กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-03-2023, 19:52
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 332
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,240 ครั้ง ใน 804 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-03-2023, 23:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,352 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ งานที่พวกเราได้เห็นในวันนี้ก็คือ การบวงสรวงเปิดงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศแก่อดีตเจ้าเมืองหน้าด่าน ๗ หัวเมือง คราวนี้พิธีกรรมต่าง ๆ นั้นมีการบวงสรวงและทรงเจ้าแบบมอญ แต่มีปัญหาใหญ่อยู่ ๒ ประการด้วยกัน

ประการแรกก็คือ บุคคลที่มารับหน้าที่แทนท่านอาจารย์กามเทพ (อาจารย์กามเทพ มิ่งสำแดง) ไม่ยอมเปิดใจตัวเอง เล่นเอาท่านอาจารย์กามเทพนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะกินหัวมัน..! ก็คือครูบาอาจารย์ตายไปแล้ว หวังพึ่งลูกศิษย์ แล้วครูบาอาจารย์ก็มารอแต่เช้าเลย แต่ลูกศิษย์ไม่ยอมเปิดใจตัวเอง เพราะกลัวว่าจะขาดสติตอนที่บรรดาเจ้าเมืองหน้าด่านลง ท่านทั้งหลายต้องทราบกฎเกณฑ์กติกาอย่างหนึ่งของโลกอื่น ก็คือถ้าหากว่าเจ้าของร่างไม่อนุญาต จะ "ลง" ไม่ได้..!

ดังนั้น..ใครก็ตามที่โดนบรรดาผู้ที่มีเวรมีกรรมผูกพันเกี่ยวเนื่องกันมา พยายามจะเอาเป็นร่างทรง ถ้าหากว่าเราไม่อนุญาต เขาก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เขากลั่นแกล้งเราให้ลำบากได้

ดังนั้น..ส่วนใหญ่ที่เดือดร้อนแล้วมาพบ กระผม/อาตมภาพแนะนำไปว่าให้ต่อรองกับเขาว่า อันดับแรกเลย ถ้าจะลงทรงเพื่อสร้างบารมี อย่าให้ต้องแสดงอาการออกมาเป็นที่วิปริตผิดเพี้ยน จนตัวเองหรือครอบครัวต้องอับอายขายหน้าคนอื่น

ประการที่สอง เรื่องที่รับปากช่วยเหลือคนอื่นต้องสำเร็จตามนั้น ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด

ประการสุดท้าย ถ้าต้องการจะใช้ร่างกายนี้ยาว ๆ จนกระทั่งทำมาหากินไม่สะดวก ต้องทำให้มีฐานะร่ำรวยมั่นคงก่อน

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าใครเจอ สามารถให้คำแนะนำแก่เขาได้ เพราะว่าโลกอื่นเขาไม่โกหกกัน ถ้าหากว่ารับปากแล้วก็คือเป็นไปตามนั้น ส่วนใหญ่ที่ผ่าน ๆ มาก็มักจะไปขับไล่เขา การขับไล่ใช้ได้แค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ประมาณว่าอยู่ต่อหน้าเราก็ไป ห่างเราไปเมื่อไรก็กลับมา เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเขาผูกบุญผูกกรรมกันมา เป็นสิทธิ์ของเขาเลย แต่เจ้าของร่างกายก็มีสิทธิ์ในร่างกายของตนเอง ดังนั้น..ถ้าดื้อพอ เราไม่ให้ "ลง" นี่ เขาจะ "ลง" ไม่ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2023 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-03-2023, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,352 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในชีวิตนี้กระผม/อาตมภาพเห็นคนที่ดื้อที่สุดก็คือพี่แดง (พลตรีศรีพันธ์ วิชชุพันธุ์) ลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตอนนั้นเป็นงานทำบุญวันเกิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่บ้านสายลม ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมจะลงทรงเพื่อมาแสดงความยินดี ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เป็นเจ้าคุณที่พระสุธรรมยานเถร วิ. ปรากฏว่าพี่แดงไม่ยอม แบบเดียวกับวันนี้เลย

แม้พระเดชพระคุณหลวงท่านจะเตือนบอกว่า "ไอ้แดง..ปล่อยปู่เขาลงแป๊บเดียว" พี่แดงยืนยันว่า "ถ้าลงแล้วผมไม่ได้สติ ผมไม่ยอม" ลองคิดดูว่าอธิบดีแห่งพรหมทั้งหลาย อรหัตมรรค ว่าที่อรหัตผล ไม่สามารถที่จะทรงได้ กำลังของพี่แดงเขาต้องขนาดไหน ?

แต่จะว่าก็ไม่ได้ เพราะพี่เขาเป็นพุทธภูมิ ปรารถนาพระโพธิญาณมา แต่ว่าเทวดาหรือพรหมท่านรู้จังหวะ พี่แดงเผลอแวบเดียวเท่านั้นเอง ท่านปู่ลงปั๊บเลย..! แต่ลงได้ประมาณ ๓ วินาที โดนดีดออกไปอีก เออ..พี่เขาเก่ง ก็คือท่านปู่รอจังหวะเผลอ แต่คราวนี้พอพี่แดงโดนลักษณะนั้นแกก็เลิกเผลอ แกเข้าฌานเลย พวกคุณถ้าเจอแบบนี้จะลองดูบ้างก็ได้นะ ดูว่าจะสู้ไหวไหม ?

ส่วนประการที่สองที่วันนี้งานกร่อยก็เพราะว่าพวกเรานั้นบ้า อยากจะรู้เรื่องผีเรื่องเทวดา แต่เสือกกลัว แล้วไปอาราธนาพระ น่าตบให้หัวหลุด..! พอคุณตั้งรูปพระพุทธเจ้าเข้ามา ในเขตนั้นผีที่ไหนจะเข้าได้ ?
กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องไปเปิดช่องให้เขา เสียเวลาเป็นบ้าเลย

สรุปว่าวันนี้ที่ไม่มีอะไรสนุก ๆ ให้ดูเกิดจากสองสาเหตุ สาเหตุแรกก็คือร่างทรงไม่เปิดใจ สาเหตุที่สองก็คือไอ้พวกเราอยากจะดูก็อยาก กลัวก็กลัว จึงอาราธนาพระจนผีลงไม่ได้ คราวนี้ถ้าใครไปแล้วทำแบบนี้นี่โดนแน่..! คือถ้าไปก็ต้องเลิกกลัว ไม่ใช่กลัวแต่ก็อยากดู

คราวนี้ในการที่ไม่เปิดใจ ทำให้ไม่สามารถที่จะรับพลังงานจากภายนอกเข้ามาได้ ขอกล่าวถึงการเข้าทรงก่อน ผีหรือว่าพรหมเทวดาเขาไม่ได้เข้ามาในร่างกายของเรา เขาอยู่ข้างนอกนั่นแหละ บางทีถ้าหากว่าเข้าทรงอยู่ในศาลาตรงนี้ เจ้าตัวอาจจะยืนอยู่หน้าวัดโน่น แต่ใช้พลังงานกดลงมา ให้ร่างทรงแสดงอาการหรือคำพูดตามที่เจ้าตัวต้องการ

จำให้แม่นเลยนะ เขาไม่เสียเวลามาเข้าร่างกายของเราหรอก เพียงแต่ใช้พลังงานนั้นเบียดจิตของเรา จนกระทั่งไม่สามารถที่จะแสดงอาการของตนเองออกมาได้ แล้วบังคับให้แสดงหรือพูดตามที่เขาต้องการ บางรายประเภทไม่ทันใจก็เบียดหลุดออกไปเลย เดี๋ยวพอเขาไปแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2023 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-03-2023, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,352 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ที่พูดถึงตรงนี้ก็เพราะว่า สภาพจิตที่ไม่เปิด อยู่ในลักษณะเดียวกับท่านทั้งหลายที่ฝึกมโนมยิทธิไม่สำเร็จ ก็คือมีความกลัว กลัวว่าถ้าถอดจิตออกไปแล้วจะเจอสิ่งที่ไม่ดีบ้าง สิ่งที่น่ากลัว หรือว่าไปแล้วกลับไม่ได้ จะว่าไปก็น่ากังวลนะ กำลังใจตรงนี้ทำให้ผู้ฝึกมโนมยิทธิไม่สามารถที่จะฝึกได้สำเร็จ สาเหตุใหญ่เลยก็คือกลัว โดยเฉพาะกลัวตาย ก็คือกลัวว่าไปแล้วจะกลับไม่ได้..!

ในเมื่อเรากลัว แต่กำลังสมาธิเพียงพอที่จะออกไป กายในจะออก สภาพจิตที่กลัวก็ไปรั้งเอาไว้ จึงเกิดการชักคะเย่อกันขึ้น เลยดิ้นตึงตังโครมครามกันอย่างที่เห็น ถ้าพวกเรารู้จักสังเกต จะเห็นว่าบุคคลที่หลุดออกไปได้นั้น จะเลิกดิ้นเลิกอะไรทุกอย่าง บางคนนอนนิ่งเป็นขอนไม้ไปเลย เพราะว่าสภาพจิตออกไปแล้ว แต่ถ้ากำลังพอแล้ว สภาพจิตไปกลัว จะออกได้ยากมาก ดิ้นอยู่นั่นแหละ บางคนดิ้นจนเหนื่อยเกือบขาดใจตาย เพราะว่าไปไม่ได้สักที กำลังพอที่จะไปแต่ใจดันไปกลัว แปลว่าถ้าเราเลิกกลัวเมื่อไร ก็จะฝึกมโนมยิทธิสำเร็จได้เมื่อนั้น

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่กลัวว่าไปแล้วกลับไม่ได้ ให้รีบเปลี่ยนกำลังใจเสียใหม่เลย เพราะว่าไม่มีอะไรที่สภาพจิตนี้จะรักและห่วงเท่ากับตัวเองอีกแล้ว ถ้าหากว่าใครที่เคยฝึกมโนมยิทธิครึ่งกำลังมาจะรู้ชัดเจนที่สุด ก็คือว่าบางทีขึ้นไปบนพระนิพพาน ยังไม่ทันที่จะทำอะไรเลย อ้าว..เราลงมาตั้งแต่เมื่อไรวะ ? คือสภาพจิตหนีกลับร่างกายมาเรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น..การที่เรากลัวว่าไปแล้วกลับไม่ได้ ให้เลิกกลัวไปเลย จากประสบการณ์ที่กระผม/อาตมภาพฝึกมโนมยิทธิได้ตั้งแต่อายุก่อน ๒๐ ปี และใช้มาจนถึงปัจจุบันนี้ ขอยืนยันว่า ให้กลัวว่าไปไม่ได้ดีกว่า ไอ้เรื่องกลับไม่ได้นี่ยังไม่เคยปรากฏ เกิดอะไรขึ้นแม้แต่นิดเดียว จิตหนีกลับทันทีเลย คราวนี้ในเมื่อร่างทรงไม่เปิดใจ บรรดาเจ้าเมืองลงไม่ได้ ผู้ปฏิบัติธรรมไม่เปิดใจก็คือกลัวตาย ก็ฝึกมโนมยิทธิไม่สำเร็จ

เหตุใดการที่เราฝึกมโนมยิทธิจึงต้องพิจารณาตัดร่างกาย ก็เพื่อให้ปัญญาของเราเห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงใยต้องกังวล มีสภาพปฏิกูลน่ารังเกียจเป็นปกติ เจ็บไข้ได้ป่วย หิวกระหาย หนาวร้อน เป็นปกติ มีความทุกข์ประเดประดังเข้ามาทุกวันเป็นปกติ ถ้าเห็นชัดเจนก็จะรู้สึกเบื่อ แล้วถอนความยึดมั่นถือมั่นออกมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2023 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-03-2023, 23:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,352 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าใครสามารถพิจารณา แล้วทำกำลังใจได้แบบนี้จะเกิดผลสองอย่าง อย่างแรกก็คือสภาพจิตออกจากร่างกายไปได้ง่ายมาก เพราะว่าไม่มีความห่วงใยแล้ว ประการที่สองก็คือ ในเมื่อสภาพจิตประกอบไปด้วยดวงปัญญา ออกไปก็จะเห็นอะไรชัดเจนสว่างไสว ยิ่งถ้ากราบขอบารมีพระท่านช่วย ก็จะยิ่งเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ถามว่าชัดขนาดไหน ? ก็ประมาณพระอาทิตย์ยามเที่ยง เราเห็นวัตถุอื่นชัดแค่ไหนก็สว่างแค่นั้น

เพียงแต่ว่าความเป็นทิพย์นั้นเป็นเรื่องอัศจรรย์มาก สิ่งที่เราเห็นแค่พริบตาเดียว ถ้าให้อธิบายบางทีต้องใช้ตัวหนังสือหลายหน้ากระดาษ เพราะว่าความเป็นทิพย์ที่ปรากฏขึ้นแค่ชั่วพริบตาเดียว รายงานสารพัดเรื่องให้เราในครั้งเดียวเลย เร็วกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์อีก..!

ในเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เรื่องอื่นที่ข้ามเลยไปไม่ว่ากัน แต่สำหรับท่านที่ฝึกมโนมยิทธิเท่าไรก็ไม่ได้ หรือว่าถึงไปได้ก็ไม่ชัดเจน ให้เอาคำพูดที่กระผม/อาตมภาพบอกไว้นี้ ไปฝึกหัดขัดเกลาตัวเอง แล้วสิ่งที่เราคิดว่ายากเย็นแสนเข็ญนั้น กระผม/อาตมภาพขอยืนยัน "ใครที่คิดได้ ฝึกมโนมยิทธิได้ทุกคน เพราะว่า "มโน" ในความหมายหนึ่งคือห้วงนึก คือความคิดนี่เอง"

เพียงแต่ว่าแรก ๆ ความชัดเจนจะมีน้อย ออกไปบางทีไม่ได้พิจารณาก็มืดตื๋อ เปะปะไปมา ไม่รู้ว่าจะไปไหนก็กลับ บางคนน่าเสียดายมาก หลุดไปแบบเต็มกำลังแล้ว แต่ออกไปแล้วเจอแต่ความมืด ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี กลัวขึ้นมาก็กลับร่างกาย เพราะว่าขาดการพิจารณาร่างกาย จนกระทั่งสามารถตัดใจได้ ให้พวกเราค่อย ๆ ไปฝึกหัดขัดเกลาตนเอง

ขอย้ำอีกทีว่า "มโนมยิทธิง่ายมาก ใครที่คิดได้ ฝึกมโนมยิทธิได้ทุกคน" เพียงแต่ว่าฝึกได้แล้ว ต้องหมั่นขยันซักซ้อมเอาไว้บ่อย ๆ ใช้ทุกวันทุกเวลาเหมือนกับเราขยันลับมีด มีดนั้นจึงคมพร้อมที่จะใช้งาน ไม่ใช่ถึงเวลาผ่านไป ๓ เดือน ๖ เดือน ๑ ปี อยากรู้เรื่องอะไรแล้วค่อยมาขยับกันทีหนึ่ง ถ้ารู้ได้ถูกก็มีสองประการ ประการแรกก็คือบังเอิญหรือที่เรียกว่าฟลุก ประการที่สองก็คือมั่วไปแล้วถูกพอดี..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2023 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว