กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-09-2022, 19:39
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,953 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-09-2022, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ระหว่างที่พวกท่านประชุมกันเพื่อแบ่งสรรหน้าที่ในช่วงออกพรรษา ตักบาตรเทโว แล้วก็กฐิน กระผม/อาตมภาพก็มัวแต่สัมมนาออนไลน์อยู่

คราวนี้เรื่องของการแบ่งสรรหน้าที่กัน บางอย่างที่เราไม่ถนัด ในความเป็นพระก็ต้องฟังฆราวาสเขาด้วย แต่ก็มีอยู่ประเภทหนึ่ง จะบอกว่าโง่ก็ใช่ จะบอกว่ามิจฉาทิฏฐิก็ใช่ ก็คือไปคิดว่าโยมมาสั่งให้พระทำงาน..!

ถ้าลักษณะอย่างนั้น แปลว่าแก้ไขยากมากแล้ว เพราะว่าไม่ได้ดูที่ตัวเอง ไม่ได้แก้ไขที่ตัวเอง แต่ไปดูในลักษณะจับผิดคนอื่น ไม่ได้เตือนตนด้วยตนเองในลักษณะของ อัตตนา โจทยัตตานัง แถมยังแบกเอาอัตตาตัวตน คือสักกายทิฏฐิ แล้วก็มานะเอาไว้เต็ม ๆ ด้วยความภาคภูมิใจว่า "กูเป็นพระ ฆราวาสสั่งกูไม่ได้..!"


ถ้าลักษณะอย่างนั้น สมัย
ที่กระผม/อาตมภาพเป็นฆราวาส สั่งมาเยอะแล้ว เพราะกระผม/อาตมภาพถือว่าชาตินี้จะไปนิพพาน ไม่เสียเวลาไปเกิดเป็นคนใช้ใคร ๕๐๐ ชาติหรอก ดังนั้น..ตรงจุดนี้ ถ้าแก้ไขได้ก็แก้ ถ้าแก้ไม่ได้ก็เชิญแบกต่อไป เพราะว่าเรื่องอย่างนี้ ใครวางก่อนก็สบายก่อน วางไม่ได้ก็แบกต่อไปอีกหลายชาติ

อีกส่วนหนึ่งก็คือมีงานด่วนสำคัญเข้ามา เป็นฎีกาจากวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ให้กระผม/อาตมภาพไปรับทักษิณานุปทานในงานทำบุญ ๑๐๐ ปีชาตกาล พระเดชพระคุณหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยมีสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธาน ในฎีการะบุชัดเจนว่าต้องนำพัดยศไปด้วย

ตรงนั้นไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคืองานตรงกับวันที่ ๙ ตุลาคม กระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐานตั้งแต่วันที่ ๘ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นวันที่ ๙ ที่ต้องไปรับทักษิณานุปทานที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มีอยู่อย่างเดียวก็คือ ทรงอารมณ์ให้เท่ากับตอนเข้ากรรมฐาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับกระผม/อาตมภาพที่จะทำ แต่ญาติโยมที่ทำไม่ได้ หรือไม่เข้าใจก็จะไปคิดว่า กระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐานไม่ครบ ๓ วัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2022 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-09-2022, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะโดยปกติแล้ว ในช่วงเวลาเข้ากรรมฐาน ๓ วัน เมื่อภาวนาจนเต็มแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ทำงานทำการอื่นไปเรื่อย ไม่ได้ไปนั่งนิ่ง ๆ ให้เสียเวลาทำมาหากิน เคยชินกับการทรงกำลังใจในขณะทำงานหรือเคลื่อนไหวมาตั้งแต่ต้นแล้ว ส่วนของพวกท่านทั้งหลาย ส่วนมากพอขยับก็หลุดจากสมาธิ กำลังใจพลอยหลุดไปด้วย จนไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย

ก็แปลว่าปีนี้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเข้ากรรมฐาน กระผม/อาตมภาพเองก็ยังจะต้องเดินทางอยู่ดี เพราะบอกแล้วว่า ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับในรั้วในวังหรือเชื้อพระวงศ์
กระผม/อาตมภาพจะยกไว้พิเศษ โดยให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง รองลงไปถึงเป็นงานคณะสงฆ์ หลังจากนั้นแล้วค่อยเป็นงานของตนเอง

คราวนี้ตรงนี้ก็ไม่มีปัญหาในการปฏิบัติ เพียงแต่ว่าในช่วง ๒ วันที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพมีการสัมมนาออนไลน์บ้าง เจริญพระกรรมฐานออนไลน์บ้าง แล้วก็มีพระอาจารย์ท่านหนึ่ง มากล่าวถึงงานสารทเดือน ๑๐ โดยยืนยันกับผู้ฟังว่า สารทเดือน ๑๐ เป็นประเพณีตั้งแต่โบราณ ที่กำหนดให้มีการทำบุญให้กับผู้ตาย คำว่ายืนยันในที่นี้ก็คือ ท่านใช้คำว่า "ขั้นตอนระหว่างนั้น ผมไม่รู้ รู้อยู่อย่างเดียวว่า ถ้าทำบุญเมื่อไรก็ถึงญาติที่ตายไปแล้ว" ซึ่งกระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่าไม่ใช่

การทำบุญไปแล้ว ญาติที่ตายไปจะได้รับก็ต่อเมื่อ อันดับแรกเลยเป็นสัมภเวสี ก็คือผู้ที่ตายก่อนอายุขัย ยังไปรับความดีความชั่วไม่ได้ ต้องเร่ร่อนไปเรื่อย รอเวลาหมดอายุขัยความเป็นมนุษย์ ถึงจะไปตามบุญตามกรรมของตนเอง

ประเภทที่ ๒ เป็นอสุรกาย ท่านทั้งหลายเหล่านี้กรรมเบาบางแล้ว มีสิทธิ์อนุโมทนาบุญที่คนตั้งใจอุทิศให้ได้

ประเภทที่ ๓ ก็คือเปรตทั้ง ๑๒ จำพวกที่กรรมเบาบางลง จนสามารถอนุโมทนาบุญได้ ซึ่งเขาเรียกรวมกันว่า ปรทัตตูปชีวีเปรต คือเปรตที่ยังชีวิตอยู่ด้วยการอาศัยผู้อื่น


นอกเหนือจากนี้ไม่ต้องเสียเวลาทำบุญไปให้ อย่างไรก็รับไม่ได้ เพราะว่าอย่างสัตว์นรกและเปรต ๑๒ จำพวกที่ยังกรรมหนักอยู่ ไม่สามารถจะโมทนาบุญได้ เหมือนกับคนโดนไล่ฆ่าไล่ฟันอยู่ จะทำอย่างไร ส่งอาหารไปจะกินได้ไหม ? หรือบรรดานักโทษที่โดนกักบริเวณ คนอื่นไม่สามารถเข้าไปในบริเวณนั้นได้ ก็ย่อมไม่สามารถที่จะส่งข้าวของหรืออาหารเข้าไปให้ได้

ส่วนในเรื่องของสัตว์เดรัจฉานและภูมิมนุษย์นั้น ถ้าไม่ยินดีด้วย ก็ไม่สามารถที่จะรับบุญกุศลได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2022 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-09-2022, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนที่สูงกว่านั้น ตั้งแต่ เทวดา นางฟ้า มาร พรหม ขึ้นไป ท่านสามารถอนุโมทนาได้อยู่แล้ว ถ้าหากว่าผู้ที่ล่วงลับดับขันธ์ไปอยู่ในภูมิทั้งหลายเหล่านี้ รับรู้แล้วยินดีด้วย ก็ได้อานิสงส์นั้นไป

แต่ถ้าหากว่าเป็นพระทั้งหลายบนพระนิพพาน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นพระอรหันตเจ้าก็ตาม ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอยู่ในลักษณะของน้ำเต็มแก้ว พ้นบุญพ้นบาปไปแล้ว อุทิศไปให้ตาย ท่านก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าท่านทั้งหลายทำบุญแล้วญาติจะได้เลย แต่บุญเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำเอาไว้ เพราะว่าคนแรกที่ได้รับคือตัวเราเอง ส่วนเราอุทิศต่อไปนั้น ญาติพี่น้องหรือผู้ที่ล่วงลับไป จะได้รับหรือไม่ได้รับเป็นเรื่องของเขา เราทำเราได้ก่อน ถ้าหากว่าผู้ตายสามารถรับได้ ก็เป็นอันว่าดีเพิ่มขึ้น แต่ถ้าผู้ตายไม่สามารถที่จะรับได้ ความดีนั้นก็ยังคงเป็นของเราอยู่ โดยเฉพาะการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ความดีเราไม่ได้บกพร่องไปไหน

พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบให้ฟังว่า เหมือนกับเราก่อกองไฟขึ้นมา ๑ กอง แล้วอนุญาตให้คนอื่นมาต่อไฟนั้นไปใช้ ไฟของเราก็ไม่ได้ลดลง ซ้ำความสว่างยังมากขึ้นจากกองไฟของคนอื่นอีกด้วย

ก็คือเรื่องของบุญกุศลเป็นเรื่องที่เราทำด้วยความยากลำบาก ในเมื่อสิ่งที่เราทำโดยยาก เรายังสละให้คนอื่นได้ กำลังใจที่สละออกต้องประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาขนาดไหน ? เราจะได้บุญตรงจุดนั้น เรียกว่าปัตติทานมัย บุญที่ได้จากการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น ของตัวเองไม่ได้ลด ถึงเขาไม่ได้รับ บุญนั้นก็เป็นของเรา ถ้าเขาได้รับ บุญของเราเพิ่มขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่ใช่เรื่องที่มาตีความด้วยตนเอง หากแต่ต้องเอาความเป็นจริงมาพูดกัน

ดังนั้น..เมื่อกระผม/อาตมภาพเข้าไปร่วมฟังการบรรยายธรรม จะไปงัดข้อเขากลางงาน ก็ทำให้คนอื่นเสียหน้าเปล่า ๆ จึงได้แต่นำมาบอกกล่าวให้แก่พวกเราที่รับฟังอยู่ทั้งที่นี่และทางบ้าน จะได้เข้าใจกันให้ถูกต้อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2022 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 26-09-2022, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของการทำบุญทำกุศล แล้วผู้ตายได้รับหรือไม่ได้รับ คนและสัตว์ที่สามารถเห็นด้วยกันได้ ให้บอกกล่าว ถ้าเขายินดีโมทนาด้วย เขาจะได้รับ แล้วการตั้งกำลังใจอนุโมทนานั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าต้องเป็นกำลังใจที่ยินดีกับความดีของคนอื่นอย่างแท้จริง

ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ในปัจจุบันนี้เราอนุโมทนาบุญ แทนที่จะได้สัก ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของคนทำ เราก็อาจจะได้สัก ๕ เปอร์เซ็นต์ ๑๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะว่าที่เรายกมือสาธุนั้น กำลังใจของเราไปอยู่ในลักษณะว่า "กูจะเอาของมึง" ไม่ใช่การยินดีออกจากใจจริง แต่เป็นจิตที่ประกอบไปด้วยโลภเจตนา ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กำลังบุญที่ควรจะได้จึงลดน้อยถอยลง เพราะว่าวางกำลังใจผิด

ฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ต่อให้เราเข้าใจถูกแล้ว ก็ให้ดูกาลเทศะด้วย จะบอกจะตักจะเตือนคนอื่น โบราณเขาบอกว่า "ตบคนอย่าตบหน้า ด่าคนให้ด่าลับหลัง" คำว่า ด่าลับหลัง ก็คือด่ามันนั่นแหละ..! แต่ให้ด่าลับหลังคนอื่น ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะเสียหน้ามาก เพราะว่าเท่ากับเราไปประจานเขาในที่สาธารณะ แต่ชมคนให้ชมต่อหน้า เขาจะได้หน้า กำลังใจเขาจะดีขึ้น จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของกิเลสล้วน ๆ แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าโลกนี้เป็นอย่างนั้นเอง

"ชมคนให้ชมต่อหน้า ด่าคนให้ด่าลับหลัง" ตีความให้ถูกนะ ไม่ใช่ว่าลับหลังแล้วเราก็ไปด่าเขาอยู่คนเดียว..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2022 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว