กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-05-2023, 18:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,596
ได้ให้อนุโมทนา: 216,264
ได้รับอนุโมทนา 739,698 ครั้ง ใน 36,060 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-05-2023, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,980 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพออกจากวัดท่าขนุนตั้งแต่ยังไม่ทันจะตี ๓ วิ่งไปร่วมทำวัตรเช้ากับบรรดาผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสใหม่ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่เข้าอบรมอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) และอยู่จนกระทั่งหมดชั่วโมงในช่วงเช้า

หลังจากนั้นก็ได้วิ่งไปยังวัดโพธิ์ลังกา เพื่อให้ท่านพระอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) ทำการรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยที่เป็นอยู่ แต่ปรากฏว่าท่านอาจารย์บ๊ะไม่ได้รักษาให้ใครแล้ว ท่านบอกว่ามีคนไปฟ้อง ทางด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสิงห์บุรีจึงโทรศัพท์มา แจ้งให้ท่านหยุดทำการรักษา ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะมีการแจ้งข้อหาในการรักษาโดยไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ เหล่านั้นเป็นต้น

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจของคน คนบางคนนอกจากไม่มีมุทิตา ยินดีในความดีของคนอื่นแล้ว จิตใจยังประกอบไปด้วยความริษยาเป็นปกติ เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่ามีญาติโยมมาหามาก คาดว่าต้องมีลาภผลมาก จึงต้องหาทางเตะสกัด

กระผม/อาตมภาพเจอเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มาเกือบจะตลอดชีวิต รายแรกเลยก็คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเองโดนทั้งปล่อยข่าวทำลาย โดนทั้งไสยศาสตร์ โดนทั้งจ้างคนทำร้ายและทำลายซึ่ง ๆ หน้า เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ามีญาติโยมไปหาท่านมากเป็นปกติ คนทั้งหลายเหล่านั้นคิดว่า ถ้าไม่มีหลวงพ่อฤๅษีฯ แล้ว คนเหล่านั้นอาจจะไปหาตนเองบ้าง จึงได้จ้างคนมาทำลาย ไม่ว่าจะเป็นหมอไสยศาสตร์ก็ดี หรือว่ามือปืนก็ตาม..!

ครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่งคือหลวงพ่อดาบส สุมโน แห่งอาศรมไผ่มรกต ท่านได้สร้างประโยชน์ให้กับญาติโยมเป็นอย่างมาก ช่วงที่อยู่จังหวัดแพร่ ก็นำญาติโยมสร้างพระมหาเจดีย์ถวายเป็นพุทธบูชา แต่มีคนเห็นว่าท่านทำงานใหญ่ มีญาติโยมสนับสนุนเป็นจำนวนมาก น่าจะมีลาภผลเงินทองมาก จึงไปไถเงินจากท่านเอาดื้อ ๆ..! แต่ว่าท่านไม่มีให้เขา เพราะว่าทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มานั้น ท่านนำลงทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาไปหมดแล้ว เขาทั้งหลายเหล่านั้นจึงหาเรื่องจับท่านสึก พูดง่าย ๆ ก็คือหาเรื่องทำลายท่านอย่างชนิดไม่ให้เหลือซาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2023 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-05-2023, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,980 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อดาบส สุมโน จึงได้ถอดสังฆาฏิส่งให้กับเขาไป พร้อมกับบอกว่า "ถ้าสังฆาฏินี้เป็นเครื่องหมายในความเป็นพระในสายตาของพวกท่าน ผมก็ยินดีสละให้ ต่อไปนี้ผมจะไม่เป็นพระในพระพุทธศาสนาแบบเดียวกับพวกท่าน แต่ผมจะเป็นพระในพระพุทธศาสนาแบบของพระพุทธเจ้า..!" หลังจากนั้นถ้าท่านทั้งหลายสังเกตก็จะเห็นว่า แม้หลวงปู่ดาบส สุมโนท่านจะครองจีวรก็ตาม แต่ว่าท่านไม่ได้พาดสังฆาฏิ เหตุเพราะว่าท่านสละสังฆาฏิให้กับผู้ที่มาจับท่านสึกไปแล้ว

ส่วนที่ยกมาให้ญาติโยมต่างได้เห็นนี้ ยังเป็นแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ปัจจุบันนี้บุคคลที่ตั้งใจทำลายพระพุทธศาสนา บางทีก็มาในแง่ของความหวังดีปรารถนาดี หรือว่ารับจ้างเขามาทำลายก็ไม่รู้..!?

เพื่อนฝูงของกระผม/อาตมภาพเพิ่งจะโดนมาก็คือ จัดงานปิดทองฝังลูกนิมิต ซึ่งในงานวัดแต่ละงานนั้น ล้วนแล้วแต่จะต้องมีร้านค้ามาจับจองพื้นที่เพื่อจำหน่ายข้าวของ โดยที่จะมี "ค่าที่" ให้กับทางวัด เป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่ทางวัดจะได้เก็บเอาไว้เพื่อบำรุงวัด

แต่ปรากฏว่าเพื่อนของกระผม/อาตมภาพรูปนี้ไปเจอทีเด็ด ก็คือมีโยมท่านหนึ่งไปถ่ายรูปคนที่นั่งกินเบียร์อยู่ในร้านค้า ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับที่วัด แล้วก็ส่งไปฟ้องสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนั้น โดยที่กล่าวว่า วัดเป็นสถานที่ปลอดจากสุราและยาเสพติดตามกฎหมาย แล้วเหตุใดวัดนี้จึงมีการจำหน่ายสุราเมรัยอยู่ในพื้นที่วัด ? ทำให้ต้องมีการสอบสวนกันขนานใหญ่

นอกจากท่านเจ้าอาวาสที่เป็นเจ้าคณะตำบลจะโดนสอบสวนแล้ว ท่านเจ้าคณะจังหวัดก็เป็นเพื่อนของกระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งท่านเจ้าคณะจังหวัดเมื่อสืบทราบจากทางตำรวจที่เขาไปแจ้งความแล้วว่า วัดนี้ได้มีการจำหน่ายสุราเมรัยภายในวัด ซึ่งจำเป็นที่จะต้องให้สำเนาบัตรประชาชน ให้ที่อยู่เอาไว้ ในฐานะผู้แจ้งความกล่าวหา

ปรากฏว่าบุคคลนั้นอยู่ในจังหวัดหนึ่งที่ภาคอีสาน เพื่อนของกระผม/อาตมภาพที่เป็นเจ้าคณะจังหวัดจึงดัดหลัง ด้วยการให้ทางตำรวจเรียกตัวมาให้ปากคำ โดยที่เพื่อนของกระผม/อาตมภาพบอกว่า "ในเมื่อเขาตั้งใจกลั่นแกล้งพระ เมื่อถึงเวลาแล้วเราไม่ได้กลั่นแกล้ง เราแค่ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ในเมื่อคุณฟ้องร้อง คุณก็ต้องมาให้การด้วย"

ดังนั้น..จึงพากันเดือดร้อนด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็คือฝ่ายพระเดือดร้อนเพราะโดนแจ้งข้อหาว่าพื้นที่ปลอดยาเสพติด แต่ทำไมมีการจำหน่ายสุราเมรัย ? อีกฝ่ายหนึ่งก็เดือดร้อนตรงที่ว่า ต้องเดินทางจากภาคอีสานมายังภาคตะวันตก เพื่อที่จะให้ปากคำตามที่ตนเองได้ฟ้องร้องเอาไว้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2023 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-05-2023, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,980 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งที่ท่านอาจารย์บ๊ะได้เล่าให้ฟังก็คือว่า มีญาติโยมบางท่าน วัน ๆ ก็เอาแต่ขี่จักรยานท่อม ๆ ไปตามวัดต่าง ๆ รอบ ๆ วัดโพธิ์ลังกา เข้าไปเจอวัดไหนมีพระภิกษุสามเณรสูบบุหรี่อยู่ ก็ถ่ายรูปส่งฟ้องทันที เนื่องเพราะว่ามีกฎหมายออกมาระบุชัดเจนว่า วัดเป็นเขตปลอดบุหรี่ เป็นสถานที่ห้ามจำหน่าย ห้ามสูบบุหรี่ แล้วก็ตระเวนไปฟ้องเสียหลายวัด ทำให้ต้องเดือดร้อนกันไปหมด เพราะว่าตามกฎหมายที่ลงโทษก็คือ ต้องมีการปรับกัน ๑,๐๐๐ บาทบ้าง ๒,๐๐๐ บาทบ้าง ถ้าหากว่าพระเณรไม่มีปัญญาจ่าย บุคคลที่เดือดร้อนก็คือเจ้าอาวาส ที่จะต้องควักกระเป๋าจ่ายแทนพระเณรลูกวัดของตน..!

เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพนึกถึงสมัยที่ยังบวชใหม่ ๆ ช่วงนั้นไม่ว่าจะไปกิจนิมนต์ที่ไหนก็ตาม ญาติโยมก็จะถวายหมากพลู บุหรี่เป็นปกติ ถ้าหากว่าเป็นบ้านที่มีฐานะหน่อย พระ ๙ รูป ก็จะถวายบุหรี่รูปละ ๑ ซอง แต่ถ้าหากว่าเป็นบ้านที่มีฐานะน้อยหน่อย ก็จะถวายบุหรี่โดยการแบ่งใส่จานรองถ้วยกาแฟมา รูปละประมาณ ๕ - ๖ มวน แล้วกระผม/อาตมภาพก็มักจะโดนรุ่นพี่หรือว่ารุ่นพ่อที่ท่านสูบบุหรี่เป็นปกติ ขอไปเทใส่ย่ามตนเอง โดยที่บอกว่า "ท่านไม่สูบบุหรี่ ขอผมนะครับ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เต็มใจที่จะสละให้

ไม่ทราบเหมือนกันว่าตั้งแต่บุหรี่กลายเป็นที่รังเกียจของผู้คน แล้วทำให้เกิดกฎหมายนี้ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า เป็นโรงภาพยนตร์ เป็นสวนสาธารณะ หรือว่าเป็นศาสนสถาน กลายเป็นเขตปลอดบุหรี่ตามกฎหมายไปหมด คนสูบบุหรี่ก็กลายเป็นตัวน่ารังเกียจของสังคม..!

ตอนช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพยังอยู่ที่วัดท่าซุง ซึ่งตอนนั้นผู้ที่สูบบุหรี่ก็มีอยู่ด้วยกันแค่ ๓ - ๔ รูปเท่านั้น ไปที่ไหนก็โดนเขาไล่ จนกระทั่งท้ายสุดกระผม/อาตมภาพต้องบอกว่า "หน้าตึกที่กระผม/อาตมภาพทำงานอยู่ ตรงนี้ไม่ใช่เขตปลอดบุหรี่ ใครไม่มีที่สูบบุหรี่ มาสูบตรงนี้ได้เลย..!" บรรดาพระเพื่อนพระพี่ที่สูบบุหรี่อยู่ ๓ - ๔ รูป จึงได้มีสถานที่ผ่อนคลายจำเพาะของตนเอง

แต่ว่าพอถึงเวลามีการสั่งห้ามขาด พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็เตือนพวกเราเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งแต่ละคนก็พยายามที่จะลด ละ แล้วในที่สุดก็จะเลิกบุหรี่เหล่านั้นให้ได้ แต่ปรากฏว่าบางท่านก็มรณภาพเสียก่อนบ้าง บางท่านก็สึกหาลาเพศไปบ้าง บรรดาพระน้อง ๆ ที่มาใหม่ เมื่อมีกฎเกณฑ์ข้อนี้ ต่างก็พยายามที่จะไม่ไปแตะต้องสิ่งเสพติดทั้งหลายที่กลายเป็นของรังเกียจในสังคมปัจจุบันไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2023 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-05-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,399,980 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือกระผม/อาตมภาพมีลูกศิษย์อยู่ท่านหนึ่ง ท่านบวชมาแล้วปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก ช่วยแบ่งเบาภาระของกระผม/อาตมภาพได้เป็นอย่างดียิ่ง เชื่อหรือไม่ว่าอยู่ด้วยกันมาจนถึง ๔ พรรษา มีอยู่วันหนึ่ง กระผม/อาตมภาพไปเห็นก้นบุหรี่ซุกอยู่ในซอกอิฐบล็อกที่ทำเป็นขอบแปลงดอกไม้ ถึงได้ถามว่าใครเป็นคนสูบบุหรี่ ? ท่านถึงได้บอกว่า "กระผมเองครับ" จึงถามว่าท่านสูบบุหรี่ตั้งแต่เมื่อไร ? ท่านบอกว่า "ตั้งแต่ก่อนบวช แล้วก็สูบมาตลอดครับ" เพียงแต่ว่าท่านเองปกปิดได้ดีมาก ก็คือจะสูบบุหรี่เฉพาะตอนที่อยู่ในกุฏิที่พักของตน ซึ่งเป็นที่ลับตา ไม่มีใครเห็นเท่านั้น

แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพต้องมารับสังฆทานที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา ๓ วัน ช่วงนั้นท่านถือว่าท่านอยู่คนเดียว ท่านจึงได้สูบบุหรี่ในบริเวณวัด ด้านนอกกุฏิของตน แล้วก็เอาก้นบุหรี่ซุกเอาไว้ในรูอิฐบล็อกซึ่งทำเป็นขอบแปลงดอกไม้ บังเอิญกระผม/อาตมภาพตาดีไปเห็นเข้า ถึงได้รู้ว่าตลอดระยะเวลา ๔ พรรษานั้น ท่านสูบบุหรี่มาโดยตลอด แต่เป็นการสูบบุหรี่ที่ไม่มีใครรู้เลยว่าท่านสูบ..!

ถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณรของเราท่านใดไม่สามารถที่จะเลิกบุหรี่ได้ ก็ขอให้พยายามทำให้ได้แบบนี้ ก็คือต่อหน้าธารกำนัล อย่าได้ไปทำให้คนอื่นเขาเห็น เนื่องเพราะว่าบุหรี่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นอันตรายอะไรมากมายเลย พ่อแม่ปู่ย่าตาทวดของเรา หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านก็สูบบุหรี่กันมาโดยตลอด

เพียงแต่ว่ามาระยะหลัง เมื่อออกมาเป็นกฎหมาย เป็นข้อห้ามขึ้นมา จึงกลายเป็นที่รังเกียจในสังคมเท่านั้น ถ้าหากว่าเจอผู้ที่ไม่หวังดี ก็จะเจอการกลั่นแกล้งแบบเดียวกับที่ท่านอาจารย์บ๊ะเจอมา แล้วถ้าหากว่าท่านไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ กระผม/อาตมภาพก็คงต้องจ่ายเอง จึงขอให้ท่านถือปฏิปทาของทิดท่านนี้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่บวชพระอยู่หลายพรรษา ท่านเองทำตัวชนิดที่ไม่มีใครรู้เลยว่าท่านสูบบุหรี่ ถ้าหากว่าทำแบบนี้ได้ ท่านจะสูบไป กระผม/อาตมภาพก็ไม่ว่า เพราะว่านอกจากตัวเองแล้ว ก็คงจะไม่มีคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย

จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายต้องสังวรระวัง บางอย่างแม้ว่าพระธรรมวินัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไว้ แต่ปัจจุบันนี้ผิดกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ถ้าท่านสามารถลด ละ หรือว่าเลิกได้ ก็จะเป็นบุญแก่ตัวเป็นอย่างยิ่ง ถ้ายังไม่สามารถที่จะเลิกได้ โดยที่มีข้ออ้างว่า "ลงทุนไปมากแล้ว" ก็ขอให้ท่านทั้งหลายพยายามที่อย่าได้ทำในขณะที่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน เพื่อประโยชน์ทั้งส่วนตนและส่วนรวม

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2023 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว