กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-01-2010, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Thumbs up เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๓

มีคนถามเกี่ยวกับเรื่องเจ้าที่เจ้าทาง พระอาจารย์เล็กได้ให้คำตอบแก่เขาไปว่า "ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ต่อให้ไม่ดีก็ทำให้ดีได้ เพราะว่าถ้าเรารู้จักเคารพนบไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ไปที่ไหนที่เขาบอกว่าไม่ดี ก็ย่อมดีได้

คุณเฉลิม คงทอง บ้านอยู่ดำเนินสะดวก ต้นตระกูลเขานับถือคริสต์ เปลี่ยนมานับถือพุทธเพราะว่าอยากซื้อบ้านหลังหนึ่ง ปรากฏว่าบ้านหลังนี้เสาตกน้ำมันทุกต้น ไม่มีใครสามารถเอาไปได้ ส่วนใหญ่พอจะซื้อ ขึ้นบ้านไปก็วิ่งหนีทุกราย คุณเฉลิมก็เลยมาถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้เอาดอกไม้ธูปเทียน น้ำมันหอม พวกผ้าสามสีหรือเจ็ดสี ใส่พานไป ตั้งใจว่า ท่านทั้งหลายที่อาศัยอยู่บ้านนั้น ขอเชิญไปอยู่ด้วยกัน แล้วจะให้ความเคารพนับถือท่าน ถ้ามีอะไรที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ให้บอกกล่าว จะทำให้ตามที่บอก เมื่อคุณเฉลิมจุดธูปบอกกล่าวเสร็จ ปรากฏว่า เดินขึ้นบ้านนี่แทบหงายหลัง ท่านเจ้าที่นั่งอยู่กลางเรือน ศีรษะท่านแทบจะค้ำหลังคา บอกว่า "ถ้าทำอย่างนี้อยู่ด้วยกันได้.."

คุณเฉลิมก็เลยขออนุญาตท่านถอนเสา ท่านบอกว่าแม้แต่เสาที่อยู่กลางลานก็ให้เอาไปด้วย เป็นเสาที่เขาตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ ปรากฏว่าเสาที่ตั้งทิ้งไว้เฉย ๆ ก็ยังตกน้ำมัน พอปลูกไปแล้ว ท่านบอกว่าทุกวันพระให้บูชาท่านด้วยไข่ต้ม ๑ ฟอง กับน้ำเปล่าแก้วหนึ่ง อย่างอื่นไม่ขออะไรเลย เอาแค่ความเคารพเท่านั้น แล้วคุณเฉลิมก็ทำมาหากินขึ้น ท่านมาเข้าฝันบอกว่า ปีนี้ราคาอะไรดีให้ทำสิ่งนั้น แกก็เลยรวยเอา ๆ เพราะฉะนั้น...อะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นที่ เป็นบ้านที่มันไม่ดี เราสามารถทำให้ดีได้ แล้วที่โยมถามว่าที่ตรงนั้นดีไหม ต่อให้ไม่ดีเราก็ทำให้ดีได้

เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้า คุณเฉลิมจึงหันมานับถือพุทธ ลูกหลานญาติโยมก็ตามมาถือพุทธด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-01-2010 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 256 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-01-2010, 15:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีคนนำพระหลวงปู่ดู่มาถวายหลวงพ่อเล็ก ท่านจึงกล่าวว่า "หลวงปู่ดู่ท่านเป็นพระบริสุทธิ์จริง ๆ ใครบอกว่าท่านจะมาเกิดใหม่ อาตมาไม่เชื่อว่ะ"

ถาม : ท่านนิพพานแล้วหรือครับ?
ตอบ : ไปนานแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 244 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-01-2010, 15:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในระหว่างมื้อนี่ ถ้าพระฉันของขบเคี้ยวได้หรือเปล่าครับ?
ตอบ : ไม่สมควร ของพระนี่เขาให้ฉันเป็นมื้อเป็นคราว บาลีว่า โภชเน มัตตัญญุตา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2010 เมื่อ 15:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-01-2010, 15:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อกล่าวถึงชาวท่าขนุนว่า "ปีใหม่ คนส่วนหนึ่งเขาไปเคาท์ดาวน์กัน ปีที่แล้วที่ซานติก้าผับ ตายไปไม่รู้เท่าไร แต่ละเทศกาลที่เป็นที่นิยมกัน คนก็ตายกันมาก ๆ ดูแล้วน่าสลดใจ แต่ขณะเดียวกัน คนอีกจำนวนหนึ่งเขาถือบุญเป็นใหญ่ ถึงเวลาวาระสำคัญก็ทำบุญไว้ก่อน

เมื่อวานที่วัดท่าขนุน กับข้าวกองเป็นภูเขาเลย บิณฑบาตแค่เช้าเดียวเท่านั้น วันนี้อาตมาหนีบิณฑบาตมา ให้พระครูหน่อย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเขาพาพระไป เพราะว่าวันนี้เทศบาลเขาจัดงานตักบาตรพระ ๙๙ รูป เขาจัดแบบนี้ทุกวันขึ้นปีใหม่ ถ้าอาตมาอยู่ก็จะไปนั่งเป็นประธานบนแท่นคอยพรมน้ำมนต์ ไม่ได้ไปบิณฑบาตกับเขา พอดีปีใหม่ของปีนี้ตรงกับรับสังฆทานที่กรุงเทพฯ เลยไม่ได้ไป

ทางบ้านท่าขนุนก็มีทำบุญปีใหม่กลางหมู่บ้านทุกปี ลักษณะนี้ควรจะทำเพราะเป็นการแสดงออกซึ่งสามัคคีกัน เขาจะทำกับข้าวมาคนละอย่างสองอย่าง แล้วเอามารวม ๆ กัน ทั้งหมู่บ้านรวมแล้วกับข้าวเป็นร้อยอย่าง พระนั่งล้อมวงกัน เอื้อมตักแทบไม่ถึง เพราะวงมันใหญ่ ต้องส่งสลับกันไปสลับกันมา

อีกอย่างหนึ่งที่เห็นคนท่าขนุนเขาทำกันแล้ว รู้สึกว่าเขารักใคร่สามัคคีกันดี ก็คือ ปีที่แล้วเขาสร้างบ้านให้คุณยายคนหนึ่ง คุณยายคนนี้ไม่มีลูกไม่มีหลาน อยู่ตัวคนเดียวลำบาก อาศัยทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกค่าอาหารไปวัน ๆ ชาวท่าขนุนก็ช่วยกันบริจาคคนละเล็กคนละน้อยร่วมกับเทศบาลตำบล สร้างบ้านใหม่ให้ยายหนึ่งหลัง แล้วก็นิมนต์พระไปขึ้นบ้านใหม่ รายจ่ายทั้งหมด นายกเทศมนตรีควักกระเป๋า ไม่ได้ใช้งบประมาณนะ ค่าทำบุญเลี้ยงพระ นายกเทศมนตรีควักกระเป๋าเอง ๒ ชุมชน ๕ หมู่บ้านรวมกัน เขารักใคร่กลมเกลียวกันมากเลย ถึงเวลามีอะไรก็ทำงานพร้อม ๆ กัน

อย่างของวัดท่าขนุน เวลาจัดงานวัฒนธรรมสายใยชุมชน แต่ละชุมชนเขาจะมีของดีมาอวดคนอื่นเขา ทั้งการแสดง งานฝีมือ จักสานหัตถกรรม ถ้าหากทุกหมู่บ้านทำอย่างนี้ได้ รับรองได้เลยว่าประเทศไทยเจริญกว่านี้อีกจนนับไม่ได้ เพราะเขารู้จักห่วงหาอาทรในลักษณะหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเลย เมตตากรุณาต่อเพื่อนร่วมหมู่บ้าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2010 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-01-2010, 09:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล็กถามว่า "พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นสาละที่ป่าลุมพินี มีคำถามว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงประสูติที่นั่น?"

ถาม : ถ้าตอบตามตำรา เพราะว่าเป็นระหว่างทางเดินบ้านเกิดฝ่ายหญิง
ตอบ : แล้วทำไมต้องกลับไปที่นั่น?

ถาม : เพราะเป็นประเพณีครับ
ตอบ : ปวดท้องจะคลอดลูกแล้วยังจะไปอีก? ถ้าเป็นประเพณีแสดงว่าทุกคนเวลาจะคลอดลูก ต้องกลับไปคลอดที่บ้าน แน่ใจหรือ?

ถาม : ไม่ค่อยแน่ใจครับ
ตอบ : ต้องเอาให้แน่ ถ้าเป็นขนบธรรมเนียมต้องแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่อะไรหรอก ที่สงสัยตรงนี้ก็คือ คนเขียนเขามั่วหรือเปล่า เนื่องจากตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ หนังสือเขาบอกว่าพระชายาประสูติพระโอรสแล้วในวัง แสดงว่าการกลับไปคลอดลูกที่บ้านเกิดฝ่ายหญิงไม่ใช่ธรรมเนียมแน่ ฉะนั้น...คุณต้องไปดูใหม่ในมหาปทานสูตร ยิ่งถ้าได้อ่านในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ยิ่งดี ในนั้นบอกว่า เป็นธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่ต้องประสูติในป่า คราวนี้จบเลย ไม่ต้องไปสงสัยว่าทำไมพระราหุลจึงเกิดในวัง แต่ถ้าอธิบายว่าเป็นธรรมเนียมที่ลูกสาวต้องกลับไปคลอดที่บ้านก็เจ๊งเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 12-01-2010, 10:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ถามว่า "พระพุทธรูปมีหลายต่อหลายปางด้วยกัน มีอยู่ปางหนึ่ง เรียกว่าปางมารวิชัย รู้จักใช่ไหม?"

ถาม : รู้จักครับ
ตอบ : นับว่าเป็นพระพุทธรูปไหม?

ถาม : เป็นครับ
ตอบ : พวกเราเรียนพุทธประวัติมาแล้ว ว่าพระพุทธเจ้าชนะมารตั้งแต่ยังไม่ตรัสรู้ไม่ใช่หรือ ?

ถาม : อ้าว...ถ้าอย่างนั้นจะเรียกว่าเป็นพระพุทธรูปไม่ได้ เพราะตอนนั้นเจ้าชายสิทธัตถะยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นความคิดเห็นของคนสมัยหลัง ตั้งใจสร้างรูปแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมา และเห็นว่าการที่จะแสดงออกซึ่งพระบารมีที่ดีที่สุด ก็เป็นตอนที่ชนะมาร เมื่อสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาจึงได้เรียกว่าปางชนะมารหรือปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปแต่ชื่อมารวิชัย ไม่ได้หมายความว่าสร้างแทนตอนพระองค์ท่านชนะมาร ฉะนั้น...ปางนี้ก็นับว่าเป็นพระพุทธรูปอย่างแน่นอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2016 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 12-01-2010, 10:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วันนั้นไปวัดเบญจมบพิตรฯ เจอพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยา ?
ตอบ : นั่นก็เรียกว่าพระพุทธรูป เพราะเขาสร้างแทนองค์ท่าน แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากบำเพ็ญเพียรก่อนที่จะตรัสรู้ ไม่ได้หมายความว่าสร้างแทนองค์ท่านก่อนตรัสรู้

ถาม : ก็คือ เป็นอนุสติแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อ่านมาเยอะนะครับ แต่ไม่ได้สังเกต ?
ตอบ : พวกคุณมักจะแค่อ่านเฉย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-12-2016 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 12-01-2010, 11:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยหลวงพ่อฤๅษีอยู่ที่วัดประยูรวงศ์ฯ ท่านเคยจ้างหมอไสยศาสตร์ไปทำน้ำมันพราย ท่านอยากรู้ว่า น้ำมันพรายเขาทำอย่างไรถึงมีผลจริง ก็คือ น้ำมันพรายที่มีผลจริงท่านเห็นมาหลายครั้งแล้ว เพราะคนที่โดนน้ำมันพรายป้ายจะหนีตามผู้ชายไปเลย แต่ท่านสงสัยว่าน้ำมันพรายเขาทำกันอย่างไร ท่านก็เที่ยวไปสืบถาม ในที่สุดก็ได้หมอคุณไสยฯที่มีความสามารถมา เขาคิดค่าแรง ๑๐ บาท สมัยนั้นค่าแรง ๑๐ บาท ก็แปลว่าประมาณ ๘,๐๐๐ บาทสมัยนี้

พอเขาหาศพมาได้ เขาก็ส่งข่าวนัดหลวงพ่อไป หลวงพ่อออกจากวัดตอนสองทุ่มกว่า ท่านเดินข้ามสะพานพุทธไปวัดดอน เขาบอกว่าต้องหาศพคนตายวันเสาร์เผาวันอังคารเพราะจะแรงมาก โดยเฉพาะเป็นศพผู้หญิงยิ่งดี ถ้าหากได้ผู้หญิงตายท้องกลมยิ่งดีใหญ่เลย แต่คราวนี้ถ้ารอตายท้องกลมมันหาไม่ได้ ก็เลยเอาที่ตายวันเสาร์หรือวันอังคาร สมัยก่อนเขาไม่ค่อยเผาศพ เขานิยมเก็บ อาจจะไว้ในโกดังหรือฝังฝากเอาไว้ก่อน ทำเครื่องหมายไว้ว่าศพอยู่ตรงนี้ หลวงพ่อท่านก็ไปกับเณรสององค์"


ถาม : เณรนี่ก็ใจถึงมากเลยนะ
ตอบ : ใจถึงมากเลย เกาะจีวรหลวงพ่อเป็นทาง

ท่านบอกว่าพอไปถึง เขาก็ล้อมสายสิญจน์ แล้วกำชับว่าท่านมหาฯ กับเณร ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ห้ามวิ่งเด็ดขาด ถ้าหากวิ่ง เขาไม่รับรองความปลอดภัย สถานเบาก็หัวโกร๋น สถานหนักคือตายเลย หลวงพ่อท่านก็คงไม่เท่าไรเพราะท่านตั้งใจไปดูอยู่แล้ว แต่เณรนี่ต้องคิดหนักหน่อย ท่านบอกว่าพอหมอเขาปลุกเสกไปสักพักหนึ่ง ดินฟ้าอากาศจากที่ธรรมดาก็กลายเป็นมืดดั่งพายุฝนจะมา แล้วศพก็ดันดินแตกขึ้นมา พอศพมันลุกขึ้นมานั่งได้ ตัวมันก็ใหญ่ขึ้น ๆ

หมอผีก็เสกคาถาไปเรื่อย ซัดข้าวสารไปเรื่อย จนกระทั่งมันหดเล็กลงมาเหลือตัวเท่าคนเหมือนเดิม แล้วหมอจึงเอาเทียนไปลนคาง ลนไปก็เสกคาถาไป ได้น้ำมันมาแค่ ๔-๕ หยดเอง ใส่ขวดปิดฝาเสร็จ ก็เสกคาถาสะกดให้ศพกลับลงไปในหลุมตามเดิม ท่านบอกว่าตอนนั้นถ้าเอาไม่อยู่ มันจะตามทวงตลอด แล้วหมอผีก็มอบน้ำมันพรายให้หลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็รับมา ช่วงขากลับก็ต่างคนต่างไป หมอผีรับค่าแรงก็ไป หลวงพ่อก็กลับไป

ท่านบอกว่าท่านเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วก็โยนขวดน้ำมันพรายลงน้ำไปเลย ท่านแค่อยากรู้เท่านั้นว่าทำอย่างไร


ถาม : น้ำมันพรายนี้ผู้ชายเขาเอาไว้ใช้ ไม่ใช่หรือครับ?
ตอบ : ผู้หญิงก็ใช้ได้

ถาม : ผสมกับน้ำมันงาได้หรือเปล่าครับ จะได้เติมเท่าไหร่ก็ไม่หมด
ตอบ : เอาอย่างนี้ ถ้าใครอยากได้ก็ไปงมเอาในคลอง อาตมาหย่อนไว้ตรงนั้นขวดหนึ่ง ทิ้งเอาไว้เป็นสิบปีแล้ว ตอนนั้นโยมเขาเดือดร้อน เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาอยู่หรือเปล่า เขาเลยเอามาฝากไว้ เราจะเห็นได้ว่า จริง ๆ แล้วหลวงพ่อท่านอยากรู้ทุกเรื่อง แต่ท่านลองแล้วก็เลิก อะไรที่รู้ว่ามีโทษก็ไม่ได้เอามาใช้งาน ทำเสร็จก็ทิ้ง

ถาม : จริง ๆ แล้วมีประโยชน์อะไร ?
ตอบ : ไม่มี..เพราะผู้หญิงที่โดนน้ำมันพราย จะอยู่ในลักษณะที่ว่าสติไม่สมบูรณ์ (บ้า ๆ บอ ๆ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-01-2019 เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 12-01-2010, 13:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้มารเขาตามหนูอยู่เรื่อยค่ะ วัตถุมงคลเขาก็ทำให้หายตลอด หนูเอาวัตถุมงคลเข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรแล้วหายไป พอหายไปก็จะไปเจออยู่ในที่ต่ำ ๆ อย่างไปอยู่ในกะละมังซักผ้าอย่างนี้ค่ะ
ตอบ : จะไปเดือดร้อนอะไร ก็เอาขึ้นมา ทำให้แห้งแล้วบูชาใหม่

ถาม : แล้วทำอย่างไรจะไม่ให้มารตามมารบกวนได้คะ?
ตอบ : เลิกเกิด..ถ้าไม่เกิดก็ไม่เจอ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-08-2014 เมื่อ 11:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 13-01-2010, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ท่านเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพระในวัดท่าขนุนว่า "เคยเตือนแล้วว่า พระเณรถ้าไม่จำเป็นอย่าลากลับบ้าน ไปเมื่อไรจะเป็นส่วนเกินของสังคม ไม่ว่าจะเดินทาง จะกิน จะอยู่ ลำบากไปหมด โดยเฉพาะในตลาด ไม่จำเป็นอย่าเข้าไป เข้าไปแล้วเกะกะเขา ถ้าใครไม่รู้ว่าพระเกะกะอย่างไร ลองไปยืนดูแล้วจะรู้ คนหลีกให้เป็นทางเลย ทำให้โยมเขาเดือดร้อนเปล่า ๆ

ฉะนั้น...อะไรที่ห้ามแล้วยังทำ ก็แปลว่าไม่ฟังกัน ในเมื่อไม่ฟังก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน พระในวัดก็เลยค่อนข้างจะอยู่กันอย่างอกสั่นขวัญแขวน รักษาตัวรอดได้เป็นดี รู้ว่าไม่รอดแน่ก็เลยรีบขอสึกก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-01-2015 เมื่อ 15:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 13-01-2010, 14:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ากำลังทรงอารมณ์อยู่ แล้วรู้สึกว่าเบาสบาย ถ้าอารมณ์นั้นมันแน่นเกินไป มันนิ่ง มันจะแข็ง แต่ที่ผมเจอนี่มันเหมือนกลวง มันจะว่าแข็งก็ไม่แข็ง แต่ถ้าถามว่ามันเป็นอารมณ์ที่โปร่งสบายไหม มันโปร่งเบาครับ มันเหมือนกลวงข้างใน

ตอบ : อยู่ที่เราด้วย ถ้าเราไปยินดีในอารมณ์นั้น หรือไปใส่ใจอยู่ในอารมณ์นั้น โอกาสที่จะเข้าถึงที่สุดก็จะยาก ถ้าเราไม่ยินดีไม่ใส่ใจ ทำตัวเป็นผู้ดูเฉย ๆ มันจะไปของมันเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2010 เมื่อ 16:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 14-01-2010, 08:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การปฏิบัติมันไปลงที่ตัวเห็นจิตในจิตค่ะ ต่อให้กิเลสมันกำเริบหรือแสดงอาการอะไร เราก็จะสักแต่ดูมัน อย่างนี้ใช่หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ตามรู้เฉย ๆ อย่าไปเล่นกับมัน แล้วพอไม่มีคนเล่นกับมัน มันเบื่อเดี๋ยวมันไปเอง เราจะรู้เร็วขึ้น ๆ จนในที่สุดก็หมดอารมณ์เซ็งไปเอง

ถาม : มีคนถามหนูเหมือนกันว่า ถ้าเราแยกมาดูอย่างนี้ กิเลสในตรงส่วนนั้นที่มันกำเริบมันก็หยุดหายไปสิ แต่หนูก็บอกว่า ต่อให้หนูแยกมาดู ก็ยังเห็นกิเลสมันกำเริบอยู่ค่ะ
ตอบ : เป็นปกติอย่างนั้นของมัน แต่ทีนี้พอเราไม่ไปให้ความร่วมมือ มันก็ไปต่อไม่ได้ มันคึกได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวมันก็เหี่ยว

ถาม : ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตัวเองจะรู้สึกทรมาน เพราะรู้สึกว่ามันเป็นอย่างเดียวกับเรา แต่จริง ๆ แล้วแม้กระทั่งกิเลสมันก็ไม่ใช่เรา
ตอบ : พอดูไปนาน ๆ แล้วจะเห็นชัด ว่าเป็นคนละส่วนกัน ในเมื่อคนละส่วนกัน เราก็ต้องควบคุมมัน ไม่ใช่ให้มันควบคุม พอท้ายสุดแล้วไม่ยุ่งกับมัน ทั้งเราและมันก็ไม่มีอะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 12:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 14-01-2010, 10:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในหลวงท่านให้พระบรมราโชวาทแก่ผู้ที่รับพระราชทานสมเด็จจิตรลดาไปว่า ให้ปิดทองทางด้านหลัง คราวนี้ พ.ต.อ.วศิษฐ์ เดชกุญชร (ยศในขณะนั้น ) ท่านก็ทักท้วงว่า มัวแต่ปิดทองด้านหลังอยู่ เมื่อไรคนเขาจะรู้? ในหลวงทรงตรัสว่า ถ้าเราปิดได้มากพอ ทองก็จะล้นออกมาข้างหน้าเอง ก็เลยสำคัญที่ว่า เรารู้จักปิดทองให้มากพอไหม?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 12:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 14-01-2010, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิธีสร้างกำลังใจของพระโพธิสัตว์ สร้างอย่างไรครับ?
ตอบ : อ๋อ ไม่ต้องทำอย่างไร เกิดบ่อย ๆ เกิดมากเท่าไหร่กำลังใจจะค่อย ๆ เข้มแข็งไปเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2019 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 14-01-2010, 11:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเกิดศาสนาของอิสลาม ที่เชื่อถือในพระเจ้า เป็นเพราะการเห็นอะไรบางอย่างของศาสดาด้วยหรือเปล่า?
ตอบ : ด้วย ตรงส่วนนั้นเลย เพราะคนเราส่วนใหญ่จะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และอัศจรรย์ก่อน แล้วหลังจากนั้นปัญญาที่เกิดจากการปฏิบัติก็ตามมา

ถาม : พระเยซูแสดงปาฏิหาริย์ไม่กี่ครั้ง
ตอบ : ไม่กี่ครั้งซะเมื่อไร ขนมปังสามก้อนเลี้ยงคนทั้งเมือง คนเจ็บไข้ได้ป่วยมาแตะตัวก็หายจากโรค

ถาม : ทางคริสต์เขาจะเชื่อปาฏิหาริย์ของพระเจ้าเขามาก แต่ทางพุทธก็ยังมานั่งงงว่าปาฏิหาริย์จริงหรือเปล่า
ตอบ : ส่วนหนึ่งพยายามที่จะใช้ปัญญา แต่บังเอิญว่าเป็นโลกียปัญญา จึงได้บอกว่าถ้าไม่ประกอบด้วยตถาคตโพธิศรัทธา เรื่องอื่นก็จะไม่ตามมา เราต้องเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าก่อน ว่าท่านรู้จริงเห็นจริง ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนมโนมยิทธิแก่พวกเราก็เพื่อพิสูจน์ตรงจุดนี้ ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นจริงตามนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 12:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 14-01-2010, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราใช้ทิพจักขุญาณเพื่อพิสูจน์ในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น มันก็เป็นไปได้ยาก แล้วการที่เราจะสอนคนที่อยู่ต่างศาสนา มันจะไม่เป็นการยากยิ่งกว่าหรือครับ?

ตอบ : ถ้าสามารถทำได้ การสอนคนจะไม่ใช่เรื่องยาก ที่สอนยากเพราะยังทำไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-01-2010 เมื่อ 12:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 14-01-2010, 11:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเราปฏิบัติตั้งใจรักษาศีล คำสอนของหลวงพ่อ ก็คือ ให้รักษาศีลยิ่งชีวิต แต่ว่าพอเวลาเราผิดพลาดไปแล้ว ก็คือกำลังใจต้องตัดทิ้งทันทีใช่ไหมครับ?
ตอบ : เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตรงนั้นเลย

ถาม : ทีนี้มันจะหาจุดสมดุลไม่เจอ แต่ถ้าเราตัดทิ้งไปแบบไม่กังวล ก็เท่ากับว่าเราไม่..
ตอบ : ระมัดระวังของใหม่ อย่าไปจมปลักอยู่กับของเดิม เราต้องทำใจว่าโอกาสพลาดมันมี ในเมื่อพลาดแล้วอย่าเสียเวลาไปคร่ำครวญกับมัน เริ่มต้นทำใหม่เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 14-01-2010, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยเป็นฆราวาสแขวนพระแบบนี้เหมือนกัน ใช้กรอบสแตนเลสแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าหลังกรอบสเตนเลสมีแบงก์ ๕๐๐ พับอยู่ ๒ ใบ คือ ห้อยพระอย่างนี้คนเขาจะไม่สนใจ เพราะเห็นว่าไม่มีราคา สร้อยสเตนเลสเขาก็ไม่เอา กะว่าถ้าโดนล้วงกระเป๋าจนหมดเนื้อหมดตัว ต่อให้เราอยู่สุดเหนือสุดใต้ก็ยังกลับบ้านได้ สมัยนี้มีแบงก์พันแล้ว ใครจะเลียนแบบก็ไม่ว่านะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 12:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 14-01-2010, 11:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมได้ไล่อ่านกระโถนข้างธรรมาสน์ ถ้าภาวนาคาถาสุปินานัง แล้วจะสามารถเห็นผีเห็นอะไรได้ โดยอาศัยกำลังแค่อุปจารสมาธิ กระผมก็ลองไปภาวนาดู ก็ไล่ไปฌานสามฌานสี่ แต่ทำไมไม่เห็น?
ตอบ : มันต้องเป็นฌานสี่แบบคล่องตัว หรือไม่ก็อุปจารสมาธิ เกินไม่ได้ ขาดไม่ได้ ต้องพอดี ๆ

ถาม : แล้วจะเห็นด้วยตาหรือครับ?
ตอบ : จะบอกว่าตาเนื้อก็ไม่ใช่ จะบอกว่าไม่ใช่ตาเนื้อมันก็เห็นชัด ๆ เพราะว่าตาเนื้อมันมองรอบตัวไม่ได้ แต่อันนี้เขามาทิศไหนเราจะเห็นหมด นั่งอยู่ตรงนี้ถ้าเขามาด้านหลังเราก็เห็นชัด ๆ

ถาม : เห็นด้วยใจก็เหมือนเห็นด้วยตาใช่ไหมครับ?
ตอบ : เหมือนอย่างกับเป็นตาสัปปะรด เห็นทุกทิศเลย บางทีนอนภาวนา แหงนมองฟ้าอยู่แท้ ๆ เขาทำอะไรอยู่ เรามองเห็นรอบบ้านเลย อันนั้นจะบอกว่าเห็นด้วยตามันก็ไม่ใช่ แต่มันเห็นชัด ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 14-01-2010, 11:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเสียดายวิชาของหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่สองวิชา วิชาแรกก็คือ ที่หลวงพ่อเอาไปกอบโรคคนแล้วหาย อีกวิชาหนึ่งก็คือภาวนาแล้วให้คนที่หลับมาตื่นบนตัก
ตอบ : ระวังไว้..คนชื่อซ้ำกันมี ไปภาวนานึกหาน้องกบ เดี๋ยวจะเจอน้องกบยักษ์..!

ถาม : หลวงพ่อสอนเมื่อไรผมขอเรียนคนแรก
ตอบ : ตูไม่ได้เรียนวิชาพวกนี้ ไม่ชอบโดยสันดานเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2010 เมื่อ 12:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว