กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-03-2023, 18:35
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,596
ได้ให้อนุโมทนา: 216,268
ได้รับอนุโมทนา 739,709 ครั้ง ใน 36,060 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-03-2023, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,025 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพมีภารกิจสำคัญ คือทำหน้าที่รองประธานคณะพระวิปัสสนาจารย์ ตามโครงการอบรมวิปัสสนากรรมฐานแก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดทั้ง ๑๒๐ แห่ง ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม หมู่ที่ ๑ ตำบลขุนแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

ในงานนี้ได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙) กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ มาเป็นประธานเปิดงานให้ ทั้งที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ติดภารกิจในการตรวจข้อสอบบาลีสนามหลวง ซึ่งเปิดการตรวจในวันนี้เป็นวันแรก

ท่านเจ้าคุณอาจารย์เมตตาให้โอวาทเป็นเวลาถึง ๑ ชั่วโมงครึ่ง กล่าวถึงนโยบายซึ่งท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้ร่างเอาไว้ เพื่อปรับปรุงแนวทางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดทั่วประเทศ และได้อนุโมทนากับทางวัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้ถวายเงินประเดิมกองทุนเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติให้กับท่านไป ท่านถึงได้มีงบประมาณมาแบ่งสันปันส่วนให้กับคณะสงฆ์ทั้ง ๑๘ ภาค ในการจัดอบรมกรรมฐานแก่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดของทุกภาค

ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้บอกกล่าวถึงแนวทางในการร่างระเบียบของการตั้งสำนักปฏิบัติธรรมใหม่ โดยที่ให้มีแนวทางการเผยแผ่ดังนี้

ข้อที่ ๑ ต้องมีการอบรมบุคลากรในด้านวิปัสสนากรรมฐาน หรือที่เรียกกันว่าพระวิปัสสนาจารย์ ซึ่งในขณะนี้นั้นเป็นที่ต้องการมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ แต่ว่าในการอบรมนี้จะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน คือเป็นไปตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ของพระพุทธศาสนา

ดังนั้น..ไม่ว่าท่านจะสอนกรรมฐานในแนวทางใดก็ตาม ถ้าหากว่ามีคนสอบถาม จะต้องอธิบายได้ว่าเข้ากับหลักสติปัฏฐาน ๔ ในพระพุทธศาสนาตรงข้อใด ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ยิ้มอยู่ในใจว่า หัวข้อนี้ของท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นงานที่
กระผม/อาตมภาพทำเป็นปกติอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2023 เมื่อ 01:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-03-2023, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,025 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่ ๒ ต้องมีนวัตกรรมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งคำว่านวัตกรรมนี้ ญาติโยมทั้งหลาย ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรของเรา ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ประดิษฐกรรม นวัตกรรมก็คือการปรับปรุงของเก่าให้เกิดของใหม่ขึ้นมา แต่ประดิษฐกรรมเป็นการสร้างของใหม่ขึ้นมาเลย

อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่าของเก่ามีการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ มีการประดิษฐ์กล้องถ่ายรูป มีการประดิษฐ์โทรศัพท์ มีการประดิษฐ์โทรทัศน์ แต่ว่าทางด้านบริษัท Apple หยิบจับเอาสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ซึ่งมีอยู่แล้ว มารวมกับเป็นสิ่งที่เรียกว่า สมาร์ทโฟน ถ้าอย่างนี้เรียกว่าเป็นนวัตกรรม

ดังนั้น..นวัตกรรมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จึงเป็นการนำเอาหลักธรรมมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อที่จะได้สอนคนรุ่นใหม่ให้น่าสนใจและสามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ใช่ใช้ภาษาโบราณในลักษณะ "ไดโนเสาร์เต่าล้านปี" ซึ่งสิ่งนี้ทางวัดท่าขนุนก็พยายามทำอยู่แล้ว เพราะว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น มีหลักการเผยแผ่พระพุทธศาสนาก็คือ อุตตานีกะโรติ การทำของลึกให้ตื้น หรือว่าทำของยากให้ง่ายขึ้น

ดังนั้น..นวัตกรรมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงจุดนี้ ก็คือการที่เราประยุกต์เอาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา มาเผยแผ่ให้ตรงกับยุคตรงกับสมัย ไม่ใช่ไปประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ หรือว่านำเอาคำสอนใหม่ ๆ ที่ไม่ได้มีในพระไตรปิฎกเข้ามาสอนสั่งกัน

ข้อที่ ๓ ก็คือทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ซึ่งในปัจจุบันนี้เรามีพุทธมณฑลเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ๑๓๐ กว่าประเทศ แต่ว่าในด้านของการปฏิบัตินั้น พุทธมณฑลของเรายังไม่ได้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

ดังนั้น..การที่เราจะให้แค่พุทธมณฑลเป็นพระพุทธศาสนาโลกนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ควรที่จะให้วัดทุกวัดของเราเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของแต่ละชุมชน เมื่อทุกวัดทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง ประเทศไทยเราจะเป็นแบบอย่างและเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาโลกไปโดยอัตโนมัติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2023 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-03-2023, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,025 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่ ๔ ก็คือสร้างให้เกิดมูลค่าด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ทั้งศีลธรรมและวัฒนธรรม ตรงจุดนี้เราท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าปัจจุบันประเทศไทยของเรานั้น การท่องเที่ยวเฟื่องฟูมาก ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าได้เห็นฝรั่งไปล่องห่วงยางที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ดี หรือว่าเห็นบรรดาฝรั่งท่องเที่ยวตามแหล่งเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศก็ตาม ตลอดทั้งคนจีนที่ไหลมาเทมาในปัจจุบันนี้ก็มีเทรนด์ ก็คือค่านิยมรุ่นใหม่ ว่ามาเมืองไทยแล้วต้องแต่ชุดนักเรียนถ่ายรูป เหล่านี้เป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็คือวัฒนธรรมที่เกิดเป็นมูลค่าที่เรียกว่า Soft Power ซึ่งไม่ใช่มีแต่เพียงเท่านี้ การท่องเที่ยวไทย อาหารไทย มวยไทย ตลอดจนกระทั่งสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นไทย ๆ นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ต่างชาติต้องการ โดยเฉพาะจริตนิสัยและรอยยิ้มแบบไทย เป็นที่ชื่นชมของทุกชาติทุกภาษาเป็นอย่างมาก

ดังนั้น..ทางพระพุทธศาสนาของเรา ทำอย่างไรที่เราจะสร้างค่านิยมให้เกิดขึ้น ในการที่ดึงคนเข้ามาปฏิบัติธรรม ซึ่งฝรั่งนั้นถ้าทำอะไรก็ทำจริง โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ ถ้าเอ่ยถึง Meditation ฝรั่งก็จะสนใจหลักการปฏิบัติตามแบบของวัชรยาน คือทิเบต หรือว่าตามแบบของพระพุทธศาสนาในประเทศพม่า เพราะว่าทั้งสองประเทศนั้นมีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะหลักการปฏิบัตินี้มานานก่อนเรา แต่คำว่านานก่อนนี้ก็คือเผยแผ่ต่อทางด้านโลกตะวันตก โดยที่ประเทศไทยเรายังตามหลังเขาอยู่

เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ Soft Power ทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการปฏิบัติธรรมแล้วเกิดผลดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการศึกษา หรือว่าการทำงาน เมื่อคนเขาเห็นผลดีแล้ว ก็จะเข้ามาประพฤติปฏิบัติกันเอง ทำให้พระพุทธศาสนาของเราบังเกิดมูลค่าทางวัฒนธรรมขึ้นมาได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2023 เมื่อ 01:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-03-2023, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,025 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ข้อที่ ๕ เป็นข้อสุดท้าย ในการพัฒนาการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะแนวทางพัฒนาของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรม ก็คือประสานการเผยแผ่ด้วยพลังบวร "บ" คือบ้าน "ว" คือวัด "ร" คือโรงเรียนและราชการ ทำอย่างไรที่เราจะประสานให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ไม่ใช่ไปทะเลาะเบาะแว้งตั้งแง่ใส่กัน ทำอย่างไรจะให้ชาวบ้านเห็นวัดเป็นศูนย์กลาง ทำอย่างไรจะให้โรงเรียนและหน่วยราชการเข้ามาใช้วัดเป็นศูนย์กลาง เป็นสิ่งที่เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายจะต้องใช้กลยุทธ์ หรือว่าวางแนวยุทธศาสตร์ในการพัฒนาสำนักปฏิบัติธรรมของตนให้อยู่ในแนวทางนี้ จะทำให้เกิดความสามัคคีเป็นปึกแผ่น

ในเมื่อสามารถที่จะสร้างความสามัคคีเป็นปึกแผ่น สร้างมูลค่าด้วยพระพุทธศาสนา ซึ่งก่อให้เกิดศิลปะวัฒนธรรม มีการพัฒนานวัตกรรม ทำให้พระพุทธศาสนาเข้าถึงได้ง่าย ประเทศไทยของเราก็จะกลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ซึ่งทั้งคนไทยและทุกชาติทุกภาษาจะต้องแสวงหา

ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกอบรมบุคลากรของเรา ซึ่งทางกองเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ดี ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ วัดประยุรวงศาวาส ซึ่งท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. เป็นประธานอยู่ก็ตาม ก็จะเป็นผู้วางแนวทางนโยบายและหางบประมาณมาหนุนเสริม

แต่ว่าบุคคลที่จะทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้สำเร็จ อันดับแรกเลยก็คือ เจ้าคณะปกครองระดับต่าง ๆ อันดับต่อไปก็คือ เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมที่ต้องมาอบรมพัฒนา ให้ตนเองมีศักยภาพและแนวทางในการปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นที่ยอมรับ และเป็นไปโดยสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวเอาไว้ในพระไตรปิฎก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2023 เมื่อ 01:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 09-03-2023, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,025 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อท่านเจ้าคุณอาจารย์กล่าวเปิดพิธีการอบรมเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ขอตัวเดินทางเพื่อไปร่วมงานตรวจข้อสอบบาลีสนามหลวงประจำปี ๒๕๖๖

ขอเรียนพระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมที่ฟังอยู่ว่า หลักการทั้ง ๕ ข้อที่กล่าวมานี้ กระผม/อาตมภาพใช้ความจำของตนเองสรุปออกมา อาจจะไม่ได้ตรงทุกคำพูด หรือว่าไม่ได้ตรงหัวข้อเป๊ะ ๆ ตามคำพูดนั้น ๆ แต่ว่าข้อใหญ่ใจความก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันนี้

เนื่องเพราะว่าในฐานะที่เป็นรองประธานคณะพระวิปัสสนาจารย์ในโครงการครั้งนี้ ก็ต้องนั่งนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถที่จะหากระดาษปากกามานั่งจดตามที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์ได้บรรยาย จึงต้องอาศัยสมองของตนเองจดจำเอาไว้ เมื่อถึงเวลาแล้วก็นำมาบอกกล่าวให้กับญาติโยมได้ฟัง และจะได้คัดลอกเสียงออกมาเป็นตัวอักษร เพื่อที่จะได้ไม่หลงลืม

เป็นไปตามหลักหัวใจนักปราชญ์คือ สุ จิ ปุ ลิ ประกอบไปด้วย สุตตะ ตั้งใจฟัง จิตตะ คิดตามไปว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเราเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ปุจฉา สงสัยก็ให้สอบถามรายละเอียดเหล่านั้น และลิขิต บันทึกเอาไว้เพื่อทบทวนตนเองในเวลาต่อไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2023 เมื่อ 01:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว