กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-05-2022, 19:19
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,594
ได้ให้อนุโมทนา: 216,253
ได้รับอนุโมทนา 739,434 ครั้ง ใน 36,046 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-05-2022, 23:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องไม่ดีไม่งามในพระพุทธศาสนา เพียงแต่ว่ากระแสน่าจะตีกลับ แม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพเองก็ได้บันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่า "ถ้าไปแตะหลวงปู่แสง ญาณวโร คนแตะมีสิทธิ์เจ็บตัวอย่างแน่นอน"

เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้ความเป็นทิพย์ ก็สามารถที่จะตรองเอาตามตรรกะทั่ว ๆ ไปได้ เพราะว่าหลวงปู่แสงท่านอายุตั้ง ๙๘ ปีแล้ว ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่าบรรดาลูกศิษย์ของหลวงปู่นั้น เท่าที่ฟังนักข่าวสัมภาษณ์ก็ค่อนข้างที่จะสติปัญญาน้อย เพราะว่าแต่ละสิ่งแต่ละอย่าง แทนที่จะชี้แจงแถลงไขให้ชัดเจน กลับไปนั่งเถียงกับนักข่าว เถียงไปเถียงมาก็ยกน้ำปัสสาวะขึ้นมาซดอีกต่างหาก เท่ากับว่าไปเตะลูกเข้าทางตีนเขาอีก..!

เพียงแต่ว่าตรงนี้เราจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมเวลาถ่ายรูปแล้วโดนกระผม/อาตมภาพด่าประจำ ก็เพราะว่ามักจะถ่ายกันแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ โดยเฉพาะล่าสุดก็ที่หาดใหญ่ ไอ้ที่ด่าก็เพราะว่ากำลังตักข้าวเข้าปาก แล้วโยมก็ถ่ายรูป ซึ่งถ้าหากว่าดูกันทั่ว ๆ ไปก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าโพสต์ออกไปเป็นสาธารณะเมื่อไร ก็จะมีไอ้พวกปากหอยปากปูเข้ามาคอมเมนท์ทันที..!

มีหลายครั้งที่บรรดาลูกศิษย์เอารูปที่กระผม/อาตมภาพกำลังทำงานอยู่ไปลงในโซเชียล พอเห็นก็ต้องด่ากันเลย อย่างเช่นรูปกำลังขุดดิน ฟันหญ้า ตัดต้นไม้อยู่ บรรดาลูกศิษย์ก็ปลื้มใจนักหนาว่า ครูบาอาจารย์ของเราช่างขยันและเป็นตัวอย่างที่ดี ทำงานเพื่อคณะสงฆ์ ทำงานเพื่อวัด แต่ไม่ได้ศึกษาเลยว่าการขุดดิน การฟันหญ้า การตัดต้นไม้นั้น ศีลพระท่านห้ามเอาไว้หมด ในเมื่อเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงห้าม ก็จะมีไอ้พวกแสนรู้ขุดขึ้นมาด่าทันที โดยที่ตัวเองก็ไม่ได้มาช่วยทำความสะอาดวัดให้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2022 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-05-2022, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ศีลพวกนี้พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติเอาไว้ เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายในยุคนั้นไม่ตำหนิติเตียนพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าในสมัยนั้นเขาเชื่อกันว่าแผ่นดินมีชีวิต ต้นไม้มีชีวิต การไปขุดดิน การไปตัดหญ้า การไปตัดต้นไม้ ก็เท่ากับไปทำลายชีวิตของเขา

ในเมื่อพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาไปทำในสิ่งที่ขัดกับความเชื่อของเขา ก็จะทำให้พระพุทธศาสนาของเราไม่ได้รับความเคารพเลื่อมใส การเผยแผ่พระพุทธศาสนาอาจจะไม่ได้ผล จึงต้องบัญญัติศีลทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมาเพื่อเอาใจชาวบ้าน

เหมือนอย่างที่กระผม/อาตมภาพมีโอกาสกราบเรียนถามหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุขว่า "ถ้ากระผมปฏิบัติอยู่ในมรรค ๔ ผล ๔ แล้ว จะมีอะไรเป็นเครื่องวัดว่ามาถูกทาง ?" แต่ยังไม่ทันที่จะถามครบประโยค แค่ขึ้นว่า "ถ้ากระผม..." หลวงปู่ท่านบอกว่า "ดูที่ศีล คนทั่วไปก็ศีล ๕ อุบาสกอุบาสิกาก็ศีล ๘ พระอรหันต์ก็ศีล ๑๐"

กระผม/อาตมภาพได้ฟังแล้วก็นั่งอึ้ง กำลังจะพูดว่า ..."พระเราต้องถือศีล ๒๒๗ ไม่ใช่หรือครับ ?" หลวงปู่ท่านบอกต่อทันทีว่า "ไอ้นั่นมันศีลเอาใจชาวโลก สามเณรแค่ศีล ๑๐ ทำไมเป็นพระอรหันต์ได้ ?" ก็แปลว่าหงายท้องนับ ๑๐ ไม่ฟื้น..! โดนหลวงปู่ทิ้งหมัดตรงใส่ปลายคางเข้า แล้วก็เห็นจริงตามที่หลวงปู่ท่านบอก

ดังนั้น...ศีลพระจำนวนมากจึงเป็นศีลเอาใจชาวบ้าน เพื่อให้เขาเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ว่าเรามีพระภิกษุสงฆ์ที่เคร่งครัด ทำให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนามีจุดแข็งที่จะเอาไปสู้กับศาสนาอื่นเขาได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2022 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 13-05-2022, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้เรื่องอย่างที่หลวงปู่ท่านทำ กระผม/อาตมภาพไม่ทำ เพราะว่าถ้าทำก็ตายเร็ว อย่างเช่นเมื่อเช้าเดินผ่านพื้นที่ว่างที่เขาติดป้ายอยู่ว่า "อนุญาตให้บุคคลที่มีพืชผลการเกษตร ผัก ผลไม้ นำมาวางจำหน่ายฟรีได้" แล้วก็มีซุ้มขายไก่ย่าง..! ผมก็หันไปบอกท่านแม็ก (พระกรกฤต ฐิตสาโร) ว่า "ดูให้ดี...ไก่ย่างทอดกระเทียม กระเทียมจัดเป็นพืชผลการเกษตร..!" คุณต้องเข้าใจว่า ท่านแม็กเตรียมที่จะบอกว่า "ไก่ย่างเป็นพืชผลการเกษตรด้วยหรือ ?"

หรือไม่ก็เมื่อครั้งก่อนที่ทิดเฟิร์ส (บัณฑิต เอี่ยมตระกูล) กับทิดดอย (ภาณุพงศ์ วังประภา) เอารถมารับ
กระผม/อาตมภาพเพื่อที่จะไปงาน ขากลับวิ่งผ่านสถานที่แห่งหนึ่ง ที่สนามหญ้าของเขามีของประดับบ้าน กระผม/อาตมภาพก็หันไปบอกกับทิดเฟิร์สว่า "เหมือนคน..ถ้าเห็นตอนกลางคืนมีช็อกแน่..!" เพราะทิดเฟิร์สกำลังคิดว่าเหมือนคนมาก..!

แต่ว่าตรงนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนในเจโตปริยญาณ ไม่ได้สอนให้ไปดูใจคนอื่น เพราะว่าแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากว่าดูได้เฉพาะคนที่เสมอตัวเองหรือต่ำกว่า ส่วนบุคคลที่สูงกว่า ถ้าเขาเจตนาปิด เราก็ไม่สามารถที่จะดูได้

เจโตปริยญาณที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงก็คือดูกำลังใจของเรา ว่าตอนนี้มีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีอยู่ ก็ขับไล่ออกไป แล้วคอยระมัดระวังไว้ อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก ใจเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็สร้างความดีให้เกิดขึ้น ถ้ามีแล้วก็ทำให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าอย่างนี้ ถึงจะเป็นเจโตปริยญาณที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง

คราวนี้ย้อนกลับมาใหม่ตรงจุดที่ว่า เมื่อหมอปลาไปแตะหลวงปู่แสงแล้วกระแสจะตีกลับ ถึงขนาดกระผม/อาตมภาพบันทึกเอาไว้ในบันทึกประจำวันนั้น ตรงนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความเป็นทิพย์ แค่เราตรองด้วยตรรกะธรรมดา ก็สามารถที่จะฟันธงแบบนั้นได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2022 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 13-05-2022, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะว่าอันดับแรกเลยก็คือ หมอปลาไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น

ประการที่สอง...หลวงปู่ท่านเป็นพระที่มีลูกศิษย์ลูกหาอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ไม่มีโอกาสที่จะไปทำอะไรนอกเหนือเกินเลยไปจากสิ่งที่เห็น

ประการที่สาม...จากในคลิปก็คือผู้หญิงเสนอไปให้หลวงปู่จับนมเอง แล้วเจตนาถ่ายคลิปไว้ ทั้ง ๆ ที่เขามีข้อห้ามแล้วว่าห้ามถ่าย ก็เท่ากับว่าตั้งใจสร้างเรื่องเพื่อทำลายพระโดยตรง

ดังนั้น...สิ่งหนึ่งประการใดที่เกิดขึ้น สำคัญที่สุดก็คือเราต้องมีสติ อย่าเพิ่งไปใส่อารมณ์ตามเขา หากแต่ต้องพิจารณาให้รอบคอบและรอบด้าน อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเล่าให้ฟังว่า ในช่วงที่ยังอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง พระวัดท่าซุงเหลือคาถาสุดท้ายไว้เหมือนกันหมดทุกรูป ก็คือ "กูไม่เชื่อ" ยิ่งใครรู้เห็นชัดเจนเท่าไร โอกาสโดนหลอกก็ยิ่งมีมากเท่านั้น

ดังนั้น...เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่ให้ค่า ไม่ให้ความสำคัญแบบมิจฉาทิฐิ ก็คือทำให้คนเลวกลายเป็นคนดัง อย่างเช่นว่าอดีตนักบวชชวนอดีตพริตตี้ไปชมสันเขื่อน ก็มีคนจะหางานให้ทำ จะให้เป็นดารา แค่ใช้หัวแม่เท้าตรองดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่..!

สังคมเราควรจะยกย่องคนที่ทำดีด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ไม่ใช่ไปยกย่องคนเลว คนชั่วที่ทำผิดศีลผิดธรรม แล้วไปสนับสนุนให้โด่งดัง ก็ลักษณะเดียวกับหมอปลา ไม่ได้มีอำนาจ ไม่ได้มีหน้าที่ สิ่งที่ทำนั้นผิดกฎหมายอย่างชัดเจนด้วย ก็คือบุกรุกสถานที่คนอื่น แต่ว่าทำไมกระแสสังคมในระยะหนึ่งถึงได้ฝากความหวังไว้กับหมอปลา ?? ทั้ง ๆ ที่เราก็มีหน่วยราชการ และองค์กรหน่วยงานสงฆ์ที่ดูแลกันตามระดับชั้นลงมา

ตรงนี้
กระผม/อาตมภาพขอฝากเอาไว้สำหรับเจ้าคณะปกครองทั้งปวง เป็นการบ้านให้ท่านทั้งหลายไปคิด ไปพิจารณา และหาทางแก้ไขว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายกลับมาเชื่อถือศรัทธา ในองค์กรปกครองสงฆ์ของเราว่าจะเป็นที่พึ่งได้ ไม่ใช่อะไรก็วิ่งไปหาสื่อโซเชียล ไม่ใช่อะไรก็วิ่งไปหาหมอปลา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2022 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว