท่านผู้บังคับการหมวดเฉพาะกิจลาดหญ้า ส่งทั้งทหารตำรวจนอกเครื่องแบบ ในเครื่องแบบ มาเยอะแยะไปหมด
แล้วกล้องวงจรปิดในวัดของเราก็มีอยู่ด้านนอก ๕๐ ตัว ด้านในศาลาอีก ๑๒ ตัว จับขโมยมา ๒ ครั้งแล้ว ถึงเวลาทางตำรวจก็ขออนุญาตมาดูกล้อง กล้องของเราชัดกว่าตาเห็นอีก ผู้ต้องหาปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น..ใครจะมาทำอะไรผิดที่นี่ เล็งกล้องให้ดี ๆ ก่อน กรุณาอย่าหันหน้าให้กล้อง ไม่อย่างนั้นเสร็จแน่..!
อนุโมทนากับทั้งพระทั้งโยมด้วย ร่างกายของท่านไม่แข็งแรงแต่ก็ยังตั้งเจตนาจะมาหล่อพระให้ได้ ต้องบอกว่าเป็นศรัทธาที่แลกด้วยชีวิต เพราะว่าบางท่านป่วยหนัก อยากจะมาสร้างบุญสร้างกุศลเป็นครั้งสุดท้าย
เดี๋ยวเวลา ๐๙.๒๐ น. อาตมาจะหยอดดอกกุหลาบแห่งความรักลงเบ้า มีชิ้นเดียว ดอกเดียวเท่านั้น ถวายมาโดยครอบครัวคุณอมรรัตน์ ลาภพิทักษ์พงษ์ ดอกกุหลาบทองคำ ๙๙.๙๙ เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก ๕ บาท ก็คือ ๗๕ กรัม แปลว่าทองคำงวดนี้จะหล่อไปทั้งหมด ๙๗.๕๗๕ กิโลกรัม
อนุโมทนากับญาติโยมชาวท่าขนุน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนวังท่าขนุน ชุมชนพัฒนาทองผาภูมิ ชุมชนริมฝั่งแควน้อย ท่านทั้งหลายได้ผู้นำชุมชนที่ดี สามารถทำเป็นชุมชนคุณธรรมได้ แล้วก็มาร่วมกิจกรรมกับทางวัดเป็นประจำ ตอนนี้วัดท่าขนุนของเราได้รางวัลชุมชนคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ๑ ใน ๖ แห่งของจังหวัดกาญจนบุรี
อนุโมทนากับกลุ่มสายใยด้วย ที่ร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำมาในครั้งนี้ พยายามตัดบัวอย่าให้เหลือใย ไม่อย่างนั้นก็ต้องเกิดใหม่อีก ถ้าเหลือแต่สายใยนี่แปลว่าเหลือน้อยแล้ว ส่วนหยาบหมดแล้ว เหลือแต่ส่วนละเอียดเท่านั้น
คุณยายจำเรียง วงศาจันทร์ ที่นิมนต์อาตมาไปรับสังฆทานและสงเคราะห์ญาติโยมที่สุไหงโกลกตั้งแต่ ๒๗ ปีที่แล้ว ไปตั้งแต่ไม่มีเรื่องจนมีเรื่อง ไปตั้งแต่มีเรื่องจนไม่มีเรื่อง บางครั้งลงไปเจอระเบิดชนิดแผ่นดินสะเทือนอยู่ข้างบ้าน อาตมาก็ยังคงนั่งสอนกรรมฐานหน้าตาเฉย มึงอยากวางระเบิดก็วางไป ถ้ากูยังไม่ตาย กูก็จะสอนไปเรื่อย..!
ตอนนี้คุณยายเสียชีวิตแล้ว การทำบุญครั้งสุดท้ายของคุณยายจำเรียงก็คือ ถวายทองคำร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำกับอาตมา ที่วัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ตอนที่อาตมาลงไปร่วมงานศพพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ ผลบุญนี้ขอให้คุณยายไปสู่สุคตินะจ๊ะ
เจ้าภาพหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองคำงวดนี้ ก็คือคณะของพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม เปรียญธรรม ๖ ประโยค วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านเป็นเจ้าของต้นแบบทั้งหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อนาก และหลวงพ่อทองคำ ต้องขออนุโมทนากับพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม และคณะของท่านเป็นอย่างสูง
ท่านบอกว่า ร่างกายนี้ไม่ค่อยจะดี เจ็บไข้ได้ป่วย ขออนุญาตทำบุญเผื่อส่งท้าย
ญาติโยมทั้งหลาย...การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องหน้าตัก ๑๙ นิ้วด้วยทองคำแท้ อาตมาได้รับคำสั่งให้ทำโครงการนี้ตั้งแต่ประมาณปลายปี ๒๕๕๕ เมื่อทำโครงการมา ด้วยระยะเวลาที่ห่าง ก็เลยทำให้ต้องหล่อหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อนากเพิ่มขึ้นมาอีก ๒ องค์
หลวงพ่อเงินหล่อด้วยเม็ดเงินบริสุทธิ์น้ำหนัก ๑๕๐ กิโลกรัม คิดเป็นเงินประมาณ ๓ ล้านบาทเศษ หลวงพ่อนากหล่อด้วยทองคำ นาก และเงิน น้ำหนักรวม ๑๖๐ กิโลกรัม มูลค่า ๔๐ กว่าล้านบาท แล้วก็มาหล่อหลวงพ่อทองคำองค์ใช้งานจริง หล่อด้วยเม็ดเงินบริสุทธิ์ ๕๒ กิโลกรัม ชุบทองไมครอนไป ๓ แสนบาท รวมทั้งหมดเป็นมูลค่าประมาณ ๑ ล้าน ๔ แสนบาทเศษ แล้วมาปีนี้เราหล่อหลวงพ่อทองคำด้วยทองคำ ๙๗.๕๗๕ กิโลกรัม คิดเป็นเงินประมาณ ๑๓๐ กว่าล้านบาท
การที่ได้หล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำครั้งนี้ ตามที่พระและครูบาอาจารย์ท่านบอกเอาไว้ก็คือ เมื่อหล่อเสร็จแล้วสถานการณ์ของประเทศชาติจะค่อย ๆ ดีขึ้น คือหลังจากที่หัวทิ่มตกเหวมานานหลายปี ทุกอย่างจะค่อย ๆ ฟื้นตัว อย่าลืมว่าการที่เราอยู่ก้นเหว ตอนที่จะตะกายขึ้นก็ลำบากนิดหนึ่ง แต่ยังดีว่าเป็นขาขึ้นแล้ว
ดังนั้น..ในการหล่อวันนี้ ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งใจอธิษฐานเอง ตามบุญวาสนาบารมีที่เราสั่งสมมา รวมกับผลบุญในการร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อหลวงพ่อทองคำในครั้งนี้ ขอให้ทางเดินชีวิตของเรามีแต่ความก้าวหน้า เจริญรุ่งเรืองจนกระทั่งรุ่งถึงที่สุด
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เหตุที่เกิดขึ้นได้ยากเพราะว่าทองคำมูลค่าร้อยกว่าล้านบาท ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำได้คนเดียว ต่อให้บุคคลที่มีเงินทองมากพอที่จะทำได้คนเดียว ก็ไม่มีจิตศรัทธามากพอที่จะทุ่มเทเงินถึงขนาดนั้น ในการสร้างรูปเปรียบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขนาดนี้ขึ้นมา
โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญมาตลอดตั้งแต่ปี ๒๕๕๖ มาจนถึงวันนี้ แปลว่าท่านทั้งหลายได้มีโอกาสร่วมกันหล่อสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องหน้าตัก ๑๙ นิ้วองค์นี้ และหลวงพ่อพระพุทธกัสสปในรูปลักษณ์ของพระพุทธลีลาประทานพรอีก ๑ องค์
อาตมาเองก็ร่วมบุญกุศลตรงนี้ไปเป็นล้านบาท ถามว่าเอาจากไหนมา ? กิจนิมนต์ทุกงานตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๖ มาจนถึงปัจจุบัน อาตมาได้เงินมา เอาลงกองทุนร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องเนื้อทองคำหน้าตัก ๑๙ นิ้วทั้งหมด แม้กระทั่งเงินที่บรรดาลูก ๆ บางคนสละเงินเดือนให้อาตมา ๑๐ เปอร์เซ็นต์ อาตมาก็เอาลงกองบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐม ญาติโยมบางท่านตั้งเงินเดือนให้อาตมา เดือนละ ๑ หมื่นบาท ให้เอาไปใช้ส่วนตัว วันดีคืนดีอาตมาก็ผลักลงหล่อสมเด็จองค์ปฐมไปเช่นกัน
ดังนั้น..เฉพาะอาตมาเอง เงินส่วนที่ลงในกองบุญตรงนี้ก็เป็นล้านแล้ว เงินที่ญาติโยมทั้งหลายใส่ย่ามตามงานวัดต่าง ๆ ก็ลงมาอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น..ในส่วนนี้ ญาติโยมทั้งทำบุญด้วยความตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม ถือว่าเราสร้างมหากุศลร่วมกัน เพื่อที่จะยังพระพุทธศาสนาให้เจริญไปจนครบ ๕,๐๐๐ ปี
มีบางท่านปรารภว่า การจัดงานใหญ่ ๆ แบบนี้ ทำไมไม่ตั้งเครื่องบวงสรวงอัญเชิญพระอุปคุต ให้ท่านมาช่วยควบคุมการงานทุกอย่างให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีมารมาขัดขวาง ? อาตมายืนยันว่ามารเป็นเพื่อนของอาตมาเอง เป็นพวกเดียวกัน เขาขวางจนไม่มีปัญญาจะขวางแล้ว
เพราะว่าสิ่งที่เราสร้างคือรูปเปรียบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์แรกของโลก ซึ่งตั้งแต่พระองค์ท่านสร้างบารมีมาจนบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังไม่มีอุปสรรคอะไรที่ขวางพระองค์ท่านได้สำเร็จ และเมื่อสร้างบารมีมามากกว่า ๔๐ อสงไขย คิดว่าในสามโลกนี้ไม่มีใครขวางพระองค์ท่านได้ อาตมามอบกายถวายชีวิต ถวายความไว้วางใจในพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี
จะเห็นว่างานของวัดท่าขนุนไม่เคยมีปัญหา เพราะว่าอาตมาเข้าใจว่าพุทธบารมีอยู่ในทุกอณูของอากาศ ท่านเปิดใจรับได้มากเท่าไร พระองค์ท่านก็สงเคราะห์ให้มากเท่านั้น เรื่องแค่นี้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาขวางงานบุญได้ ถ้าหากว่าใครขวางงานบุญนี้ได้ แปลว่าต้องสร้างบารมีมามากกว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต้นของโลก ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านั้นยังไม่เกิดมา
ในเมื่อเรามีความเข้าใจและมั่นใจเช่นนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สำเร็จ โดยเฉพาะได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากท่านอาจารย์สุชาติ เลิศภูมิปัญญา ปฏิมากรผู้ปั้นพระรูปสมเด็จองค์ปฐมได้สวยที่สุดเท่าที่อาตมาพบมา ไม่ใช่ท่านอาจารย์สุชาติ แซ่จิว ที่เป็นปฏิมากรเช่นกัน
แต่คราวนี้ท่านอาจารย์สุชาติท่านเก็บตัว ไม่ค่อยแสดงออก ลูกศิษย์ของท่านคนหนึ่งก็คือ ท่านอาจารย์ปัทม์ บุณยรังค แสดงฝีมือฝากไว้ด้วยรูปนารายณ์กวนเกษียรสมุทรที่สนามบินสุวรรณภูมิ นั่นฝีมือลูกศิษย์ ฝีมือของอาจารย์อยู่ที่วัดท่าขนุนนี่ ทั้งหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อนาก และหลวงพ่อทองคำ ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อพระพุทธลีลาประทานพรและหลวงพ่อพระมหาจักรพรรดิห้ามสมุทร ซึ่งจะสร้างต่อไปในโอกาสข้างหน้า
ไม่ต้องไปหาท่าน เพราะว่าท่านเลิกรับงานแล้ว ปั้นไม่ไหว สายตาแย่แล้ว แต่ด้วยความที่เกรงใจท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ที่เคยร่วมงานกันมานาน พอรู้ว่าเป็นงานของพระอาจารย์เล็ก ซึ่งท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ ถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านอาจารย์สุชาติก็เต็มใจสร้างผลงานให้เป็นการทิ้งทวน
และญาติโยมทั้งหลายก็เป็นบุคคลที่ตั้งใจร่วมบุญกัน ไม่ว่าจะเป็นเงินสด ทองคำ หรือว่าเม็ดเงินในการหล่อทุกครั้ง ถ้าอยากเห็นผลงานของท่านอาจารย์สุชาติ เลิศภูมิปัญญา ที่ชัดตาที่สุด ก็คือหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม พระประธานในศาลาร้อยปีวัดท่าขนุนแห่งนี้
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ทำมาบรรจบครบพร้อมกันในวันนี้ กุศลบารมีที่ท่านทั้งหลายได้สร้างจะสำเร็จลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เชื่อว่าหลายคนก็คงหมดความค้างคาใจ ว่าในชีวิตอยากสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำสักองค์หนึ่งก็ไม่มีโอกาส ท่านได้มีโอกาสร่วมบุญกับทางวัดท่าขนุนแล้ว
เราเห็นพระพุทธรูปทองคำที่โน่นที่นี่ เป็นพระพุทธรูปเก่าโบราณบ้าง สร้างใหม่บ้าง อยากเหลือเกินที่จะสร้างเอง แต่ว่าทุนทรัพย์ไม่ถึง..ไม่เป็นไร ร่วมงานกับตรงนี้ ร่วมบุญกับตรงนี้ ๑ บาท ๒ บาท ๓ บาท ๕ บาท ๑๐ บาท หรือว่าจะร่วมเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน เราก็เป็นเจ้าภาพในการสร้างเท่าเทียมกัน
อาตมาเองสร้างหลวงพ่อสามกษัตริย์ ๓ องค์ ด้วยแนวคิดที่ว่า จังหวัดกาญจนบุรีของเราไม่มีพระพุทธรูปสำคัญซึ่งคนรู้จักกันทั่วประเทศ ในเมื่อไม่มี เราต้องทำขึ้นมา โดยปรึกษาโครงการร่วมกับท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ว่า ร้อยกว่าล้านนี้ทางวัดจะลงทุน แต่ถึงเวลางานแห่ประจำปี ทางเทศบาลต้องลงทุนขบวนแห่ ซึ่งก็คงต้องเขียนโครงการใช้งบประมาณตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
เดี๋ยวจะปรึกษากันอีกทีว่าช่วงไหนที่จะแห่ได้เหมาะสมที่สุด ซึ่งมี ๒ ช่วงคือ เทศกาลสงกรานต์กับวันลอยกระทง คาดว่าแห่ไม่เกิน ๓ ปีก็จะติดตลาด กลายเป็นแหล่งเที่ยวใหม่ที่คนทั้งหลายมาถึงทองผาภูมิแล้วจะพลาดไม่ได้
อีกท่านหนึ่งที่สนับสนุนงานวัดท่าขนุนมาตลอดคือ ท่านนายกฯ จิรชัย ถนอมวงษ์ ท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลท่าขนุน วัดท่าขนุนได้เปรียบเพราะว่ามีเทศบาลตำบลคาบเกี่ยวกันอยู่ ๒ เทศบาล ที่รับผิดชอบโดยตรงคือเทศบาลตำบลทองผาภูมิของท่านนายกฯ ประเทศ บุญยงค์ แต่ว่าเทศบาลตำบลท่าขนุนที่ล้อมกรอบใหญ่อยู่ด้านนอกของท่านนายกฯ จิรชัย ถนอมวงษ์ ก็เป็นลูกศิษย์เก่าแก่ของหลวงปู่สาย วัดท่าขนุนมาแต่ดั้งแต่เดิม
ดังนั้น..ในส่วนนี้จึงเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ให้การสนับสนุนวัดท่าขนุนมาตลอด ก็ต้องขออนุโมทนากับท่านนายกฯ ทั้ง ๒ ท่าน ตลอดจนกระทั่งผู้นำชุมชนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนางสาวบุญสนอง บุญยงค์ ประธานชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน นางพนอ จันทจิตร ประธานชุมชนริมฝั่งแควน้อย นายจำรัส คมขำ ประธานชุมชนคุณธรรมพัฒนาทองผาภูมิ ท่านผู้ใหญ่คณิน เจียจำรูญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑ บ้านท่าขนุน ท่านกำนันก้าน หงษาวดี กำนันตำบลท่าขนุน
ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ช่วยงานและทำบุญที่วัดท่าขนุนเป็นประจำ และมาแบบปิดทองหลังพระ ก็คือไม่ค่อยแสดงตัว เพราะรู้ว่าถ้าแสดงตัวผิดจังหวะ อาจจะโดนเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนด่าเอาง่าย ๆ ..(หัวเราะ).. ท่านทั้งหลายเหล่านี้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในวันนี้
ความสำเร็จที่ปรากฏขึ้นในวันนี้ สะดวก ง่ายดาย สมบูรณ์พร้อมขนาดไหนก็ตาม ก็ขอให้ญาติโยมทั้งหลายมีความสำเร็จ สมบูรณ์พร้อม สะดวก และง่ายดายเช่นเดียวกัน
งานต่อไปของวัดท่าขนุนที่ญาติโยมจะมามีส่วนร่วมเต็มที่แบบนี้ ก็คืองานสืบชะตาหลวง ๖๐ ปีของอาตมา
วันที่ ๑๕ มิถุนายน จะบวชพระฉลองอายุ ๑๐๘ รูป
วันที่ ๑๖ มิถุนายน จะเป็นการสืบชะตาหลวง ก็คือทำพิธีเผื่อญาติโยมทุกคนที่มาร่วมงาน
และวันที่ ๑๗ มิถุนายน เป็นการสวดมนต์ฉลองหลวงพ่อทองคำ หลวงพ่อนาก หลวงพ่อเงิน และฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมาเอง
ตอนนี้พระที่สมัครบวชเข้ามามี ๑๑๐ รูป คือสำรองเอาไว้ ๒ รูป เผื่อมีใครฉุกเฉิน ไม่สามารถที่จะบวชได้ สองท่านนี้จะเข้าแทนที่
ส่วนงานสืบชะตาหลวงนั้น เราจะทำเต็มพิธีโบราณ ซึ่งคณะกรรมการในการสืบชะตาครั้งนี้ประกอบด้วย ตุ๊พ่อพระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ พระครูสันตจิตตานุกิจ วัดพระธาตุดอยกวางคำ พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที วัดโลกโมฬี ซึ่งเป็นว่าที่เจ้าอาวาสใหม่อีกท่านหนึ่ง จะร่วมกันทำตามตำราโบราณเต็มรูปแบบ ค่าใช้จ่ายประมาณ ๕๕๐,๐๐๐ บาท
อาตมาอนุมัติงบและจ่ายเงินไปแล้ว ท่านจะได้เห็นพิธีสืบชะตาหลวงเต็มรูปแบบของโบราณ ที่เคยทำสมัยร้อยกว่าปีที่แล้วมา ได้ที่วัดท่าขนุนในวันที่ ๑๖ มิถุนายนนี้
เมื่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำองค์นี้ อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนมณฑปเรียบร้อยแล้ว ศาลาร้อยปีวัดท่าขนุนที่ไม่เคยปิดทั้งกลางวันกลางคืน จะขอเปิด-ปิดตามเวลา และนอกจากกล้องวงจรปิดในศาลา ๑๒ ตัวแล้ว เรายังต้องมีเวรยามเฝ้าอยู่ด้วย และที่แน่ ๆ ทางหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ส่งทหาร ๑ หมวดมาช่วยเฝ้าวัดตั้งแต่ ๒ ปีกว่าแล้ว เปลี่ยนหัวหน้าชุดไป ๔ รายแล้ว
เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะว่าทหารประจำวัดท่าขนุนอีก ๓๐๐ กว่าตัวช่วยดูแลอยู่...! ถ้าใครคิดว่าฝ่าคมเขี้ยวเข้าไปขโมยได้ก็ลองดู ถ้าเยินออกมาอาตมาเต็มใจรักษาให้ฟรี..!
นี่เขากะเหลือทองคำคืนให้อาตมาเท่าไรไม่รู้ ขอยืนยันว่าการคำนวณจะไม่มีพลาด แต่พลาดทุกครั้ง..! เพราะว่าคำนวณที่อื่นพอดี มาวัดท่าขนุนจะเกินมาก ๆ ทุกครั้ง ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครแอบเอาทองเอาเงินหย่อนเพิ่มลงไป..!?
อย่างคราวที่แล้วเราหล่อด้วยเม็ดเงิน ๑๕๐ กิโลกรัม เหลือเงินแท่งกลับมา ๕๐ กว่ากิโลกรัม
(หลังจากหล่อพระ) โยมดูเอานะ ทองแท่งที่เหลือเทไว้แท่งละประมาณ ๒ กิโลกรัม นี่คือการคำนวณที่สุดยอดของโรงงาน เขาคำนวณที่อื่นถูกทุกครั้ง คำนวณที่วัดท่าขนุนทีไรเหลือบานเบิกทุกที..! ซึ่งในส่วนนี้เราต้องเข้าใจว่า พวกเราส่วนใหญ่ใช้คาถาเงินล้านกันเป็นปกติ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมงานหล่อหลวงพ่อทองคำ
วันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย นายกระรอก)
vBulletin® v3.8.11, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions Inc.