กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องบูรพาจารย์ > ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน

Notices

ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #781  
เก่า 16-12-2024, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คลังหลวง หัวใจของชาติ

"คลังหลวง" เป็นถ้อยคำที่องค์หลวงตาใช้เรียก มีชื่อเป็นทางการว่า "ทุนสำรองเงินตรา" ประกอบด้วยบัญชีทั้ง ๓ บัญชี ได้แก่ ๑. บัญชีทุนสำรองเงินตรา ๒. บัญชีผลประโยชน์ประจำปี ๓. บัญชีสำรองพิเศษ

องค์หลวงตาท่านพยายามเน้นย้ำบอกเดือนชาวไทยให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าและรู้จักรักหวงแหน "คลังหลวง" ยิ่งชีวิต เมื่อได้ศึกษาย้อนหลังเกี่ยวกับความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ก็ยิ่งเข้าใจในคำสอนขององค์ท่านมากขึ้น และดูเหมือนองค์ท่านจะเล็งเห็นสายทางความเกี่ยวโยงอันลึกซึ้งกับสถาบันกษัตริย์ ในฐานะทรงเป็นเจ้าของพระราชทรัพย์ในคลังหลวง ทรงริเริ่มก่อตั้ง วางรากฐานและเก็บรักษาสืบต่อกันมายาวนาน รุ่นแล้วรุ่นเล่า จึงไม่มีถ้อยคำใช้เรียก "ทุนสำรองแผ่นดิน" คำใดจะเหมาะสมแม่นยำ บ่งบอกถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ตรงกับคุณค่าและความหมายที่รอบด้านเหมือนกับคำว่า "คลังหลวง" ซึ่งเป็นถ้อยคำที่องค์หลวงตาใช้เรียกตั้งแต่วันแรกที่ประกาศเป็นผู้นำกอบกู้ชาติ นับเป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว

ช่วงต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๓ คณะศิษย์ได้กราบเรียนถามองค์หลวงตาที่กุฏิ ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ ว่า การที่ท่านก่อตั้งโครงการช่วยชาติ รวบรวม "เงินบริจาคในโครงการช่วยชาติ" เข้าสู่ "คลังหลวง" นั้น มีเจตนารมณ์เพื่อเพิ่มพูนสินทรัพย์ในคลังหลวง และต้องการปกป้องหวงแหนเฉพาะ "เงินบริจาคในโครงการฯ" เท่านั้น หรือต้องการปกปักรักษา "สินทรัพย์ทั้งหมดในคลังหลวง" ด้วย

องค์ท่านตอบทันทีว่า "รักษาสมบัติในคลังหลวงทั้งหมด" คณะศิษย์ถามต่อว่า"หากเปรียบคลังหลวงเป็นน้ำในโอ่ง เงินบริจาคของหลวงตาก็คือน้ำมนต์ในขัน ซึ่งหลวงตาต้องการเอาน้ำมนต์ในขัน เทรวมเข้ากับน้ำในโอ่ง เพื่อทำให้น้ำในโอ่งคลังหลวงทั้งหมดเป็นน้ำมนต์ มีความศักดิ์สิทธิ์ตามไปด้วย จะได้ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เท่ากับหลวงตาต้องการรักษาโอ่งน้ำคลังหลวงให้อยู่คู่บ้านคู่เมืองตลอดไปใช่หรือไม่ ?"

องค์หลวงตาตอบว่า "เข้าใจถูกแล้ว หลวงตาต้องการรักษาคลังหลวง ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องเพราะคลังหลวงคือหัวใจของชาติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2024 เมื่อ 20:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #782  
เก่า 16-12-2024, 19:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้วยความเป็นมาที่ผูกโยงไว้กับราชประเพณี ด้วยมูลค่าที่เป็นสมบัติค้ำประกันชาติ และด้วยความมีส่วนรวมที่ชาวไทยทุกคนร่วมเป็นเจ้าของและร่วมบริจาคเข้าโครงการช่วยชาติ คำว่า "คลังหลวง" จึงเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความผูกพันระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนทั้งแผ่นดิน

และเมื่อมีเงินทองบริจาคใน "โครงการช่วยชาติ" ขององค์หลวงตาเข้าสมทบเพิ่มพูนใน "ทุนสำรองเงินตรา" จากความสำคัญปกติธรรมดา ก็ขยับขยายกลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาในทันที เพราะเงินทองบริจาคขององค์หลวงตามีการกล่าวถวายยกเป็นสมบัติของสงฆ์ และสงฆ์ก็พร้อมใจกันยกเป็นสมบัติของชาติ มีเจตนารมณ์เพื่อการเก็บรักษาไว้ใน ""คลังหลวง" เพื่อหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับสมบัติของบรรพบุรุษปู่ย่าตายาย

สมบัติในคลังหลวงขณะนี้จึงกลายเป็นสมบัติที่ถูกหลอมรวมกัน ระหว่างพระราชทรัพย์ของบูรพมหากษัตริย์จากอดีตถึงปัจจุบัน พระสงฆ์ทั่วพุทธอาณาจักร ตลอดจนชาวไทยทั่วทั้งประเทศ โดยทั้ง ๓ สถาบันมีเจตนารมณ์เป็นอันเดียวกันกับเจตนาเดิมของบูรพมหากษัตริย์และบรรพบุรุษที่ท่านวางรากฐานไว้ และพาดำเนินสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด

"คลังหลวง" ในปัจจุบันจึงเป็นสถานที่หลอมรวมทั้งความศักดิ์สิทธิ์ ความสำคัญ และคุณค่าที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะเห็นเป็นเพียงวัตถุ เป็นธนบัตร เป็นทองคำ เป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือเห็นเป็นเพียงการเงินการคลังตามหลักวิชาเศรษฐศาสตร์แบบตะวันตกเท่านั้น

ความคิดของคนทางโลกมักจะมอง "คลังหลวง" เพียงแง่เดียวเป็นมูลค่าทางการเงินเท่านั้น ซึ่งย่อมจะยินดีหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือเคลื่อนย้ายถ่ายเทคลังหลวง ไปในจุดที่ทำให้กลุ่มของตนหรือหน่วยงานของตนพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย ก็จะพากันจัดสัมมนาหรือเขียนบทความสนับสนุน โดยไม่ทันคาดคิดว่า ความคิด การพูด และการกระทำดังกล่าว เป็นการก้าวล่วงเข้ามาแตะต้องสมบัติของสงฆ์ ที่ใครเข้ามาถือเอาจะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ย่อมเป็นกรรมหนักที่ได้ก่อไว้ เปรียบเหมือนกับก้าวย่างเข้ามาในวัดวาอาราม แล้วหยิบฉวยเอาสมบัติของสงฆ์ ก็ต้องเป็นหนี้สงฆ์ เป็นกรรมอีกนานแสนนาน

รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเรื่องคลังหลวง จึงควรตระหนักถึงบทบาทของคลังหลวงในอีกแง่หนึ่ง นอกเหนือจากความหมายในเชิงวัตถุว่า คลังหลวงนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ในเรื่องนี้องค์หลวงเมตตากล่าวแสดงธรรมตักเตือนไว้อย่างน่าสะพรึงกลัว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2024 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #783  
เก่า 17-12-2024, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คลังหลวงคือเงินสงฆ์ ใครแตะ..ตกนรกไม่มีวันขึ้น..!

"บาปกรรมอะไรไม่เกินการทำลายต่อชาติซึ่งเป็นส่วนรวมนะ สมบัติมากน้อยนี้ อย่างพี่น้องทั้งหลายนำมาบริจาคเพื่อชาติไทยนี้ เป็นมหากุศล ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ เราให้ทานธรรมดาเป็นอย่างหนึ่ง เราให้ทานเพื่อชาติไทยของเราซึ่งเป็นเรื่องใหญ่หลวงนี้ บุญกุศลนั้นเป็นมหากุศลของเรา ทีนี้เวลาใครมาแตะต้องทำลายสมบัติซึ่งเป็นสมบัติของชาตินี้ เป็นโทษมหันตโทษเลยทีเดียวตกนรกหมกไหม้ไม่มีวันขึ้นเลย กี่กัปกี่กัลป์อยู่นั่น..!

เงินนี้เป็นเงินพระนะ ไม่ได้เหมือนเงินธรรมดาของคนทั่ว ๆ ไป นี่รวมเข้ามา มาให้เราแล้ว กลายเป็นเงินพระแล้ว เป็นเงินสงฆ์ด้วย ไม่ใช่เงินพระธรรมดา เป็นเงินสงฆ์ พระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของสมบัตินี้ด้วย เพราะฉะนั้น..ใครจึงมาทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ตกนรกไม่มีวันขึ้นเลย..!

เรื่องนี้กรรมหนักนะ เพราะมหากุศลของชาตินี้นะ จะทำเล่น ๆ ได้หรือ ? จมอย่างไม่มีวันฟื้นเลย หมดทางเลย..ว่าอย่างนั้นเถอะน่า ถ้าใครมาแตะมายุ่งกับเงินเหล่านี้ เพราะมันเป็นบาปหนัก กรรมหนักจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา ไม่ได้เหมือนเงินทั่ว ๆ ไป สงฆ์ยกให้เพื่อชาติ นั่นมีแต่เรื่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้น ฉะนั้น..จึงได้เตือนไว้ให้ทราบทุกคน จะทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้นะ"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2024 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (17-12-2024), ชุณหพงศ์ (18-12-2024), ต้นบุญ (18-12-2024), นะมะพะทะ (28-12-2024), ปราโมทย์ (18-12-2024), พรรวินท์ (09-01-2025), พุทธภูมิ (17-12-2024), มารวย๙ (18-12-2024), สัญญะจิตโต (18-12-2024), สุธรรม (18-12-2024)
  #784  
เก่า 21-12-2024, 23:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอบิณฑบาต..ยุติกฎหมายมหาภัยต่อคลังหลวง

ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ รัฐบาลเตรียมเสนอร่าง "กฎหมายรวมบัญชี" ๒ ฉบับในชื่อ "ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. ..." และ "ร่างพระราชบัญญัติเงินตรา (ฉบับที่...) พ.ศ. ..." ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับนี้ มีเนื้อหาเป็นการทำลายหลักการและเจตนารมณ์เดิมของ "คลังหลวง" โดยสิ้นเชิง เนื่องจากในอดีตบูรพมหากษัตริย์ไทยทรงก่อตั้ง "คลังหลวง" เพื่อรักษาทรัพย์กองนี้ไว้อย่างมั่นคงปลอดภัย เป็นหลักประกันชาติ มิได้หวังเอาทรัพย์กองนี้ไปลงทุนหวังเก็งกำไรแต่อย่างใด สอดคล้องกับเจตนารมณ์ขององค์หลวงตาและพี่น้องประชาชน ที่ต้องการนำ "เงินบริจาค" เข้าสู่จุดที่มั่นคงปลอดภัยสูงสุด คือ"คลังหลวง" แห่งนี้ เพื่อเพิ่มพูนให้แน่นหนามั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ในขณะที่รัฐบาลกลับทำตรงกันข้าม โดยเสนอ "ร่างกฎหมายรวมบัญชี" เพื่อยุบคลังหลวงทิ้งไป โดยรวบเอาทรัพย์สินทั้งหมดของคลังหลวงที่เก็บใน "ฝ่ายออกบัตร" ยึดเอามาเป็น "ฝ่ายการธนาคาร" เสียทั้งหมด นั่นคือ การให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่ ในการบริหารจัดการสินทรัพย์ในคลังหลวง เป็นการทลายกำแพงให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สามารถหยิบฉวยเอา "เงินเก็บ" หรือ "เงินมั่นคง" ในคลังหลวงไปใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงสูง ถึงขั้นอาจพาชาติล่มจมได้ในที่สุด

เมื่อรัฐบาลได้เสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ องค์หลวงตาท่านขอบิณฑบาตรัฐบาล "อย่าแตะคลังหลวง" ในทันทีอย่างน้อย ๓ ครั้ง ขอให้ยกเลิกไป ครั้งแรกคือ ๑๕ มีนาคม ๒๕๔๓ ครั้งที่สอง ๓๑ มีนาคม และครั้งที่สาม ๒ พฤษภาคม ปีเดียวกัน โดยท่านได้กล่าวไว้ว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2024 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (21-12-2024), ชุณหพงศ์ (23-12-2024), ต้นบุญ (22-12-2024), นะมะพะทะ (28-12-2024), ปราโมทย์ (22-12-2024), พรรวินท์ (09-01-2025), พุทธภูมิ (21-12-2024), มารวย๙ (22-12-2024), สุธรรม (22-12-2024)
  #785  
เก่า 21-12-2024, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คลังหลวงของเราก็คือหัวใจของชาติไทยเรา รักษากันมานมนาน ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ปู่ย่าตายายแห่งประเทศไทยของเรา รักษาสมบัติกองนี้ไว้มาตลอด ไม่เคยมีใครมาแตะต้อง แม้รัฐบาลมากี่ชุดก็ไม่เคยมีรัฐบาลใดมาแตะต้องเงินจำนวนนี้

เพราะฉะนั้น..เมื่อได้ทราบว่าจะเอาเงินเหล่านี้มารวมกัน ๓ กองนับจำนวนหนึ่งกองนี้ด้วยเข้าไปนั้น เราจึงไม่เห็นด้วยตามหลักของธรรม แล้วไม่ใช่ด้วยเป็นทิฏฐิมานะของเรา ถึงขนาดที่ว่าเราขอบิณฑบาต ขออย่าได้มาแตะต้องเงินจำนวนนี้เลย ซึ่งเท่ากับการเข้ามาทำลายชาติของเราทั้งชาติทีเดียว"


อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลมีความจำเป็นเกี่ยวกับภาระหนี้สินของชาติ ก็อาจยังพอมีหนทางแก้ไขได้ โดยไม่กระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของคลังหลวง ซึ่งเป็นสมบัติปราการด่านสุดท้ายของชาติ

แม้องค์หลวงตาจะขอร้องถึงเพียงนี้แล้วก็ตาม รัฐบาลยังคงเมินเฉยและไม่มีท่าทีจะยุติ ยังเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อทางสื่อ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ เพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนเห็นคล้อยตาม โดยให้ข้อมูลเพียงบางส่วน หรือบางครั้งถึงกับบิดเบือนความจริง ทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยเข้าใจเจตนารมณ์ของ "โครงการช่วยชาติ" ผิดไป และเริ่มตำหนิติเตียน จนในที่สุดองค์หลวงตาจำเป็นต้องแสดงพระธรรมเทศนาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ยุติการออกกฎหมาย ดังต่อไปนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2024 เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (21-12-2024), ชุณหพงศ์ (23-12-2024), ต้นบุญ (22-12-2024), นะมะพะทะ (28-12-2024), ปราโมทย์ (22-12-2024), พรรวินท์ (09-01-2025), พุทธภูมิ (21-12-2024), มารวย๙ (22-12-2024), สุธรรม (22-12-2024)
  #786  
เก่า 22-12-2024, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน..อย่าแตะคลังหลวง


"รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของประชาชนตั้งขึ้นมา ต้องฟังเสียงประชาชน จะเอาอำนาจบาทหลวงขึ้นมาว่า เราเป็นรัฐบาล เป็นเจ้าอำนาจบาทหลวง เหยียบย่ำทำลายชาติบ้านเมืองหรือพ่อแม่ของรัฐบาล ได้แก่ประชาชนนี้ไม่ได้..ผิดทั้งนั้นแหละ อำนาจอันใดก็ตาม ต้องให้มีประชาชนเป็นผู้ควบคุมอำนาจนั้นไว้ ไม่ใช่กฎหมายของคนสองสามคนเข้ามาตั้งเป็นเจ้าอำนาจวาสนาใหญ่โต มาเหยียบย่ำทำลายชาติไทยของเรา ก็เรียกว่ารัฐบาลมหาภัยเท่านั้นเอง ไม่ใช่รัฐบาลที่ดีสมความมุ่งหมายของประชาชนที่ตั้งขึ้นมา

แล้วกฎหมายใดที่มาทำชาติไทยของเราให้เสียหายไปอย่างนี้ เรียกว่ากฎหมายมหาภัยต่อชาติ จึงไม่ควรเอาเข้ามาทำลาย นี่ละ..หลักของธรรมพูดอย่างนี้

เราจะนำสมบัติเหล่านี้เข้าสู่คลังหลวง คลังหลวงคือจุดนี้เอง จุดที่ปลอดภัย ไม่ให้ใครแตะต้องตลอดมา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ปู่ย่าตายายของชาติไทยเรา รักษาสมบัตินี้โดยมีกฎหมายเข้มงวดกวดขัน รักษามาตลอด จึงไม่ให้ใครเข้ามาแตะต้อง กฎหมายก็ต้องอยู่ใต้อำนาจของคนทั้งชาติ ไม่ได้เหนืออำนาจนะ ตั้งขึ้นมาเพื่อรักษาประชาชน สมบัติเงินทองข้าวของ ไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำลายชาติบ้านเมือง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 01:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 8 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (22-12-2024), ชุณหพงศ์ (23-12-2024), ต้นบุญ (23-12-2024), นะมะพะทะ (28-12-2024), ปราโมทย์ (23-12-2024), พุทธภูมิ (22-12-2024), มารวย๙ (23-12-2024), สุธรรม (23-12-2024)
  #787  
เก่า 28-12-2024, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คลังหลวงเก็บไว้เพื่ออะไร

"คลังหลวงคือคลังสมบัติเดิมของบรรพบุรุษของเรา ที่รักษาไว้เป็นมรดกของชาติ เป็นหัวใจของชาติ เป็นหลักเป็นเกณฑ์ เป็นแก่นเป็นสารของชาติ คือคลังหลวง อันนี้บรรพบุรุษของเราได้รักษามานมนาน มีกฎหมายบ้านเมืองรักษามาด้วยตลอดเวลา ก็ไม่ปรากฎว่ามีใครมาแตะต้องทำลาย

สมบัติเหล่านี้มีเก็บไว้เพื่ออะไร ? ก็บรรพบุรุษท่านมีความเฉลียวฉลาด รอบคอบในบ้านในเมืองที่ท่านปกครอง สมบัติเหล่านี้ท่านจึงเก็บไว้เพื่อความจำเป็น เวลามีความจำเป็นจริง ๆ เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤตการณ์หาทางไหนไม่ได้แล้ว ท่านจึงจะนำสมบัติเหล่านี้ไปแก้เหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อเอาตัวเราเป็นพักเป็นตอนไปจากสมบัติเหล่านี้ เพราะฉะนั้น..สมบัติเหล่านี้เมื่อยังไม่ถึงขั้นวิกฤตการณ์ขนาดนั้น จึงต้องเก็บไว้ตลอดมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้

เวลานี้ก็ได้ทราบจากทางราชการว่า จะนำสมบัตินี้ออกไปเพื่อความเจริญ ฟื้นฟูชาติไทยของเรา..ว่างั้น แล้วสมบัติเหล่านี้ได้เคยเก็บไว้มาดั้งเดิมอยู่แล้ว เป็นของแน่นหนามั่นคงมาก เพราะหัวใจประชาชนทั้งประเทศอยู่ในสมบัติกองนี้ทั้งนั้น ชีวิตจิตใจศักดิ์ศรีดีงามหรือเครดิตอะไรอยู่ในนี้ทั้งหมด ในสมบัติกองนี้ ซึ่งไม่เคยแตะต้องเลย ก็รู้สึกว่าเป็นศิริมงคลแก่ชาติไทยของเราตลอดมา สมบัติกองนี้ที่เก็บไว้ไม่ใช้จ่ายในเวลาที่ยังไม่จำเป็นอย่างนี้ ก็ไม่เคยปรากฏว่าก่อความเดือดร้อนเสียหายแก่ผู้ใด ก็เป็นศิริมงคลและเป็นที่ภาคภูมิใจของชาติไทยเราตลอดมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2024 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #788  
เก่า 02-01-2025, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเอาคลังหลวงไปใช้ประโยชน์ จะฟื้นฟูชาติได้จริงหรือ ?

"ทราบชัดเจนมาโดยลำดับว่า ทางรัฐบาลจะตั้งกฎหมาย จะเข้ามาเอาสมบัติเหล่านี้ แต่ก่อนมีสมบัติอยู่สามกอง..ว่างั้นนะ เท่าที่ทราบ กองนี้เป็นกองใหญ่ที่ไม่มีใครแตะต้องในคนทั้งชาติ รักษาอย่างเดียวกันหมด ไม่มีอะไรมาแตะต้อง ก็ทราบว่าจะเอาสมบัติทั้งสามกองนี้มารวมกัน สมบัติมารวมกันก็เท่ากับว่า โกยเอาสมบัติในชาติไทย หัวใจของชาติไทยทั้งชาตินี้ ออกไปละเลงในน้ำทะเลไปหมด ที่พูดว่าจะไปฟื้นฟู คำว่าฟื้นฟูกับความจะเอาไปล่มจม..ว่างั้นเถอะ เป็นเสียงเดียวกัน ในหลักธรรมชาติตามอรรถตามธรรมนะ

ไอ้เรื่องคำพูดของคนว่าจะไปฟื้นฟูอย่างนั้นอย่างนี้พูดได้ทั้งนั้น คนเรามีลิ้นมีปากพูดให้หวานขนาดไหนก็ได้ แต่ความขมมันติดกัน แทรกกันอยู่กับความหวาน

จะเอาไปฟื้นฟูหรือจะเอาคนทั้งชาตินี้ไปล่มจมในทะเลหลวง มันก็อดถามกันไม่ได้นะ เพราะสมบัติทั้งชาตินี้พากันรักษาอยู่ ก็ไม่เห็นพาชาติไทยของเราให้ล่มจมด้วยการเก็บรักษาสมบัตินี้ไว้ เมื่อความขัดแย้งเข้ามา เห็นว่าเก็บไว้อย่างนี้ไม่เกิดประโยชน์ เอาไปฟื้นฟูชาติไทยของเราเพื่อเกิดประโยชน์ มันก็เกิดปัญหาสวนทางกันเข้ามาว่า สมบัติเหล่านี้ให้ความร่มเย็นแก่ชาติไทยของเรามาเต็มสัดเต็มส่วนแล้ว ไม่เป็นประโยชน์อย่างใด ? มันมองไม่เห็น มีแต่ประโยชน์เต็มตัว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2025 เมื่อ 09:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
  #789  
เก่า 03-01-2025, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถูกต้องหรือไม่ถ้าจะเอาคลังหลวงทั้งกองไปใช้หนี้ ?

"ชาติไทยของเราภาคภูมิใจด้วยสมบัติกองนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ภาคภูมิใจกับสมบัติกองใด แล้วจะนำสมบัติเหล่านี้ไปฟื้นฟูบ้านเมือง จะไปฟื้นฟูแบบไหน ? ที่มันเสื่อม มันเสื่อมเพราะใครเป็นคนทำ ? สมบัติกองนี้ไม่ได้ไปทำอะไรให้ล่มจมไป พอจะนำสมบัติเหล่านี้ไปฟื้นฟู ถ้าสมบัติเหล่านี้มีคดีติดตัวทำให้บ้านเมืองล่มจม จะมาเอาสมบัติกองนี้ไปฟื้นฟูก็มีเหตุผลอยู่ แต่นี่สมบัติกองนี้ไม่เคยทำความเดือดร้อนแก่ผู้ใด

ชาวไทยทั้งชาติมีความสงบร่มเย็น อบอุ่นอยู่ด้วยสมบัติกองนี้ทั้งชาติ ทีนี้เวลาเอาสมบัติเหล่านี้ออกไปแล้ว ก็เท่ากับโกยเอาหัวใจของคนไทยทั้งชาตินี้ ออกไปฟื้นฟูลงในทะเล นี่ละคำว่าฟื้นฟู นี่เอาไปฟื้นฟูลงในทะเล ให้ไปเจริญอยู่น้ำทะเลหรือพุงหลวงของใครคณะใด พี่น้องชาวไทยเราทราบไม่ได้ เมื่อหลุดจากคลังหลวงนี้ไปแล้ว มันจะเป็นทุกแบบทุกฉบับ ถ้ามันไม่ตั้งเค้ามาตั้งแต่ต้นว่าเพื่อจะเป็นอย่างนั้นแล้ว ไม่ควรที่จะเข้ามาทะลึ่งกับสมบัติกองนี้..!

สมบัติกองนี้ไม่ไปหากว้านยืมเขามาเพื่อติดหนี้ติดสิน พอจะนำสมบัติกองนี้ไปใช้หนี้เขา เป็นเรื่องของสิ่งภายนอกเท่านั้นก่อขึ้นมา ไปกู้ยืมเขามากี่หมื่นกี่แสนกี่พันล้าน กี่ล้าน ๆ ๆ ก็ไม่ใช่สมบัติกองนี้ไปกู้ยืมมา เช่น คณะรัฐบาล เป็นต้น เป็นผู้ไปกู้ยืมมา กู้ยืมมามากน้อย คณะรัฐบาลไปกู้ยืมเขามานั้น ก็ต้องไปกู้ยืมด้วยความมีปัญญา ถ้ามีปัญญากู้ยืมเขามาได้ ทำไมจะไม่มีปัญญาหาเงินไปใช้หนี้เขา ? จำเป็นอะไรจะต้องมากอบโกยเอาตับเอาปอดของคนทั้งชาติจากสมบัติกองใหญ่นี้ไปฟื้นฟู ? ก็แสดงว่าเป็นมหาภัยต่อชาติไทยของเราอย่างยิ่ง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2025 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (04-01-2025), ชุณหพงศ์ (04-01-2025), ต้นบุญ (04-01-2025), ต้นสน (04-01-2025), ปราโมทย์ (04-01-2025), พุทธภูมิ (03-01-2025), มารวย๙ (04-01-2025), สัญญะจิตโต (08-01-2025), สุธรรม (04-01-2025)
  #790  
เก่า 06-01-2025, 19:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,872
ได้ให้อนุโมทนา: 156,174
ได้รับอนุโมทนา 4,459,847 ครั้ง ใน 35,479 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ออกกฎหมายบีบบังคับ เอาคลังหลวงแล้วชาติจม..!

"คลังหลวงนี้เป็นความแน่นหนามั่นคงแก่ชาติไทยของเรา ทั้งเป็นหลักประกันใหญ่แห่งชาติไทยของเราที่จะติดต่อซื้อขาย การทำหน้าที่การงานระหว่างประเทศต่อกัน เช่น เขามาลงทุนลงรอนหรือกู้ยืมอะไร อันนี้ก็เป็นเครื่องยืนยันรับรองโดยหลักธรรมชาติแล้ว

กฎหมายข้อนี้ที่จะมาลุกลามหรือมาโกยเอาสมบัติของชาติไทยเรานี้ เรียกว่ากฎหมายมหาภัย ชาติไทยจะรับไม่ได้ ตามความรู้สึกในแง่แห่งธรรมแล้วเป็นอย่างนั้น

จะมีความเจริญที่ตรงไหน ที่ว่ากฎหมายข้อนี้ที่จะมานี้ คือมาบีบบังคับเอาเงินก้อนนี้นั่นเอง ถ้าไม่ใช่มหาภัยจะมาบีบทำไม ? เงินกองนี้ไม่ได้เป็นมหาภัย สิ่งที่จะมาทำลายเงินกองนี้ต่างหากเป็นมหาภัย จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องกำจัด จากพี่น้องชาวไทยทุกคนที่รักชาติหรือรักสมบัติกองนี้ จะต้องต่างคนต่างป้องกันไว้เต็มเหนี่ยว ไม่อย่างนั้นชาติไทยจมไม่มีอะไรเหลือเลยแหละ กฎหมายมหาภัยนี้จะมาเผาแหลกหมดเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2025 เมื่อ 00:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว