กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-02-2023, 19:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,062 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-02-2023, 00:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ช่วงนี้ทุกท่านก็ต้องทนเหม็นกลิ่นสีกลิ่นทินเนอร์กันหน่อย เพราะว่าทางช่างเร่งรัดในการสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน เป็นช่วงที่จะต้องลงสี ตอนนี้ก็สำคัญที่ว่าพระพุทธรูปแก้วของเราที่ช่างกำลังขัดแต่งอยู่นั้น จะต้องส่งมาให้ทันกำหนด ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าช่างปิดประตูก็จะเข้าไม่ได้ เพราะว่าส่วนที่ให้คนเดินนั้นคับแคบเกินไป ไม่สามารถที่จะเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปแก้วองค์ใหญ่ขนาดนั้นได้

งานพวกนี้จะเร่งรัดเข้ามา แล้วค่าใช้จ่ายจากที่เคยคุยกันว่าประมาณเดือนละ ๘ ล้านบาทนั้น กระผม/อาตมภาพตั้งแต่ทำงานมา "ไม่เคยเชื่อเลย" แล้วพวกท่านก็เห็นว่า ช่วงนี้เดือนหนึ่งเขาจะเบิกตั้ง ๓ งวด ๔ งวด..! เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงของการซื้อข้าวของต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพวกสื่อมัลติมีเดียแสงสีเสียง ซึ่งพอตรวจสอบการซื้อเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็สามารถที่จะส่งงานขอเบิกเงินงวดต่อไปได้เลย..!

ดังนั้น..ในเรื่องของการทำงานมีสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือมีเงินพร้อมอยู่ในมือแล้วค่อยทำ ถ้าเป็นแบบนี้ท่านทั้งหลายก็จะไม่เครียด แต่ว่าให้บวก ๓๐ เปอร์เซ็นต์เอาไว้เสมอ ถ้าสมมติว่าค่าก่อสร้างเป็นเงิน ๑ ล้านให้ ก็ต้องเตรียมไว้ ๑ ล้าน ๓ แสนบาทเป็นอย่างน้อย เพราะว่าในระหว่างที่ทำงาน ข้าวของบางอย่างอาจจะขึ้นราคาได้

แบบเดียวกับช่วงที่กระผม/อาตมภาพยังก่อสร้างอยู่ที่เกาะพระฤๅษี เหล็กขึ้นราคาไปกิโลกรัมละ ๗ บาท พวกเราฟังดูแล้วก็รู้สึกว่าขึ้นมานิดเดียวเอง แต่ท่านต้องเข้าใจนะว่าตันหนึ่งขึ้นไปถึง ๗,๐๐๐ บาท..! แล้วการก่อสร้างนั้นเหล็กตันเดียวพอที่ไหน ? หรืออย่างช่วงที่สร้างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายหลังนี้ก็เหมือนกัน ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าเหล็กลงมาทีมัดหนึ่งประมาณครึ่งโอบ ราคาสี่ห้าแสนบาท ใช้ไม่กี่ชั่วโมงก็หมดแล้ว..! ดังนั้น..เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเผื่อเงินเอาไว้ก่อน

ส่วนอีกประเภทหนึ่งก็ต้องทำอย่างกระผม/อาตมภาพ ก็คือ มอบความไว้วางใจให้กับพระ ให้กับพรหมเทวดา ให้กับครูบาอาจารย์ไปเลย มั่นใจว่าท่านสงเคราะห์เราได้แน่นอน เพียงแต่ว่าต้องวางกำลังใจให้ถูก ถ้าวางกำลังใจไม่ถูกก็เครียดหัวหงอกไปเลย..!

แบบเดียวกับตอนที่ก่อสร้างที่เกาะพระฤๅษี กระผม/อาตมภาพวางแปลนตามที่พระท่านสั่ง แล้วพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล "พระครูแสง" น้องชาย อุตส่าห์พยายามเตือนว่า "หลวงพี่ครับ..ถ้าพลาดขึ้นมานี่ติดหนี้หัวโตเลยนะครับ..!" เพราะว่าอาคารตั้ง ๑๐ กว่าหลัง

สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ก็จะกลัวแบบนั้น แต่กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์ตั้งแต่สมัยพระคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ จนกระทั่งมาถึงพระคาถาเงินล้าน โดยเฉพาะถ้าหากว่าพระหรือครูบาอาจารย์ท่านสั่ง ก็จะมีกำลังของท่านมาช่วยอีกส่วนหนึ่งด้วย ไม่ใช่ให้เราแบกอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2023 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-02-2023, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางกำลังใจให้ถูก หลายท่านเมื่อต้องทำการก่อสร้างก็เครียดจนหัวหงอก หน้าเหี่ยว สารพัด แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้ชัดเจนว่า การก่อสร้างนั้นถ้าทำกำลังใจได้ถูก จะเข้าถึงมรรคผลได้เร็วกว่าปกติ เพราะว่าสารพัดเรื่องที่ท่านทั้งหลายแบกอยู่นั้น ก็ไม่ต้องไปแบก

อย่างที่พวกเราอาจจะคิดว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านพูดเล่น ๆ ว่า "ติดหนี้ก็เป็นปัญหาของเจ้าหนี้ ไม่ใช่ปัญหาของท่าน" นั่นคือการวางกำลังใจที่ถูกต้องเลย ก็คือประเภท "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ประมาณนั้น เพียงแต่ว่าการทำกำลังใจในระดับนั้นได้ ถ้าปล่อยวางไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องแบกอยู่ดี จึงเป็นเรื่องที่ถ้าหากว่าใครจะออกไปทำการก่อสร้าง ถ้าไม่มั่นใจขนาดกระผม/อาตมภาพก็อย่าได้ทำแบบนี้ ก็คือต้องหาทุนให้พอเสียก่อน

แบบเดียวกับหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมินั่นแหละ ท่านจะหล่อพระ
กระผม/อาตมภาพถามท่านว่าองค์ละเท่าไร ? "สองแสนบาท" กระผม/อาตมภาพก็ถวายท่านไปสองแสนบาท ปรากฏว่าท่านหาเจ้าภาพได้อีก ๒๓ ราย..! ก็แปลว่า ๒๓ รายนั้นคือส่วนกำไรล้วน ๆ เพราะว่าในส่วนที่ควรจะจ่ายนั้น กระผม/อาตมภาพรับเป็นเจ้าภาพไปแล้ว ถ้าหากว่าได้ในลักษณะอย่างนั้นก็เบาใจได้ แต่กระผม/อาตมภาพไม่นิยม เพราะว่าถ้าหากว่าได้เงินแล้วก็คือทำเลย จะไม่ไปบอกใครอีก หรือว่าถึงไม่ได้ก็ทำอยู่ดีถ้าเป็นคำสั่ง ส่วนในระหว่างที่ทำ จะได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องของกระผม/อาตมภาพเหมือนกัน

แบบเดียวกับสมัยที่ทำการก่อสร้างที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ต้องวิ่งลงไปซื้อปูนในตัวเมืองกาญจนบุรี เพราะว่าร้านค้าแถวทองผาภูมิไม่ตุนสินค้าไว้ให้ กระผม/อาตมภาพก็ลงไป สั่งปูนซีเมนต์ทีหนึ่ง ๓๐๐ ลูก ลูกหนึ่ง ๕๐ กิโลกรัม ครั้งหนึ่งก็ตันครึ่ง คราวนี้เป็นช่วงหน้าฝน แล้วรถก็เป็นรถหกล้อของหน่วยป่าไม้ ไม่มีหลังคาไม่มีอะไรเลย แต่ก็จำเป็นที่จะต้องใช้

ในเมื่อจำเป็น ถึงเวลาขนข้าวของขึ้น คนขับก็ยังกังวล
กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไม่ต้องกังวลหรอก เราทำงานให้กับพระพุทธศาสนา ของทุกอย่างเท่ากับเป็นของสงฆ์ ถ้าเทวดาไม่ช่วยรักษา อาตมาจะถือว่าเทวดาทำลายของสงฆ์...!" พวกท่านอย่าได้ทะลึ่งคิดแบบนี้เชียวนะ..! กำลังไม่พอโดนแน่นอน แต่ปรากฏว่าเทวดาท่านเกรงใจ กลัวจะโดนข้อหา ก็เลยกลายเป็นว่าฝนตกหนักกระหน่ำนำหน้ารถไปตลอดทางเลย ตั้งแต่ตัวเมืองกาญจน์ยันทองผาภูมิ ๑๔๐ กิโลเมตร ก็คือตกตามปกติ แต่ตกอยู่ข้างหน้ารถ รถวิ่งไปก็คือฝนหมดแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2023 เมื่อ 01:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-02-2023, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,120 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพียงแต่ว่าเรื่องพวกนี้เราต้องประเมินกำลังตัวเองด้วย ถ้าหากว่ากำลังตัวเองไม่พอแล้วไปเลียนแบบทำตาม เดี๋ยวก็ได้ตายกันบ้าง..! อย่างที่โบราณบอกว่า "เห็นช้างขี้ อย่าได้ขี้ตามช้าง" เพราะถ้าไม่ใช่ช้างด้วยกัน ขี้อย่างไร ก็ก้อนไม่ใหญ่เท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่ให้พวกเราฟังกันเอาไว้เท่านั้นเอง แล้วก็คาดว่าคงจะไม่มีใครกล้าทำแบบนี้ ไอ้คนที่กล้าทำยังไม่เกิด แล้วไอ้คนที่คิดจะทำก็มีหวัง "โดน" แน่นอน..!

ดังนั้น..ในเรื่องของการก่อสร้าง ถ้าหากว่าเราวางกำลังใจได้ จะช่วยในเรื่องของมรรคผลได้เร็วมาก เพราะว่าการปฏิบัติของพวกเรา ถ้าไปภาวนาอย่างเดียว กระผม/อาตมภาพทำมาเองแล้ว ไปไม่รอดหรอก เพราะว่ากำลังของเรามีจุดสิ้นสุด พอถึงเวลาเหมือนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้ว ไม่สามารถที่จะบรรจุต่อไปได้ ต้องหาทางใช้ให้ไฟฟ้าที่ชาร์จอยู่นั้นหมดลง หรือน้อยลง เพื่อที่จะเพิ่มเติมได้ ก็คือต้องหางานทำ

แต่คราวนี้ตอนที่ทำงาน ก็ต้องระมัดระวังกำลังใจของตนเองด้วยว่า อย่าให้ฟุ้งซ่านตามงานไป หรือถ้าหากว่าอย่างแย่ ๆ เลย เวลางานใจเราจดจ่ออยู่กับงาน ก็คือใช้กำลังสมาธิไปอยู่กับงานนั้น ๆ ไม่ไปสนใจเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง อื่น ๆ พอเลิกงานแล้วใจเราก็อยู่กับกรรมฐาน ก็คือรีบกลับเข้ามาหาความสงบของเราให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นแล้ว ถึงเวลาถ้าหากว่ากำลังใจของเราฟุ้งซ่าน จะเอาคืนได้ยากมาก

เรื่องพวกนี้พวกเราต้องมีประสบการณ์เอง ถ้าหากว่าให้ออกไปทำกันเองตั้งแต่ต้น ไม่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลืองานการต่าง ๆ ภายในวัด เราจะจัดการกับกำลังใจตนเองไม่ถูก เมื่อถึงเวลา ถ้าการงานต่าง ๆ ประเดประดังเข้ามาแล้วกำลังใจไม่พอ เราก็อาจจะสึกหาลาเพศไปเลย..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราต้องระวังไว้ให้มากที่สุดก็คือ ในแต่ละวันกำลังใจของเราต้องละนิวรณ์ให้ได้ในระยะเวลายาวนานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ถ้าท่านใดสามารถทรงฌานได้แล้ว ให้เอาสติประคับประคองให้ฌานนั้นอยู่กับเราให้นานที่สุด ถ้าเผลอสติเมื่อไร ก็จะโดนกิเลสดึงเราหัวทิ่ม แต่ก็ไม่ต้องไปเสียเวลาสนใจ ให้รีบวิ่งกลับไปหาการภาวนาของเราใหม่

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบเอาไว้หลายครั้งแล้วว่า คนสองคนเดินมา ล้มลงพร้อมกัน คนหนึ่งลุกได้ก็ไปต่อเลย ขณะที่อีกคนหนึ่งมัวแต่นั่งคร่ำครวญอยู่ "เจ็บเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน เดินมาตั้งไกลแล้ว ไม่น่าล้มเลย" ระหว่างสองคนนี้ใครจะได้ระยะทางมากกว่ากัน ? ก็ต้องคนที่ล้มแล้วลุกไปต่อเลย อย่ามัวแต่ไปเสียดายอะไรกับของที่ตกแตกกระจายไปแล้ว ให้เริ่มต้นหาใหม่ทันที

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2023 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว