กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-02-2022, 20:57
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,617
ได้ให้อนุโมทนา: 216,321
ได้รับอนุโมทนา 741,348 ครั้ง ใน 36,109 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-02-2022, 23:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ อีกสักครู่ก็จะมีการเทศน์สอนนาค อยากจะบอกว่าบรรดานาคทั้งหลายนั้นต้องสร้างบุญเก่ามาอย่างมหาศาล ถึงจะมีโอกาสอยู่รอดมาจนบวชได้

อย่าลืมว่าคนเรานั้นตายง่ายมาก หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตายอีกเช่นกัน แล้วแต่ละวันเราหายใจกี่ครั้ง ? อยู่รอดมาอย่างน้อยก็ ๒๐ ปี ถึงจะมีสิทธิ์บวชพระได้ แล้วนาคของเราก็มีอายุเกิน ๖๐ ปีอีกด้วย

ตรงจุดนี้จะว่าไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับวาระบุญวาระกรรมของแต่ละคนเช่นกัน ทำไมบางท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร แล้วต่อยาวมาเป็นพระเลย จนกระทั่งมรณภาพในผ้าเหลือง ขณะที่บางท่านมาบวชเอาตอนแก่ชรามากแล้ว อยู่ได้พรรษาสองพรรษาก็มรณภาพ ก็เพราะว่าขึ้นอยู่กับบุญเก่ากรรมเก่าที่เราทำมา

ถ้ากระแสบุญแรงกว่า มากกว่า ก็ดึงเราเข้าหาในส่วนของความดีได้เร็วกว่า แต่ถ้าหากว่ากระแสบาปมีมากกว่า ก็ลากเราวนเวียนไปเรื่อย เราจะเห็นว่าสมัยนี้โอกาสที่จะบวชมีน้อยมาก เพราะว่าคนเรายุคนี้สร้างกรรมมากกว่าสร้างบุญ

กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ถ้าไม่มีบุญ ท่านทั้งหลายไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้ อาจจะตกสู่อบายภูมิที่ใดที่หนึ่งไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนรก เปรต อสุรกาย หรือว่าสัตว์เดรัจฉาน แต่นี่เราได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ เป็นบุรุษ มีอาการครบ ๓๒ ไม่เป็นผู้บกพร่อง สามารถที่จะอุปสมบทได้ตามกฎเกณฑ์กติกา ดำรงชีวิตมาอยู่จนครบถ้วน ๒๐ ปี อยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฐิ ไม่ขัดขวางการบรรพชาอุปสมบทของเรา และที่สำคัญที่สุดก็คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา พร้อมที่จะรับการบรรพชาอุปสมบท ทุกเรื่องที่ว่ามานั้นยากสุด ๆ เพราะว่ากิเลสคอยมีแต่จะดึงเราให้ห่างจากความดีไปเรื่อย น้อยคนนักที่จะมีข้อยกเว้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2022 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-02-2022, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตัวกระผม/อาตมภาพเองถือว่าเป็นข้อยกเว้นพิเศษ ก็คือ "ชิงหมาเกิด"..! นี่พูดเรื่องจริง เพราะว่าขอลงมาเกิดก่อนเวลา ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องมีข้อตกลง ต้องมีผู้ควบคุมความประพฤติไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง

ตั้งแต่เด็กเพิ่งจะรู้ภาษา พอจำความได้ ก็โดนพ่อแบกคอพับคออ่อนหลับอยู่กับไหล่ สวดมนต์ทุกคืน ฟังสวดมนต์ทุกคืนจนจำได้หมด โดยที่ไม่รู้ว่านั่นเป็นการฝึกสมาธิอย่างหนึ่ง

พอเข้าเรียนสามารถสวดมนต์ได้ ครูก็ให้เป็นหัวหน้าชั้นแล้ว สมัยนั้นเข้าเรียนช้า ก็คืออย่างต่ำสุด ๗ ขวบ โดยปกติคือ ๘ ขวบ เริ่มเข้าเรียนชั้น ป.๑ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพเข้าเรียนชั้น ป.๑ โดยมีเพื่อนที่เรียนซ้ำชั้นอายุ ๑๗ - ๑๘ ปีจำนวนมาก พูดง่าย ๆ ก็คือ ไปก็แทบจะเป็นลูกชายของเพื่อน แต่ว่าเพื่อนทุกคนต้องยอมให้ เพราะว่าเรียนเก่ง เขาต้องอาศัยเรา

ดังนั้น...แทนที่จะรังแกก็เลยต้องกลายเป็นองครักษ์ประจำตัวไป เพราะว่าถ้าเอ็งไม่ช่วยข้า ถึงเวลาสอบข้าก็ไม่ช่วยเอ็ง..! แม้พยายามจะหัดในสิ่งที่ไม่ดีก็หัดไม่สำเร็จ

สมัยก่อนการสูบบุหรี่เขาถือว่าเท่มาก โดยเฉพาะบุหรี่มวน ไม่ใช่ใบจากหรือใบตองที่มวนกันเอง ขโมยพ่อมาได้ตัวหนึ่ง ไปแอบสูบอยู่ในป่า ได้ไม่ถึงครึ่งตัวก็เมาน้ำลายยืด เข็ดไปตลอดชีวิต..!

เห็นผู้ใหญ่เขากินเหล้ากัน ท่าทางสนุกสนานน่าอร่อย พอได้
กลิ่นกระผม/อาตมภาพก็หงายท้องตึง กินไม่ได้ ผู้ใหญ่เขาแนะนำว่าให้ไปกินเบียร์ เพราะว่ารสชาติอ่อนกว่า กินหลายขวดก็ยังไม่เมา พอได้กลิ่นเบียร์ก็หงายท้องเหมือนกัน เพราะว่าสมัยก่อนมีการถักแหถักอวน แล้วต้องไปถากเปลือกไม้มาต้ม เพื่อย้อมแหย้อมอวนให้เส้นด้ายมีความคงทน พอทิ้งเอาไว้นาน ๆ หลายวัน เปลือกไม้ต้มส่งกลิ่นบูดเน่า กลิ่นเดียวกับเบียร์เลย..! ก็เลยทำให้กินเบียร์ไม่ได้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-02-2022 เมื่อ 06:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-02-2022, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนเป็นทหาร เพื่อนชวนไปเที่ยวซ่อง อยากจะไปกับเขาบ้าง แต่คราวนี้ทหารถึงเวลาไปก็ไปกันทั้งกองร้อย..! ถ้าไปตามเวลาของเขา เขาก็ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี ก็ต้องไปนอกเวลา ประมาณบ่าย ๒ บ่าย ๓ รถจีเอ็มซีวิ่งเข้าไป นั่นเป็นเวลานอนพักของเขา พอโดนบรรดาพ่อเล้าแม่เล้าลากตัวออกมา แต่ละคนหัวเป็นกระเซิง หน้าซีดเหมือนผีตายซาก เพราะว่ายังไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไรเลย กระผม/อาตมภาพเห็นเข้าก็หมดอารมณ์ สรุปว่าอะไรที่เพื่อนทำ กระผม/อาตมภาพทำไม่ได้สักอย่าง ก็คือประเภทที่โดนตีกรอบมาแล้วว่าเรื่องประเภทนั้นห้ามเด็ดขาด..!

และโดยเฉพาะเกิดในครอบครัวคนจีน เฉพาะโยมแม่คนเดียวมีลูก ๑๓ กระผม/อาตมภาพเป็นคนที่ ๑๐ มีน้องอีก ๓ คน แต่ขอโทษ...พี่ที่เหลืออยู่ ๘ คน (เนื่องจากว่าตายไปคนหนึ่ง) หาหลานมาให้เลี้ยง ๓๒ คน..! เลี้ยงหลานจนเข็ด นี่เป็นประการที่หนึ่ง

ประการที่สองก็คือ บังเอิญรู้ว่าตัวเองต้องบวช ถึงขนาดสมัยก่อน เขาไม่มีเฟซบุ๊ก ไม่มีสไกป์ ไม่มีอินสตาแกรมเหมือนสมัยนี้ สมัยโน้นอย่างดีก็มีแค่สมุดเฟรนด์ชิป ส่วนใหญ่ที่เขียนลงไปก็คือ ชื่ออะไร นามสกุลอะไร วันเดือนปีเกิดอะไร อดีตเป็นอะไร ปัจจุบันเป็นอะไร อนาคตเป็นอะไร ก็เขียนให้เพื่อนไป

กระผม/อาตมภาพเขียนไว้ตั้งแต่เรียนชั้น ป.๗ จบใหม่ ๆ ว่า อนาคต "ดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา" ทำให้ไม่กล้ามีครอบครัว เพราะเหตุว่าถ้ามีครอบครัวก็ต้องรับผิดชอบ เดี๋ยวบวชไม่ได้ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคือเลี้ยงหลานจนเข็ด ถ้าให้ตัวเองต้องไปเลี้ยงแบบนั้นอีกก็คงจะไม่เอาแน่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-02-2022 เมื่อ 07:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-02-2022, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อพยายามจะทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง เพราะว่าโดนตีกรอบในลักษณะอย่างนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องนอกเหตุเหนือผล ไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่ต้องอาศัยวาระบุญ วาระกรรมในการที่เข้ามาบรรพชาอุปสมบท

ส่วนของกระผม/อาตมภาพนั้นโดนต้อนให้มา ขนาดพยายามดิ้นหนีสุดชีวิตแล้ว ไปไม่รอด เพราะว่าทันทีที่อายุครบ ๒๐ ปี โยมแม่ก็ถามทุกวันทุกคืนก็ว่าได้ ว่าเมื่อไรจะบวชให้แม่สักที ต้องผลัดไปเรื่อยจนกระทั่งอายุ ๒๗ ปี คราวนี้คนถามไม่ใช่โยมแม่แล้ว แต่กลายเป็นหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านถามว่า "ข้าต้องการพระบวชแก้บน ๓ องค์ แกจะบวชให้ข้าได้ไหม ?"

ขนาดแค่บวชแก้บน ยังอุตส่าห์กราบเรียนถามกลับคืนไปว่า "หลวงพ่อต้องการกี่วันครับ ?" ท่านก็หัวเราะ..บอกว่า "บวชแก้บนใครเขาเอานานกัน เอาแค่ ๗ วันก็พอ" กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันว่า ทุกคนก็มีอยู่แค่ ๗ วัน ไม่ได้เกินนั้นหรอก มีใครลองนับได้เกิน ๗ วันดูบ้างไหม ?

ปกติแล้วถ้าหากว่าเป็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านถามอะไร ต้องตัดสินใจเด็ดขาด เอาคือเอา ไม่เอาคือไม่เอา แต่งานนั้นอุตส่าห์ผัดผ่อนว่า "ขออนุญาตคิดดูก่อนครับ" ก็คือพยายามจะดิ้นหนีให้ได้ ปรากฏว่าไม่สำเร็จ เพราะมาคิดดูว่า เราเองก็มีใจมาทางด้านนี้ตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะสวดมนต์ไหว้พระ คาถาอาคมอะไร ก็ร่ำเรียนเอาไว้เสียเต็มตัวไปหมดแล้ว แม่ก็ชวนแล้วชวนอีกว่าเมื่อไรจะบวชให้ท่านเสียที เพราะว่าบรรดาพี่ ๆ ได้บวชกันไป
แล้วทุกคน

เหตุที่ผลัดแล้วผลัดอีกก็เพราะว่าศีลพระมีมาก แล้วก็ดันรู้มาก ก็คือเห็นนรกมาตั้งแต่อายุก่อนครบ ๒๐ ปี..! เห็นว่าในนรกนั้นนักบวชอยู่กันแน่นไปหมด เปรียบเทียบไม่ถูก ประมาณว่าเปิดกล่องไม้ขีดแล้วเห็นหัวไม้ขีดไฟ เรียงกันแน่นขนาดไหนก็นึกเอา

ในเมื่อกลัวตกนรกก็เลยไม่กล้าบวช แต่พอมานั่งตรองดู แม่ก็อยากให้บวช หลวงพ่อท่านก็อุตส่าห์เมตตาชวนบวช และที่สำคัญที่สุดก็คือ ปัจจุบันนี้ศีลพระมีไม่ครบ ๒๒๐ ข้อแล้ว เหตุที่ใช้คำว่า ๒๒๐ เพราะว่าอธิกรณสมถะ ๗ ข้อนั้นเป็นวิธีการจัดการกับปัญหา ไม่ใช่ข้อห้าม แต่ว่าโบราณาจารย์ท่านจับยัดเข้ามารวมกัน ก็เลยกลายเป็นศีล ๒๒๗ ข้อ

เราลองมานึกดูว่าปัจจุบันนี้เรื่องของการทำเครื่องใช้ไม้สอย ไม่ว่าจะเป็นจีวร เป็นอาสนะ เป็นอะไรก็ตาม เราไม่ต้องทำเอง เพราะฉะนั้น...เรื่องของการที่จะโดนอาบัติ เพราะทำเกินประมาณก็ดี เก็บสิ่งของเอาไว้เกินระยะเวลาที่กำหนดก็ตาม ไม่มีแล้ว

โดยเฉพาะศีลที่เกี่ยวกับภิกษุณี เก็บใส่กระเป๋าเป็นกำไรได้เลย บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกข้อ เพราะว่าไม่มีภิกษุณีแล้ว ในเมื่อได้กำไรศีลตั้งหลายสิบข้อแล้ว สมัยก่อนพระท่านมีศีลครบ ๒๒๐ ข้อ ก็ยังบวชจนกระทั่งสำเร็จมรรคสำเร็จผลไปตาม ๆ กัน ของเราเองศีลเหลืออยู่แค่นี้ ถ้าไปไม่รอดก็ยอมลงนรกละวะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-02-2022 เมื่อ 07:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 16-02-2022, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านกลับมาจากนิวซีแลนด์ กระผม/อาตมภาพไปรับท่านที่สนามบินดอนเมือง ท่านถามว่า "ตัดสินใจว่าอย่างไร ?" ก็กราบเรียนท่านบอกว่า "บวชครับ หลวงพ่อจะให้ไปวัดเมื่อไรครับ ?" ท่านบอกว่า "วันนี้เลยก็ได้" ก็โดดขึ้นรถตู้ของท่านไปวัดเลย..!

โดยปกติแล้วกระผม/อาตมภาพก็ไปวัดเป็นงานหลัก ทำงานเป็นงานรอง แต่ว่าจะไปขนาดไหนก็ตาม ก็คือเวลาวัดมีงานเท่านั้น หรือว่าเวลาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านลงมารับสังฆทานที่บ้านสายลม ถ้าเป็นการรับสังฆทานก็จะลางานวันศุกร์ครึ่งวัน กลับมาทำงานอีกทีก็เช้าวันจันทร์ ถ้าหากว่าเป็นงานวัดท่าซุง ก็ไปก่อนงาน ๒ วัน เพื่อช่วยเตรียมงาน แล้วกลับหลังงาน ๑ วัน ก็คือเมื่อเก็บงานเรียบร้อยแล้ว

ปรากฏว่าผู้ที่รู้ใจลูกก็คงจะไม่มีใครเกินแม่ หายจากบ้านไป ๕ วัน วันที่ ๖ โยมแม่หอบเครื่องบวชตามไปวัดท่าซุง ไม่ต้องบอกว่าจะบวช..แม่รู้เอง เอาเครื่องบวชไปถวายหลวงพ่อ บอกว่า "ดิฉันขอบวชลูกชายเจ้าค่ะ" หลวงพ่อท่านบอกว่า "อย่าตั้งกำลังใจแบบนั้น งานนี้เป็นงานบวชหมู่ ให้โยมตั้งใจว่าบริขารทั้งหมดนี้ เราขอเป็นเจ้าภาพบวชพระทุกรูป" โยมแม่ก็ตัดสินใจตามนั้น สรุปว่าได้บวชลูก ๑ รูป พร้อมกับเพื่อนลูกอีก ๓๕ รูป เพราะรุ่นของ
กระผม/อาตมภาพบวช ๓๖ รูป จากที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องการแค่ ๓ รูปเท่านั้น

เพราะฉะนั้น...ตรงนี้ที่ท่านทั้งหลายมีโอกาสบวช กระผม/อาตมภาพถึงได้ยืนยันว่าเป็นเรื่องของคนมีบุญเท่านั้น ส่วนของกระผม/อาตมภาพเองเป็นคนมีกรรม เพราะว่าดันไปเซ็นสัญญา ทำ MOU เอาไว้ก่อนที่จะลงมา ก็เลยโดนตีกรอบ ทำอะไรไม่ได้สักอย่างนอกจากงานวัด..!

แต่ว่าสำคัญที่สุดก็คือว่าการบวชนั้นไม่ยาก มีพระอุปัชฌาย์อาจารย์ คู่สวด พระอันดับครบถ้วน ก็บวชได้แล้ว แต่ไปยากตอนที่จะอยู่เป็นพระ เพราะว่าเราเคยชินกับการทำอะไรตามใจตนเอง แล้วอยู่ ๆ ก็โดนตีกรอบด้วยศีล ๒๒๐ บวก ๗ ข้อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2022 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 16-02-2022, 00:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,369 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบเอาไว้ว่า ชีวิตฆราวาสเหมือนอย่างกับปล่อยเราไว้ในป่ากับเสือตัวหนึ่ง บางทีเดินทั้งปีก็ยังไม่เจอเสือตัวนั้น แต่ชีวิตของนักบวช โดยเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ เขาเอาเสือตัวนั้นยัดไว้ในกรงแคบ ๆ กับเรา กรงนั้นก็คือศีล ๒๒๐ บวก ๗ ข้อ เสือจึงฟัดเราอยู่ทุกวัน ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นเป็นอย่างยิ่ง โบราณเขาถึงให้ "บวช" ก่อนแล้วค่อย "เบียด"

โดยเฉพาะสมัยก่อนนิยมบวชเอาพรรษา ถ้าสามารถทนอยู่ในกฎเกณฑ์กติกาที่บีบคั้นทั้งร่างกายและจิตใจขนาดนั้นได้ครบพรรษา แปลว่าเรามีวุฒิภาวะทางอารมณ์มั่นคงพอที่จะไปเป็นหัวหน้าครอบครัวได้

สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังไม่ได้บวช โดยเฉพาะตอนอยู่ต่างจังหวัด ถ้าลูกบ้านไหนแหกพรรษา ก็คือสึกก่อนออกพรรษาหรือก่อนรับกฐิน..หาเมียไม่ได้..! ไม่มีบ้านไหนยอมให้ลูกสาวแต่งงานด้วย เพราะถือว่า "แค่บวช ๓ เดือน มึงยังอดทนไม่ได้ แล้วจะมีปัญญาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานกูให้ตลอดรอดฝั่งได้อย่างไร ?" ผู้ใหญ่เขาจะว่าอย่างนั้น มีทางเดียวก็คือต้องย้ายหนีไปต่างถิ่น ไม่ให้คนรู้ประวัติ ไม่อย่างนั้นก็เหี่ยวแห้งหัวโต..ชาตินี้หาคู่ไม่ได้..!

ตรงจุดนี้ที่อยากเตือนนาคทั้งหลายก็คือ การบวชนั้นไม่ยาก แต่การอยู่เป็นพระนั้นยากมาก กระผม/อาตมภาพเองฝึกในเรื่องของศีล ของสมาธิ ของปัญญาเอาไว้มากมายมหาศาล มั่นใจว่าเรื่องของสมาธิสมาบัติไม่แพ้ใคร ท้าดวลได้ทั้งประเทศ ขนาดนั้น ๒ - ๓ พรรษาแรก ยังอยากจะสึกวันหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เพราะว่ากิเลสชวนสึก ต้องอดทนเท่านั้นถึงจะอยู่ได้

เพราะฉะนั้น...บวชเข้ามา อย่าคิดว่าจะบวชแล้วจะไม่สึก แต่เราต้องตั้งใจว่า "มีโอกาสเมื่อไรกูจะสึกทันที..!" ถ้าลักษณะนั้นเราจะได้ไม่บีบคั้นตนเอง เพราะว่าเปิดช่องเอาไว้รอบทิศทางแล้ว

วันนี้รบกวนเวลาพวกเรามามากแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา บอกกล่าวแก่พ่อนาคและญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-02-2022 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว