กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 06-04-2023, 18:03
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 327
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 17,914 ครั้ง ใน 799 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-04-2023, 00:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันหยุดราชการ เนื่องจากเป็นวันจักรี ซึ่งก็คือวันสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์นั่นเอง

กระผม/อาตมภาพมีภารกิจในการร่วมปลุกเสกวัตถุมงคล ๘๕ ปี หลวงปู่ตี๋ ขนฺติโก วัดหูช้าง หรือในสมณศักด์ก็คือพระครูสุวรรณโชติวุฒิ

เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฏว่าหลวงปู่ตี๋ท่านอยู่กับพระครูโกศลธรรมานุสิฐ (ประสิทธิ์ อโสโก) เจ้าอาวาสวัดสวนหงส์ รองเจ้าคณะอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี พอเห็นหน้า ท่านก็ทักเลยว่า "อ้าว...วัดท่าขนุนมาแล้ว" ซึ่งความจริงแม้ว่ากระผม/อาตมภาพพอที่จะมีหน้าตาปรากฏอยู่ในยุทธจักรอยู่บ้าง แต่ว่าใส่หน้ากากกันเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไปด้วย แล้วหลวงปู่ท่านอายุกาลพรรษาถึง ๘๕ ปีแล้ว แต่ปรากฏว่านอกจากยังแข็งแรงแล้ว ความจำยังดีมากขนาดนี้อีกด้วย..!

เมื่อกราบท่านแล้วนั่งรอสักครู่หนึ่ง บรรดาพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ก็ทยอยกันมา ประกอบไปด้วย หลวงพ่อนงค์ (พระครูสุนทรธรรมาภิรักษ์) เจ้าอาวาสวัดวัดบางน้ำชน ที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตธนบุรี ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี โดยที่หลวงปู่โต๊ะท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อแป๊ะ (พระครูยติธรรมานุยุต) วัดสว่างอารมณ์ (แคแถว) เพื่อนฝูงที่รู้จักกันมาเกิน ๓๐ ปีแล้ว เจอหน้าก็เสียงดังคับโบสถ์อยู่เหมือนเดิม

เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่มานิมนต์ขึ้นนั่ง ปรากฏว่าเจอพระครูสมุห์อานนท์ อานนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวาย ท่านบอกว่ามาแทนหลวงปู่ลำพวน(ท่านเจ้าคุณพระสุเมธมุนี) เจ้าอาวาสวัดบึงลาดสวาย ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม

ถัดไปก็เป็นหลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก (พระครูสมบูรณ์จริยธรรม) ลูกศิษย์หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก

แล้วก็หลวงพ่อสุรศักดิ์ (ท่านเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิโสภณ วิ.) เจ้าอาวาสวัดประดู่พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม

หลวงพ่ออ่าง วัดใหญ่สว่างอารมณ์ (ท่านเจ้าคุณพระนันทวิริยาภรณ์)

แล้วก็ปิดท้ายด้วยหลวงปู่ตี๋ ซึ่งท่านนั่งเป็นประธานในฐานะเจ้าของงานเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-04-2023, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น กระผม/อาตมภาพส่งจิตขึ้นกราบพระตามปกติ ก็เจอหลวงปู่กี๋ (ท่านพระครูกิตตินนทคุณ) ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะบอกกล่าวถึงสมณศักดิ์ของท่านได้ถูกต้องหรือไม่ ? เพราะว่าเนิ่นนานมามากแล้วตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้บวช ในสมัยนั้น กระผม/อาตมภาพก็เสาะแสวงหาวัตถุมงคลของท่าน มาถึงสมัยนี้ หลวงปู่ตี๋รับเป็นเจ้าอาวาสต่อจากหลวงปู่กี๋ หลวงปู่กี๋ท่านก็มาสงเคราะห์ลูกศิษย์ของท่าน ช่วยเสกวัตถุมงคลในพิธีให้

ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องบอกว่า ฉวยโอกาสอู้ตามเคย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเวลาครูบาอาจารย์ท่านมา ถ้าหากว่าท่านไม่ได้ขอให้ทำอะไร ส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่นั่งมองเฉย ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่มีตัวตนนั้น ไม่ว่าท่านจะทำอะไรก็คล่องตัว และประกอบไปด้วยอานุภาพมากกว่าที่
กระผม/อาตมภาพทำเองหลายเท่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราจะไปทำให้เหนื่อยทำไม !?

หลังจากเสร็จสรรพเรียบร้อย พรมน้ำมนต์ โปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชา บรรดาท่านที่เป็นเจ้าภาพของถวายแต่ละพระเกจิอาจารย์ ก็แทรกเข้ามาถวายปัจจัยไทยธรรม ซึ่งตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจะชุลมุน เพราะว่ามณฑลพิธีอุโบสถวัดหูช้างก็ไม่ได้กว้างใหญ่นัก ในเมื่อเจ้าภาพแทรกเข้ามาแล้ว บรรดาคนขับรถหรือว่าผู้ติดตามพระเถระก็ต้องแทรกเข้ามาด้วย เพื่อรับของต่อจากหลวงปู่หลวงพ่อของตน จึงมีความวุ่นวายเล็กน้อย

เมื่อทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพกราบลาพระมหาเถระทุกรูป แล้วก็บอกลาบรรดาเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ที่รู้จักคุ้นเคยกัน เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วท่านเป็นลูกศิษย์เรียน มจร. วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี จนทำให้กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่า ตัวเราเองที่กลายเป็นที่รู้จักของบรรดาพระภิกษุสามเณรจำนวนมากนั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรศรีไพบูลย์ วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี และวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ

จึงทำให้บรรดาพระสังฆาธิการ ตลอดจนกระทั่งพระระดับปฏิบัติงานในระยะนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่พรรคพวกเพื่อนฝูงก็เป็นลูกศิษย์ไปเสียหมด เดินทางไปที่ไหนก็ต้องรับไหว้เขาไปตลอดทาง ซึ่งการที่เขารู้จักนั้น ก็รู้จักในฐานะอาจารย์ผู้ที่สอนในวิทยาลัยสงฆ์ ไม่ได้รู้จักในฐานะพระเกจิอาจารย์ที่ไปปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งทำให้รู้สึกดีเหมือนกัน เพราะว่าเป็นอีกรสชาติหนึ่งของชีวิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-04-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้ เนื่องจากว่าตรงกับวันจักรี ญาติโยมทั้งหลายที่ไม่รู้ว่า วันจักรีนั้นเป็นวันเดียวในรอบปี ที่เขาเปิดปราสาทพระเทพบิดรให้พวกเราเข้าไปถวายสักการะพระบรมรูปในหลวงในพระบรมราชจักรีวงศ์ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๙ ในเมื่อมีโอกาสเพียงวันเดียว เราท่านทั้งหลายควรที่จะหาโอกาสสักปีหนึ่งเข้าไปกราบเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของเรานั้น ท่านเอาเลือดเนื้อและชีวิต ในการปกป้องรักษาแผ่นดินนี้ให้เราได้อยู่สุขอยู่สบายมาจนทุกวันนี้ บรรดาประเทศต่าง ๆ ที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เขาเองไม่มีความรู้สึกร่วมในตรงจุดนี้ แล้วยังอ้างหลักประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยของเขานั้น ส่วนใหญ่ก็คือต้องทำตามที่กูว่า ถ้าหากว่าไม่ทำตามกูว่าก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย ในเมื่ออ้างประชาธิปไตยแล้ว ก็มากล่าวว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นตัวถ่วงความเจริญ..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกตจะเห็นว่า บรรดาชาติประชาธิปไตยต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรปหรือว่าอเมริกาก็ตาม ล้วนแล้วแต่ลำบากเดือดร้อนไปตาม ๆ กันจาก "ประชาธิปไตยปากว่า" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าหลักการปกครอง ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีงาม ตามที่ได้เขียนหรือได้กำหนดแนวทางเอาไว้ สิ่งที่จะทำให้หลักการปกครองนั้นดีงามหรือไม่ดีงามนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ที่นำหลักการนั้นไปใช้ต่างหาก

ดังนั้น..ท่านจะเห็นว่าหลักการประชาธิปไตย คือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ถ้าลักษณะแบบนี้ ในหมู่โจรถ้าเสียงข้างมากบอกว่าให้ไปปล้นคนอื่นเขากิน ก็แปลว่าเสียงข้างมากนั้นสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น แต่ก็เป็นเสียงข้างมากตามหลักประชาธิปไตย คือเอาเสียงส่วนใหญ่เข้าว่า แล้วถ้าท่านสังเกตจะเห็นว่าระบอบเผด็จการ โดยเฉพาะสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยของเราเจริญที่สุดในเอเซีย ขนาดญี่ปุ่นยังต้องมาศึกษาทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับการรถไฟในบ้านเราเมืองเรา

ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประชาธิปไตยก็ดี หรือว่าในเรื่องของอัตตาธิปไตย ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าเผด็จการก็ตาม ความดีความชั่วจึงไม่ได้อยู่ที่ระบอบ หากแต่อยู่ที่คนนำไปใช้ ส่วนธรรมาธิปไตย คือการถือธรรมเป็นใหญ่นั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีแท้ ถูกต้องอย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-04-2023, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,173 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสสรรเสริญระบอบการปกครองอะไรว่าดีเลย หากแต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายถือเสียงส่วนมากเป็นใหญ่ ที่เรียกว่าประชาธิปไตยก็ดี หรือว่าโลกาธิปไตยก็ตาม พระองค์ท่านก็ประทานหลักอปริหานิยธรรม ๗ ให้ไปประกอบกับหลักการนั้น ๆ เพื่อที่จะเป็นการนำเอาธรรมาธิปไตยเข้าไปควบคุม ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นพวกมากลากไป

ถ้าหากว่าเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไม่ว่าจะเป็นระบอบจักรพรรดิ หรือว่าระบอบพระมหากษัตริย์ก็ตาม พระองค์ท่านก็มีจักรวรรดิวัตร มีทศพิศราชธรรมไปประกอบให้ระบอบนั้น ๆ เป็นธรรมาธิปไตยขึ้นมา

เราจึงเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะเริ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว แต่ว่าก็มีการที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในลักษณะที่ทำให้ท่านทั้งหลายรู้สึกเบื่อหน่ายกับระบอบการเลือกตั้งของบ้านเรา เพราะว่าตอนที่จะให้เราเลือก เขาก็พยายามเสนอโครงการดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่พอถึงเวลาเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็กระทำเพื่อพวกพ้องและตัวกู..!

แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ขอให้ทุกท่านทำใจว่า
เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการในระบอบประชาธิปไตย เพราะว่าประชาธิปไตยบ้านเรานั้นเพิ่งจะผ่านมาแค่ ๘๐ ปีเศษเท่านั้น บรรดาประเทศประชาธิปไตยที่ผ่านมาเป็นร้อย ๆ ปี ทุกวันนี้ยังวุ่นวายไม่รู้จักแล้ว ระบอบประชาธิปไตยที่เพิ่งหัดตั้งไข่ในบ้านเรา จะเอาให้ดีเหมือนอย่างกับที่คนอื่นเขายกหน้าฉากมาให้เราดู ย่อมเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อหน้าฉากสวย ๆ นั้นล้มลงไป เราก็จะเห็นความน่าเกลียดน่าชัง ของบรรดาประเทศที่อ้างหลักประชาธิปไตยเช่นกัน

แต่ถ้าท่านทั้งหลายทอดธุระ ไม่ไปแสดงออกซึ่งพลังของตน ก็จะทำให้บุคคลที่ไม่ดีเข้ามามีอำนาจในการปกครองได้ง่าย เราท่านต้องไม่ลืมพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า "เราต้องส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในการปกครองเหนือคนไม่ดี ไม่เช่นนั้นแล้วคนไม่ดีก็จะมาสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติของเรา" แม้ว่าตัวเลือกในมือของเราไม่ได้มีมากนัก ก็พยายามเลือกคนที่เรารัก เลือกพรรคที่เราชอบ เมื่อพัฒนาการนี้ผ่านไปนาน ๆ เข้า ระบอบต่าง ๆ เริ่มลงตัว ประชาธิปไตยที่ท่านทั้งหลายปรารถนาก็จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-04-2023 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:46



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว