กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-01-2023, 18:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,274
ได้รับอนุโมทนา 739,955 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-01-2023, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้าถ้าหากว่าเกี่ยวกับงานอย่างเป็นทางการแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นับว่าเป็นเวลาว่าง เพราะว่าจะต้องรอการประชุมคณะกรรมการโครงการอบรมบาลีก่อนสอบของปี ๒๕๖๖ ในช่วงบ่าย ดังนั้น...จึงเป็นเวลาที่กระผม/อาตมภาพรีบทำสรุปยอดเกี่ยวกับกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน

การทำสรุปยอดนั้น ในช่วงหลังนี้ก็ง่ายขึ้นมาก เพราะว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้ทำ Excel ซึ่งเป็นระบบของ Word ในการลงตัวเลขแล้วสามารถที่จะบวกเองเสร็จสรรพ แค่ไปนำเอาตัวเลขบรรทัดสุดท้ายมาลงให้เรียบร้อย ก็เป็นอันว่าแต่ละกองทุนจะมียอดที่เริ่มมาตั้งแต่การตั้งทุน และเพิ่มทุนมาจนถึงปัจจุบัน เป็นยอดรวมเท่าไรก็จะปรากฏชัดแก่ทุกท่าน

แต่ว่าก็มีเจ้าของทุนจำนวนมาก ที่ทำการตั้งทุนแล้วก็หายไปจากโลกนี้เลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าลืมไปแล้วว่าตนเองได้ตั้งกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนเอาไว้ หรือว่าผู้ตั้งกองทุนล้มหายตายจากไปแล้วก็ไม่แน่ เพราะว่าระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะว่าชื่อทุนของท่านก็ยังคงอยู่ เงินที่ตั้งทุนก็ยังคงอยู่ และขณะเดียวกันก็ได้รักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนไปเป็นจำนวนมาก

โดยเฉพาะพระภิกษุบางท่าน ในปีที่ผ่านมา รูปเดียวรักษาไปเกือบหนึ่งแสนบาท..! เหตุเพราะว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินเนื่องจากว่ามีปัญหาทางสมอง จึงต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนโดยด่วน ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ถ้าไม่มีกองทุนตรงนี้ช่วยค้ำเอาไว้ คาดว่าแม้แต่กระผม/อาตมภาพเองก็คงจะลำบากใจที่จะต้องมาช่วยจ่ายเงินในส่วนนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-01-2023, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จึงขออนุโมทนาต่อท่านเจ้าของกองทุนทุกกอง และท่านที่ร่วมบุญในกองทุนรักษาพยาบาลมาเป็นระยะเวลายาวนานจนในปัจจุบัน ท่านทั้งหลายได้อำนวยความสะดวก ช่วยรักษาต่อสงฆ์อาพาธ ซึ่งการดูแลรักษาสงฆ์อาพาธนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า มีอานิสงส์เหมือนกับการดูแลอุปัฏฐากพระองค์ท่านเอง จึงขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของกองทุนก็ดี ที่ร่วมทุนรักษาพยาบาลมาก็ตาม จงเป็นผู้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังโดยถ้วนหน้าทุกท่านทุกคนเถิด

อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ในขณะที่ได้ทำการสรุปยอดกองทุนอยู่นั้น
กระผม/อาตมภาพเกิดอาการไข้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหตุเพราะว่าอากาศเปลี่ยน กระผม/อาตมภาพซึ่งมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ โดยเฉพาะเชื้อมาลาเรียนั้น ไวต่อการเปลี่ยนของอากาศมาก จึงทำให้ไม่สามารถที่จะทำงานต่อได้

จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานก็อก ๆ แก็ก ๆ ที่ไม่ต้องใช้สมองแทน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าหากว่ามีข้อผิดพลาดในงานขึ้นมา นอกจากจะเกิดความเสียหายแล้ว ยังต้องเสียเวลาไปแก้ไขทีหลัง ในส่วนนี้
กระผม/อาตมภาพจึงได้เก็บข้าวของเตรียมเดินทางกลับวัด หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการโครงการอบรมบาลีก่อนสอบแล้ว

อีกส่วนหนึ่งก็คือเตรียมหาวัตถุมงคลที่จะมาลงกระทู้ให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญร่วมกันต่อไป แล้วก็ได้เห็นว่า แหวนจักรพรรดิของหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งตัวเรือนเป็นทองคำ ที่กระผม/อาตมภาพได้รับความเมตตาจากน้านิล (คุณน้านิลประไพ บุญ-หลง) น้องสาวของพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง น้านิลได้บูชาแล้วถวายไว้ให้ติดตัว แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดออกมาดู แหวนจักรพรรดิกลายเป็นแหวนกระดำกระด่าง ดูไม่ออกว่าทำจากวัสดุใดกันแน่..!

ถ้าหากว่าเป็นท่านทั้งหลายก็คงคิดว่า ทางวัดท่าซุงโดนร้านค้าหลอกเอาแล้ว ด้วยการเอาวัสดุที่ไม่ใช่ทองคำมาทำเป็นตัวเรือน แต่กระผม/อาตมภาพเข้าใจดีว่า ที่แหวนกลายเป็นสิ่งกระดำกระด่างนั้น เพราะว่าตนเองได้พกปรอทอยู่ ทั้งในส่วนของปรอทน้ำและปรอทสำเร็จ ปรอทสำเร็จก็มีทั้งปรอทเงินและปรอททอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นปรอทน้ำก็ดี ปรอทสำเร็จก็ตาม ล้วนแล้วแต่กินทองเป็นอาหารทั้งสิ้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 05-01-2023, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อมีปรอทไปประเดประดังอยู่รอบ ๆ แหวน ก็เป็นอันว่าเรือนแหวนกลายเป็นอาหารอันโอชะของปรอทไปโดยปริยาย และโดนกินหนักนอกจากถึงขนาดเปลี่ยนสีเป็นกระดำกระด่าง ดูไม่ออกว่าเคยเป็นทองแล้ว ยังเกิดอาการผุกรอบ ถึงขนาดวงแหวนหักออกเป็น ๒ ส่วน ถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในลักษณะของเรือนแหวนอยู่ แต่ตัวท้องแหวนนั้นก็กลายเป็นรอยหักไปเสียแล้ว..!

ทำให้เห็นว่าทำไมบรรดาเจ้าของร้านทองต่าง ๆ จึงกลัวนักกลัวหนาว่าใครจะพกปรอทเข้ามาในร้าน เนื่องเพราะว่าแร่ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ กินทองเป็นอาหารอย่างชนิดที่เรียกว่าน่ากลัวมาก กินถึงขนาดที่ทองคำเปลี่ยนกลายเป็นโลหะธาตุอื่นไปเลย ซึ่ง
กระผม/อาตมภาพได้ยินเขาบอกกล่าวมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีโอกาสที่จะทดสอบทดลองให้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา ก็ได้มาเห็นประจักษ์ชัดเจนในคราวนี้เอง

สำหรับท่านทั้งหลายที่ร่วมกองบุญการกุศลกับทางวัดท่าขนุนมาตั้งแต่ต้นนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ กระผม/อาตมภาพนอกจากดำเนินตามเจตนารมณ์ของท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญมาแล้ว ก็ยังมีวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นของ "ดีนอก" ก็คือช่วยเสริมความ "ดีใน" ให้กับพวกเราทั้งหลายด้วย

แต่ว่าในส่วนที่จะ "ดีจริง" นั้น ต้องเป็นส่วนของ "ดีใน" คำว่า ดี ในในที่นี้ก็คือ การที่เราต้องเพียรพยายามในการรักษาศีลและเจริญภาวนา เพื่อสร้างคุณความดีให้เกิดในจิตในใจของเราเอง คุณความดีภายในของเรายิ่งสูงมากเพียงไร ก็จะเสริมความดีนอกให้สูงมากขึ้นไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายมีแต่เพียงดีนอก ขาดดีใน ก็ทำให้ดีนอกนั้นแสดงอานุภาพได้ไม่เต็มที่เต็มกำลังของตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 05-01-2023, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะเดียวกัน ถ้าเรามีแต่ดีใน แต่ถ้าขาดสติเมื่อไร อาจจะเกิดผลวิบากของกรรมเก่าที่ทำมา ส่งผลจนเราต้องรับเคราะห์รับกรรมในบางอย่างไป จึงควรที่จะมีทั้งดีนอกและดีใจผสานกันเอาไว้ เพื่อเป็นการไม่ประมาทตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนมา

หลังจากที่ฉันภัตตาหารเพลและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารมหลวง) เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโครงการบาลีก่อนสอบ แล้วก็ได้รับภาระมา ก็คือเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพล ๑ วัน

การอบรมบาลีก่อนสอบนั้นจะเปิดอบรมในวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ แล้วไปสิ้นสุดในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖

จากนั้นประโยคต้นก็คือประโยค ๑ - ๒ และ ประโยค ๓ นั้น ก็จะสอบภายในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ กุมภาพันธ์ หลังจากนั้น ถ้าหากว่าใครสอบติดวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็จะไปสอบซ่อมในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ เมษายน ซึ่งปีนี้ไปตรงกับช่วงวันหยุดยาวของสงกรานต์ ซึ่งทางวัดท่าขนุนมีกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

แต่ว่าปีนี้ทางด้านนักเรียนบาลีของวัดท่าขนุนนั้น
กระผม/อาตมภาพไม่ได้ส่งเข้าอบรมก่อนสอบที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยที่กระผม/อาตมภาพให้ไปอบรมกันเอง โดยเน้นเฉพาะวิชาไวยากรณ์ เหตุเพราะว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ตลอดจนกระทั่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่ประเดประดังเข้ามา ทำให้นักเรียนบาลีทั้งหลายมีเวลาเรียนน้อย ไม่สามารถที่จะทำให้คะแนนดีได้ในทุกวิชาที่สอบ จึงต้องเน้นเฉพาะวิชาไวยากรณ์ โดยหวังติดการสอบรอบ ๒ หรือที่เรียกว่า "สอบซ่อม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 05-01-2023, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าจากเดือนกุมภาพันธ์นั้น กว่าที่จะไปสอบก็ไปเดือนเมษายน เท่ากับว่าเรามีเวลาศึกษาวิชาอื่น ๆ เป็นเวลาเกือบ ๒ เดือนเต็ม ในช่วงระยะนั้นก็จะสามารถทำให้สอบผ่านได้โดยการซ่อมวิชาที่เหลือ ในเมื่อตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างนี้แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการเปิดสำนักของตนเองในการอบรมบาลีก่อนสอบ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพเองก็ต้องมาทำหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนโครงการของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ด้วย

ถ้าพูดกันตลก ๆ แบบที่ตนเองเคยพูดไว้ก็คือ ปีนี้ช่วยโดยการจ่ายเงินไปมาก แต่ไม่มีนักเรียนมากินคืน ทำให้มีแต่ขาดทุนฝ่ายเดียว ถ้าอย่างน้อยส่งนักเรียนบาลีทั้ง ๑๒ รูปมาอบรมที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็จะมีผู้มาช่วยกินให้ได้กำไรคืนมาบ้าง ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่พูดเล่นกันในวงข้าวเท่านั้น ในส่วนอื่นก็ต้องบอกว่าเราต้องทำตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

เนื่องเพราะว่าเรื่องของการเรียนบาลีนั้น เป็นการเรียนเพื่อรักษาพระพุทธวจนะ โดยเฉพาะคำว่าบาลีมาจาก "ปาลธาตุ" ในความรักษา ในที่นี้ก็คือรักษาพระพุทธวจนะเอาไว้ ไม่ให้คลาดเคลื่อนไปไหน ท่านที่เรียนก็สามารถที่จะแปลได้ตรงกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนมา

เพียงแต่ว่าท่านที่จะแปลได้ตรงจริง ๆ นั้นจะต้องเป็นนักปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้นท่านก็แปลได้ตามพยัญชนะ คือตัวอักษรเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความลึกซึ้งอย่างแท้จริงในหลักธรรม ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาประทานเอาไว้

แต่ว่าพวกเราทั้งหลายก็ช่วยกันรักษาในส่วนของปริยัติธรรมเอาไว้ เพื่อให้ฝ่ายที่สนใจในการปฏิบัติ จะได้มีเนื้อหาหลักธรรมที่สมบูรณ์บริบูรณ์เอาไว้ศึกษาปฏิบัติ จะได้เกิดปฏิเวธ คือผลดีทั้งแก่ตนเองและพระพุทธศาสนาของเรา ช่วยทำให้พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงตราบเท่า ๕,๐๐๐ ปีต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2023 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว