กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-04-2023, 18:35
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 332
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,249 ครั้ง ใน 805 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-04-2023, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,459 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพตรงไปยังวัดราชโอสารามตั้งแต่เช้ามืดเพื่อหนีรถติด เหตุที่ต้องไปก็เพราะว่าไปเยี่ยมพระภิกษุ ซึ่งส่งเข้าอบรมตามโครงการอบรมพระนักเทศน์ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ประจำปี ๒๕๖๖ ซึ่งก็ต้องรอจนกระทั่งได้เวลา ๘ โมงเช้า จึงขึ้นไปกราบพระและถวายความเคารพท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญส่ง - พระกิตติวงศ์วิเทศ (บุญส่ง ธมฺมรํสี ป.ธ.๔) ซึ่งเมื่อ ๑๙ ปีก่อนนั้น ท่านก็เป็นเลขานุการโครงการอบรมพระนักเทศน์เช่นเดียวกับวันนี้

เพียงแต่ว่าพระนักเทศน์รุ่นเดียวกับกระผมนั้น บางท่านก็เจริญเติบโตในการปกครองคณะสงฆ์ ถึงขนาดขึ้นเป็นรองเจ้าคณะภาคแล้ว ตัวอย่างก็คือพระมหาชรัช อุชุจาโร ป.ธ.๖ ในสมัยนั้น นั่งโต๊ะเดียวกัน อบรมนักเทศน์พร้อมกับ
กระผม/อาตมภาพมา ๑๕ วันต่อเนื่องกัน ตอนนั้นท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญส่งยังเป็นพระครูโสภิตธรรมรังสี ท่านก็ปรารภว่า ไม่นึกเลยว่ารุ่นของหลวงพ่อจะไปกันได้ไกลขนาดนี้ เพราะว่าปัจจุบันพระมหาชรัช ก็คือท่านเจ้าคุณพระสิริจริยาลังการ,ดร. รองเจ้าคณะภาค ๑๘ เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร (พระอารามหลวง) จังหวัดปัตตานี ก่อนหน้านั้นท่านก็เป็นเจ้าคณะจังหวัดปัตตานี เป็นต้น

กระผม/อาตมภาพได้ถวายปัจจัยโครงการสนับสนุนโครงการอบรมพระนักเทศน์ในครั้งนี้เป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท และมอบเงินค่ารถให้กับผู้เข้าอบรมนักเทศน์รูปละ ๑,๐๐๐ บาท จะได้มีค่ารถกลับวัด เหตุที่ไปเยี่ยมนั้นก็เพราะว่าอันดับแรกเลย สถาบันนี้ก็เป็นที่เกิดของกระผม/อาตมภาพเช่นกัน ก็คือผ่านการอบรมพระนักเทศน์มาจากวัดราชโอรสาราม ประการที่สองก็คือในฐานะเจ้าคณะปกครอง เมื่อถึงเวลาส่งผู้ใต้บังคับบัญชาไปอบรม หรือว่าไปปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม เมื่อถึงเวลาก็ควรที่จะไปเยี่ยมยามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันบ้าง ไม่ใช่ส่งไปแล้วก็ "ตัดหางปล่อยวัด" ไปเลย..!

ตรงนี้ต้องถามพระครูวินัยธรถวิล ถาวรธมฺโม รองเจ้าคณะตำบลปากแพรก เจ้าอาวาสวัดอุดมมงคล (เขาน้อย) ท่านไปอบรมพระอุปัชฌาย์ ไม่ว่าจะเป็นในระดับจังหวัดที่วัดพระแท่นดงรัง วรวิหารก็ดี ในระดับภาคที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมแห่งที่ ๒ ถนนพุทธมณฑลสาย ๘ ก็ดี ในระดับหนที่วัดประยุรวงศาวาสก็ดี หรือว่าในระดับประเทศที่วัดสามพระยาก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ไปเยี่ยมยามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามหน้าที่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2023 เมื่อ 01:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-04-2023, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,459 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านมาบอกกล่าวทีหลังว่า "เมื่ออยู่ท่ามกลางบุคคลที่แปลกหน้า แม้ว่าจะอยู่ร่วมกันหลายวันก็ตาม แต่พอเห็นหลวงพ่อเล็กมาถึงผมน้ำตาคลอเลย ด้วยสาเหตุ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูงที่รู้จักมักคุ้นกัน ประการที่สอง ท่านเป็นเจ้าคณะปกครองระดับผู้บังคับบัญชา แต่ว่ายังอุตส่าห์มาเยี่ยมยามถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ รู้สึกตื้นตันในอกจนแทบจะพูดไม่ออก"

เรื่องเหล่านี้กระผม/อาตมภาพได้ถือเป็นภาระหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการอบรม หรือว่าการปฏิบัติงานในโครงการไหนก็ตาม ถ้าหากว่าสามารถปลีกตัวไปได้ กระผม/อาตมภาพก็จะปลีกตัวไป สนับสนุนท่านเจ้าของสถานที่ และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้เข้าอบรมซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอ เรียกว่าแสดงน้ำใจกันตอนเป็น ดีกว่าไปเห็นหน้ากันตอนตาย..!

เมื่อไปถึงแล้ว ท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญส่งบอกว่า พระเดชพระคุณพระเทพปฏิภาณวาที (สุนทร ญาณสุนฺทโร) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเจ้าคุณพิพิธฯ วัดสุทัศนเทพวราราม ท่านติดภารกิจช่วงเช้า ยังไม่สามารถเดินทางมาตามเวลาได้ จึงให้กระผม/อาตมภาพทำการบรรยายแทนไปก่อน

กระผม/อาตมภาพที่เป็นมวยแทน ก็ขึ้นบรรยายโดยบอกกล่าวแก่บรรดาผู้เข้ารับการอบรมว่า ในเรื่องของการเป็นผู้เทศนาสั่งสอนนั้น ถ้าหากว่าเราสามารถทำหน้าที่ได้ดี ก็จะนำพาให้บุคคลเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาได้มากต่อมากด้วยกัน ตัวอย่างก็คือหลวงตาแพร-เยื่อไม้ พระครูพิศาลธรรมโกศล (สุพจน์ กญฺจนิโก) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดประยุรวงศาวาส เป็นต้น

อีกส่วนหนึ่งก็คือ การมาอบรมนั้น เราได้ครูบาอาจารย์ที่ดี ได้ความรู้ ได้หลักการ วิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ที่ถูกต้องในฐานะของ "ศิษย์มีครู" ได้รู้วิธีการว่า จะเผยแผ่อย่างไรจึงจะเป็นที่สนใจของญาติโยม ได้พรรคพวกเพื่อนฝูงร่วมรุ่น เป็นเครือข่ายที่จะช่วยเหลือกันต่อไปในภายหน้า เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2023 เมื่อ 01:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-04-2023, 23:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,459 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือว่า ในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ ๖๐ รูป ออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรกนั้น ทุกรูปล้วนแล้วแต่หมดกิเลสแล้วทั้งสิ้น การเผยแผ่ของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างทำไปเพื่อตอบแทนคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้เมตตาเทศนาสั่งสอนจนหลุดพ้นจากกองทุกข์ จึงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ ทำหน้าที่ของตนในการแสดงธรรมต่อไป จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งชีวิต..!

พวกเราทั้งหลายไม่สามารถที่จะมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับหลวงปู่หลวงพ่อในยุคนั้นได้ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราจะลืมไม่ได้เลยก็คือว่า การแสดงธรรมทุกครั้งนั้นจะต้องยึดหลักในพระไตรปิฎก ต้องแม่นยำต่อพระไตรปิฎกและพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่ว่าเมื่อท่านทั้งหลายถ่ายทอดหลักธรรมไปแล้ว บรรดาบุคคลที่ท่านสร้างบารมีมาพร้อม อยู่ในลักษณะดอกบัวพ้นน้ำ เมื่อกระทบแสงแดดก็จะเบ่งบานได้ทันที

เหมือนอย่างกับเถรใบลานเปล่า หรือว่าท่านโปฏฐิละ ซึ่งท่านแสดงธรรมตามหลักในพระไตรปิฎก ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาบรรลุอรหัตผลเป็นพันรูป แต่ว่าท่านเองไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นมรรคเป็นผลของตนเองเลย จนกระทั่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่าได้เวลาแล้ว จึงได้ตรัสเรียกอยู่บ่อย ๆ ว่า "ท่านใบลานเปล่า..ท่านใบลานเปล่า"

เมื่อโดนเรียกแบบนั้นบ่อย ๆ เข้า ท่านก็ฉุกใจคิด จนมาพิจารณาว่า ตนเองนั้นดีแต่สอนคนอื่น แต่ไม่เคยสอนตัวเองเลย เปรียบเหมือนกับคัมภีร์เทศน์ที่ยังไม่เคยเขียนหลักธรรมอะไรลงไปเลย เป็นเหมือนกับคัมภีร์ใบลานเปล่า ๆ เท่านั้น ดังนั้น..ท่านจึงเกิดความละอายใจ เมื่อทราบว่าลูกศิษย์เป็นพระอรหันต์แล้ว จึงไปขอให้ลูกศิษย์ช่วยสั่งสอนตนเองด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2023 เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 27-04-2023, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,459 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บรรดาพระอรหันต์ทั้งหลายเหล่านั้นรู้ว่าครูบาอาจารย์ยังมีมานะมากอยู่ จึงทำเป็นเกี่ยงและส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดไปถึงสามเณรอรหันต์รูปสุดท้าย สามเณรเมื่อปฏิเสธไม่ได้ ก็ทดลองใจด้วยการสั่งให้ครูบาอาจารย์ของตนทำโน่นทำนี่ ปรากฏว่าท่านใบลานเปล่าหมดมานะจริง ๆ สามเณรจึงได้สอนหลักธรรมที่ตนเองเข้าถึงแล้วให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เพราะว่าผู้ที่เข้าถึงแล้ว ย่อมสามารถบอกทางได้ถูกต้องที่สุด ทำให้ท่านใบลานเปล่า ในที่สุดก็ไม่ใช่ใบลานเปล่าอีกต่อไป เพราะว่าสามารถบรรลุอรหัตผลได้

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่มาอบรมเป็นพระนักเทศน์ตามโครงการนี้
หลักการต่าง ๆ ท่านต้องแม่นยำ โดยไม่ให้ผิดเพี้ยนไปจากศีล สมาธิ ปัญญา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าหากว่ามีใครสอบถาม ท่านทั้งหลายก็ต้องชี้แจงแสดงเหตุให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เหมือนอย่างกับหงายของที่คว่ำ เหมือนกับตามประทีปในที่มืด เพื่อที่ให้บุคคลซึ่งมีจักษุดี สามารถมองเห็นหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างชัดเจน

ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายก็จักได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ยังพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง แม้ว่าเราเองยังไม่สามารถเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ แต่ก็ยังเป็นภัณฑาคาริกะ ก็คือเป็นคลังเก็บความรู้ และสามารถที่จะบอกต่อไปได้โดยไม่ผิดเพี้ยนต่อพระธรรมวินัย

หลังจากที่ได้บรรยายถวายความรู้จนกระทั่งจบโครงการแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ขอตัวต่อท่านเจ้าคุณอาจารย์บุญส่งและพรรคพวกเพื่อนฝูง เพื่อที่จะเดินทางไปหาหมอ ก่อนที่พรุ่งนี้จะเดินทางต่อไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งประเทศอินเดียจุดที่ไปนั้นคือแคว้นจัมมู - แคชเมียร์ หรือที่ออกเสียงตามภาษาอินเดียว่ากัษมีระ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2023 เมื่อ 01:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 27-04-2023, 00:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,459 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในที่นั้น ถ้าหากว่าเราไปแล้ว บางทีอาจจะไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตให้ใช้งาน เพราะว่าทางนั้นบังคับว่าต้องซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ของเขาเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ผู้ติดต่อประสานงาน ก็ไม่สามารถที่จะช่วยซื้อให้ด้วยตนเอง เพราะว่าเป็นเขตพื้นที่ล่อแหลม ซึ่งแย่งชิงกันอยู่ระหว่างอินเดียกับปากีสถาน จึงต้องมีการควบคุมกันอย่างเข้มงวด ใครต้องการก็ต้องไปแสดงตนซื้อหาด้วยตนเอง ถ้าเขาพินิจพิจารณาแล้วว่าสมควร จึงจะขายให้ โดยเฉพาะการเปิดโรมมิ่งจากเมืองไทยไปนั้นไม่มีประโยชน์ การจะซื้อ Sim2Fly ไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อไปถึงที่นั่น สัญญาณก็จะโดนบล็อกจนหมด

ที่ต้องมากล่าวถึงในที่นี้เพื่อบอกให้ทุกท่านที่ติดตามเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนได้ทราบว่า ถ้าอยู่ ๆ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนสูญหายเงียบไปเฉย ๆ ตลอดระยะ ๘ วัน ก็ขอให้เข้าใจว่าไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ เพียงแต่จะบันทึกเอาไว้ ถ้าหากมาถึงสถานที่ซึ่งสามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์ตามปกติได้แล้ว ก็จะทยอยส่งให้ท่านทั้งหลายได้ฟังกันเป็นลำดับไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2023 เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว