กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-02-2023, 18:53
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 319
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 17,590 ครั้ง ใน 791 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-02-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้าอากาศที่ทองผาภูมิยังอยู่ที่ ๑๙ องศาเซลเซียส สำหรับคนทองผาภูมิก็คงรู้สึกกันว่าร้อน แต่ว่าคนที่มาจากที่อื่นนั้น บางทีก็รู้สึกว่าหนาวมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าความไม่เคยชิน

คำว่า ไม่เคยชิน ในที่นี้ ถ้าหากว่ามากล่าวถึงในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ก็คือ การที่เข้าไม่ถึงกำลังใจที่มั่นคง ซึ่งเรียกว่า ฌาน

การที่ไม่สามารถจะทรงฌานได้ ทำให้จิตใจของเรานั้นต้องขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามแรงของ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกิเลสประจำของแต่ละคน บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่สามารถทรงฌานสมาบัติได้ ถ้าหากว่าเป็นผู้หวังความหลุดพ้นแล้ว เขาย่อมที่จะไม่ละทิ้งซึ่งฌานสมาบัตินั้น เพราะว่าจะช่วยกด รัก โลภ โกรธ หลง ให้สงบลงได้ชั่วคราว ทำให้มีสติปัญญาที่แจ่มใส สามารถคิดพิจารณาเห็นช่องทางว่าจะก้าวต่อไปอย่างไร จึงจะสามารถที่จะเข้าถึงความหลุดพ้นตามความปรารถนาของตนเองได้

สำหรับวันนี้ดูเหมือนกับว่าไม่มีภารกิจอะไร แต่ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า เมื่อวานนี้กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะกลับมาถึง แล้ววันนี้ก็ยังต้องวิ่งไปเพื่อรองานต่อไปในกาลข้างหน้า ความจริงตั้งใจว่าจะไปจ่ายเงินสนับสนุนรายเดือนให้แก่นิสิตของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นส่งเรียนทุกคนทุกวัด

ไม่ว่าจะเป็นวัดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าเข้าเรียนที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ และเป็นนิสิตของอำเภอทองผาภูมิ กระผม/อาตมภาพจะสนับสนุนค่ารถให้เดือนละ ๓,๐๐๐ บาทต่อรูป/คน ซึ่งถ้านับการเดินทางก็คือเดินทางเดือนละ ๔ ครั้ง แปลว่าเดินทางอาทิตย์ละ ๑ ครั้ง ดังนั้น..ค่ารถจำนวน ๓,๐๐๐ บาทก็น่าที่จะเพียงพอสำหรับทุกคนในการเดินทางไปเรียน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2023 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-02-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะเดียวกันก็ยังมีนิสิตจากที่อื่น ซึ่งถ้าหากว่าไม่เกรงใจผู้บังคับบัญชาก็คงขอย้ายมาอยู่ทองผาภูมิกันแล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่านโยบายของเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอของแต่ละอำเภอนั้นไม่เหมือนกัน บางอำเภอก็สนับสนุนให้เรียน ให้ทุนการศึกษา บางอำเภอก็แค่หาตัวบุคลากรไปเรียน แล้วก็ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมเท่านั้น ต้องบอกว่าแล้วแต่นโยบายของเบื้องบนว่าจะทำอย่างไร

หลายท่านที่เห็นความสะดวกในการเรียนของพระภิกษุสามเณรอำเภอทองผาภูมิแล้ว ก็มีที่ขอย้ายเข้ามาสังกัดในอำเภอทองผาภูมิเลย แต่ท่านทั้งหลายที่มาปรึกษานั้น ส่วนใหญ่กระผม/อาตมภาพก็จะตักเตือนไปว่า อันดับแรก ท่านมีงานอะไรที่จะต้องช่วยเจ้าอาวาสเขาทำค้างคาอยู่หรือไม่ ? อันดับที่สอง ท่านมีตำแหน่งหน้าที่เป็นพระสังฆาธิการหรือว่าเลขานุการระดับใดระดับหนึ่งหรือไม่ ?

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีภาระหน้าที่เหล่านี้ก็ไม่ควรที่จะย้ายมา เพราะว่าอันดับแรก ถ้าหากว่าเป็นพระสังฆาธิการ ย้ายออกจากนอกพื้นที่ ท่านก็จะหลุดออกจากตำแหน่งไปโดยปริยาย อันดับที่สอง ตำแหน่งอย่างเลขานุการนั้น แม้ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดก็ได้ แต่ถ้าหากว่าย้ายไปอยู่ทองผาภูมิ การทำงานของท่านก็จะลำบากยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะการเดินทางจากทองผาภูมิไปถึงวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์นั้น เป็นระยะทางเกือบ ๑๗๐ กิโลเมตร..! ซึ่งถ้าหากกว่าเดินทางจากอำเภออื่นนอกจากอำเภอสังขละบุรีแล้ว ก็ไม่มีอำเภอใดที่จะไกลไปกว่านั้นอีก

ดังนั้น..พวกท่านจะต้องพิจารณาให้ดีว่า ตำแหน่งหน้าที่ของตน ตลอดจนกระทั่งการเดินทางนั้นสะดวกสำหรับท่านทั้งหลายหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเจ้าอาวาสหรือว่าผู้บังคับบัญชาไม่คัดค้านการเดินทางของท่าน คิดว่ารับได้ ก็สามารถที่จะย้ายไปสังกัดวัดใดวัดหนึ่งในเขตอำเภอทองผาภูมิได้ กระผม/อาตมภาพพร้อมที่จะจ่ายเงินสนับสนุนรายเดือนให้กับทุกคน

แต่บังเอิญว่าการตั้งใจวันนี้เป็นการตั้งใจเสียเปล่า เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๓ ซึ่งตรงกับ "วันพระ" จะดีจะชั่วอย่างไร วิทยาลัยสงฆ์ก็ยังหยุดวันพระอยู่ดี จึงไม่สามารถที่จะไปจ่ายเงินให้กับทางด้านนิสิตของอำเภอทองผาภูมิได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2023 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-02-2023, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะเดียวกันก็ยังมีปัญหาใหญ่ว่า ขณะที่กำลังทำเอกสารเชิญคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิเข้าประชุมประจำเดือนในวันที่ ๑๖ นี้ ระหว่างที่ใช้ CS Scan ในการเปลี่ยน Word ให้เป็นไฟล์ PDF ไม่ทราบเหมือนกันว่าติดไวรัสมาตอนไหน ? เพราะว่าอยู่ดี ๆ ก็มีแอพพลิเคชั่นประหลาดเด้งขึ้นมา บอกว่าโทรศัพท์ของกระผม/อาตมภาพนั้นเม็มโมรี่จะเต็ม ขอให้ติดตั้งระบบล้างถังขยะทุก ๒ ชั่วโมงของแอพพลิเคชั่นนี้

กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่สงสัยว่า เพิ่งจะล้างโทรศัพท์ไปเมื่อวานนี้ วันนี้จะเม็มโมรี่เต็มได้อย่างไร ? จึงไม่พยายามที่จะไปยุ่ง แต่ว่าแอพพลิเคชั่นนี้ก็หน้าด้านหน้าทน ขับไล่เท่าไรก็ไม่ไป แถมยังดุเสียอีกว่า "บอกหลายครั้งแล้วทำไมถึงไม่ยอมติดตั้งเสียที" กระผม/อาตมภาพจึงต้องหาเครื่องใหม่เพื่อมาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในครั้งนี้ ถ้าหากว่ามีสุ้มเสียงที่แปลกประหลาดไปจากปกติ ก็ขอให้รู้ว่าเกิดจาการใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อาจจะทำให้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลง ไม่ตรงกับของเดิมบ้าง

ในขณะที่เดินทางเพื่อที่จะมารองานนั้น กระผม/อาตมภาพได้อ่านหนังสือ "พลิกประวัติศาสตร์มหาอำนาจต้าหมิง" อ่านไปแล้วก็เกิดความสะท้อนใจ ว่าการเป็นผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะระดับสูงสุดอย่างฮ่องเต้ก็ดี ระดับที่ต่ำกว่านั้น แต่ว่าต้องดูแลผู้คนจำนวนมาก ๆ ก็ตาม "ทำไมถึงได้น่าสงสารขนาดนั้น ?" เพราะว่าแต่ละคนนั้นต้องระมัดระวังอยู่เสมอ ถ้าหากว่าใช้ศัพท์วัยรุ่นสมัยนี้ก็คือ "แค่หันหลังให้ก็พรุนแล้ว" แปลว่าโดนแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ทำให้มานึกถึงบรรดาเจ้าคณะปกครองทางคณะสงฆ์ ซึ่งมีอยู่ ๒ ประเภทด้วยกัน ประเภทที่ ๑ ก็คือ กลัวคนอื่นจะมาแย่งชิงตำแหน่งแห่งที่ของตน ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องระมัดระวังคำนึงถึงผลได้ผลเสียอยู่เสมอ จะแต่งตั้งเจ้าอาวาสสักรูปหนึ่ง จะแต่งตั้งเจ้าคณะตำบล ก็ต้องคิดว่าจะส่งผลดีหรือว่าผลร้ายแก่ตนเอง

ยิ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงมากกว่านั้น ก็ยิ่งต้องคิดและวางแผนมาก จึงเป็นสาเหตุให้ท่านเหล่านั้นแก่ไปอย่างทันตาเห็น บางทีถ้าหากว่าเราดูหน้าบรรดาผู้ปกครองทางโลก อย่างเช่นว่านายกรัฐมนตรีก็ดี หรือว่ารัฐมนตรีก็ตาม ถ้าหากว่าใช้ระบบ Before & After อย่างที่ทางฝรั่งเขาทำกัน ก็จะเห็นว่าหน้าตาก่อนที่จะรับตำแหน่งเป็นอย่างหนึ่ง ในปัจจุบันนี้แก่ไปจนผิดหูผิดตาเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2023 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-02-2023, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนผู้บังคับบัญชาอีกประเภทหนึ่งนั้นคือ ผู้บังคับบัญชาที่หวังความเจริญจะเกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ จึงทุ่มเททำการทำงานทุกอย่างเพื่อคณะสงฆ์ แต่ว่าหาบุคคลที่จะมาแบ่งเบาภาระ หรือว่ามาสนองงานได้น้อยมาก เพราะว่างานคณะสงฆ์นั้น จะว่าไปแล้วเป็นงานที่ทำเพื่อเอากล่อง ก็คือต้องการบุญ ต้องการกุศล ต้องการเห็นความเจริญในพระพุทธศาสนา

ในเมื่อทำไปแล้วประโยชน์มีน้อย แถมยังต้องเสียประโยชน์ของตนเป็นอย่างมาก ผู้บังคับบัญชาหลายท่าน อย่างเช่นพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจและทรัพยากร ในการบริหารงานเพื่อที่จะให้คณะสงฆ์มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่เจริญขึ้น ทำให้ญาติโยมกลับมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาเหมือนเดิม

แต่ว่าสิ่งที่ได้รับตอบกลับมานั้นก็คือ เจ้าคณะปกครองระดับล่างบางคน "เข้าเกียร์ว่าง" ไปเลย..! เพราะเห็นว่าเป็นการไปเพิ่มงานให้กับตัวเอง ทุกวันนี้อยู่กินไปวัน ๆ ก็ถือว่าสบายแล้ว ทำไมต้องไปเหนื่อยแบบนั้นด้วย ?

ส่วนอีกประเภทหนึ่งนั้นก็ "ทำหูทวนลม" กิจการงานใด ๆ ที่เป็นความเจริญของคณะสงฆ์ กิจการงานใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อความเจริญของพระพุทธศาสนา กิจการงานนั้น ๆ ก็ไม่ใส่ใจที่จะทำ หากแต่ว่าไปรับกิจนิมนต์แทน ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงทำให้ผู้บังคับบัญชาประเภทหลังนี้ ถ้าหากว่าไม่มีความมุ่งมั่นที่จะทำความดีเพื่อคณะสงฆ์จริง ๆ ก็คงจะท้อถอยและหมดกำลังใจไปในที่สุด

ในเมื่ออ่านหนังสือ "พลิกประวัติศาสตร์มหาอำนาจต้าหมิง" แล้วมาคิดเข้ากับการปกครองคณะสงฆ์ในปัจจุบันแล้ว กระผม/อาตมภาพเห็นใจผู้บังคับบัญชาประเภทหลังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านต้องมาเครียดเพราะตั้งใจทำความดีแท้ ๆ ส่วนผู้บังคับบัญชาประเภทแรกนั้น ท่านจะหวงเก้าอี้หวงตำแหน่งอย่างไรก็เรื่องของท่านเถิด คิดมากเครียดมาก ท่านก็จะโดนมะเร็งรับประทานไปเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2023 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 14-02-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนกระผม/อาตมภาพก็คงอยู่ในแง่ที่พระเดชพระคุณพระราชภาวนาโกศล วิ. (อนันต์ พทฺธญาโณ) หรือหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ ซึ่งมรณภาพไปแล้ว เจอหน้าทีไร ท่านก็ถามว่า "เล็ก..แกไม่รู้จักแก่แบบคนอื่นบ้างเลยหรือวะ ?"

ตรงจุดนี้อยากจะบอกแค่ว่า กระผม/อาตมภาพนั้น ทำหน้าที่ตามที่ได้รับบัญชามาจากหลวงปู่ หลวงพ่อ หรือว่าบางทีจาก "พระ" ท่านก็มี พ้นจากหน้าที่อื่นไปแล้ว สิ่งที่กระทำนั้นก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อตัวเอง หากแต่ว่าทำเพื่อคนอื่น เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ตัดกำลังใจได้ ก็คือ ขอให้ได้ทำหน้าที่เท่านั้น ทำแล้วจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ไม่ใช่เรื่องที่จะไปคิดถึง ยินดีแค่ว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว แหงนหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน ไม่มีอะไรให้เครียดให้คาอยู่ในใจของตน

ดังนั้น..ร่างกายภายนอกอาจจะทรุดโทรมช้าหน่อย แต่ว่าภายในก็รู้ดีอยู่ว่ากำลังที่ทุ่มเทให้ทั้งทางโลกและทางธรรมนั้นร่อยหรอลงไปทุกวัน ไม่ทราบเหมือนกันว่าวันใดวันหนึ่งจะหมดสภาพหงายตึงลงไป ถ้าหากว่าถึงวันนั้นขึ้นมา ก็ขอให้ทุกท่านได้ทราบว่า กระผม/อาตมภาพนั้นเต็มที่กับทุกอย่างแล้ว สามารถที่จะจากไปโดยไม่มีห่วงใยกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น..!


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2023 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว