กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-06-2023, 19:41
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,594
ได้ให้อนุโมทนา: 216,253
ได้รับอนุโมทนา 739,439 ครั้ง ใน 36,046 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-06-2023, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ แต่เป็นวันวิสาขบูชา เนื่องเพราะว่าปีนี้เป็นปีอธิกมาส คือมีเดือนเกินมาหนึ่งเดือน ได้แก่ เดือน ๘ หลัง และยังเป็นวาระมหามงคล เพราะว่าตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เมื่อวาระที่เป็นมงคลทั้งสองประการมาบรรจบกัน จึงทำให้เป็นวาระที่เราทั้งหลายได้สร้างสมบุญกุศล เพื่อความดีความงามเฉพาะของตนเอง

เราท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ประสูติมาใต้เศวตฉัตร ทันทีที่ประสูติมาก็ได้รับคำทำนายว่าจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก เนื่องเพราะว่ากาฬเทวิลดาบส ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ศากยะตระกูลเคารพนับถือ แปลกใจที่เห็นเทวดานางฟ้าแสดงความรื่นเริงสาธุการกันผิดปกติ เมื่อสอบถามดู จึงได้ทราบว่าพระมหาโพธิสัตว์ได้ประสูติแล้ว ณ กรุงกบิลพัสดุ์

กาฬเทวิลดาบสซึ่งไปนอนเล่นอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จึงรีบลงมา เมื่อพิจารณาแล้วเห็นอย่างชัดเจนว่า มหาปุริสลักษณะแบบนี้จะต้องเป็นศาสดาเอกของโลกแน่นอน แต่น้อยใจว่าตนเองอายุขัยจะมาถึงเสียก่อน ไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ร้องไห้และหัวเราะ คือหัวเราะที่โลกจะได้มีพระพุทธเจ้าปรากฏขึ้น ร้องไห้ที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลังจากประสูติแล้ว ๕ วันก็มีการเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ รูปมาทำนายลักษณะ พราหมณ์ทั้ง ๑๐๗ รูปทำนายเหมือนกันว่าราชกุมารนี้ ถ้าครองราชย์จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก ยกเว้นพราหมณ์รูปเดียวที่อายุน้อยที่สุด คือโกณฑัญญพราหมณ์ ที่ทำนายไปในทางเดียวว่า "ราชกุมารนี้จักออกบวช และเป็นศาสดาเอกของโลก"

คราวนี้ถ้าหากว่าพวกเราเกิดอยู่ในที่สมบูรณ์บริบูรณ์ด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ถึงขนาดมีปราสาท ๓ ฤดูเป็นของตนเอง คาดว่าก็คงจะลืมไปหมดว่าเราต้องการมาเพื่อปฏิบัติธรรมให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ แต่ว่ามหาโพธิสัตว์ราชกุมารท่านไม่เคยลืม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-06-2023, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถึงแม้พระเจ้าพระเจ้าสุทโธทนมหาราชพระราชบิดา จะสั่งให้บรรดาข้าราชบริพารกำจัดสิ่งอันเป็นข้าศึกต่อสายตาของราชกุมารไปจนหมด ก็คือไม่ให้มีคนแก่ คนเจ็บ คนตาย ปรากฏอยู่ตรงหน้าเลย แต่ปรากฏว่าเมื่อพระองค์พระชนมายุได้ ๒๙ ชันษา เสด็จออกประพาสอุทยาน เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว เทวดาจึงแสดงเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และนักบวช ให้ปรากฏแก่ราชกุมาร เมื่อพระองค์ท่านทอดพระเนตรแล้วก็เกิดสลดสังเวชใจ มีวิสัยน้อมไปทางบรรพชา และได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ตั้งแต่บัดนั้น

พวกเราลองเทียบน้ำใจขององค์มหาโพธิสัตว์ ว่าพระองค์ท่านจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก แต่สลัดตัดทิ้งโดยไม่ไยดีในราชสมบัติทั้งปวง เพราะต้องการจะออกแสวงหาธรรม แม้กระทั่งพระชายาที่งดงามที่สุดและเพิ่งจะให้พระประสูติกาลราหุลกุมาร ซึ่งเป็นลูกคนแรกก็ว่าได้ และไม่ใช่คนแรกอย่างเดียว เป็นลูกคนเดียวเสียด้วย

แต่พระองค์ท่านเห็นว่า ความรักความอาลัยในครอบครัวและทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ไม่สำคัญเท่ากับการแสวงหาธรรมเพื่อความหลุดพ้น แล้วจะได้มาขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร จึงได้สละประโยชน์สุขส่วนน้อย เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมองไปทางด้านหลัง จะเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของ สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งมีพระบรมราโชวาทเอาไว้ข้อหนึ่งว่า ให้พวกเราสละประโยชน์สุขส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์สุขส่วนใหญ่ของบ้านเมือง นี่คือน้ำพระทัยเดียวกัน ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นข้อคิด และขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องวัดกำลังใจของเราว่า ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ท่านจะสามารถตัดขาดได้เหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่ ?

พระองค์ท่านอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต เสด็จออกบิณฑบาต อาหารที่ได้รับมา บาลีใช้คำว่า "เมื่อมองดูอาหารนั้นแล้ว รู้สึกเหมือนลำไส้จะปลิ้นออกมาทางปาก" ก็คือจะอ้วก..!

เนื่องเพราะว่าทรงเสวยแต่พระกระยาหารที่ประณีตที่สุด แล้วมาเจออาหารของชาวบ้านทั่วไป บุคคลที่ไปอินเดียกับกระผม/อาตมภาพจะรู้ดี หลายท่านกินอาหารของเขาไม่ได้เลย แต่พระองค์ท่านก็ตัดพระทัยว่า ถ้าความลำบากแค่นี้เราทนไม่ได้ แล้วเราจะเอากำลังที่ไหนไปแสวงหาโมกขธรรม เมื่อตัดพระทัยได้ ก็สู้ทนเสวยกระยาหารหยาบที่สุดในชีวิตที่พระองค์ท่านเคยพบมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-06-2023, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายฝึกในกรรมฐาน ๔๐ กอง จะมีอยู่กองหนึ่ง คืออาหาเรปฏิกูลสัญญา การพิจารณาอาหาร ว่ามีธรรมชาติมาจากความสกปรก ต่อให้ประณีตเอร็ดอร่อยสักเท่าไรก็ตาม เมื่อมองไปถึงต้นกำเนิดก็จะเห็นว่า ไม่มาจากพืช ก็มาจากสัตว์ มาจากสัตว์ก็เต็มไปด้วยเลือดด้วยเนื้อ มาจากพืชก็เกิดจากการดึงดูดเอาซากพืช ซากสัตว์ หรือว่าสิ่งสกปรกไปเป็นอาหาร จนกระทั่งเลี้ยงต้นให้เติบใหญ่ขึ้นมาได้

แล้วองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงทรมานพระวรกายแบบที่สมัยนั้นนิยม อดทนอยู่ถึง ๖ ปีเต็ม ๆ โดยที่ไม่มีผลตอบแทนอะไรเป็นมรรคเป็นผลขึ้นมาเลย พวกเราทั้งหลายมีความอดทนขนาดนั้นหรือไม่ ? ไม่ต้อง ๖ ปีหรอก เอาแค่ ๖ วัน หรือว่า ๓ วันก็เกือบขาดใจตายแล้ว..!

ดังนั้น..วันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่เราควรจะพินิจพิจารณา เห็นน้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สละความสุขส่วนพระองค์ สละลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันจะพึงเกิดขึ้น ออกไปตกระกำลำบากแสวงหาโมกขธรรม จนกระทั่งเกือบจะสิ้นพระชนม์ สภาพร่างกายเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ถ้าเป็นบุคคลทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่กำลังสมาธิรักษากายได้ คาดว่าคงจะอวัยวะภายในล้มเหลว ตายไปหลายรอบแล้ว..!

เนื่องเพราะว่าพระองค์ท่านอดพระกระยาหาร จนกระทั่งในบาลีกล่าวว่า เอามือลูบท้องก็ติดกระดูกสันหลัง ก็คือไม่มีอะไรเหลือไว้ให้แล้ว นอกจากโครงกระดูกที่มีหนังหุ้มอยู่ เอามือลูบผิวกาย เส้นขนก็หลุดติดมือมา เพราะไม่มีอาหารหล่อเลี้ยง แม้แต่เสด็จพระราชดำเนินก็ซวนเซล้มลง เพราะไม่มีกำลังจะพยุงพระวรกาย
พวกเราเคยทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรมขนาดนั้นบ้างหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-06-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้เราจะเห็นว่าทำไมพระองค์ท่านประสบความสำเร็จ ขณะที่เราไม่ประสบความสำเร็จ ก็เพราะว่าพระองค์ท่านมีสัจจะ มุ่งมั่นต่อเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง มีวิริยะ พากเพียรเต็มกำลัง ชนิดที่ว่าเลือดและเนื้อจะเหือดแห้งไปก็ดี ชีวิตินทรีย์นี้จะตักษัยลงไปก็ตาม ถ้าไม่บรรลุมรรคผลตามที่ต้องการ ก็จะไม่ลุกขึ้น พระองค์ท่านมีขันติบารมี อดทนต่อความยากลำบากยิ่งกว่าบุคคลทั่วไปในยุคนั้น การทรมานพระวรกายของพระองค์ท่าน มากกว่าบรรดาโยคีบุคคลต่าง ๆ ในยุคนั้นได้กระทำมา

ดังนั้น..ในวาระสำคัญ คือวันวิสาขบูชา พวกเราทั้งหลายจึงควรพินิจพิจารณาว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่างแก่เรามา ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว เราที่กล่าวได้ว่าเป็นศากยบุตรพุทธชิโนรส เพราะว่าปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระองค์ท่าน เราทำตัวสมควรแก่ธรรมแล้วหรือยัง ? หรือว่ากิเลสจูงหน่อย เราก็ไหลตามกิเลสไป ลำบากนิดก็ท้อ ลำบากหน่อยก็ถอย ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราเป็นอย่างนั้น ก็จะไม่มีพระพุทธศาสนาปรากฏแก่พวกเราในวันนี้

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องถือว่าสร้างบุญสร้างบารมีมาเพื่อมรรคเพื่อผล เราทั้งหลายที่เกิดทันสมัยขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องบอกว่าเป็นบุคคลที่คู่ควรกับมรรคผลเช่นกัน เพียงแต่ว่าเมื่อไรจะทำจริงกันสักที หรือว่ายังทำเล่น ๆ แก้บนไปเรื่อย ใครว่านิดก็เลิก ใคร "บูลลี่" หน่อยก็ถอย ทั้ง ๆ ที่มรรคผลของเราเองแท้ ๆ ไม่ใช่ของไอ้คนพูดสักหน่อย..!

ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ จึงขอฝากไว้เป็นข้อคิดสำหรับพวกเรา ว่า
เราดำเนินตามรอยบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราทำตัวสมกับเป็นพุทธสาวกหรือยัง ?

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว