กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-07-2022, 19:36
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,962 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-07-2022, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ มีข่าวเกี่ยวกับวงการพระของเราอยู่ ๒ - ๓ ข่าว

ข่าวแรกก็คือมีต้นไม้ใหญ่ อายุเป็นร้อยปี ประกอบไปด้วยต้นจามจุรี แล้วก็มีต้นโพธิ์กับต้นไทรขึ้นรัดพันอยู่ น่าจะไปเกะกะอะไรเขาบางอย่าง ชาวบ้านอยากจะตัดทิ้ง แต่ไม่มีใครกล้า แล้วก็เลยมีพระไปช่วยตัดให้..!

เพียงแต่ว่าพระท่านสิ้นสติ ก็คือตัดแล้วเอารูปไปลงเฟซบุ๊ก อวดความสามารถตัวเอง ก็เลยโดนถล่มจมดิน..! อันดับแรกเลยก็คือผิดพระวินัยเพราะพรากของเขียวซึ่งเกิดอยู่กับที่ อันดับสองก็คือต้นไม้เป็นร้อยปี ควรที่จะอนุรักษ์เอาไว้ ในเมื่อชาวบ้านเขาไม่กล้าตัด แทนที่พระจะดีใจ ช่วยอนุรักษ์ไว้ กลับไปตัดเสียเอง เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าพระท่านไม่เอาไปลงโซเชียล

อย่างที่มีญาติโยมบางท่านเห็นกระผม/อาตมภาพขุดดิน ฟันหญ้า ตัดต้นไม้ แล้วปลื้มใจมาก ว่าครูบาอาจารย์ของเราขยัน เอารูปไปลงแล้วโดน
กระผม/อาตมภาพด่าจมดินไปเลย ว่ารู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกตามพระธรรมวินัย ? ต่อให้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติขึ้นมาเพื่อเอาใจชาวบ้าน เราก็ต้องทำ เพราะว่าสมัยนี้ผู้รู้มีเยอะ เพียงแต่ว่ามักจะรู้ไม่จริง..!

ถ้าเราไม่รู้จักขุดดิน ฟันหญ้า ตัดแต่งต้นไม้ ปล่อยให้วัดรก แล้วใครจะเข้าวัด ? ถามว่าทำผิดพระวินัยไหม ? ผิด แต่การทำให้วัดสะอาดเรียบร้อย คนเห็นแล้วอยากเข้าวัด มีบุญไหม ? มี ในเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วว่าพอลงทุนได้ ผู้ที่ใจกล้าหน้าด้านแบบ
กระผม/อาตมภาพก็จะลงทุน ไม่ใช่อยู่แล้วก็ปล่อยให้วัดรกจนกระทั่งเลี้ยงเสือได้ ใครเห็นก็เสื่อมศรัทธา ไม่เข้าวัด ถ้าอย่างนั้นจะกลายเป็นถือศีลแบบเถรตรง รักษาพระวินัยเอาไว้ได้ แต่รักษาศาสนาเอาไว้ไม่ได้..!

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ มีคุณยายอยู่คนหนึ่งลงข่าวด้วยความภาคภูมิใจในการกระทำของตัวเองมาก ว่าจัดการเผาศพโดยไม่ต้องมีพิธีสงฆ์ ยืนยันว่าในสมัยพุทธกาลก็ทำแบบนี้ แสดงว่ายายนี่อ่านพระไตรปิฎกไม่ทั่ว..!

ถ้าหากว่าอ่านพระไตรปิฎกทั่วถึง อย่าไปเอาตอนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน แล้วมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพ เอาแค่ตอนพระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรีนิพพาน พระพุทธเจ้าจัดงานศพให้ยิ่งใหญ่สุด ๆ ถามว่าทำไมถึงยิ่งใหญ่สุด ๆ ? เพราะว่าพระพุทธเจ้าเป็นประธานในงานเอง พระอรหันต์ทั้งหลายเป็นร้อยเป็นพันมาร่วมงาน

แม้กระทั่งหมู่เทวดา กระทั่งท้าวสักกะเทวราช หรือพระอินทร์ ต้องมาช่วยแบกแคร่ตั้งศพเดินในขบวนให้ ไม่มีงานศพของใครในพระไตรปิฎกจะอลังการกว่านี้อีกแล้ว เพราะว่างานถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระพุทธเจ้าไม่ได้ร่วมขบวนแบบนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-07-2022 เมื่อ 00:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 27-07-2022, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วอีกอย่างหนึ่ง สิ่งที่โบราณทำเอาไว้นั้น แฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้งมาก ทำไมเราถึงต้องมีการสวดพระอภิธรรมให้ผู้ตาย ? ทำไมต้องมีการทำบุญเลี้ยงพระ ? ทำไมถึงต้องมีการแสดงพระธรรมเทศนา ? เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุญเป็นกุศลทั้งสิ้น ถ้าหากว่าผู้ตายไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ แล้วมีโอกาสโมทนา ก็จะอาศัยผลบุญนี้นำตนไปสู่สุคติได้ ไม่ใช่ตายแล้วก็เผาส่งเดชเหมือนหมูเหมือนหมา..!

แค่นั้นยังไม่พอ ลูกหลานยังได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาตามที่พระพุทธเจ้าสอนว่า ในการปฏิบัติต่อพ่อแม่ที่เป็นบุรพการีนั้น ท่านเลี้ยงเรามา เราต้องเลี้ยงตอบ ต้องช่วยเหลือการงานของท่าน ต้องทำตัวเป็นคนดีเพื่อรักษาวงศ์ตระกูล เมื่อท่านตายแล้วต้องทำบุญกุศลส่งไปให้ เห็นหรือยังว่ายายแกอ่านพระไตรปิฎกไม่ทั่ว ? แล้วยังมาอวดฉลาดอีกต่างหาก..!

แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมถึงมีงานทำบุญ ๗ วัน ? มีงานทำบุญ ๕๐ วัน ? มีงานทำบุญ ๑๐๐ วัน ? มีงานทำบุญครบรอบปี ? เรื่องนี้ต้องบอกว่าถ้าใครเคยตายแล้วฟื้น จะเห็นว่าในผู้ตายนั้น มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ดีไม่ทั่ว ชั่วไม่หมด จะขึ้นไปสุคติเลยก็ไม่ได้ จะลงไปทุคติเลยก็ไม่ได้ ต้องไปรอการตัดสินที่ตำหนักพระยายมราช

กว่าที่การตัดสินจะสำเร็จเรียบร้อย เอาเป็นอันว่ากระผม/อาตมภาพเคยถามก็แล้วกันว่านานแค่ไหน ? ผู้รู้ท่านตอบว่า สถานที่นั้นเวลาต่างกับโลกมนุษย์ ๑ วันของเขาเท่ากับ ๕๐ ปีในโลกมนุษย์ เพราะว่าเป็นส่วนชายขอบของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ คราวนี้พวกเราจะได้รู้ว่าที่ตั้งตำหนักพระยายมราชอยู่ที่ไหน อยู่ที่ชายขอบของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช

การตัดสินความผู้ตายคนหนึ่ง ด้วยระยะเวลาที่ต่างกันมาก กว่าจะถึงคิว ก็เป็นเวลาประมาณ ๓ เดือนของโลกมนุษย์ แล้วถ้าหากว่ามีคนตายมากเป็นพิเศษก็เกิน ๓ เดือน ดังนั้น...โบราณจึงได้ประกันความเสี่ยงว่า นอกจากมีการทำบุญตั้งแต่ก่อนที่จะฌาปนกิจศพแล้ว ยังมีการทำบุญ ๗ วัน ถ้าไม่แน่ใจก็ ๕๐ วัน เกือบ ๒ เดือน ซ้ำเข้าไป ถ้าไม่แน่ใจอีกก็ ๑๐๐ วัน ๓ เดือนกับอีก ๑๐ วัน ให้รู้ไปว่าญาติตัวเองถ้าโมทนาได้แล้วจะไม่ได้บุญ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2022 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 27-07-2022, 23:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,039 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ปรากฏว่ามีคุณยายแก่ ๆ ที่น่าจะสติสัมปชัญญะไม่ค่อยจะเต็มแล้ว อ่านพระไตรปิฎกไม่ทั่วยังไม่พอ ยังไม่รู้ถึงความลึกซึ้งของคนโบราณที่จัดพิธีกรรมต่าง ๆ ขึ้นมาอีก คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะเอาหลักธรรมบริสุทธิ์เท่านั้น ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าแนวคิดประเภทมิจฉาทิฏฐินี้ มาถึงตัวท่านได้อย่างไร ?

เพราะว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าจะว่าไปแล้วก็เหมือนยอดปิรามิด ระดับทานและศีลเป็นช่วงกลางของปิรามิด ระดับพิธีกรรมจึงเป็นฐานของปิรามิด ก็แปลว่าบุคคลที่จะเข้าถึงระดับพิธีกรรมนั้นมีมากที่สุด พระพุทธเจ้าจึงต้องแนะนำทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์ในปัจจุบัน และเป็นประโยชน์ในอนาคต ไม่ใช่แนะนำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด คือการพ้นทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน สิ่งที่พระองค์ท่านแนะนำ จะพอเหมาะ พอดี พอควร ถูกต้อง ตรงตามสิ่งที่โลกเป็นไป

แล้วก็มีคนอวดดีอวดเก่ง บุคคลที่ยังอยู่ในระดับฐานปิรามิด หรือยังอยู่ในระดับพิธีกรรม จะให้ไปศึกษาปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นเลย เป็นไปได้หรือไม่ ? ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าข้างไหนตรองดูก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เด็กยังไม่ทันจะจบ ก.ไก่ ข.ไข่ แล้วบอกว่าปริญญาเอกสูงสุด ไปเรียนเลยลูก ไม่ต้องไปเรียนอย่างอื่น คงจะมีคนทำได้อยู่หรอก..!

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยเปรียบเทียบเอาไว้ว่า ส่วนสูงสุดของพระเจดีย์ก็คือยอดฉัตร บางคนทำฉัตรด้วยทองคำอีกต่างหาก..! แล้วเราก็บอกว่าส่วนที่สูงที่สุด เด่นที่สุดของเจดีย์คือยอดฉัตร สร้างแค่ยอดฉัตรก็พอ ไม่ต้องสร้างองค์เจดีย์ ไม่ต้องมีฐานเจดีย์หรอก แล้วฉัตรนั้นจะลอยอยู่ได้ไหม ?

เพราะฉะนั้น...เรื่องบางอย่างของบุคคลที่นอกจากจะติดในสักกายทิฏฐิ ตัวกูของกู ความคิดของกูเท่านั้นที่ถูก ยังติดในอติมานะ ถือตัวถือตนเป็นอย่างยิ่ง ว่าตนเองเป็นผู้มีอายุมาก ศึกษาธรรมมามาก มีผู้ติดตามมาก แล้วก็ไปแนะนำสิ่งผิด ๆ ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ผิดทั้งประเพณีนิยม ผิดทั้งสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน เท่ากับว่าพาคนให้เป็นมิจฉาทิฏฐิไปด้วย..!

บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ส่วนใหญ่ตายแล้วลงข้างล่าง ลงลึกอีกด้วย..! กว่าที่จะหลุดพ้นขึ้นมาได้ก็นานเหลือเกิน เพราะว่าเคยสร้างกรรมอะไรไว้ ก็ต้องชดใช้ กว่าจะขึ้นมาบางทีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปแล้วหลายพระองค์ ในเมื่อไปสร้างกรรมหนัก ทำให้คนอื่นห่างไกลความดีขนาดนั้น กระผม/อาตมภาพเคยตามไปดูแล้วว่าบุคคลเหล่านี้ไปไหน ปรากฏว่าไปลงนรกขุมพิเศษ ก็คือโลกันตนรก..!

โลกันตนรกที่เป็นนรกขุมพิเศษ เพราะไม่ได้อยู่ในเขตของนรก หากแต่อยู่ในรอยต่อระหว่างโลกมนุษย์ สวรรค์ แล้วก็นรก ตรงจุดนั้น เหมือนอย่างกับเหวลึกลิบลิ่วลงไป ผู้ที่ทรงคุณความดีมหาศาลอย่างคุณยายเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะไป ขอแสดงความยินดีด้วย..!

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายให้ได้ทราบและตระหนักด้วยว่า บางสิ่งบางอย่างดูเหมือนว่าใช่ แต่ความจริงแล้วผิดพลาดอย่างมหาศาล ไม่ว่าหลักธรรมอะไรก็ตาม ถ้าสงสัยให้อาศัยพระไตรปิฎกหรือวิสุทธิมรรคเป็นหลัก แล้วท่านจะปฏิบัติได้ถูกต้องและปลอดภัย


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2022 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว