กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 13-05-2011, 16:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : รับยันต์เกราะเพชร ถ้าเราไม่ได้อยู่ในพิธี เราจะทำอย่างไรได้บ้างคะ ?
ตอบ : อยู่มุมไหนของโลกก็รับได้จ้ะ พอตรงเวลาเราก็ตั้งใจบูชาพระ นั่งภาวนาพุทโธสักครึ่งชั่วโมง ระหว่างที่นั่งภาวนาอยู่ให้ตั้งใจว่า บารมีใดที่พระท่านสงเคราะห์มาเราขอรับทั้งหมด ช่วงที่ภาวนาอยู่ถ้ามีอาการขนลุกหรือคันตามตัว เหมือนมีตัวอะไรเกาะตัวอะไรไต่ บางคนก็รู้สึกร้อนเป็นระยะ ๆ บางคนก็รู้สึกหนักหัว หนักตัว ร้อนหูร้อนหน้า แสดงว่ายันต์กำลังเริ่มเข้าตัว

ฉะนั้น..อยู่ที่ไหนก็รับได้ พระท่านว่าอยู่จักรวาลไหนก็รับได้ ไม่จำเป็นต้องในโลกนี้ด้วยซ้ำไป ตอนทำพิธีเป่ายันต์ครั้งแรก พวกปักษ์ใต้ที่อยู่ยะลา เขาจัดพิธีรับกันทางบ้าน รวมตัวได้สิบกว่าคน เขาสวดมนต์ไหว้พระ นั่งภาวนา ปรากฏว่ามีอาการปรากฏชัดทุกคน เขาจึงได้มั่นใจว่ารับได้จริง ครั้งต่อไปเขาก็แห่ไปวัดเอง อยู่บ้านรับได้ แล้วดันจะไปวัด..!

ถาม : ช่วงพุทธาภิเษก ของที่ไม่ได้อยู่ในพิธี ?
ตอบ : วัตถุมงคลต้องเอาไปเข้าพิธี

ถาม : นอกปะรำพิธีไม่ได้เลยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นช่วงเป่ายันต์เอาไว้ที่ตัวก็ได้ พระท่านอนุญาต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-05-2011 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 13-05-2011, 16:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเด็ก ๆ ว่า "น้องส้มโอ อยู่วัดตอนเย็น ๆ เขาไม่กินข้าวเลยเพราะถือศีลแปด เขาเดินจงกรมกันส้มโอก็เดินตามเขา เขานั่งสมาธิกันส้มโอก็นั่งตามเขา พอชั่วโมงท้าย ๆ ของการนั่งก็บิดไปบิดมา ยังอุตส่าห์ทนอยู่ได้ เด็ก ๖ ขวบฝึกได้ขนาดนั้น ถือว่าใช้ได้เลย

น้องถิงถิงอีกคน ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ เขาไม่มีจังหวะกับใครหรอก พอซ้ายยังไม่ทันจะย่าง ถิงถิงก็วางเท้าลงแล้ว แต่เขาก็เดินได้ทั้งวัน อาตมาบอกถิงถิงว่า พยายามให้จังหวะการเดินกับที่เราพูดนั้นตรงกัน แต่เด็กเขาทำไม่ได้ เขาไม่เข้าใจ

เด็ก ๆ เราต้องค่อย ๆ ปลูกฝังไป พอถึงเวลาแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะไปเกิดดอกออกผล ตอนที่เขาไปดำเนินชีวิตของตัวเองหรือไปมีครอบครัว เขาจะมีความอดทนอดกลั้นมากกว่าคนอื่น เพราะได้รับการฝึกหัดมาดีแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2011 เมื่อ 16:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 13-05-2011, 16:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ขอยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่ง เป็นครอบครัวไฮโซแต่เลี้ยงลูกดีมาก วันเสาร์-อาทิตย์ พาลูกไปขุดดิน ฟันหญ้า ปลูกผัก ถึงเวลาก็สอนให้ลูกตัวเองกินพวกผักพวกผลไม้ที่เด็ก ๆ ทำ เด็กเขาปลื้มใจด้วยและได้เล่นด้วย พอกินไปกินมาก็ติดนิสัยเดียวกับอาตมา

อาตมาเองอยู่กับไร่กับสวนมา มีแต่พวกผักพวกผลไม้ ไม่มีขนม สมัยก่อนจะมีขนมกินต้องรอตอนช่วงมีงาน อย่างเช่น หน้าตรุษหน้าสารท ในเมื่อกินผักผลไม้จนชินมาอย่างนั้น ก็ไม่ชินกับขนม ชินกับผลไม้มากกว่า เด็ก ๆ พวกนี้ก็เหมือนกัน

พอเข้าอนุบาล พ่อแม่เขาก็เอากล้วย กล้วยน้ำว้าสุกนี่แหละ ปาดหัวปาดท้ายเหลือแต่ลูกพอดี ๆ ใส่ปิ่นโตไปให้ เด็กเขาก็กินอร่อยของเขาทุกวัน ด้วยความที่ตัวเองกินอร่อย เขาก็อยากให้ครูได้ของอร่อยด้วย วันนั้นก็เอาไปให้ครู ครูก็มารยาทดี รับแล้วก็วางไว้บนโต๊ะ

วันที่ ๒ ก็ยังวางอยู่ วันที่ ๓ เด็กก็มาบอกว่า "คุณครูขา..ถ้าคุณครูไม่กินหนูขอคืนนะคะ" เด็กเขาเสียดาย แต่ต้องบอกว่าครอบครัวนี้เก่ง เลี้ยงลูกดี ทั้ง ๆ ที่มีเงินเป็นร้อยล้านแต่เลี้ยงลูกดีมากเลย แล้วเด็กก็แข็งแรง ไม่เป็นภูมิแพ้ อาจเป็นเพราะว่าไปคลุกดินคลุกทราย ตากแดดตากลมอยู่ทุกวัน

เด็กต้องให้ผู้ใหญ่นำ พ่อแม่ขุดดิน เด็ก ๆ มองกันตาเป็นมันเพราะว่าอยากทำ พอส่งพลั่วส่งจอบให้ เด็กก็สนุกกันใหญ่เลย ไม่ฟันหัวกันก็พอแล้ว ปล่อยให้เขาสนุกไปเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2019 เมื่อ 04:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 13-05-2011, 16:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อน ลูกกบเข้าอนุบาล เพื่อน ๆ วิ่งเล่นกัน แต่ลูกกบนั่งหลับตาขัดสมาธิอยู่คนเดียว

ครูก็มาถามว่า "หนูทำอะไร ?" ลูกกบบอกว่า "นั่งสมาธิค่ะ"

"ใครสอนหรือจ๊ะ ?" "หลวงปู่ข้างบนท่านสอน"

"หลวงปู่สอนว่าอย่างไร ?" "หลวงปู่สอนว่าให้รักษาศีลและนั่งสมาธิทุกวัน ทำน้อยเหมือนได้ทอง ทำมากเหมือนได้เพชร"

นี่ไม่ใช่สำนวนของเด็ก เด็กอนุบาลพูดอย่างนี้ไม่ได้หรอก แล้วเขาเป็นคนที่จำแม่นมาก น่าจะเป็นเพราะสมาธิดี

เขาเอาปิ่นโตไปกินที่โรงเรียน ครูคงลองชิมแล้วติดใจ ครูเขาก็เลยขอบ้าง ลูกกบบอกว่า "เดี๋ยวจะให้คุณแม่ทำมาเผื่อ" พอรุ่งขึ้นเขาเอาไปให้ครู แต่ครูลืมไปแล้วว่าขอเด็กไว้ แต่เด็กเขาจำได้

วีรกรรมของลูกกบแสบแค่ไหนต้องถามนางมารร้ายดู เขาฉลาดขนาดหลอกผู้ใหญ่ได้ คนประเภทนี้ถ้าไม่ดึงเข้าหาธรรมะก่อน คงประเภทขายโลกได้ครึ่งใบ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2011 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 13-05-2011, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อ ๔-๕ วันก่อน อากาศวิปริตมาก มีโยมโทรไปถามว่าทำไมอากาศเป็นอย่างนี้ ? อาตมาบอกว่าทางใต้มีพระผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของประเทศมรณภาพ ปรากฏว่ารุ่งขึ้นท่านมรณภาพจริง ๆ ไม่ได้แช่งท่านนะ ท่านหมดอายุแล้วจริง ๆ

เคยไปกราบท่านหลายครั้ง สมัยก่อนเวลาไปหาท่าน ก็นั่งดูท่านทำนั่นทำนี่ไปเรื่อย ถักสายรัดข้อมือบ้างอะไรบ้าง สิ่งที่ท่านทำก็คือการทรงสมาธิ ท่านอยู่ปัตตานี กลางดงระเบิด

เรื่องของพระผู้ใหญ่ที่ละสังขาร ถ้าเราดูฟ้าดูดินเป็นก็จะรู้ ไม่ต้องใช้ทิพจักขุญาณอะไรหรอก ใครที่ทันสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงละสังขาร จะรู้ว่าอากาศเป็นอย่างไร ตอนนั้นเหมือนกับฟ้าปิด มืดฟ้ามัวดินไป ๗ วันเต็ม ๆ

ถ้าหากดูในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ก็จะมีเหตุนิมิตต่าง ๆ เกิดขึ้น กลองทิพย์บันลือขึ้น มีแผ่นดินไหว ดอกมณฑารพตกจากอากาศเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ยิ่งท่านที่มีบุญญาบารมีมากเท่าไร นิมิตที่แสดงออกก็จะยิ่งชัดมาก

ในเรื่องของคน ถ้าไม่ได้ประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บไข้ได้ป่วยมาก ๆ จนทนไม่ไหว มักจะตายตอนช่วงเปลี่ยนอากาศ เช่น ช่วงฝนต่อหนาว ช่วงหนาวต่อร้อน ช่วงร้อนไปฝน ช่วงรอยต่อระหว่างอากาศ ถ้ามีคนแก่มีคนป่วยอยู่ให้ดูแลให้ดี เพราะร่างกายของคนแก่หรือคนป่วยมักจะอ่อนแอ พอทนสภาพอากาศไม่ไหวก็ไปเลย ใครที่ป่วยบ่อย ๆ จะรู้ว่า เวลาอากาศเปลี่ยนจะเหมือนกับซ้ำให้อาการหนักขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 13-05-2011, 16:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กลอนพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา เขาว่า

ทั้งเดือนดาวดินฟ้าจะอาเพศ......อุบัติเหตุเกิดทั่วทุกทิศาน
มหาเมฆจะลุกเป็นเพลิงกาล.......เกิดนิมิตพิสดารทุกบ้านเมือง


ตอนนั้นฟ้าปิดมืดหมด แต่ทางด้านใต้ฟ้ามีสีเหลือง แบบที่เรียกว่า สีหมากสุกหรือผีตากผ้าอ้อม อาตมาบอกพระเณรว่า "คุณจำไว้เลยนะ..สภาพอากาศแบบนี้ ถ้าอยู่ในทะเลให้หนีขึ้นบกสุดชีวิตเลย พายุใหญ่กำลังจะมา"

เรื่องของการดูลมฟ้าอากาศ ถ้าหากดูเป็นก็เหมือนกับมีทิพจักขุญาณ พยากรณ์ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่เกาะหลีเป๊ะมีคุณตาแก่ ๆ คนหนึ่ง เป็นคนบอกเรื่องสภาพอากาศ พอสภาพอากาศแบบนี้เกิดขึ้น ตาเขาบอกให้จับหมูมาฆ่าได้เลย จัดแจงทำรวนเค็มด้วยกระทะใบมหึมา

ก็ถามว่าทำไม ? ตาเขาบอกว่า ๗ วันนี้ออกทะเลไม่ได้ เดี๋ยวไม่มีอะไรกินเพื่อนบ้านก็จะมาขอ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย ถึงเวลาพายุใหญ่มา คลื่นหัวแตกซัดโครม ๆ ทำให้เรือออกทะเลไม่ได้ เมื่อชาวเลออกทะเลไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรจะกิน ถึงเวลาก็วิ่งมาพึ่งตา ซึ่งตาทำไว้เรียบร้อยแล้ว มาถึงก็ตักแจกเพื่อนบ้านไป

ในความรู้สึกของอาตมา เหมือนกับท่านเป็นผู้วิเศษ สามารถบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่านั่นเป็นประสบการณ์ชีวิต สังเกตมามาก อยู่นานไปก็รู้ แบบเดียวกับที่มดขนไข่ขึ้นที่สูง เพราะรู้ว่าพายุฝนกำลังจะมา ยิ่งขึ้นสูงมากเท่าไรก็ตัวใครตัวมัน เพราะว่าต้องขึ้นไปให้พ้นระดับน้ำที่จะท่วม น่ากลัวขนาดไหนก็ลองนึกดู"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-05-2011 เมื่อ 07:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 13-05-2011, 17:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนเด็ก ๆ พอเริ่มหมดฝนเข้าหน้าหนาว ทางบ้านจะไปช้อนกุ้งกัน เขาจะเอาหม้อข้าวผูกเชือกแล้วโยงกับเอว ถือสวิงไล่ช้อนกุ้ง ถึงเวลาก็เทใส่หม้อ เรื่องสร้างบาปสร้างกรรมตอนเด็ก ๆ นี่อาตมาถนัดมาก

มีอาเจ็กอยู่คนหนึ่ง พอพวกเราลงน้ำแล้ว อาเจ็กก็นั่งสูบยาอยู่ แกนั่งสูบยาไปเรื่อย บางครั้งพวกเราช้อนกุ้งเป็นชั่วโมงก็เริ่มหนาว ต้องขึ้นมาจากน้ำแล้วก่อไฟผิง ถามอาเจ็กว่าไม่ลงน้ำหรือ ? อาเจ็กบอกว่า ยังไม่ได้เวลา แกก็นั่งสูบยาไปเรื่อย พอถึงเวลาแกลุกขึ้นขัดเขมรเมื่อไรแปลว่าได้เวลาแล้ว

แกลงตักไม่กี่ทีก็ได้กุ้งหม้อหนึ่ง แล้วกลับบ้านเลย ส่วนพวกเราช้อนกันตั้งครึ่งคืน ได้อย่างเก่งก็ห่อเดียว ตอนหลังอาเจ็กบอกว่า ที่นั่งสูบยานั่นคือนั่งดูดาว จะมีดาวดวงหนึ่งถ้าขึ้นเมื่อไร กุ้งจะมาออกันตรงทางน้ำไหล อาเจ็กเขาเก่งขนาดนั้น ไม่ต้องไปทนหนาวอย่างเรา

ลักษณะนี้คล้าย ๆ ทิพจักขุญาณ แต่จริง ๆ แล้วเป็นประสบการณ์ที่เขาเรียนรู้ แบบที่โบราณบอกว่าถ้าดาวหมาหลับขึ้นเมื่อไร ขโมยจะขึ้นบ้าน พิสูจน์ได้ชัดเลยที่วัดท่าขนุน อาตมาตื่นมาประมาณตีหนึ่งตีสอง เดินจะเหยียบหัวหมายังเงียบเลย หมาซึมเหมือนกับช่วงนั้นกำลังง่วงสุดขีด ใครมาก็ไม่เห่า แต่ถ้าเป็นเวลาอื่นเดินนี่ เห่าสนั่นกันทั้งวัด แต่ช่วงนั้นจะไม่เห่า แสดงว่าดาวหมาหลับต้องขึ้นตอนประมาณตีหนึ่งตีสองแน่ ๆ เลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 13-05-2011, 17:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ถ้าเป็นตาไป๊ไม่ต้องรอดาวหมาหลับ ตาไป๊เป็นนักย่องเบาตัวฉกาจ ย่องเบามานับไม่ถ้วน และเจ้าทรัพย์ไม่เคยจับได้สักครั้ง เขารู้อยู่ว่าตาไป๊ย่องเบา แต่ก็ไม่มีหลักฐาน จับไม่ได้คาหนังคาเขา

พอตาไป๊อายุมากแล้วก็ล้างมือ หลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนนั้นท่านอยู่วัดชิโนรสที่กรุงเทพฯ มีเวลาว่างก็ถามตาไป๊ "แกย่องเบาอีท่าไหนวะ ?" ตาไป๊บอกว่า "ถ้าผมจะขึ้นบ้านไหนผมก็ไปสังเกตลู่ทางไว้ก่อน พอเย็น ๆ ใกล้ค่ำก็ลงมือ" "ลงมืออย่างไรวะ ? ใกล้ค่ำยังไม่ทันจะมืด"

ตาไป๊บอกว่า "ประกอบเครื่องมือในการย่องเบา" พอหลวงพ่อถามเครื่องมืออะไร ตาไป๊บอกว่าเนื้อสับใส่กัญชาเยอะ ๆ ทอดให้หอม แล้วก็ไปโยนไว้แถวรั้วบ้าน เดี๋ยวหมาก็มากิน เขาบอกว่าถ้าหมากินเข้าไปแล้วจะเมากัญชา หลับชนิดจับหางลากรอบบ้านก็ไม่ตื่น

ถ้าหมาที่ได้รับการฝึกมา จะไม่ให้รับอาหารจากคนแปลกหน้า แต่นี่เขาไม่ได้ยื่นให้กิน เขาไปโยนทิ้งไว้ เท่ากับหมามาเจอเอง หมาเจอเอง นึกว่าเป็นของที่หาได้เองก็กิน

ถ้าเป็นสมัยนี้ต้องเปลี่ยนแล้ว จากย่องเบาเปลี่ยนไปย่องหาสาวแทน แต่คงต้องไปทำเนื้อสับใส่กัญชาให้พ่อแม่ของสาวกินแทน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 13-05-2011, 17:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีอีกอย่างหนึ่งที่เขาใช้รมควันแล้วทำให้หลับกันทั้งบ้านก็คือ หนังจงโคร่ง จงโคร่งทางปักษ์ใต้เขาเรียกว่า "กง" เป็นคางคก บางตัวใหญ่เกือบเท่าถาด..! อาตมาไปปีนถ้ำกระแชงที่ยะลา เจอหินก้อนใหญ่ก็เหนี่ยวไว้ ที่ไหนได้..หินก้อนนั้นกระโดดข้ามหัวลงน้ำตูมไปเลย..!

จงโคร่งจะอาศัยนอนในถ้ำ เคยมีโยมเขาเมตตา เอาใส่ตะกร้ามาให้ดู ตัวหนึ่งเกือบจะเต็มตะกร้า อาตมาบอกไปจับมาทำไม ? เขาบอกว่า "คิดว่าหลวงไม่เคยเห็น" ทางใต้เขาเรียกพระอายุไม่มากว่า "หลวง" อาตมาบอกว่า "ข้าเห็นจนขี้เกียจจะเห็นแล้ว"

ต้องเอาหนังจงโคร่งมาตากแห้งแล้วป่น ผสมกับพวกกำยาน ปั้นเป็นธูป ถึงเวลาจุดทางเหนือลม จะทำให้หลับทั้งบ้าน หลับประเภทหามไปทิ้งก็ยังไม่รู้ตัว ถ้าจะให้ฟื้นเร็ว ๆ ต้องแก้ด้วยว่านแสงอาทิตย์"

ถาม : เอาส่วนไหนของว่านหรือคะ ?
ตอบ : เอาหัวว่านมาตำผสมกับเหล้า แล้วก็ทาจมูก สงสัยเหมือนกันว่าว่านแสงอาทิตย์นี่น่าเป็นยากระตุ้นขนาดหนัก คนกำลังหลับสามารถที่จะกระตุ้นให้ฟื้นได้ ขอยืนยันว่า..เขาให้ใช้ทานะ ถ้าใช้ผิด..กินเข้าไปแล้วตาย อย่ามาโทษอาตมาก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 14-05-2011, 07:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ากรณีเราเป็นเจ้าภาพงานบุญ แต่งานเสร็จไปแล้ว แล้วมีคนทำบุญด้วยมาทีหลัง เงินตรงนี้เราควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าเขาไม่ได้ทำไปมากกว่าที่เราจ่าย เราสามารถรับขึ้นมาได้ เพราะถือว่าเราจ่ายไปแล้ว

ถาม : แล้วเขาตามมาทำบุญทีหลัง อานิสงส์ที่เขาได้รับ ?
ตอบ : ถึงเวลาได้อะไร ก็จะได้ช้ากว่าคนอื่นเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 12:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 14-05-2011, 14:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตั้งแต่หลวงตาบัวมรณภาพ ก็มาเป็นหลวงพ่อสมเด็จวัดชนะสงคราม แล้วที่เรารู้ ๆ กันก็มีหลวงปู่ผัด วัดหัวฝาย แล้วไม่กี่วันก่อนก็เป็นหลวงปู่ทอง วัดสำเภาเชย ยังมีอีก.. ต้องบอกว่าปีนี้โหดจริง ๆ จะเอาถึงสมเด็จพระสังฆราชให้ได้

ได้แต่พยายามประวิงเวลาไว้ ถ้าลากได้จนถึงวันเป่ายันต์ก็แสดงว่าดวงของบ้านเมืองของเรายังไม่เละมากนัก"

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เรื่องของพระ ท่านจะพูดเท่าที่พูดได้ ถ้าไม่พูดแปลว่าถามไปไม่มีประโยชน์ คำว่าไม่มีประโยชน์ในที่นี้ คือบางเรื่องจะก่อให้เกิดการตื่นตระหนกในวงกว้างเสียด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นพระหรือฆราวาสที่ท่านรู้จริง จะพูดเท่าที่พูดได้ ส่วนใหญ่ใครที่ทำถึงตรงนี้แล้วจะอกแตกตาย บางทีรู้เป็นร้อย แต่ท่านให้บอกแค่ ๑ หรือ ๒ เท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 14:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 14-05-2011, 14:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถามหาสะท้อนมีเคล็ดที่จะใช้ไหมครับ ?
ตอบ : อย่าคิดร้ายใคร ให้ภาวนานึกถึงภาพพระคลุมตัวเราไว้เฉย ๆ ก็พอ

ถาม : แต่ก่อนผมใช้แล้วได้ผลครับ เวลามีคนจะทำอะไรใส่ ก็จะรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างออกไปเวลาท่องคาถา แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าพอท่องคาถาแล้วกลับรู้สึกแย่ลง เหมือนคนที่เขาทำเรามา เขามีความสามารถที่จะทำให้เราแย่ลง รวมถึงคาถาอื่น ๆ รวมถึงอิติปิโสฯ ก็รู้สึกอย่างเดียวกันครับ
ตอบ : ให้เราเข้าใจว่าคุณพระรัตนตรัยไม่เคยให้โทษใคร ให้แต่คุณโดยส่วนเดียวเท่านั้น เราก็ภาวนาไปด้วยความศรัทธาเชื่อมั่น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นที่ว่า ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่าคุณพระรัตนตรัยอีกแล้ว

อย่างที่โบราณเขาว่า "ถ้ากูเอ่ยถึงชื่อครูกู ใครก็สู้กูไม่ได้" ต้องมั่นใจขนาดนั้น แม้ว่าครูตายไปแล้ว แต่ลูกศิษย์ก็ยังเอาชนะเขาได้ เพราะมั่นใจว่าครูช่วยได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 14:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 14-05-2011, 14:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

“พระครูผู้บอกวิทยา ชื่อว่าศรีแก้วฟ้ากล้าแข็ง สถิตยังเขาคำถ้ำวัวแดง ทุกหนแห่งเลื่องลือนับถือจริง” คนสมัยก่อนเขามีความภูมิใจมากว่า ได้เป็นลูกศิษย์อาจารย์ดีมีความสามารถ

ครูถือเป็นบุรพการี บุคคลที่ทำคุณก่อนโดยไม่หวังประโยชน์ สมัยก่อนครูมักจะถ่ายทอดวิชาให้คนไม่เกิน ๒ คนเท่านั้น คนแรก คือทายาทสืบสายโลหิต คนที่สอง คือลูกศิษย์ที่คัดแล้วคัดอีกว่าความประพฤติดี

อย่างเรื่องซังโด คนกล้าท้าโหงวเฮ้ง มีคนหนึ่งที่อาจารย์ไม่ยอมรับเป็นลูกศิษย์ แต่ก็มาอ้างว่าตนเป็นศิษย์พี่ของพระเอก เพราะตนอยู่กับอาจารย์มาก่อน เหตุที่อาจารย์ไม่ยอมรับเพราะเขาเอาวิชาไปใช้ในทางที่ผิด ไปดูว่าโหงวเฮ้งคุณเป็นอย่างนี้ แล้วจะเจออย่างนี้เกิดขึ้นในชีวิต ถูกหมดทุกอย่าง แล้วเขาก็บอกว่า อย่างนี้ไม่ดีต้องเปลี่ยนเป็นอย่างนี้ คือ เขาเป็นหน้าม้าให้โรงพยาบาลที่รับผ่าตัด

คราวนี้รู้แล้วใช่ไหมว่า ทำไมอาจารย์ไม่ยอมถ่ายทอดวิชาให้ นั่นขนาดลักจำเอา ยังเอาไปทำมาหากินได้จนป่วนไปทั้งเมือง

ถาม : ไปผ่าตัดเปลี่ยนรูปลักษณะ แล้วยังใช้ได้อยู่หรือคะ ?
ตอบ : ได้..ใครอยากรู้ ถ้าอายุยังไม่เกิน ๒๕ ให้ลองไปผ่าตัดเสริมจมูก แล้วจะรู้ว่าดวงชะตาเปลี่ยนทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 14-05-2011, 14:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เก็บเงินไว้คนละนิดคนละหน่อย เอาไว้ช่วยตั้งกองทุนการศึกษาสำหรับพระภิกษุสามเณร พร้อมเมื่อไรจะประกาศในเว็บ

ตอนนี้ที่วัด พระเณร แม่ชี และฆราวาส รายจ่ายการเรียนค่อนข้างสูง ที่เรียนอยู่มีปริญญาโท ๗ (พระ ๕ แม่ชี ๒) ปริญญาตรี ๕ (พระ ๔ ฆราวาส ๑) มีหลายคนที่คุณสมบัติพร้อมที่จะเรียน แต่พอเอ่ยปากแล้ว เขาขอร้องหลวงพ่อว่าอย่าส่งไปเรียนต่อเลย ให้เขาไปขุดดินฟันหญ้าแบกหามอะไรก็ได้ แต่อย่าส่งไปเรียนเลย

พอดีช่วงนั้นมีพระรูปหนึ่ง เคยเป็นผู้อำนวยการกองทหารผ่านศึกมาก่อน เขาได้ยินชื่ออาตมามานานแล้ว เลยขอมาพบ พอเจอหน้าอาตมาก็จำได้ เพราะตอนเขาสอบนักธรรมตรี อาตมาเป็นคนเฉลยข้อสอบให้เขาเอง

ก็ถามว่าเมื่อไรจะเรียนนักธรรมโทเสียที เขาบอกว่าเอาแค่นี้แหละ อาตมาจึงบอกกับเขาว่า "ถ้ามีโอกาสให้เรียนไว้ก่อน เพราะมีแนวโน้มว่าในการปกครองคณะสงฆ์ต้องการวุฒิสูงขึ้นเรื่อย ๆ สมัยผมสอบนักธรรมเอก คนที่จบนักธรรมเอกยืดได้ทั่วประเทศ พอผ่านมา ๒๐ ปี สมัยนี้นักธรรมเอกเขาก็ไม่เห็นหัวแล้ว ขนาดเป็นมหาเปรียญ ถ้ายังไม่ถึงประโยค ๙ เขายังไม่แลเลย" แต่ท่านก็บอกว่า ผมพอแล้ว..แล้วท่านจะรู้ว่าแค่นี้ไม่พอใช้หรอก

ถ้าหากว่าสิ้นในหลวงอย่างกะทันหัน สิ่งหนึ่งที่วงการสงฆ์คาดไว้ก็คือว่า จะไม่มีการพระราชทานสมณศักดิ์อีก ก็แปลว่าบรรดาพระครู เจ้าคุณต่าง ๆ จะไม่ตั้งใหม่ ของเก่าใครเป็นแล้วก็เป็นไปเรื่อย ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-05-2011 เมื่อ 07:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 14-05-2011, 14:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตั้งแต่ตำแหน่งพระสังฆราชลงมาจะมีเงินประจำตำแหน่ง เงินประจำตำแหน่งก็ไม่มาก สมัยหลวงพ่อฤๅษีท่านเป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถระ ได้เงินประจำตำแหน่ง ๔๔๐ บาท ปัจจุบันอาตมาเป็นเจ้าอาวาสเงินประจำตำแหน่ง ๑,๕๐๐ บาท มากกว่าสมัยหลวงพ่อเป็นเจ้าคุณตั้งเยอะ

ได้ยินว่าปีนี้เขาจะปรับขึ้นให้ ความจริงสมัยคุณทักษิณตั้งใจจะปรับให้ทีหนึ่งแล้ว แต่ไม่ทันจะทำสำเร็จก็โดนเด้งเสียก่อน คุณทักษิณจะปรับให้ตำแหน่งต่ำสุดอยู่ที่คนละ ๓,๓๐๐ บาท ถามว่า ๓,๓๐๐ เอาเกณฑ์การคิดเงินเดือนจากตรงไหน ? เขาบอกว่าให้คนไปนั่งกินในร้านอาหาร คนหนึ่งสั่งกินเต็มที่เลย ดูว่าอิ่มอยู่ที่เท่าไร เขาบอกว่าประมาณ ๕๕ บาทจึงอิ่ม เอา ๕๕ x ๒ = ๑๑๐ บาท เพราะพระฉัน ๒ มื้อ แล้วคูณอีก ๓๐ วัน ได้ ๓,๓๐๐ บาท

ตอนนี้ ๑,๕๐๐ บาท ถือว่ายังดีนะ เงินประจำตำแหน่งเจ้าอาวาสก่อนหน้านี้แค่ ๕๐๐ บาท เพิ่งขึ้นมาเป็น ๑,๕๐๐ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่พอรวม ๆ แล้วทั้งประเทศ ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ อย่างตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ตอนนี้อยู่ที่ ๔๒,๐๐๐ บาท สมเด็จพระราชาคณะที่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม อยู่ราว ๆ ๓ หมื่นกว่านิดหน่อย

พอนับรวมทั้งประเทศลงไปถึงพระครูสัญญาบัตร จึงเป็นตัวเลขที่เยอะ เขาคิดว่าถ้าหั่นตัวเลขนี้ออก จะได้เอาไปตั้งงบถลุงกันในด้านอื่น เพราะงบของพระนี้แตะไม่ได้เลย จึงมีแนวโน้มว่าต่อไปพระครูหรือเจ้าคุณอาจจะไม่มี อาตมาจึงมองไว้ว่า เมื่อถึงตอนนั้นจะแยกออกได้อย่างไรว่าใครปกครองใคร เพราะไม่มีตำแหน่งกันแล้ว จึงคาดว่าอาจจะแยกกันด้วยวุฒิการศึกษา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-05-2011 เมื่อ 07:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 14-05-2011, 14:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "มีอยู่เรื่องหนึ่งไม่รู้ว่าจะบอกพวกเราดีหรือเปล่า คือว่าการกระทำของพวกเราทุกคนมีผลกระทบต่อโลกและจักรวาลอย่างมหาศาล แค่เราโมโหตะโกนใส่หน้าใครทีหนึ่ง ถ้าพลังงานเหล่านั้นรวม ๆ กัน อาจจะทำให้เกิดพายุทอร์นาโดได้ ฟังแล้วเหลือเชื่อไหม ?

เพราะฉะนั้น..เราต้องคิดดี ทำดี พูดดีต่อคนอื่น เพื่อให้ผลที่เกิดขึ้นเป็นผลเฉพาะในด้านดีเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหมด อย่างที่กวีเขาบอกว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เพียงแต่ว่าถ้าหากว่าสภาพจิตของเรายังไม่ละเอียดพอ จะไม่เห็นความเกี่ยวเนื่องนั้น

มีอยู่ช่วงหนึ่งอาตมาไม่สบายมาก นำทำวัตรอยู่แล้วท้องเสียขึ้นมา ก็ให้พระครูหน่อยนำทำวัตรแทน แล้วก็ไปเข้าส้วม โอ้โห..เกือบตาย แต่ไม่ใช่เกือบตายเพราะท้องเสียนะ เกือบตายเพราะฟังเสียงพระครูหน่อยสวดมนต์ เหมือนกับท่านตะโกนใส่ไมค์แล้วเป็นแรงกระแทกมา

เคยฟังดนตรีที่เปิดเสียงเบสเยอะ ๆ ไหม ? เสียงตึง ๆ กระแทกเราแทบกระเด็น แบบนั้นแหละ ก็เลยกลับขึ้นมา พอสวดมนต์เสร็จก็คุยกัน บอกว่า "ผมเพิ่งรู้ว่าคุณสวดมนต์เสียงดังฉิบหายเลย..!" ใช้คำว่าฉิบหายจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-05-2011 เมื่อ 07:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 14-05-2011, 14:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การสวดมนต์ ถ้าหากเราสวดเป็น พลังงานที่ต่อเนื่องกันอย่างไม่ขาดสายจะอยู่ในลักษณะอ่อนโยนละมุนละไม จะน้อมจิตของคนให้หันเข้าหาความดี แต่ท่านที่ไม่เข้าใจตรงจุดนี้ ก็ใส่เข้าไปเต็มที่ที่ตัวเองทำได้ กลายเป็นว่าเอารัก โลภ โกรธ หลง ของตัวเองใส่เข้าไปด้วย เจตนาในการสวดมนต์จึงผิด คือเรื่องพวกนี้ต้องทำไปให้ถึงในระดับหนึ่ง แล้วจะเข้าใจว่าคืออะไร"

ถาม : แล้วให้วัดจากใจของเราเองหรือคะ ?
ตอบ : ให้สวดไปพร้อมกับแผ่เมตตาไปด้วย ถ้าทำอย่างนั้นได้จะรู้สึกว่าสวดได้รื่นหู เคยฟังเสียงสวดมนต์ทิเบตไหม ? อย่างนั้นฟังแล้วรื่นหู เขาเอาเสียงนี้ไปเปิดให้คนท้องฟัง เด็กเกิดมาจะสุขภาพจิตดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2011 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 14-05-2011, 18:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระชัยวัฒน์เกราะเพชรเนื้อเงินกับเนื้อนวโลหะไม่ได้วางจำหน่ายทั่วไป เพราะทำอย่างละ ๓๐๐ องค์ แต่เนื้อนวโลหะมีเกินมา ๒๐ กว่าองค์ จะจัดเป็นชุดละ ๓ องค์ มีเนื้อเงิน เนื้อนวโลหะ และเนื้อชุบทองพ่นทราย เอาไว้สำหรับคนที่ทำบุญเรื่องทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร ซึ่งจะประกาศในวาระที่เหมาะสม ซึ่งมีอยู่แค่ ๓๐๐ ชุดเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย ส่วนเนื้อนวโลหะที่เกินมานั้นแจกฟรีสำหรับผู้ที่ไปรำถวายงานในเป่ายันต์ฯ

มีโลหะอยู่ตัวหนึ่งเรียกว่า "ชิน" เป็นตะกั่วผสมกับสังกะสี แต่ถ้าส่วนผสมของสังกะสีมาก พระจะกินตัวเอง คำว่ากินตัวเองก็คือเป็นสนิม แล้วเนื้อจะผุง่าย ดังนั้น..พระโบราณที่เป็นเนื้อชิน ถ้าผุแบบกรอบ ๆ ร่วงเป็นแผ่น ๆ เลย นั่นของแท้ ถ้าหากว่าไม่ผุในลักษณะนั้นก็ไม่ใช่ชิน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 14-05-2011, 18:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วัตถุประสงค์จริง ๆ ที่คนโบราณเขาเล่นแร่แปรธาตุ คือ ต้องการทำให้เป็นทอง แต่ถ้าได้โลหะอื่นมาเขาถือว่าเป็นของแถม ก็จะมี ตรีโลหะ ส่วนผสม ๓ ชนิด ปัญจโลหะ ส่วนผสม ๕ ชนิด สัตตโลหะ ส่วนผสม ๗ ชนิด นวโลหะ ส่วนผสม ๙ ชนิด

นวโลหะนั้นออกมาในลักษณะของนาก ก็คือสีเหมือนอย่างกับทองแดงใหม่ แต่ถ้ามีส่วนผสมของเงินมาก ก็จะกลับดำ

ปัจจุบันนี้การเล่นแร่แปรธาตุที่จะให้เป็นทองนั้น เห็นอยู่เพียงสำนักเดียวคือวัดเขาอ้อ วัดเขาอ้อทำวัตถุมงคลออกมา ๒-๓ รุ่น รุ่นขุนพันธ์พุทธาคมกับรุ่นมงคลจักรวาลพุทธาคมเขาอ้อ มีพระกริ่ง พระปิดตา

เขาจะบอกแค่ว่าเป็นเนื้อทองสัตตโลหะพิเศษสูตรของวัดเขาอ้อ จริง ๆ ก็คือเขาผสมจนเป็นทองแล้ว เป็นทองที่สีไม่เปลี่ยนแล้ว อาตมาเคยบูชาไว้หลายองค์ แต่ถูกคนอื่นงาบไปเกลี้ยงแล้ว ตั้งใจจะเอาไว้ศึกษาเนื้อเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2011 เมื่อ 07:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 14-05-2011, 18:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,148
ได้รับอนุโมทนา 4,405,388 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนอย่างหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านก็เล่นแร่แปรธาตุพวกนี้ ที่ชัดที่สุดคือหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ที่ว่านี่หมายถึงท่านที่ทำสำเร็จเป็นทองจริง ๆ นะ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ พอทำเป็นทองแล้วพวกลูกศิษย์แย่งกันขอ ท่านก็นั่งสูบบุหรี่ของท่าน สูบไปคิดไป ในที่สุดก็หยิบเอาทองขว้างไปกลางสระน้ำ เอาค้อนทุบเตาหลอมทิ้ง เลิกทำไปตลอดชีวิต เพราะเห็นแล้วว่าคนอาจจะฆ่ากันได้ พอให้คนหนึ่ง คนที่เหลือก็ไม่พอใจที่ตัวเองไม่ได้ ครั้นจะให้ทุกคนก็ไม่มีทุนมากพอที่จะทำให้

ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ท่านเล่นแร่แปรธาตุ ได้เงินมาเท่าไรก็ไปซื้อถ่านมาสุมโลหะหมด จนกระทั่งท่านเลิกทำ ปรากฏว่าพอได้สูตรการสร้างพระกริ่งเนื้อนวโลหะมา ท่านก็เลยมาเริ่มต้นทำใหม่ กลายเป็นพระกริ่งสายวัดสุทัศน์ที่ดังระเบิดมาจนถึงทุกวันนี้

พระกริ่งสายวัดสุทัศน์หลังจากสิ้นยุคเจ้าคุณศรีแล้ว พอจะเป็นที่ยอมรับในวงการได้ก็มีพระกริ่งหลังปิ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) หรือหลวงลุงเสงี่ยม ที่เรียกหลวงลุงเพราะว่า ท่านสนิทสนมคุ้นเคยกับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาก หลวงพ่อท่านเรียกว่าหลวงพี่ ลูกศิษย์ที่ตามไปจึงเรียกหลวงลุงกันหมด

หลวงลุงเสงี่ยมท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ แต่ไม่ถือเนื้อถือตัว พระที่ไม่ถือตัวนี่อันตรายมาก เพราะถ้าเราไม่รู้จริงก็อาจจะล่วงเกินพระอริยเจ้าโดยไม่รู้ตัว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2011 เมื่อ 07:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว