กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-01-2025, 08:51
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,812
ได้ให้อนุโมทนา: 221,485
ได้รับอนุโมทนา 783,330 ครั้ง ใน 38,434 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกรที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกรที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-01-2025, 22:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,661 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ พวกเราพักอยู่ในโรงแรมในหมู่บ้านสโนว์ทาวน์เลย เมื่อวานนี้เราพักอยู่ในโรงแรมที่หมู่บ้านเอ้อร์หลางเหอ แต่กระผม/อาตมภาพไปเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหมู่บ้านสโนว์ทาวน์ไปแล้ว

อากาศช่วงเช้าที่บ้านเอ้อร์หลางเหอ อยู่ที่ -๒๘ องศาเซลเซียส แต่ว่ามีหิมะตก พวกเราที่ตื่นเช้าจึงออกไปเดินตากหิมะกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากว่าแทนที่จะหนาว กลับรู้สึกว่าเย็นสดชื่นมาก เมื่อเดินดูหิมะที่อยู่โดยรอบแล้วก็ยังคิดว่า ในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวก็คือความสวยงาม แต่ถ้าเป็นบุคคลซึ่งอยู่แถวนี้ เขาก็คงจะทำมาหากินกันยากมาก นอกจากช่วงฤดูหนาวประมาณ ๔ เดือนที่บรรดานักท่องเที่ยวจะแห่แหนกันมาชมหิมะเท่านั้น

ครั้นถึงช่วงอาหารเช้า ปรากฏว่าทางโรงแรมที่พักบริการดีมาก แม้ว่าพวกเราจะขอให้จัดอาหารในเวลา ๖ โมงครึ่งของทางเมืองจีน ซึ่งตรงกับตี ๕ ครึ่งเมืองไทย ไม่ใช่เวลาปกติ แต่ว่าทุกคนก็บริการให้ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส คอยสอบถามว่าขาดเหลืออะไรกันบ้าง ?

ครั้นถึงเวลาคืนห้องเรียบร้อยแล้ว พวกเรากลับขึ้นรถบัส หิมะก็ตกลงมาอย่างหนัก แต่ว่าในขณะที่เดินทางไปยังยอดเขาต้าทูติ่งจือ ซึ่งเป็นยอดเขาหิมะที่สูงที่สุดของเมืองฮาร์บินนั้น เห็นมีรถคอยกวาดหิมะ ตักหิมะอยู่ตลอดเส้นทาง พวกเราก็รู้สึกเบาใจ ประกอบกับโชเฟอร์นั้นเป็นบุคคลที่คุ้นเคยกับเส้นทาง จึงไม่มีอะไรให้หนักใจว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ ?

ประกอบกับ
"ต้าเหนียง" และบริวารที่แห่แหนคอยตามดูแลอยู่ตลอดเวลา ความหนักใจที่มีมาตั้งแต่ต้นก่อนจะเดินทางก็หายไปจนหมดสิ้น เรียกง่าย ๆ ว่ามอบกายถวายชีวิต ให้กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มอบหมายความไว้วางใจให้กับเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายไปอย่างเต็มร้อยเลยทีเดียว..!

ประมาณ ๘ โมงเช้าพวกเรามาถึงลานจอดรถที่เชิงเขาต้าทูติ่งจือ อันดับแรกเลยที่ถามหาก็คือห้องน้ำ ซึ่งโดยปกติแล้ว บริเวณแหล่งเที่ยวของประเทศจีนนั้น เราสามารถขอใช้ห้องน้ำในร้านค้าได้ แต่ว่าที่นี่บอกว่าห้องน้ำในร้านค้าปิดไป ให้ใช้เฉพาะห้องน้ำบริเวณลานจอดรถอย่างเดียวเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-01-2025, 22:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,661 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง ยังชื่นชมว่าเป็นห้องน้ำที่งดงามสุด ๆ เนื่องเพราะว่ามีหิมะทับถมอยู่บนหลังคา หนาเป็นฟุต ๆ ดูนุ่มฟูเหมือนกับเอานุ่นมากองไว้ แต่พอเดินเข้าไปด้านในก็ต้องถอนใจ เพราะว่าเป็นส้วมหลุมตามปกติ ซึ่งก็คือการที่ขุดหลุมเรียงเอาไว้โดยไม่มีอะไรกำบัง แต่ยังดีว่าเป็นผู้ชายและเคยชินกับสถานที่แบบนี้ จึงสามารถทำธุระเบาได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนอื่นจะทำได้หรือไม่ ?

เมื่อออกมาสอบถามดูได้รับคำตอบว่า เก็บเอาไว้ลงจากยอดเขามาแล้วทำธุระทีเดียวดีกว่า เนื่องเพราะว่าแต่ละคนประเดประดังใส่ชุดเข้าไปจนถอดยากมาก กระผม/อาตมภาพซึ่งเป็นคนผอมมาทั้งชีวิตและนึกอยากจะอ้วนมาโดยตลอด เมื่อใส่กางเกงสองตัวซ้อนกันแล้วก้มลงไปใส่รองเท้ากันหิมะ ยังรู้สึกว่าก้มได้ลำบาก ทำเอาความอยากอ้วนหายวับไปกับตา..!

พวกเราต้องรอจนน้องปูเป้ไปซื้อตั๋ว แล้วก็เดินเรียงตามกันขึ้นไปเพื่อผ่านเครื่องนับอัตโนมัติ ซึ่งทางคนที่คุมอยู่ก็คอยเช็คจำนวนให้ตรงกับหน้าตั๋ว ครั้นไปถึงบริเวณที่จะต้องขึ้นรถลำเลียงขึ้นไปยังยอดเขา เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินว่า "ไท่กั๋ว" ก็คือประเทศไทย ก็ส่งโทรโข่งในมือให้น้องปูเป้ทำหน้าที่บรรยายแทน ว่าแต่ละขั้นตอนต้องทำอย่างไรบ้าง ?

เมื่อพวกเราออกมาข้างนอก กระผม/อาตมภาพก็ตะลึง เนื่องเพราะว่ารถที่เห็นอยู่ก็คือรถตีนตะขาบทางทหาร ที่ทางบ้านเราเรียกว่า "รสพ." ย่อมาจาก "รถสายพานลำเลียงพล" แต่ทางด้านนี้รัฐบาลจีนสนับสนุนให้เอามาขนคนขึ้นบนยอดเขา สามารถที่จะยัดกันเข้าไปได้คันละเป็น ๑๐ คน แต่มีอาเจ๊คนหนึ่งไปนั่งอยู่ทางด้านหน้าแบบไม่รู้ไม่ชี้ก่อนแล้ว พวกกระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยว่า "ยายเจ๊นี่มาทำอะไร ?"

ปรากฏว่าพอทุกคนขึ้นมาและปิดท้ายรถ ไม่สามารถที่จะหนีไปได้แล้ว อาเจ๊ก็วาดลวดลายแม่ค้าขายของจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นแว่นกันแดด หมวกกันหนาว ที่ครอบหู ผ้าพันคอ สารพัด ถึงขนาดขอใช้เครื่องแปลภาษาในเครื่องของพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ให้ช่วยแปลภาษาและบอกกับพวกเราทุกคน แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะว่าทุกคนล้วนแล้วแต่ประเดประดังใส่กันมาเต็มที่แล้ว

ตัวกระผม/อาตมภาพที่ถอดแว่นใส่กระเป๋าเสื้อโค้ตเอาไว้ เพราะว่าเวลาหายใจแล้วแว่นเป็นฝ้าหมด ไม่สามารถใช้งานได้ ก็งัดเอาแว่นตาขึ้นมาใส่ และปิดแผ่นกันแดดลงมา ทำเอาอาเจ๊เดินกระฟัดกระเฟียดเดินลงจากรถไป ที่ไม่สามารถจะขายของได้เลย ปล่อยให้พลขับพาพวกเราตะลุยขึ้นบนยอดเขา

รถตีนตะขาบตะกุยโครม ๆ ขึ้นไปชนิดตับไตไส้พุงแทบจะหลุดเป็นชิ้น ๆ ทางด้านหลังก็มีตามมา ทางด้านหน้าก็มีสวนลงมา แสดงว่านักท่องเที่ยวมากันมากมายตั้งแต่เช้าแล้ว เขานำเรามาจอดที่บริเวณลาน ซึ่งมีทั้งรถสโนว์โมบิลและมีอูฐอยู่เป็นจำนวนมาก ให้นักท่องเที่ยวสามารถอาศัยขึ้นบนยอดเขาได้ แต่เมื่อพวกเราตีตั๋วสโนว์โมบิลมาตั้งแต่ต้นแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงต้องขึ้นสโนว์โมบิลไป ทั้ง ๆ ที่ตัวเองอยากจะขี่อูฐมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-01-2025, 22:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,661 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพสองคนกับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. อัดขึ้นไปบนสโนว์โมบิล ๑ คัน แล้วเจ้านั่นก็บินไปจริง ๆ ด้วยความเร็วน่าจะเกิน ๑๐๐ ชนิดที่ไม่สนใจว่าคุณจะนั่งเป็นหรือไม่เป็น..?! คุณจะตกจะหล่นลงมาบาดเจ็บหรือไม่ ? ภายในพริบตาเดียวก็พาเราขึ้นไปถึงยอดเขาด้วยความมันในอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง อยากจะสอบถามความรู้สึกคนอื่น ๆ ว่ารสชาติชีวิตเป็นอย่างไรก็เกรงใจ เนื่องเพราะว่าอากาศบนยอดเขาตอนนี้ -๓๑ องศาเซลเซียส แต่ว่าไม่สามารถที่จะแคปหน้าจอเอาไว้ได้ เนื่องเพราะว่านิ้วมือแข็งไปหมด..!

น้องปูเป้บอกให้พวกเราจดจำจุดนัดพบเอาไว้ว่า ถึงเวลาแล้วให้มารอกันตรงนี้ ถ้าหากว่าทนหนาวไม่ไหวก็ให้เข้าไปนั่งรอในร้านค้า แล้วให้พวกเราเดินลอดใต้อุโมงค์ขึ้นไปยังยอดเขา เพื่อถ่ายทิวทัศน์ที่เหมือนกับภาพวาดก็ไม่ปาน แต่ว่าเมื่อพวกเราถามว่า "แล้วปูเป้จะขึ้นไปด้วยหรือไม่ ?" อีกฝ่ายที่ทำท่าไม่อยากขึ้นที่สูง ก็กัดฟันบอกว่า "ไปด้วยค่ะ"

พวกเราเดินขึ้นสูงไปตามอุโมงค์ จนกระทั่งคนอื่น ๆ ไปอยู่ข้างหลังกันหมด ปล่อยให้กระผม/อาตมภาพซึ่งแก่ที่สุดในคณะ เดินนำหน้าขึ้นไปจนถึงยอดเขาด้านบน ถึงได้รู้ว่าเราเดินลอดมาภายในลำตัวของมังกร เพราะว่าพอโผล่ออกมาก็เจอกรงเล็บพ่อเจ้าประคุณกางหราอยู่เลย..!

กระผม/อาตมภาพรอจนกระทั่งนิ้วชาไปหมด กว่าที่น้องปูเป้จะตามมาถึง ขอร้องให้อีกฝ่ายช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ขณะที่พวกเราค่อย ๆ โผล่มาทีละคนสองคน กว่าที่จะรวบรวมเป็นคณะเพื่อถ่ายรูปหมู่ได้ ก็สงสารน้องปูเป้ที่นิ้วแข็งเกือบจะเป็นไอศกรีมแท่งอยู่แล้ว..!

ครั้นได้รูปหมู่แล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินย้อนลงไปด้านล่าง เพื่อที่จะไปนั่งรออยู่ในร้านค้า โดยมีลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ที่ส่งลูกทัวร์ขึ้นยอดเขาแล้ว ก็ตามมารออยู่ในนี้ ไปเอาน้ำร้อนจากในร้านมาถวายให้ ๑ ถ้วย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความร้อนความหนาว แต่อยู่ที่แว่นตา ซึ่งพอเข้าในที่ร่มเมื่อไร ก็กลายเป็นฝ้าจนมองอะไรไม่รู้เรื่อง ไม่สามารถที่จะส่งงานหรือว่าทำสิ่งอื่น ๆ ได้เลย..!

หลังจากปรึกษาหารือกันแล้ว น้องปูเป้ที่ตามลงมาบอกว่า "ถ้าหลวงพ่อจะขี่อูฐลงไป ปูเป้จะไปดำเนินการให้ค่ะ" กระผม/อาตมภาพจึงตัดสินใจว่าขอลงทางอูฐเถอะ เนื่องเพราะว่าตอนขึ้นมานั้นไม่ได้เห็นอะไรเลย นอกจากหลังคนขี่สโนว์โมบิล และใช้ระยะเวลาที่รวดเร็วจนเกินไป ถ่ายรูปอะไรไม่ได้เลย

น้องปูเป้จึงไปสแกนคิวอาร์โค้ด จ่ายค่าขี่อูฐ ๑๕๐ หยวนให้กระผม/อาตมภาพ แล้วก็มีคนอื่นขอตามมาอีกหลายคน แต่ว่าอูฐนั้นเขาออกทีละชุด ๆ ละ ๔ ตัว ใครที่ตัดสินใจช้าก็ต้องรออยู่ด้านหลัง เมื่อลงมาด้วยอูฐทำให้รู้สึกว่าทิวทัศน์บนนี้เหมือนภาพวาดอย่างแท้จริง เนื่องเพราะว่าต้นไม้ทุกต้นแบกหิมะเอาไว้เต็มไปหมด และมีความสงบเงียบของป่า เหมือนอย่างกับบรรยากาศในหนังเรื่อง Frozen ก็ไม่ปาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-01-2025, 22:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,661 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพถ่ายรูปด้วยความเพลิดเพลินเจริญใจ ถ้ารู้สึกว่านิ้วแข็งจนไม่สามารถที่จะกดชัตเตอร์ไหว ก็ยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ต กำผงเคมีอุ่นมือ เมื่อรู้สึกว่าขยับได้แล้วก็ถ่ายรูปต่อไป จนกระทั่งลงมาถึงจุดจอดรถครั้งแรก ก็ลงมาจากหลังอูฐโดยสวัสดิภาพ ทุกคนที่ลงมาต่างก็บอกว่า "รู้อย่างนี้ขี่อูฐขึ้นไปด้วยก็ดี" แต่ว่าก็ได้บรรยากาศทั้งสองอย่างร่วมกัน

เรามารอนั่งรถตีนตะขาบโดนเขย่าจนตับทรุดกลับลงมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าเขามาจอดอยู่หน้าแผงปิ้งย่าง ซึ่งมีเนื้อแพะที่เขาเรียกว่า "หยางโร่ว" ปิ้งอยู่ ทางด้านข้างก็ยังมีถังหูลู่ ก็คือผลไม้เคลือบน้ำตาลเอาไว้ด้วย แต่กระผม/อาตมภาพไม่มีอารมณ์ จึงเดินลงไปยังจุดนัดพบทางด้านล่าง เข้าไปอยู่ข้างใน นั่งรอกว่าที่แว่นตาจะหายฝ้าก็เป็นเวลานาน

จนกระทั่งลูกกิฟท์ตามมาถึง บอกว่าด้านข้างมีร้านค้าที่ขายตัวตุ๊กตุ่น เป็นมาสค็อตของ Asian Winter Games ๒๐๒๕ กระผม/อาตมภาพจึงเข้าไปซื้อ ๒ ชุด เพื่อฝากลูกปุ๊ก (นางสาวสุมาลี ตีรเลิศพานิช) ลูกสาวคนโต ซึ่งกระผม/อาตมภาพแบกชีวิตของคุณเธอเอาไว้ตั้งแต่อายุ ๑๗ จนตอนนี้ ๖๐ ปีแล้ว และลูกอ้วน (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ลูกสาวมูเซอที่แม่เอามาฝากเรียนหนังสือจนจบปริญญาโท แต่ไม่สามารถที่จะทำการทำงานอะไรทางบ้านได้ เพราะว่าจบมาสูงเกินไป ทั้งตำบลมีจบปริญญาโทอยู่คนเดียว..! จนกระผม/อาตมภาพต้องฝากให้ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลทองผาภูมิ จึงกลายเป็น "หัวเดียวกระเทียมลีบ" ที่ต้องคอยดูแลอยู่เสมอ

รอจนกระทั่งทุกคนลงมาแล้ว พวกเราก็ไปขึ้นรถยนต์ เพื่อเดินทางต่อไปยัง "หมู่บ้านหิมะ" หรือ "สโนว์ทาวน์" ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑๐ นาทีเท่านั้น รถยนต์ก็มาจอดที่บริเวณลานจอดรถ พวกเราต้องจัดแถวตามรายชื่อที่ส่งมาให้เขาล่วงหน้า แล้วก็หิ้วข้าวของจำเป็นเฉพาะของตนเอง เดินผ่านเข้าไปภายในตัวอาคาร ให้เขาสแกนใบหน้าทีละคน เมื่อโผล่ออกไปทางด้านหลัง ก็มีรถโดยสารที่ทางหมู่บ้านจัดเอาไว้มารอรับพวกเรา วิ่งผ่านป่าคดเคี้ยวเข้าไปทางด้านใน เหมือนอย่างกับในบรรยากาศภาพยนตร์เรื่องราชินีน้ำแข็งอย่างไรก็อย่างนั้น

จนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าหมู่บ้าน เขาก็จอดให้พวกเราลง แต่ละคนหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเข้าไป ถ่ายรูปกับป้ายหน้าหมู่บ้านแล้ว ลูกกิฟท์ก็ได้นำพวกเราตรงไปยังโรงแรมที่พัก ทั้ง ๆ ที่ตลอดทางซึ่งเดินผ่านนั้นสวยงามมาก เพราะว่าบ้านแต่ละหลังหิมะหนาเป็นฟุต ๆ ดูแล้วเหมือนกับบ้านในการ์ตูน หรือบ้านในฝันอย่างไรอย่างนั้น แต่พวกเราหิวข้าวจนไร้แรงบินแล้ว เมื่อสามารถที่จะตรงเข้าไปยังที่พักได้เลย ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนยินดีเป็นอย่างยิ่ง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-01-2025, 22:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,661 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ครั้นมาถึงโรงแรมซึ่งได้จองเอาไว้ แทนที่จะเบิกห้องก็แค่แจ้งเจ้าหน้าที่เขาว่ามาถึงแล้ว จากนั้นก็เอากระเป๋ากองรวมกันเอาไว้ก่อน ตรงไปยังห้องอาหารของทางโรงแรม ซึ่งทางด้านนี้จัดโต๊ะเอาไว้ให้กับพวกเรา ๓ โต๊ะ เป็นโต๊ะของญาติโยม ๒ โต๊ะ และโต๊ะพระอีก ๑ โต๊ะ วันนี้แปลกมากว่านอกจากสารพัดผักที่หายากแล้ว ยังอุตส่าห์มีปลานึ่งซีอิ๊วมาด้วย โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าปลาอะไร แต่ว่าบรรยากาศที่ -๒๐ กว่าองศาเซลเซียสแบบนี้ กระผม/อาตมภาพฟันธงว่าเป็น "ปลาหิมะ" อย่างแน่นอน..!

ครั้นอิ่มแล้ว พวกเราก็มารับกุญแจ เข้าสู่ห้องพักของใครของมัน นัดหมายกันไว้ว่าเวลาบ่าย ๓ โมงให้ลงมาพบกันที่ล็อบบี้ เพื่อจะออกไปยัง "บ้านดรีมโฮม" ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ โรงแรมที่พักนี่เอง กระผม/อาตมภาพขึ้นสู่ที่พักแล้ว ก็จัดการอาบน้ำอาบท่าจนกระทั่งเรียบร้อย แล้วมาทยอยส่งงานเข้ากลุ่มไลน์ เพื่อให้ "ไอ้ตัวเล็ก" ได้นำไปลงให้ญาติโยมทั้งหลายที่ติดตามดู แม้ว่าจะไม่ใช่สด ๆ แบบเรียลไทม์ แต่ก็ไม่ใช่แห้งแล้งจนกระทั่งเกินวันไป

กว่าที่จะเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็มาแต่งตัวเพื่อรอลงไปข้างล่าง เนื่องจากว่าใกล้เวลาแล้ว การที่ต้องใส่กางเกง ๒ ชั้นและก้มลงไปใส่รองเท้า ทำให้สาบานได้ว่าชีวิตนี้ไม่อยากจะอ้วนอีกแล้ว..! เพราะว่ากางเกง ๒ ตัวที่ซ้อนกันค้ำพุงจนกระทั่งก้มไม่ลง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไม่มีพุงกับใคร เมื่อลงมาข้างล่างได้ครู่ใหญ่ สิ่งที่ชอบใจที่สุดก็คือมีเครื่องเติมน้ำร้อน ซึ่งคนจีนมีให้ในทุกที่ สามารถที่จะเติมน้ำสักเท่าไรก็ได้

เมื่อพวกเรามากันครบครันแล้ว ทางบริษัทเติมเต็มทราเวลก็นำพวกเราเดินออกไป จนกระทั่งถึงทางด้านนอก แล้วนัดแนะกันว่าเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะมีการแจกตั๋วเข้าชมดรีมโฮม และแจกตั๋วสำหรับรับประทานอาหารเช้าพรุ่งนี้ กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเขามีหมาลากเลื่อนอยู่หลายเจ้าด้วยกันที่มารอลูกค้าอยู่ เจ้าหมาลากเลื่อนตัวหนึ่งส่งสายตาปิ๊ง ๆ มา ประมาณว่า "ลูกพี่จำผมได้หรือไม่ ?" เมื่อเข้าไปถึง เจ้านั่นก็เอาสองขาตะกุยเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องการที่จะอุ่นขาหรือว่าทักทายกันแน่ ? แต่ก็ขอบใจมากที่เอ็งยังอุตส่าห์จำข้าได้..!

ทักทายกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็พากันเข้าไปชม "พิพิธภัณฑ์สโนว์ทาวน์" เข้าไปถึงแล้วเห็นว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แสงสีเสียงประเภทเดียวกับพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน แต่เมื่อเปรียบกับที่นี่แล้ว ห่างกันเหมือนฟ้ากับเหว ก็คือพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนนั้นอยู่ก้นเหวยังไม่พอ พิพิธภัณฑ์สโนว์ทาวน์แห่งนี้ยังอยู่บนฟ้าอีกต่างหาก ระยะห่างจึงห่างกันอย่างชนิดเราไม่สามารถที่จะเทียบกันได้เลย ออกมาแล้วยังบ่นว่า ทำอย่างไรของเราจะได้ทันสมัยและสวยงามเป็นระบบเหมือนกับของเขาก็ไม่รู้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 10-01-2025, 22:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,861
ได้ให้อนุโมทนา: 156,172
ได้รับอนุโมทนา 4,459,661 ครั้ง ใน 35,468 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้เวลาพวกเราก็ตรงไปยังหมู่บ้านสโนว์ทาวน์ ซึ่งแยกเอาไว้ต่างหากส่วนหนึ่ง เรียกว่า "บ้านในฝัน" หรือว่า "Dream Home" ครั้นเข้าไปแล้วก็เห็นว่าบรรยากาศสวยงามเหมือนอย่างกับรูปวาด แต่ที่เราต้องเข้ามาก่อน ก็เพราะว่าต้องการดูแสงสีในภาคค่ำด้วย ตอนนี้เชิญหามุมถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย ซ้ำยังมีเสียงภาษาไทยโฆษณาชวนถ่ายรูปอีกต่างหาก..!

บางท่านก็เอา "หมาจิ้งจอกหิมะ" มาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้อุ้มถ่ายรูป บางสถานที่ก็มีสัตว์บางประเภทที่ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร กระผม/อาตมภาพเดาว่าน่าจะเป็นกวางประเภทหนึ่ง แต่ด้วยเหตุที่ว่าโดนตัดเขาอ่อนไปแล้ว เขาใหม่ยังไม่ทันที่จะขึ้น เจ้าพวกนี้ก็เลยทำหน้าเศร้า ๆ ประมาณว่าชีวิตนี้จะมีเขาใหม่กับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะว่าถ้าของใหม่ขึ้นมาก็น่าจะโดนตัดไปอีกเช่นกัน..!

ต่างคนต่างแยกย้ายกันถ่ายรูปตามอัธยาศัย กระผม/อาตมภาพเดินเข้าไปจนถึงด้านใน ซึ่งเป็นบันไดสูงชันมาก ขึ้นไปแล้วจึงเห็นว่าเป็นร้านขายกาแฟ แต่ว่ามีเครื่องดื่มสารพัดชนิดเช่นกัน ครั้นถ่ายรูปมุมสูงเสร็จแล้ว ลงมาเจอคณะของน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) กับป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) จึงชวนกันขึ้นไปใหม่อีกครั้งหนึ่ง มีคนไทยหลายคนที่อยู่คนละคณะตามมา ถามว่าข้างบนเป็นร้านอะไร ? ครั้นบอกไปแล้วเขาก็ขอบคุณเป็นอันขาด แต่ไม่ขอตามขึ้นไปด้วย เพราะว่าขึ้นบันไดไม่ไหว..! พวกเราหลายต่อหลายคนขึ้นไปนั่งเอาความอบอุ่นภายในร้าน สั่งน้ำชาบ้าง กาแฟบ้าง นมร้อนบ้าง มานั่งกินกันรอเวลา

จนกระทั่ง ๔ โมงเย็นของประเทศจีนฟ้าก็เริ่มมืด มีการเปิดไฟต่าง ๆ จนกระทั่งสว่างไสวงดงาม พวกเราก็ออกมาหามุมถ่ายรูปกันตามอัธยาศัย ครั้นถ่ายรูปจนพอใจและรู้สึกว่าหนาวจนมือไม้ชาหมดแล้ว กระผม/อาตมภาพก็แจ้งทุกคนว่าขอกลับไปยังที่พักก่อน ซึ่งเมื่อเดินออกมาผ่านกรงแล้วก็เป็นอันว่าหมดสิทธิ์ เพราะว่าประตูกรงนั้นหมุนเปิดออกได้อย่างเดียว ไม่สามารถที่จะเดินย้อนกลับไปได้ ถ้าใครต้องการจะดูอีก ก็ต้องไปซื้อตั๋วใหม่..!

เดินออกมาข้างนอก ก็เห็นมีทั้งหมาลากเลื่อน คนลากเลื่อน ตลอดจนกระทั่งสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ภาษาสเปนเรียกว่า "ญาม่า" ซึ่งใช้ตัวสะกด LLAMA แต่ว่าอ่านว่า "ญาม่า" หรือบางคนเรียกว่า "อัลปาก้า" เขาก็เอามาให้คนได้ถ่ายรูป มีทั้งประเภทสีน้ำตาลและสีขาวเหมือนตัวการ์ตูน

กระผม/อาตมภาพเดินถ่ายรูปย้อนกลับไปจนกระทั่งถึงโรงแรมที่พัก เดินเข้าไปได้รู้สึกว่าตัวเองละลายเลย..! เนื่องเพราะว่าที่ผ่านมานั้นหนาวเสียจนกระทั่งมือไม้แข็งไปหมด กลับเข้าห้องพักได้ก็จัดแจงถอดชุดทั้งหมดที่มีออก เหลือเพียงฮีทเทคด้านในอยู่ชุดเดียวเท่านั้น เข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้วก็ฉันยาแก้ไข้ จากนั้นก็นอนสลบไสลไปเลย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2025 เมื่อ 05:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว