กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-04-2022, 17:53
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 736,968 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-04-2022, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,071 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องบอกว่าเป็นวันที่บรรดาพี่เลี้ยงทั้งหลายค่อนข้างจะวุ่นวาย เนื่องจากว่าสามเณรบางรายก็ยังเด็กมาก คิดถึงพ่อแม่ กลางคืนก็ร้องไห้ ทำเอาพี่เลี้ยงทั้งหลายพลอยไม่ได้หลับไม่ได้นอนไปด้วย..!

ตรงจุดนี้เราต้องเข้าใจว่า สามเณรนั้นก็คือเด็ก ดังนั้น...สิ่งต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีกรอบ มีระเบียบวินัยของความเป็นสามเณรบังคับอยู่ แต่ในส่วนของความเป็นเด็กนั้น ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขให้จบสิ้นลงไปได้ภายในระยะเวลาแค่วันสองวัน

ถ้าหากเราดูในพระวินัย จะเห็นว่ามีสามเณรที่เป็นสัตตรสวัคคีย์ ก็คือคณะสามเณร ๑๗ รูปที่เป็นเณรเล็ก ๆ มักจะโดนพระบ้าง สามเณรด้วยกันบ้าง หลอกจนร้องไห้อยู่เสมอ ถึงขนาดองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบัญญัติศีลห้ามพระไว้ข้อหนึ่ง ก็คือ ห้ามทำผีหลอกต่อพระภิกษุ (สามเณร) ถ้าหากว่าผู้ใดทำเช่นนั้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เป็นต้น ตรงนี้มีมาในสุราปานวรรค ปาจิตตีย์กัณฑ์ พระวินัยปิฎก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีเราก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะต้องถึงขนาดบัญญัติเป็นศีลออกมา แต่ที่ต้องทำเช่นนั้นก็เพราะว่า มีภิกษุหรือสามเณรบางรูปที่เป็นบุคคลจิตอ่อน เมื่อโดนทำผีหลอก ก็ตกใจถึงขนาดช็อก จนมรณภาพไปเลยก็มี..!


องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระกรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร ซึ่งพระองค์ท่านเห็นเป็นลูกเป็นหลาน จึงต้องบัญญัติศีลขึ้นมา เพื่อห้ามมิให้ภิกษุปุถุชนที่คึกคะนองไปทำอาการเช่นนั้น จนเกิดโทษทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น และถ้าหากว่าชาวบ้านทั่วไปรู้เข้า บุคคลที่ยังไม่เลื่อมใส ก็จะไม่เลื่อมใสหนักยิ่งขึ้น บุคคลที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ก็อาจจะเสื่อมความเลื่อมใสลงไปได้

อีกประการหนึ่งก็คือ ระยะนี้ยังเป็นระยะที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดหนักอยู่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจ่ายยาเม็ดฟ้าทะลายโจรให้แก่สามเณรทั้งหลาย วันละ ๒ เวลาเช้าเย็น ซึ่งแน่นอนว่ายาไม่ใช่ขนม การที่จะทำให้สามเณรทั้งหลายชอบใจ เห็นประโยชน์ แล้วฉันนั้นเป็นเรื่องยาก จึงต้องให้พี่เลี้ยงยืนคุมจนกว่าจะฉันลงไปให้เห็น ไม่เช่นนั้นถ้าเผลอก็อาจจะมีการนำไปทิ้งได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2022 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-04-2022, 22:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,071 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่สามารถที่จะบอกให้เด็ก ๆ ให้เห็นได้ว่า สิ่งที่เขาทำนั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวมอย่างไร จึงต้องใช้วิธีบังคับให้ทำ ยกเว้นว่าสามเณรบางรูปซึ่งมีความเข้าใจ และกลัวว่าเชื้อไวรัสทั้งหลายนั้นอาจจะติดมาถึงตน ก็จะฉันยาด้วยความยินดี เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ตนเองต้องเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ก็เป็นส่วนที่น้อยมาก

การที่สามเณรมาอยู่วัดนั้น ต้องทำตามระเบียบของวัด ก็คือต้องตื่นตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง แต่งตัวลงไปเริ่มเจริญพระกรรมฐานตอนตี ๔ ต่อด้วยทำวัตรเช้า หลังจากนั้นเมื่อผ่าน ๓ วันไปแล้ว สามเณรสามารถห่มผ้าได้ทะมัดทะแมงหนาแน่น ไม่ไปหลุดกลางทาง ก็จะให้สามเณรที่ตัวใหญ่ สามารถที่จะเดินทางไปกลับรวมระยะทาง ๕ กิโลเมตร ออกไปร่วมการบิณฑบาตได้ โดยให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป

ตรงจุดนี้พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจเด็กส่วนหนึ่ง ก็ไปรอใส่บาตรตั้งแต่วันนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าบางทีบุตรหลานของท่านอายุเพิ่งจะ ๖ ขวบ ซึ่งก็คือเด็กเล็ก ๆ นั่นเอง จะให้ไปเดินบิณฑบาตระยะทางตั้ง ๕ - ๖ กิโลเมตรนั้น ไม่สามารถที่จะทำได้อย่างที่ท่านต้องการแน่นอน..!

จึงมีพ่อแม่ที่จะไปทำบุญใส่บาตรที่วัด แต่ว่าโดนทางกระผม/อาตมภาพสั่งห้ามเอาไว้ เพราะว่าถ้าหากว่าไปพบกับสามเณรบ่อย ๆ ก็จะมีการ "ดราม่า" เกิดขึ้นอีก ก็คือสามเณรก็จะบ่น จะร้องไห้กับพ่อแม่ผู้ปกครองของตน จนบางทีพ่อแม่ไม่สามารถที่จะทนการสงสารลูกได้ ก็จะให้ลูกสึกหาลาเพศไปก่อนจบโครงการ หรือว่าอาจจะนำเอาเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ จากบ้านไปถวายแก่สามเณรได้..!

บทเรียนที่ผ่านมาจากการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนหลายปีต่อเนื่องกัน จึงทำให้กระผม/อาตมภาพอนุญาตให้ไปเยี่ยมสามเณรได้ครั้งเดียว ก็คือทุกวันที่ ๕ เท่านั้น หลังจากนั้นก็ไปรับสามเณรคืนได้เมื่อครบโครงการในวันที่ ๑๐ แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-04-2022 เมื่อ 23:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 01-04-2022, 22:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,071 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนนี้ที่ทำไป ก็เพื่อที่จะฝึกให้สามเณรนั้นมีความเข้มแข็ง สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง และสิ่งต่าง ๆ ที่ฝึกที่หัดไป ไม่ว่าจะเป็นการฉันอาหารด้วยการไปตักด้วยตนเองก็ดี การล้างถ้วยล้างจานหลังจากที่ฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดี การซักผ้าผ่อนท่อนสไบของตนเองก็ดี ตลอดจนกระทั่งการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำความสะอาดวัด กวาดวัด ถูศาลาก็ตาม

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะสร้างระเบียบ สร้างวินัย ทำให้สามเณรได้รู้ว่าความลำบากนั้นเป็นอย่างไร เมื่อได้รู้ซึ้งถึงความลำบากเหล่านั้นแล้ว ก็จะทำให้มีวุฒิภาวะ มีความเติบโตขึ้นในทางจิตใจ

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา เมื่อสามเณรไปอยู่วัด ภายใน ๓ วันก็เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้ สิ่งที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ สิ่งที่เคยทำก็ทำได้คล่องตัวยิ่งขึ้น แต่เมื่อกลับบ้านไปแล้ว บุคคลที่เป็นพ่อเป็นแม่ไม่สามารถที่จะรักษาสภาพเอาไว้ได้ ด้วยความรัก ความเมตตาสงสารต่อลูกต่อหลานของตนเอง ก็ไปบริการด้วยการทำโน่นทำนี่ให้ ซักผ้าให้ เก็บข้าวเก็บของให้ ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ที่ได้รับการฝึกฝนไปแล้ว ไม่สามารถที่จะต่อยอดให้ทำได้ตลอดไป เพราะว่าทุกคนย่อมรักความสบายเป็นปกติ

เราต้องเข้าใจว่าไม่มีใครแสวงหาความลำบาก ในเมื่อมีความสบาย ก็ย่อมจะเลือกหาในสิ่งที่สบาย ทำให้การฝึกฝนด้วยความยากลำบากตลอดโครงการอย่างน้อย ๑๐ วันของทางวัดท่าขนุนนั้น ทำให้สามเณรไม่สามารถจะรักษาสิ่งต่าง ๆ ที่ฝึกที่หัดเอาไว้ได้ เพราะว่าไปเสียตรงที่พ่อแม่ของตนเองนั้นรักลูกจนเกินไป

ตรงนี้ขอให้บุคคลที่เป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายายทุกคนได้รู้เอาไว้ว่า การที่ลูกหลานของท่านจะเติบโตขึ้นไป แล้วมีจิตสำนึก รู้จักเสียสละ รู้จักรับผิดชอบต่อสังคม รู้จักทำคุณประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตนนั้น ต้องปล่อยให้เด็กทั้งหลายเหล่านี้ ได้เคยพบเคยเจอกับความยากลำบากในชีวิตเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะไม่สามารถต่อสู้ฝ่าฟันด้วยตนเอง ในเมื่อตนเองยังเอาตัวไม่รอด แล้วจะไปช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร ?

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราสามารถใช้ตรรกะคิดกันแบบง่าย ๆ ก็คือต้องนึกถึงคำโบราณที่ว่า "ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ" ถ้าหากว่าเราฝึกหัดให้ลูกให้หลานของเราเผชิญหน้ากับความลำบาก ถ้าหากว่าไปเจอกับสิ่งที่ลำบากน้อยกว่า เขาก็จะรู้สึกว่าสบาย

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะฝึกหัด ควรที่จะเข้มงวดกับบุตรหลานของตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นการสร้างลูกสร้างหลานออกไปเป็นภาระต่อสังคม และอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ขาดจิตสำนึกต่อส่วนรวม ทำสิ่งทั้งหลายทั้งปวงตามใจของตนเอง บางรายก็ถึงขนาดถามคนอื่นว่า "มึงรู้ไหมว่ากูเป็นลูกใคร ?" เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-04-2022 เมื่อ 21:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 01-04-2022, 22:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,071 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าหากว่าญาติโยมไม่รักลูกในทางที่ผิด จนกระทั่งกลายเป็นภาษิตจีนที่ว่า "พ่อแม่รังแกฉัน" ซึ่งเรื่องนี้กระผม/อาตมภาพคาดว่าคงไม่มีในบทเรียนของเด็กรุ่นใหม่ แต่ว่ารุ่นของกระผม/อาตมภาพนั้นได้เรียนมา

ก็คือมีซินแสท่านหนึ่งไปเจอขอทาน ซึ่งซินแสได้บอกกล่าวแก่ขอทานว่า "โหงวเฮ้งของท่านเป็นคนรวย แล้วทำไมต้องปลอมเป็นขอทานด้วย ?" ขอทานคนนั้นก็ได้ร้องไห้บอกว่า "พ่อแม่รังแกฉัน"

ซินแสเกิดความสงสัยจึงได้ไต่ถาม ก็ทราบความว่า ขอทานผู้นี้แต่เดิมเป็นลูกเศรษฐี พ่อแม่ตามใจทุกอย่าง จ้างครูบาอาจารย์มาสอนให้เรียนหนังสือถึงที่บ้าน แต่ด้วยความขี้เกียจ ลูกเศรษฐีก็เที่ยวไปฟ้องว่า ครูคนนี้ดุร้าย ครูคนนี้เข้มงวดเกินไป จนกระทั่งไม่มีครูคนไหนสามารถสั่งสอนได้ แล้วก็ไปคบแต่เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว ซึ่งคอยแต่จะปอกลอก เพราะรู้ว่าบุคคลนี้ร่ำรวยและโง่เขลา ตนเองสามารถเกาะกินได้ แต่ว่าพ่อแม่ก็ตามใจทุกอย่าง ปรนเปรอด้วยเงินทองมาตลอดชีวิต

เมื่อพ่อแม่ตายไป บรรดาเพื่อนทั้งหลายก็ยิ่งปอกลอกหนักขึ้น พาไปเที่ยวตามแหล่งบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งละลายทรัพย์เป็นอย่างดี จนกระทั่งท้ายสุด เมื่อทรัพย์สมบัติทั้งหลายหมดไป เพื่อนฝูงก็ได้ตีจากไปหมด ไม่มีใครช่วยเหลือในยามยากลำบาก จึงต้องมาดำรงอาชีพด้วยการขอทาน เพราะว่าความรู้อื่น ๆ ที่จะเลี้ยงตนเองก็ไม่มี ดังนั้น...ลูกเศรษฐีซึ่งกลายเป็นขอทาน จึงได้บอกกับซินแสว่า "พ่อแม่รังแกฉัน"

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ก็เพราะการที่เราตามใจเด็ก ๆ จนเสียคน ไม่กล้าที่จะขัดคอเด็ก ไม่กล้าที่จะขัดใจเด็ก ก็ทำให้เด็กได้โอกาส อาศัยความรักของพ่อแม่นั้น ทำให้ตนเองสุขสบายที่สุดเท่าที่จะสบายได้ แม้แต่การที่ครูบาอาจารย์ที่โรงเรียนดุด่าว่ากล่าว หรือถ้าเป็นสมัยก่อน ก็มีการทำโทษด้วยการเฆี่ยนตีบ้าง ก็ไปฟ้องร้อง แล้วพ่อแม่ก็มาด่าว่าครูบาอาจารย์จนถึงโรงเรียน เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2022 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 01-04-2022, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,071 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้เราไปสร้างบุคคลที่เป็นภาระต่อสังคมขึ้นมา เมื่อท่านที่เป็นพ่อแม่สิ้นชีวิตลงไป บางคนก็ไม่สามารถที่จะทำมาหากินได้ เพราะว่าความรู้ที่ศึกษาไปนั้น ไม่เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ก็อาจจะกลายเป็นมิจฉาชีพ สร้างความเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูล เกิดทุกข์เกิดโทษทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น

ที่ต้องนำเรื่องนี้มาบอกกล่าว ก็เพราะว่าพ่อแม่หลายคนนั้น ไม่สามารถที่จะตัดใจให้ลูกไปลำบากได้ เมื่อได้ยินว่าทางวัดท่าขนุนมีความเข้มงวดต่อการบรรพชาอุปสมบท ก็พาลูกไปบวชที่อื่น ปล่อยให้เขาสุขสบายตามใจ ดังนั้น...ผลของการบวช ซึ่งจะสร้างวุฒิภาวะให้เกิดขึ้น ทำให้เป็นบุคคลที่รู้จักอดทนอดกลั้น เป็นบุคคลที่รู้จักเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวมก็ไม่เกิดขึ้น การบวชสมัยนี้จึงมีผลน้อยมาก

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ขอฝากเอาไว้สำหรับบุคคลที่เป็นพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ว่าถ้าท่านทั้งหลายยังรักลูกในทางที่ผิดอยู่ ก็อาจจะทำให้ลูกของเราต้องเกิดความเดือดร้อนขึ้นต่อไปในภายภาคหน้า

วันนี้รบกวนเวลาของท่านทั้งหลายมามากแล้ว จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-04-2022 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:46



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว