กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-10-2021, 21:11
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,965 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 16-10-2021, 22:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,457
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ต้องบอกว่าเป็น "วันโดนหวยกิน" ก็อยากเล่นกันเองแล้วจะไปโทษใคร..ใช่ไหม ? การพนันทุกชนิด..วันนี้ท่านที่สอบนักธรรมชั้นตรีก็รู้อยู่แล้ว เขาถาม..อบายมุขแปลว่าอะไร ? อบายคือทางเสื่อม มุขคือปาก ปากทางแห่งความเสื่อม

แต่คราวนี้ในเรื่องของการพนันเป็นเรื่องของจิตใจ ถ้าใจไม่แข็งพอก็เลิกไม่ได้ เพราะว่าการพนันนั้นมีทั้งแบบตรงไปตรงมา แล้วก็แบบใช้เครื่องยนต์กลไก ส่วนแบบสุดท้ายหนักกว่านั้นอีก..ใช้ไสยศาสตร์..! ถ้าเจอแบบสุดท้ายก็หนักหน่อย เข้าไปก็มีสิทธิ์ที่จะหมดเนื้อหมดตัว ยกเว้นว่ามีของที่แก้กันได้

เรื่องของการพนันเป็นลาภลอย เกิดจากการทำบุญโดยไม่ได้ตั้งเจตนาเอาไว้ อย่างเช่น ไปเห็นเขาทำกองบุญการกุศลก็ตัดสินใจร่วมบุญกับเขาเดี๋ยวนั้นเลย ถ้าลักษณะอย่างนี้เกิดชาติใหม่จะมีลาภลอยบ่อย

สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ ก็มีด็อกเตอร์เอ (ดร.อัจฉรา เสาว์เฉลิม) ตอนนั้นยังไม่จบด็อกเตอร์ ด็อกเตอร์เอถูกหวยทุกงวด แต่ถ้าไปดูโพยนี่ยาวเป็นรถไฟเลย สรุปก็คือ ไอ้ที่ได้มากับที่เสียไปเกือบจะเท่ากัน แต่ถูกทุกงวด หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก "ไอ้เอมันมีลาภลาดตระเวน ตามเก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อย ส่วนใครที่ถวายสังฆทานไว้ เกิดชาติใหม่ก็ไม่ต้องเจอหน่วยลาดตระเวนแบบนี้ แต่เจอทัพหลวงเลย มาตูมเดียวรวยไปเลย"

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีหลายเรื่องที่อยากจะบอกอยากจะกล่าวแก่พวกเราให้ทราบไว้ เรื่องแรกก็คือวัตถุมงคลที่เตรียมไว้เข้าพิธีกรรมฐาน ๓ วัน เหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์นั้น เนื้อเขียวเหล็กไหลเสกไปแล้วรอบหนึ่งที่วัดไตรมิตรวิทยาราม แล้วก็มาเสกอีกรอบหนึ่งเมื่อวันภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙

ถ้ามีโอกาสก็ไม่รู้ว่าจะปล่อยทิ้งไปเฉย ๆ ทำไม สถานที่ก็เตรียมพร้อมไว้หมดทุกอย่างแล้ว พระท่านก็เสด็จแล้ว จึงกราบขอบารมีพระองค์ท่านสงเคราะห์ไปด้วยเลยทีเดียว ยังไม่รู้ว่าในช่วงเข้ากรรมฐาน ๓ วัน ยังจะได้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า ? แต่บอกกล่าวให้ท่านที่จองวัตถุมงคลในระยะนี้สบายใจได้ว่า วัตถุมงคลบางอย่างก็เสกไปแล้ว ครั้งหนึ่งบ้าง สองครั้งบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2021 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 16-10-2021, 22:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,457
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อวานนี้ต้องบอกว่ากระผม/อาตมภาพโดนขันธมารแกล้ง ตั้งใจจะบอกจะกล่าวเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติธรรม ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็น้ำมูกไหลโจ๊กเลย ไหลชนิดกระดาษทิชชู่เปียกเป็นก้อน แต่กระผม/อาตมภาพก็ตัดสินใจแล้วว่า "อย่างดีก็แค่ตาย" จึงตั้งใจว่าไปเรื่อย ปรากฏว่าพอบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเสร็จ ไม่รู้ว่าน้ำมูกหายไปไหน ? ไม่มีเอาดื้อ ๆ ก็คือลักษณะเหมือนกับว่าจะตายลงไปเดี๋ยวนั้น แต่พอเราพร้อมที่จะตายก็ถอยไปเอง

นี่คือลักษณะของมารที่ทดสอบพวกเรา มารจะใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการทดสอบกำลังใจของเรา มาทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งยืน ทั้งนั่ง ไม่เคยเว้น เผลอเมื่อไรโดนสอบเมื่อนั้น แล้วพวกเราก็สอบตกกันเป็นประจำ..!

ข้อสอบใหญ่ ๆ ก็แค่ รัก โลภ โกรธ หลง ๔ ข้อเท่านั้นเอง แต่แตกแขนงไปเป็นล้าน ๆ ข้อย่อย ข้อไหนเราเคยชนะแล้ว เคยทำได้แล้วจะไม่มาอีก แต่ถ้าหากว่าเผลอเมื่อไรก็ตะแบงข้างมา คำตอบเดียวกันแต่มาคนละแนว

ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ จะต้องตั้งสติรับให้ทัน โดยเฉพาะคนที่เรารักที่สุด จะสร้างความสะเทือนใจให้เราได้มากที่สุด บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาทำนั้น ทำให้เราเสียใจ ทำให้เราน้อยใจ ทำให้เราโกรธ เพราะว่าตัวเขาเองถูกมารดลใจให้ทำอย่างนั้น

แม้กระทั่งข้าวของที่ไม่มีชีวิตจิตใจ มารก็เอามาทดสอบได้ ทำงานเหนื่อย ๆ เดินเข้าบ้านมา เจอข้าวของเกะกะไปทั้งบ้าน โมโห..เตะโครมเข้าให้..! โกรธทั้ง ๆ ที่ของไม่มีชีวิตจิตใจ ก็กองอยู่ตามปกติอย่างนั้นแหละ แต่มารดลใจให้คนในบ้านเอามาวางทิ้งกองไว้ตรงนั้น

ในเมื่อเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ ขอให้ระวังให้มาก แต่อย่าเห็นมารเป็นศัตรู มารเป็นครูที่ขยันที่สุด ทดสอบเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าใครได้รับการทดสอบ ขอให้รู้ว่าท่านมีคุณค่าเพียงพอที่เขาจะสอบ ถ้าไม่มีราคาพอ เขาไม่สอบให้เสียเวลาหรอก เพราะว่าสอบไปก็ตก..เสียเวลาเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-10-2021 เมื่อ 07:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-10-2021, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,457
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางทีแม้กระทั่งผม ก็โดนใช้เป็นสิ่งของที่มารเอาไปทดสอบคนอื่น ผมเดินมาจากโรงครัว ปกติก็ต้องเลี้ยงหมา เจอหน้าหมาก็ทักทายตามปกติ "เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะที่รัก ? กินอะไรมาบ้างหรือยัง ?" ปรากฏว่าดันมีแม่ชีอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น ฟุ้งซ่านไปหลายวันเลย คิดว่าหลวงพ่อพูดกับตัวเอง อยากจะบอกว่าเอ็งลดตัวลงไปราคาเท่ากับหมาก็ใช่ที่..! ก็ปล่อยฟุ้งซ่านไป..!

เพราะฉะนั้น..เรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่ระวัง รัก โลภ โกรธ หลงจะเข้ามาง่ายมาก มาร ๕ อย่างไม่เคยเว้นในการทดสอบเรา ฉวยโอกาสใช้ทั้งวาระบุญและวาระกรรม ในการขัดขวางเราทุกวิถีทาง วาระบุญเข้ามา ก็กอบโกย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาให้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เราติดอยู่แค่นั้น วาระกรรมเข้ามา ก็กระหน่ำซ้ำเติมเรา ให้ทุกข์จนกระทั่งหาทางออกไม่เจอ

พูดง่าย ๆ ว่าโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ในเมื่อเป็นในลักษณะอย่างนี้ ถ้าหากว่าเราไม่ตั้งสติระมัดระวัง โอกาสที่สอบตกก็จะมีสูงมาก คนรักกันปานจะกลืน พูดผิดหูหน่อยเดียว..โกรธ ไม่พูดไม่คุยกันไปเป็นอาทิตย์ก็มี

ในเรื่องของมารนั้น ประกอบไปด้วยกิเลสมาร ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของเราเอง ชักนำให้เราคิด ให้เราพูด ให้เราทำแต่ในสิ่งที่ผิด

ขันธมาร คือร่างกายนี้เป็นมาร ถึงเวลาจะทำความดีก็เจ็บไข้ได้ป่วยเสียอย่างนั้น บางรายสมัยเป็นฆราวาสเมาหัวราน้ำ นอนตากน้ำค้างเป็นวันเป็นคืน ไม่เห็นเป็นอะไร พอบวชเข้ามาก็ป่วยเช้าป่วยเย็น มีหลายท่านที่ตั้งใจสึกไปเพื่อรักษาตัว พอมาลาสึก ผมบอกว่า "ท่านเชื่อไหม ? ถ้าท่านสึกนี่ ไม่ต้องรักษาหรอก จะหายดีทันทีเลย" ปรากฏว่าไม่เชื่อ สึกไปแล้วก็หายจริง ๆ ไม่ต้องรักษา เพราะว่าโดนขันธมารทดสอบ

เทวปุตตมาร เป็นเรื่องของเทวดาหรือครูบาอาจารย์มาทดสอบ บางทีก็มาพยากรณ์มรรคผลให้บ้าง บางทีก็มาทำให้หวาดกลัวบ้าง ทำให้โกรธบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ตอนนั้น ถ้าเราก้าวข้ามไปได้ ท่านก็เท่ากับเป็นครูมาสอบเรา ถ้าเราก้าวข้ามไปไม่ได้ ท่านก็กลายเป็นมารมาขวางเราจากความดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2021 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-10-2021, 23:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,457
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มัจจุมาร ความตายมาขวาง บางคนถ้าหากว่าทำความดีแล้ว จะเข้าถึงธรรมได้อย่างรวดเร็ว มารไม่รู้ว่าจะขวางอย่างไร พอดีมีกรรมปาณาติบาตใหญ่เข้ามา ก็ช่วยตัดให้ตายไปเลย

อภิสังขารมาร บุญบาปมาขวาง ติดอยู่ในสุข ติดอยู่ในบุญ ติดอยู่ในความดี ติดอยู่ในรูปฌาน ติดอยู่ในอรูปฌาน หลุดพ้นไม่ได้ทั้งนั้น

ส่วนในเรื่องของบาป ไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะผิดศีลผิดธรรมอะไร ก็มีอบายภูมิเป็นที่ไป เป็นสัตว์นรกแล้ว ก็ต้องมาชดใช้ที่แดนเปรต ต้องชดใช้ที่แดนอสุรกาย ต้องชดใช้ที่แดนสัตว์เดรัจฉาน เวียนว่ายตายเกิดเป็นระยะเวลายาวนานจนนับไม่ถ้วน ห่างไกลความดีไปได้นานขนาดนั้น เขาถึงได้เรียกว่ามาร ทั้ง ๆ ที่เป็นความดีก็เป็นมารได้ เพราะว่าเราไปยึดติด ส่วนในด้านความชั่วนั้น เป็นมารก็ถือว่าเป็นปกติอยู่แล้ว เรารู้..เราเข้าใจได้

ดังนั้น...ในแต่ละวันให้พวกเราระมัดระวังให้มากเอาไว้ คิดทุกอย่างที่จะพูด คิดทุกอย่างที่จะทำ ไม่อย่างนั้นแล้วมีโอกาสโดน "สอย" สูงมาก พูดผิดหู หรือโพสต์ผิดตาหน่อยเดียว โกรธจนไม่มองหน้ากันไปเลย ถ้ารู้ตัวก็ขอขมากันได้ อีกไม่กี่วันออกพรรษา ก็มีปวารณาตัวต่อกัน ถึงเวลาก็ขอขมากัน ว่ากล่าวตักเตือนกัน ท่านทั้งหลายต้องปวารณากันในวันออกพรรษา ส่วนตัวผมเองต้องไปในวันตักบาตรเทโว ออกจากกรรมฐานมาค่อยมาปวารณากับท่านทั้งหลาย

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ วันก่อนบางท่านอย่างเลขาฯ พัฒน์ (พระพัฒน์ ฐิตาจาโร) คงจะเห็นว่าอยู่ ๆ ผมก็คว้าไข่ต้มไปใบหนึ่ง เพราะว่าช่วงกลางคืนผมปวดไปทั้งตัว โดยเฉพาะปวดหัวแทบจะระเบิด..! พิจารณาอาการดูแล้ว ไม่ใช่มาลาเรียกำเริบ เพราะว่าผมเป็นผู้ชำนาญในการเป็นมาลาเรีย ผมรู้ว่าอาการไหนที่เป็นมาลาเรียกำเริบ แต่อันนี้ไม่ใช่ แล้วผมก็หาสาเหตุไม่เจอว่าเป็นอะไร ก็ได้แต่บ่นกับน้องเล็ก (จิราพร ซื่อตรงต่อการ) ว่า "ไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงได้อาการหนักจนขนาดนี้..!"

หนึ่งคืนผ่านไป ฉันยาเท่าไรไม่ดีขึ้น อีกครึ่งวันผ่านไป ปรากฏว่าตอนฉันเพลอยู่เจอไข่ต้มเข้า มีเสียงบอกว่า "ถ้าอยากหายก็เอาไข่ต้มไปให้ ๑ ฟอง" จึงตั้งใจถามว่าเป็นเพราะอะไร ? เขาบอกว่า "ท่านเอารถขึ้นไปวิ่งบนลานธรรม..!" คือตัวผมเองเป็นคนไปด่าคนอื่นเวลาเขาเอารถขึ้นไปจอดบนลานธรรม แต่ปรากฏว่าพวกท่านซ่อมถนนแล้วปิดทางจนผมเข้าไม่ได้ มาถึงตรงนั้นแล้วก็เลยเลี้ยวไปเข้าทางลานธรรมแทน ปรากฏว่าท่านที่ดูแลอยู่ไม่ชอบใจ..ก็เลยแกล้งให้เป็นอย่างนั้น

ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ เนื่องจากว่าเรื่องพวกนี้ ถ้าเขาตั้งใจปิดไม่ให้รู้ หรือว่าวาระกรรมยังไม่เปิด ก็จะไม่รู้จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-10-2021 เมื่อ 07:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 16-10-2021, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,457
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ถึงเวลา ๔ โมงเย็น ท่านจะอาเจียนทุกวัน จนกระทั่งท่านเข้าใจว่าเป็นกรรมเก่าของท่าน แล้วพระช่วยสงเคราะห์เอาไว้ ให้รับแขกจนกระทั่งถึง ๔ โมงเย็นได้ทุกวันแล้วค่อยอาเจียน

ปรากฏว่าก่อนมรณภาพประมาณปีกว่า พระท่านมาบอกว่า ตอนนี้วาระกรรมคลายตัวแล้ว สามารถที่จะบอกได้ว่า ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นอยู่นั่นคือมาลาเรีย..! หลวงพ่อท่านบอกว่า "มิน่าล่ะ..ถึงได้อาเจียนตรงเวลาทุกวัน" เพราะว่ามาลาเรียจะกำเริบในเวลาเดิมทุกครั้ง แล้วหลังจากนั้นพระท่านก็บอกยาให้ พอได้ยามาก็หายดี แต่อยู่ได้ไม่นานก็มรณภาพ พูดง่าย ๆ คือหมดกรรมส่วนใหญ่ก็เลยพลอยสิ้นชีวิตไปด้วย..!

ดังนั้น...ของบางอย่างถ้าไม่ถึงวาระ เขาก็ไม่บอก จนกระทั่งไข่ต้มโผล่มาตรงหน้าถึงบอก ผมก็เลยต้องเอาไปให้เขา ที่ขอธูปแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) ๑ ดอกนั่นแหละ เอาไปให้เขาตรงนั้น พอตั้งใจว่าจะเอาไปให้เขา ก็หายป่วยเดี๋ยวนั้นเลย เหมือนกับคนปกติทุกอย่าง..!

ฉะนั้น...เรื่องพวกนี้พวกเราต้องระวังเอาไว้ด้วย เพราะว่าเราทุกคนสร้างเวรสร้างกรรมมาในแต่ละชาติไม่ใช่น้อย ๆ พอถึงเวลาวาระกรรมเปิด เราเองก็ไม่ได้เจตนาจะล่วงเกิน แต่ด้วยความที่วิ่งมาจนถึงทางเข้าแล้ว จะให้อ้อมไปเข้าทางเมรุก็ใช่ที่ แล้วคนทำก็ไม่ได้บอกไม่ได้กล่าวว่าปิดทาง วิ่งมาจนถึงจึงเลี้ยวขึ้นลานธรรม..จะได้เข้ามาได้

อีกเรื่องหนึ่งก็คือต้นโพธิ์ที่ผมปลูกเอาไว้ เป็นหน่อโพธิ์ตรัสรู้ที่คณะของฤๅษีพุทธบุตรนำมาถวาย ผมตั้งใจปลูกในวันวิสาขบูชา ตอนนี้จากที่สูงประมาณศอกกว่า ๆ กลายเป็นสูงเลยหัวผมไปแล้ว คาดว่าจะเจริญงอกงามดีมาก เพราะว่าตัวผมเองนั้น โหรอรุณ เทศถมทรัพย์ ท่านดูดวงเอาไว้ให้ ว่าตั้งแต่ผมอายุ ๕๔ ปี ๘ เดือนกว่า ๆ ชีวิตจะขึ้นถึงจุดสูงสุด แล้วหลังจากนั้นเป็นดวงที่แปลกมาก เพราะว่าถึงจุดสูงสุดแล้วก็วิ่งเรียบตรงไปเลย ไม่มีการขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกับคนอื่นเขา

ผมเลยอธิษฐานตอนปลูกต้นโพธิ์ตรัสรู้ว่า "ถ้าหากว่าชีวิตของผมจะมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่านี้ได้ ก็ขอให้ต้นโพธิ์นี้เจริญงอกงาม จนกระทั่งเป็นสิ่งที่ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมดังใจด้วย" ปรากฏว่าวันวิสาขบูชามาถึงวันนี้ประมาณ ๕ เดือน จากต้นโพธิ์ที่สูงประมาณ ๓๐ กว่าเซนติเมตร ผมเองสูง ๑๗๒ เซนติเมตร ตอนนี้ต้นโพธิ์สูงเลยหัวไปแล้ว ดูท่าว่าบุญใหม่ที่สร้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะบุญในการหล่อพระพุทธรูปทองคำ น่าจะช่วยทำให้ชีวิตมีความเจริญมากกว่าเดิมได้จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2021 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 16-10-2021, 23:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,457
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โบราณเรานิยมอธิษฐานต้นไม้แล้วปลูก อย่างหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านหักกิ่งโพธิ์มากิ่งหนึ่ง ไม่มีราก ไม่มีอะไรเลย หักกิ่งไปเฉย ๆ อธิษฐานว่า "ถ้าอยู่วัดนี้แล้วเจริญรุ่งเรือง ก็ขอให้กิ่งโพธิ์นี้ขึ้นเป็นต้นได้" แล้วก็เสียบลงดินเลย กลายเป็นต้นโพธิ์ใหญ่ที่วัดหิรัญญารามหรือวัดบางคลานมาจนทุกวันนี้ ก็แบบเดียวกับแม่ชีชื่นที่ไปปลูกต้นไม้หน้าโบสถ์ นั่นก็ไปอธิษฐานเอาไว้ "ระวังไว้นะ...ใกล้ตายแล้วต้นนั้น..!"

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็เจ้าตะลิงปลิง เมื่อวานนี้ไปโดนรถชนตาย ปรากฏว่าเมื่อตอนเช้าผมให้อาหารหมา ก็ยังมารับอาหารตามปกติ แต่แทรกมาในหมาตัวอื่นจนผมตกใจ คิดว่าไม่ได้โดนรถชน ที่โดนชนน่าจะเป็นตัวอื่น พอตั้งใจมองอีกที เขารู้..เขาก็ถอยไป กลายเป็นไอ้ตัวเดิมพวกนั้น ตอนที่เขาแทรกมา ก็คือหน้าตาของเจ้าตะลิงปลิงชัด ๆ เลย..!

เรื่องพวกนี้เขามักจะมาทดสอบ หรือมักจะมาบอกกล่าวให้รู้ แต่ถ้าเรารู้ทันแล้วก็จะหายไปเลย ไม่ทดสอบอีก แบบเดียวกับตอนที่ผมอยู่ที่วัดท่าซุง เลี้ยงหมาเอาไว้ชุดหนึ่ง มีเจ้าคุณหญิงเป็นตัวเล็กสุด แล้วเจ้าตัวนี้เป็นหมายิ้มได้ ถ้าใครรู้ว่าหมายิ้มได้เป็นอย่างไรก็จะเข้าใจ

ปรากฏว่าวันนั้นเดินลงมาเวลาประมาณ ๖ โมงเย็น หมดเวลา..พ้นเวรแล้ว เวรกลางคืนท่านมารับช่วงต่อ ผมเดินลงมาจากหน้าห้องหลวงพ่อ ไอ้เจ้าคุณหญิงก็ประเภทยิ้มเดินมาต้อนรับ ผมก็ถามว่า "เป็นอย่างไร สบายดีหรือเปล่า ?" "ได้กินอะไรแล้วหรือยัง ?" ทักทายเสร็จ ผมเดินผ่านไป ๓ ก้าว..นึกขึ้นมาได้ อีนี่มันตายไป ๓ - ๔ วันแล้วนี่หว่า..! โดนรถชนตาย หันไปดูอีกที..ไม่มีหมาสักตัว มีแต่พื้นดินเปล่า ๆ...! แต่เมื่อครู่นั้นมาเป็นตัวชัด ๆ เลย ก็คือลักษณะอย่างนั้น

ฉะนั้น...ในเรื่องของผี..จะหลอกเราก็ต่อเมื่อเรายังไม่รู้ ถ้าเรารู้ทัน..เขาไม่หลอกให้เสียเวลาหรอก..ไม่สนุก ก็ฝากเอาไว้ให้พวกเราเป็นข้อสังเกตหลายเรื่องด้วยกัน เผื่อว่าถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จะได้รู้ว่าสาเหตุต่าง ๆ เป็นอย่างนี้ หรือว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่เราคิดว่าจะเลียนแบบ จะทำตาม ก็ลองดูได้

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2021 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:46



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว