กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-01-2025, 05:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,812
ได้ให้อนุโมทนา: 221,485
ได้รับอนุโมทนา 783,329 ครั้ง ใน 38,434 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-01-2025, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่โรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ลอยู่ที่ -๒๓ องศาเซลเซียส

ความจริงวันนี้กระผม/อาตมภาพควรที่จะอยู่ร่วมงานวันเด็กที่โรงเรียนบ้านไร่ป้า หมู่ที่ ๕ ตำบลห้วยเขย่ง อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี แต่ด้วยเหตุที่ติดการเดินทางมายังสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ในขณะนี้ จึงได้มอบหมายให้ไอ้ตัวเล็ก (นางสาวพัชรีภรณ์ หยกอุบล) ประธานชมรมรักษ์ไทยรักษ์ไทย นำเอาคณะไปร่วมงานวันเด็กแทน โดยได้ทำการขนข้าวของต่าง ๆ ไปเตรียมแจกเด็ก และลงเล่นกีฬาต่าง ๆ กับเด็กอีกด้วย ซึ่งทุกปีก็เป็นอย่างนี้ เพียงแต่ว่าทุกคนอายุก็เริ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีแรงเล่นกับเด็กไปอีกนานเท่าไร ขอเจริญพรขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือด้วยดีมาทุกปี

สำหรับเมื่อวานนี้จะบอกว่าเป็นวันสบาย ๆ ของพวกเราก็ได้ แต่พอถึงเวลาเข้าจริง ๆ ก็ไม่ค่อยสบายนัก พวกเราตื่นมาทำธุระส่วนตัวกันเรียบร้อยแล้ว ตามเวลานัดหมายก็คือห้องอาหารของโรงแรมจะเปิดเวลา ๐๖.๓๐ น. ของประเทศจีน ถ้าเป็นบ้านเราก็พอดีตี ๕ ครึ่ง

เมื่อไปถึงก็ต้องแสดงบัตรของตัวเองว่าพักอยู่ที่ห้องไหน ? พร้อมกับรับไข่ต้มมา ๑ ฟอง จากเจ้าหน้าที่ซึ่งเฝ้าประตูห้องอาหารอยู่ ไม่ทราบเหมือนกันว่าประเทศจีนต้มไข่ด้วยอะไร ถึงได้ร้อนนักร้อนหนา ร้อนจริงร้อนจังขนาดนั้น ร้อนจนกระทั่งพวกเราแทบจะแกะไข่ไม่ได้เสียด้วยซ้ำไป..! อาหารเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มข้าวฟ่างและข้าวต้มไข่เยี่ยวม้า ซึ่งรสชาติดีทั้งสองอย่าง พร้อมกับหมั่นโถวและผักดองต่าง ๆ สำหรับกินกับข้าวต้ม

พวกเรานั่งลงยังไม่ทันไร ปรากฏว่ากองทัพประชานชนจีนก็แห่แหนกันเข้ามา พักเดียวแน่นไปหมดทั้งห้องอาหาร ซึ่งคนไทยทั้งหลายก็คงจะทราบพลังทำลายล้างของกองทัพลูกหลานท่านประธานเหมาอยู่แล้ว โชคดีที่พวกเราทุกคนตักอาหารไว้เรียบร้อย จึงทำให้ไม่ต้องไปเบียด ไปกระแทก ไปโดนด่า หรือว่าโดนผลักกันในตอนที่ตักอาหารเหมือนกับที่อื่น ๆ..!

หลังอาหาร คุณนายโย (นางสาวทัศน์วรรณ พิพัฒน์รังสรรค์) นำเอาผลไม้มาถวาย มีทั้งส้มจุก กล้วยหอม และสตอว์เบอรี่ บอกว่า "เมื่อคืนพอดีเจอซูเปอร์มาเก็ต ก็เลยซื้อเอาไว้ถวายหลวงพ่อ" กระผม/อาตมภาพไม่ทราบว่าเหมือนกันว่าคุณนายเธอหมดไปเท่าไร เนื่องเพราะว่าของที่นำมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผลไม้ชั้นยอดระดับคัดเกรดมาทั้งนั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-01-2025, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออิ่มแล้วออกมาปรากฏว่าที่นั่งหายหมด..! โดนกองทัพประชาชนจีนยึดไปหน้าตาเฉย ไม่ว่าคุณจะวางกระเป๋า วางเสื้อโค้ตอะไรจองที่นั่งเอาไว้ บรรดาอากงอาม่าแกก็นั่งลงไปทั้งอย่างนั้น แถมยังสูบบุหรี่กันแบบไม่สนโลกอีกด้วย ทำเอาพวกเราแทบจะขาดใจตายในห้องล็อบบี้ของโรงแรม ยังโชคดีว่ายังมีผู้ที่พักอยู่ในสถานที่อื่น ๆ กำลังแห่แหนกันมาใช้ห้องอาหาร ทำให้มีการเปิดประตู แล้วอากาศเย็นไหลทะลักเข้ามา พวกเราก็เลยรอดตายจากการสำลักควันบุหรี่ไปได้..!

ทางด้านคณะทัวร์ได้เตือนให้ทุกคนแต่งตัวแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะมีอะไรที่ช่วยให้หายหนาวได้ก็ใส่ไปก่อนเลย เพราะว่าเราต้องเดินเป็นระยะทางค่อนข้างไกล ออกไปยังลานจอดรถข้างนอก เมื่อปล่อยให้กองทัพประชาชนจีนส่วนใหญ่หายออกจากที่พักไปแล้ว พวกเราถึงได้เริ่มเดินทาง อย่างที่ทางคณะทัวร์ได้เตือนเอาไว้ แม้ว่าอากาศจะอยู่ที่ประมาณ -๒๓ องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่พอไปเดินอยู่กลางแจ้งไม่นาน ก็เกิดอาการมือเท้าชาได้เช่นกัน..!

กระผม/อาตมภาพเดินถ่ายรูปย้อนหลังไปเรื่อย จนกระทั่งถึงลานจอดรถมือเท้าก็ชาได้ที่พอดี บริเวณนี้มีตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ ไม่ทราบว่าเป็นของบริษัทขายเสื้อกันหนาวหรืออย่างไร ? เพราะว่ามีเสื้อกันหนาวติดยี่ห้อสวมเสียด้วย แถมยังมีป้ายขนาดใหญ่ว่าสถานที่นี้อุณหภูมิเคย -๕๐ องศาเซลเซียส ทำเอาผู้คนหมายมั่นปั้นมือว่าจะซื้อหาเสื้อกันหนาวยี่ห้อนี้มาใช้กันบ้าง

เมื่อพวกเราขึ้นรถไปเรียบร้อยแล้ว ก็วิ่งออกมาจนถึงลานจอดรถทางด้านนอก ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลไม่น้อยเลย ลงจากรถมาปรากฏว่ารถของพวกเราไม่ได้มารอรับอยู่ทางลานจอดรถด้านนี้ หากแต่ว่ารออยู่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นประตูทางเข้าในวันแรก พวกเราจึงรีบตั้งวงถ่ายรูปหมู่บริเวณประตูทางออกก่อน แล้วค่อยเดินผ่านเครื่องตรวจนับจำนวนคน ย้อนออกไปเหมือนอย่างกับวันก่อนที่เดินเข้ามา เมื่อมาถึง รถของเราเตรียมพร้อมอยู่แล้ว หลุดขึ้นรถมาได้ก็รู้สึกว่ารอดตายไปที..!

ครั้นเช็คจำนวนคนจนครบถ้วนแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดินทาง ซึ่งวันนี้แดดจัดจ้ามาก ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องเอาแผ่นกันแสง ซึ่งสวมทับแว่นสายตาอีกชั้นหนึ่งลงมา เพื่อจะได้ป้องกันสายตาของตนเอง จากนั้นก็นอนภาวนายาว ๆ ไปเลย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับ
"ต้าเหนียง" และบริวารที่ตามมา ทางด้าน "ต้าเหนียง" บอกว่า "วันนี้อาจจะมีอะไรสูญเสียเล็กน้อย..!" กระผม/อาตมภาพไม่เข้าใจคำว่า "สูญเสีย" จึงได้ตั้งใจที่จะภาวนาให้เต็มที่ อุทิศส่วนกุศลให้กับทุกท่าน จะได้มีกำลังเพียงพอในการที่จะดูแลรักษาพวกเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-01-2025, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นประมาณ ๑๐ โมงครึ่งของเมืองจีน พวกเราก็มาจอดเข้าห้องน้ำกัน ซึ่งเป็นร้านขายของและห้องน้ำสาธารณะ น่าจะสร้างได้ไม่นาน แต่ขอโทษเถอะ...การใช้ห้องน้ำของคนจีน ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดสันดานมาจากไหน ? บ้างก็ไม่กดน้ำล้างชักโครก บ้างก็ปัสสาวะจนกระทั่งเลยกระจัดกระจายไปทั่วหมด ทำให้ห้องน้ำที่หรูดูดีมาก ๆ กลายเป็นห้องอุบาทว์ขึ้นมาในทันใด..!

ครั้นพวกเรากลับขึ้นมาทางด้านบน ปรากฏว่าทุกคนถือถุงขนมมากบ้างน้อยบ้าง ติดมือกันมาแทบทั้งสิ้น ตอนแรกก็เอามาถวาย แต่กระผม/อาตมภาพไม่ถนัด จึงได้สอบถามคุณนายโยว่าผลไม้ยังเหลืออยู่อีกหรือไม่ ? จึงได้ส้มจุกมา ๒ ผลพร้อมกับขนมซึ่งเป็นทาร์ตไข่ ๒ ชิ้น ตลอดจนกระทั่งกล้วยหอม ๑ ผล และสตอร์เบอรี่ผลใหญ่มากอีก ๔ - ๕ ผล

ขณะที่กำลังฉันอยู่ก็สงสัยว่าสตอร์เบอรี่มีเมล็ดหรืออย่างไร ? ผลปรากฏว่าเป็นวัสดุที่อุดฟันนั้นหลุดออกมา..! กระผม/อาตมภาพตั้งใจนึกถึง
"ต้าเหนียง" ถามว่า "นี่ถือว่าเป็นการสูญเสียหรือไม่ ?" อีกฝ่ายบอกว่า "เป็นการสูญเสียที่สำคัญทีเดียว" กระผม/อาตมภาพจึงโล่งใจว่า ถ้าเสียหายแค่นี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาในส่วนอื่นอีก

รถของเราวิ่งออกมา โดยที่น้องปูเป้ซึ่งเป็นไกด์สาวชาวลาวมาเรียนที่ฮาร์บิน ตักเตือนพวกเราว่าให้รัดเข็มขัดด้วย พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นตำรวจทางหลวงก็ขอหยุดรถ แล้วก็ตรวจตราพวกเรา มีการถามเสียด้วยว่า "การเดินทางสะดวกดีหรือไม่ ?" ทุกคนที่เคี้ยวขนมเต็มปาก ตอบเกือบจะพร้อมกันว่า "ห่าว" ทำเอาอีกฝ่ายยิ้มแฉ่ง หน้าบานเดินลงไปโดยไม่ตรวจอะไรมาก

ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเติมเต็มทราเวล นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว บอกว่า "ทุกคนเล่นเป็น แต่ขอให้ฟังเข้าใจจริง ๆ ด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าตอบผิด ชีวิตอาจจะเปลี่ยนได้..!"

เมื่อพวกเราวิ่งมาไม่นาน ก็เริ่มเข้าสู่เขตเมือง รถราติดหนุบติดหนับ กว่าที่จะหลุดมาได้ ถึงได้รู้ว่าทางเทศบาลเขากำลังกวาดหิมะบนถนน ซึ่งเป็นทางแคบ ๆ ลักษณะคล้าย ๆ กับสะพาน ในเมื่อโดนคุณยึดไป ๑ เลน พวกเราที่เหลือทั้งหมดก็ต้องยัดกันลงไปในเลนเดียว มิน่าล่ะ..รถถึงได้ติดสาหัสสากรรจ์ขนาดนั้น..!

วิ่งเข้ามาภายในเมือง วิ่งผ่านมหาวิทยาลัย HIT (Harbin Institute of Technology) เป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อปของจีน ซึ่งน้องปูเป้มาเรียนอยู่ที่นี่ อีกฝ่ายมาโดยโควต้านักศึกษาของประเทศลาว แต่ว่าทุกคนเข้าใจว่าเธอสอบเข้าได้ด้วยตนเอง เมื่อเห็นมหาวิทยาลัยนี้จึงได้ตื่นเต้นกันมาก อีกฝ่ายสารภาพอาย ๆ ว่า "เมื่อมีคนถามก็หลอกเขาเหมือนกันว่าสอบได้เอง" ทำเอาทุกคนฮากันกลิ้ง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-01-2025, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รถของเรามาจอดที่หน้าร้านสุกี้หม้อไฟ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าทางด้านนี้เรียกว่าอะไร แต่ว่าเป็นร้านของชาวมองโกลแท้ ทางด้านหน้าประตูมีหมาจิ้งจอกหิมะตัวขาวผ่อง แถมยังอ้วนกลมอยู่ด้วย ครั้นพวกเราเดินเข้าไปจะเล่นด้วย เจ้านี้ก็กลัวเสียจนแทบจะขุดพื้นรถที่นอนอยู่มุดหนีลงไปเลย..! ทำเอากระผม/อาตมภาพขำก็ขำ คนไหนก็ตามที่ชาติก่อน ๆ เคยหัวขาด หรือว่าโดนลงโทษหนัก ๆ มา เมื่อเจอบุคคลเดิมที่ทำกับตนในชาตินั้น ก็มักจะกลัวจนลนลานขนาดนี้เสมอ..!

ทางด้านในมีการตกแต่งสไตล์มองโกลแท้ โดยเฉพาะรูปขนาดใหญ่ของเจงกีสข่าน ซึ่งเป็นกษัตริย์มองโกลที่ยิ่งใหญ่ระดับมหาราช และบรรดาพระรูปกษัตริย์ราชวงศ์ชิงซึ่งเรียงรายเป็นลำดับไป จนกระทั่งไปถึงชั้นบนที่แบ่งเป็นห้อง ๆ ก็ยังตกแต่งสไตล์กระโจมมองโกลที่เรียกว่า "เกอร์" อีกด้วย

พวกเราแบ่งออกเป็นสองห้องกันด้วยกัน เนื่องเพราะว่าห้องแรกประกาศอย่างชัดเจนว่า "แพะแกะไม่กินอย่างเด็ดขาด..!" เนื่องเพราะวันนี้เป็นวันที่เราจะมากินชาบูกัน พวกเราซึ่งกลายเป็น "สายแข็ง" อยู่ห้องที่สอง ก็เลยรับมาทั้งเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ลูกชิ้น เนื้อแพะ เนื้อแกะ แล้วก็จัดการกินกันกระจาย อย่างชนิดที่ไม่มีอะไรเหลือติดจานเลย..! ทำเอาเจ้าของร้านยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ แต่มาสอบถามด้วยความงงว่า "พระไทยกินเนื้อด้วยหรือ ?"

อีกฝ่ายหนึ่งไม่เข้าใจว่าพระที่กินเจนั้นเป็นพระภิกษุฝ่ายมหายาน แต่ว่าเขามีการฉันอาหารมื้อเย็นด้วย เนื่องเพราะว่าอาหารเจนั้นให้สารอาหารไม่เพียงพอต่อร่างกาย โดยที่ถือคติว่าถ้าไม่ตีระฆังไม่ถือว่าเป็นมื้ออาหาร คล้าย ๆ กับทางพม่าที่ฉันก่อนค่ำ ถือว่าไม่ใช่การฉันอาหารในเวลาวิกาล แต่พระเถรวาทของเรานอกจากเนื้อ ๑๐ อย่างที่ต้องห้าม ก็คือเนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อหมา เนื้อหมี เนื้องู เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาว เนื้อราชสีห์ เหล่านี้แล้ว เราก็ไม่ได้เว้นเนื้ออื่น ถ้าหากว่าไม่ได้เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่ได้รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเรา และไม่รู้เขาฆ่าเพื่อเรา ถือว่าฉันได้ เนื่องเพราะว่าไม่ต้องการสร้างความลำบากให้กับผู้ถวาย ในการจัดหาอาหารที่ต่างจากตนกินออกไป

พวกเราซัดทุกอย่างที่ขวางหน้าบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง ไม่มีอะไรเหลือนอกจากน้ำชาบูที่ติดหม้ออยู่ แล้วก็เดินเหงื่อแตกพลั่กออกมาตากลมอยู่หน้าร้านเป็นเพื่อน "ไอ้อ้วน" ดูหน้าจอโทรศัพท์ของตนเองแล้ว อากาศอยู่ที่ -๑๗ องศาเซลเซียส แต่ขอโทษเถอะ..พวกเราเหงื่อแตกพลั่กไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะลูกกิฟท์ยังเอาเนื้อแกะย่างไม้เบ้อเริ่มมาให้ บอกว่าไม้นี้หนักครึ่งจิน ก็คือประมาณครึ่งตำลึงของทางด้านประเทศจีน ตกราว ๆ ๓ ขีดของบ้านเรา ซึ่งโดนกวาดเรียบไปตามเคย และผงเครื่องเทศที่ติดอยู่รวมทั้งหมาล่า ก็ทำให้พวกเราร้อนหนักยิ่งขึ้นไปอีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 12-01-2025, 00:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นขึ้นรถมาแล้ว น้องปูเป้ก็ตักเตือนพวกเราทั้งหมดว่าให้จัดเต็มเลย เนื่องเพราะว่าในลานนิทรรศการน้ำแข็งนั้นหนาวมาก ผู้ที่ไม่สามารถจะทนได้ เดินอยู่ ๑๐ กว่านาทีก็ให้หนีเข้าไปอยู่ในห้องพัก ซึ่งให้ความอบอุ่น ไม่เช่นนั้นแล้วจะแย่..! กระผม/อาตมภาพก็เลยมีคนช่วยแต่งตัว ไม่ว่าจะเป็นแผ่นรองเท้าช่วยให้เท้าอุ่น ตลอดจนกระทั่งแผ่นเคมีแปะตัวเพื่อเพิ่มความอบอุ่น แต่งตัวเสร็จแล้วก็เหงื่อแตกพลั่กอยู่ข้างใน เนื่องเพราะว่ารถติดมากเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ระยะทางไม่ไกล เจ้าหน้าที่จราจรให้พวกเราวิ่งเลยไปจนกระทั่งถึงวงเวียนที่อยู่ไกลลิบ แล้วค่อยกลับรถย้อนกลับมาหน้างานอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเข้าไปทางด้านในก็เจอบรรดาเจ้าหน้าที่ช่วยจัดการจราจร ซึ่งสวมเสื้อโค้ตกันหนาว มีคำว่า "เป่าอัน" ติดอยู่ด้วยทุกคน พวกเราเข้าที่จอดรถแล้ว น้องปูเป้ก็นำเดินเข้าไปยังหน้างาน บริเวณหอนาฬิกาซึ่งแกะสลักจากน้ำแข็ง ด้านหนึ่งเป็นนาฬิกา อีกด้านหนึ่งเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิ ที่บอกอุณหภูมิแท้จริงของงาน ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ -๑๗ องศาเซลเซียส

เมื่อถ่ายรูปหมู่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางคณะเติมเต็มทราเวลก็นำพวกเราเข้าไปสู่ภายใน ซึ่งต้องผ่านด่านชั้นแล้วชั้นเล่า โดยเฉพาะมีการสแกนตัวด้วย ถ้าหากว่ากระเป๋าใครน่าสงสัย เจ้าหน้าที่ก็จะชี้ขอตรวจค้น กว่าจะหลุดเข้าไปรอตั๋วอยู่ด้านในได้ก็แทบแย่..!

ครั้นได้ตั๋วมาแล้ว กระผม/อาตมภาพกับป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ซึ่งอายุ ๖๖ ปีเท่ากัน โดนน้องปูเป้กันออกมาจากคณะ บอกว่า "ผู้อาวุโสเกิน ๖๐ ปีต้องใช้ตั๋วครึ่งราคา เดี๋ยวมากับปูเป้ก็แล้วกันนะคะ" พวกเราก็เลยต้องผ่านไปให้อีกฝ่ายหนึ่งตรวจพาสปอร์ต ว่าหน้าตาตรงกับตัวเองหรือเปล่า ? ครั้นผ่านหลุดออกมาทางด้านนอกได้ ก็เป็นลานนิทรรศการใหญ่ ตรงหน้าของเราก็คือรูปของ "ปินปิน" และ "นีนี่" ซึ่งเป็นเสือโคร่งไซบีเรีย มาสค็อตของงาน Asian Winter Games ๒๐๒๕

พวกเราถ่ายรูปหมู่กันตรงนี้ แล้วน้องปูเป้ชี้ให้ดูทางออก ซึ่งเป็นทางช่อง C ที่เราเข้ามา บอกว่าถ้าหากว่าเดินดูกันจนครบแล้ว ให้เวลาไม่เกิน ๕ โมงเย็น ต้องมาออกประตูตรงนี้ ให้มองหาหอนาฬิกา ซึ่งพวกเราถ่ายรูปหมู่ก่อนจะเข้ามา เดินออกทางข้างหอนาฬิกาไปก็จะเป็นลานจอดรถ เดินตรง ๆ ไปจนกว่าจะเจอรถยนต์ของเรา แล้วก็ปล่อยพวกเราฟรีสไตล์ได้เลย

จุดที่พวกเราเข้ามานั้นเป็นด้านโซนเอเซีย ซึ่งจะมีน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปสถาปัตยกรรมสำคัญ ๆ ของแต่ละประเทศ ทางด้านประเทศไทยของเรานั้นก็คือ Grand Palace หรือพระบรมมหาราชวัง ซึ่งได้รับรางวัลที่ ๑ ของการแกะสลักด้วย กระผม/อาตมภาพไล่ถ่ายรูปไปเรื่อย แล้วก็ยังสงสัยว่าทำไม Grand Palace ของเราหน้าตาเป็นแบบนี้ แม้กระทั่งพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ หน้าตาก็ออกมาเหมือนกับพระมหาเจดีย์มหามิงกะลา ที่พุกาม ประเทศเมียนมาร์เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 12-01-2025, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นมาสอบถามน้องปูเป้ก็บอกว่า พวกนี้เป็นช่างชาวจีนที่แกะสลักขึ้นมา เพื่อให้แต่ละประเทศซึ่งมีนักท่องเที่ยวมานั้น จะได้ถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญของประเทศตัวเอง กระผม/อาตมภาพจึงได้โล่งใจ สอบถามต่อไปว่า แล้วที่คนไทยของเรามาแกะสลักได้รางวัลที่ ๑ ไปทุกปีเป็นเวลา ๒๐ ปีเห็นจะได้นั้นคือที่ไหน ? น้องปูเป้บอกว่าที่ริมแม่น้ำซงฮวาเจียง ซึ่งพรุ่งนี้เราจะไปดู นั่นเป็นการแกะสลักหิมะ แต่บริเวณนี้เป็นการแกะสลักน้ำแข็ง

พวกเราเดินดูบริเวณซึ่งมีคนมาก ๆ ปรากฏว่าเป็นลานสไลเดอร์ ที่พวกเราไม่มีปัญญาจะต่อคิวแย่งกับกองทัพสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ เนื่องจากว่าคิวยาวมาก อีกด้านหนึ่งก็คือทางด้านชิงช้าสวรรค์ที่คิวยาวสุด ๆ เช่นกัน และได้คำแนะนำว่าอย่าได้ไปต่อคิวให้เสียเวลา เนื่องเพราะว่าต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงยังไม่พอ ด้านบนยังหนาวมากเป็นพิเศษอีกด้วย..!

กระผม/อาตมภาพเดินไปเดินมาก็พลัดหลงกับคณะใหญ่ มีแต่น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) เท่านั้นที่ตามมา ครั้นเมื่อเดินเข้ามาถึงด้านใน จึงได้รู้ว่าตอนที่เราจอดรถ แล้วมีผู้คนเข้ามาเสนอขายตัวติดรองเท้ากันลื่นในราคาอันหนึ่งตั้ง ๒๐ หยวนนั้น เป็นของที่ฟุ่มเฟือยและเสียเวลาซื้อโดยใช่เหตุ เพราะว่าถ้าเดินระมัดระวังหน่อย ก็แทบจะไม่ลื่นอะไรเลย กระผม/อาตมภาพบอกกับน้องเล็กว่า "ปล่อยให้เป็นภาระของ "ต้าเหนียง" และบริวารไปก็แล้วกัน" เล่นเอาอีกฝ่ายหนึ่งบ่นว่า "ไม่คิดจะลดภาระของคนอื่นเขาบ้างเลยหรือ ?"

ปรากฏว่าถ่ายรูปกันได้ไม่กี่ครั้ง ปากกาสำหรับทัชหน้าจอแทนนิ้วมือของน้องเล็กก็หล่นหาย กระผม/อาตมภาพช่วยเดินวนหาอยู่สองรอบก็ไม่เจอ
"ต้าเหนียง" บอกว่าถือว่าเป็นการสูญเสียฟาดเคราะห์ไปเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นก็เป็นอันว่าเราสามารถที่จะรอดจากตรงนี้ไปได้อย่างแน่นอน แต่เดินไปเดินมา ดูท่าสภาพร่างกายจะไม่ไหว เนื่องเพราะว่าเกิดอาการปวดท้องเหมือนกับมาลาเรียลงกระเพาะ แต่น่าจะเป็นฝีมือของ "ต้าเหนียง" กับคณะที่ทำให้ไม่มีอาการไข้จับ แถมยังยิ่งเดินก็ยิ่งร้อน จนกระทั่งเหงื่อออกอีกด้วย..!

พวกเราเดินวนจนกระทั่งแน่ใจว่าภายในไม่มีห้องน้ำ จึงได้วนออกมาทางประตูทางออก น้องเล็กบอกว่า "ทางด้านนั้นเห็นมีคนเดินเข้าไป น่าจะมีห้องน้ำ" เมื่อพวกเราเข้าไป ปรากฏว่าเป็นจุดที่เขาหนีเข้ามาพักจากอากาศหนาวกัน น้องเล็กพยายามสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งเขาเปิดประตูให้เดินเข้าไป ปรากฏว่าเป็นห้องน้ำที่พวกเราส่วนหนึ่งเคยใช้ในการที่เข้าตอนขาเข้านั่นเอง เจ้าหน้าที่ใจดีเมื่อเห็นว่าเป็นเหตุฉุกเฉินก็อนุญาตให้เข้าไปใช้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 12-01-2025, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพนั้นต้องถอดเสื้อโค้ตออกเสียก่อน เนื่องเพราะว่าเหมือนกับใส่เกราะ จะลุกจะนั่งก็ลำบากไปหมด ครั้นถ่ายจนหมดท้องตัวเบาหวิวดีแล้ว ก็กลับออกมาทางด้านเดิม แล้วก็ต้องมาทุลักทุเลกับการใส่เสื้อโค้ตเสียใหม่ แต่การออกมาครั้งนี้ดีตรงที่ว่า จากแสงตะวันธรรมดา เราก็ได้เห็นแสงสีของทางด้านนี้ซึ่งจัดเต็มเอาไว้ ครั้นเดินถ่ายรูปไปไม่นาน ก็เจอกับคณะของเรา รวมตัวกันถ่ายรูปหมู่ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจและจะเป็นไปตามเวลานัดก็คือ ๕ โมงเย็นของเมืองจีนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ชวนทุกคนเดินออกมาจนกระทั่งไปถึงรถ

โชเฟอร์ของเรานั้นใส่ใจดีมาก ครั้นเห็นน้องเล็กไปเคาะประตู ก็เดินตามมาทางด้านหลัง และกดรีโมตเปิดประตูอัตโนมัติให้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโชเฟอร์คันอื่นจะเอาใจใส่กับผู้โดยสารขนาดนี้หรือไม่ ? เนื่องเพราะว่าในลานจอดรถนั้น อากาศค่อนข้างจะหนาวทีเดียว แต่วันนี้พวกเราถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าไม่มีลม ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นความกรุณาของ
"ต้าเหนียง" กับบริวารหรือเปล่า ? ไม่เช่นนั้นแล้วน้องปูเป้บอกว่าพาคณะอื่นมา อากาศก็ประมาณแค่ -๑๐ องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ว่าอยู่กันได้แค่ ๑๐ กว่า ๒๐ นาทีก็วิ่งหนีกันหมดแล้ว ถือว่าพวกเราโชคดีได้สัมผัสบรรยากาศอย่างเต็มที่ แถมยังรู้สึกร้อนมากกว่าอีกด้วย..!

เมื่อขึ้นรถมาจึงจัดการแกะเครื่องกันหนาวที่พะรุงพะรังออกกันหมดเสียก่อน แล้วก็ฝ่ารถติดไป ซึ่งทางด้านแสงสีเสียงที่ปรากฏขึ้นมาในยามค่ำคืนนั้น ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเมืองฮาร์บินนี้เจริญสุด ๆ ถ้าหากว่าให้เปรียบกับเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เทียนจิน หรือว่าฉงชิ่ง ก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่ากันเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่สุดหล้าฟ้าเขียวขนาดนี้ แปลว่าเศรษฐกิจดีมาก ๆ แต่เศรษฐกิจยิ่งดีมาก รถก็ยิ่งติดหนักมาก..!

พวกเราที่จะไปยัง "โบสถ์เซนต์โซเฟีย" จึงได้รับคำแนะนำจากโชเฟอร์ว่าไปที่นั่นอาจจะจอดรถไม่ได้ ให้เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ "สะพานปินโจว" ซึ่งเป็นสะพานรถไฟเก่าอายุ ๑๐๐ กว่าปีมาแล้วแทน กว่าจะฝ่ารถติดไปถึงก็เสียเวลาไปเนิ่นนานมาก แต่พอลงไปพวกเราก็ถึงกับสะดุ้ง อากาศ -๑๗ องศาเซลเซียสเท่ากัน แต่ทางด้านนี้มีลม จึงได้รู้ว่าความหนาวที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร..!? พวกเราขึ้นไปบนสะพานปินโจวแล้ว ก็ได้ถ่ายรูปหมู่ และแยกย้ายหามุมกันถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย

สะพานเก่าแห่งนี้เป็นสะพานคู่บ้านคู่เมืองข้ามแม่น้ำซงฮวาเจียงมาแต่ดั้งเดิม อายุ ๑๐๐ กว่าปีแล้ว แต่ว่าทางด้านข้างนั้นมีสะพานใหม่ ที่สร้างขึ้นมารองรับทางรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้มีสะพานคู่กัน อีกจุดหนึ่งที่อยู่ด้านล่างสะพานนั้นก็กลายเป็นลานสไลเดอร์ให้บรรดาลูกหลานมังกรได้มาเล่นสไลเดอร์กันโครมครามสนุกสนาน ผู้คนแน่นขนัดไปหมด จนอยากจะบอกว่าคนครึ่งประเทศจีนมารวมกันอยู่ที่นี่กระมัง !?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 12-01-2025, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,652 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราทนสู้ลมหนาวได้ไม่นานก็ต้องหนีกลับขึ้นรถกันหมด และฝ่ารถติดกันต่อไปจนกระทั่งถึง "อนุสาวรีย์น้ำท่วม" ซึ่งน้ำท่วมใหญ่ในปี ๒๕๐๐ นั้น ท่วมสูงถึงขนาดเกือบถึงฐานอนุสาวรีย์ด้านบน กระผม/อาตมภาพดูด้วยสายตาแล้ว น่าจะอยู่ประมาณ ๖ - ๗ เมตรเห็นจะได้ การที่ทุกคนร่วมกันต่อสู้กับน้ำท่วมครั้งนั้น จึงทำให้ทางการจีนสร้างอนุสาวรีย์นี้เอาไว้เพื่อเชิดชูเกียรติ และกลายเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองไปอีกจุดหนึ่ง รอบบริเวณนั้นมีทั้งสะพานรถไฟ มีทั้งรูปแกะสลัก Asian Winter Games ๒๐๒๕ รูปแกะสลักของ "ปินปิน" และ "นีนี่" ให้พวกเราหามุมถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย

จากนั้นน้องปูเป้ก็พาพวกเราเดินตรงไปยัง "ถนนจงยาง" ซึ่งเป็นถนนสายช็อปปิ้งของเขา ผู้คน "ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน" อยู่ทางด้านนี้ บอกว่าพวกเราจะเดินกลับไปยังโรงแรมที่พัก ก็คือโรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ลเลย ปล่อยให้รถยนต์วิ่งอ้อมไปอีกด้านหนึ่งเอากระเป๋าไปส่งให้

ถนนสายนี้นั้นเป็นถนนที่มีร้านค้าอยู่ในลักษณะที่สร้างเป็นบล็อกแบบทางยุโรป ก็คือจะมีสี่แยกเป็นระยะ ๆ ไป มีข้าวของเครื่องใช้สารพัดจำหน่ายอยู่ แต่กระผม/อาตมภาพซึ่งหมดสภาพเต็มทีแล้ว เนื่องเพราะว่าออกอาการมาลาเรียอย่างชัดเจน แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรถึงไม่มีไข้ขึ้น เพียงแต่รู้สึกป้อแป้หมดสภาพเท่านั้นเอง ครั้นเดินไปจนกระทั่งถึงโรงแรม เข้าไปเบิกกระเป๋ากันแล้ว ย้อนออกมารออยู่หน้าโรงแรมพักใหญ่ กว่าที่รถของเราจะฝ่ารถติดอ้อมมาถึง แปลว่าการเดินนั้น เราเดินได้เร็วกว่ารถยนต์ที่ต้องไปตามเส้นทางจริง ๆ ด้วย..!

วันนี้กระผม/อาตมภาพได้รับกุญแจห้องมา แต่หาห้องไม่เจอ ต้องไปถามรูมเมดซึ่งทำความสะอาดอยู่ อีกฝ่ายจึงชี้ทางลับให้ว่า เหตุที่ไม่มีป้ายบอกเพราะว่าเป็นห้องพิเศษ ห้องหลังใหญ่โดยเฉพาะ เข้ามาข้างในที่เปิดเครื่องทำความร้อนเอาไว้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบปิดในทันใด แทบจะรื้อเอาทุกชิ้นส่วนของสิ่งของกันหนาวในตัวเองออกมาจนหมด รีบเปิดหน้าต่างให้ความเย็นไหลเข้ามาโดยด่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเป็นลมเพราะความร้อนไปก็ได้ ไม่นึกเลยว่าอากาศ -๑๗ องศาเซลเซียส แล้วเราจะร้อนเหงื่อแตกได้ขนาดนี้..!

เมื่อเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รีบส่งรูปต่าง ๆ เข้ากลุ่มไลน์จนกระทั่งครบถ้วน ก็จัดแจงปิดไฟ นอนภาวนาส่งใจอุทิศส่วนกุศลให้กับ
"ต้าเหนียง" และบริวาร ตลอดจนกระทั่งเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย ซึ่งได้ช่วยดูแลอนุเคราะห์สงเคราะห์มาโดยตลอด เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ฉันยา จึงลุกขึ้นมาฉันยาป้องกันไข้เอาไว้ก่อน แล้วนอนภาวนาส่งใจขึ้นสู่พระนิพพาน หลับไปในเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 06:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว