กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-12-2021, 20:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,274
ได้รับอนุโมทนา 739,785 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-12-2021, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ งานคณะสงฆ์แม้ว่าจะมาก แต่ว่าส่วนที่อยู่ในความสนใจของญาติโยมเกี่ยวกับคณะสงฆ์ กลับเป็นเรื่องที่พระจะสึก ต้องบอกว่าเป็นการให้ความสำคัญผิดพลาด คือพระของเราบวชแล้วสึกเป็นปกติ แต่คราวนี้มีปัญหาอยู่ตรงที่ว่า ถ้าพระรูปใดรูปหนึ่งบวชหลาย ๆ พรรษาแล้วสึก ในความรู้สึกของคนไทยเราก็คือ ท่านแปลกแยกจากสังคม

ตรงนี้กระผม/อาตมภาพชื่นชมพุทธศาสนิกชนชาวพม่า ตลอดระยะเวลา ๖ ปีที่ไปสร้างวัดที่พม่า ช่วงที่มีเวลาว่างก็เดินทางไปดูกิจการงานพระพุทธศาสนาในพม่า ต้องบอกว่าเกือบจะทุกซอกทุกมุม ส่วนที่เห็นชัดอย่างหนึ่งก็คือ พุทธศาสนิกชนชาวพม่าน่าจะมีความเข้าใจในหลักธรรม หรือเข้าถึงธรรมมากกว่าพุทธศาสนิกชนชาวไทยมากทีเดียว

แค่ในเรื่องของการบวชการสึกของพระ ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดแล้ว เมื่อพระพม่าสึก ก็คลุกคลีตีโมงกับชาวบ้าน กลมกลืนกันเดี๋ยวนั้นเลย แต่ถ้าหากว่าอีกไม่กี่วันบวชเข้าไปใหม่ ชาวบ้านก็ไหว้ก็กราบแบบทูนหัวทูนเกล้าได้เลยเหมือนกัน นั่นคือสิ่งที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยของเราควรจะมี

ถ้าหากว่าพูดกันแบบไม่เกรงใจก็คือ พุทธศาสนิกชนชาวไทยเล่นตามบทไม่ถูกต้อง แต่ของพม่านั้นเล่นตามบทได้ถูกต้อง ตอนคุณเป็นฆราวาสก็คลุกคลีตีโมงเล่นหัวกันไป แต่ทันทีที่บวชเป็นพระ เขาก็กราบก็ไหว้ได้เต็มมือเดี๋ยวนั้นเลย

แต่คราวนี้บ้านเรา ถ้าหากว่าพระบวชหลายพรรษาหน่อย สัก ๓ พรรษา ๔ พรรษาขึ้นไปแล้วสึก ชาวบ้านจะเริ่มรู้สึกว่าแปลกแยกจากสังคม แล้วถ้าหากว่าเป็น ๑๐ พรรษาระดับเถระขึ้นไป หรือ ๒๐ พรรษาระดับมหาเถระขึ้นไปก็ยิ่งหนัก แต่คราวนี้ในส่วนนี้ขอละไว้ไม่กล่าวถึงมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-12-2021 เมื่อ 00:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-12-2021, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ มีญาติโยมบางท่านออกมากล่าวถึงข้อกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนที่กล่าวถึงทรัพย์สินของพระภิกษุสามเณร แล้วกระผม/อาตมภาพเห็นว่าเข้าป่าเข้าดงไปไกล ต้องบอกว่า ไม่น่าจะเป็นผู้ที่ศึกษาทางกฎหมายมาโดยตรง

เนื่องเพราะว่าในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตราที่ ๑๖๒๓ ระบุเอาไว้ชัดว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุสามเณร ถ้าหากว่ามรณภาพไปแล้ว ตกเป็นของวัดต้นสังกัดนั้น อย่างเช่นว่า ถ้าพวกท่านรูปใดรูปหนึ่ง ไปอยู่ที่วัดพุทธบริษัท ไปอยู่ที่วัดวังปะโท่ ไปอยู่ที่วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ไปอยู่ที่วัดท่ามะขาม หรือว่าไปอยู่ที่สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี ไปอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ เกิดมรณภาพกะทันหัน ทรัพย์สินของท่านไม่ได้ตกกับวัดที่ท่านอยู่นะครับ เพราะกฎหมายระบุไว้ชัดเลยว่าเป็นวัดต้นสังกัด ก็ต้องมาดูจากหนังสือสุทธิว่าท่านสังกัดวัดไหนอีก

แต่โดยปกติแล้วเรื่องนี้พระเราไม่ค่อยถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ ก็คือมรณภาพที่วัดไหนก็จัดการกันไปตรงนั้น ทรัพย์สินก็มอบหมายให้กับพระภิกษุสามเณรของวัดนั้นไปจัดการ

สมัยที่
กระผม/อาตมภาพยังไม่ได้บวช ไปวัดอนงคาราม กราบหลวงพ่อเจ้าคุณไสว ตอนนั้นท่านเป็นพระเทพวิสุทธิเมธี ท่านเป็นสหธรรมิกของหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยอยู่ที่วัดอนงคาราม แล้วก็เคยอยู่ที่วัดประยุรวงศาวาสมาก่อน ก็ปรากฏว่าพระที่วัดอนงคารามมรณภาพพอดี ท่านเจ้าคุณก็เลยชวนกระผม/อาตมภาพไป บอกว่าไป ไหน ๆ ก็มาแล้ว ไปช่วยกันแบ่งสมบัติหน่อย คนมาในที่นี้ถือว่ามีส่วนร่วมด้วย ผมก็ไป จึงได้แหวนมงคล ๙ ของหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทธสรมหาเถระ) วัดอนงคารามมาวงหนึ่ง

พอพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส มรณภาพ ความจริง
กระผม/อาตมภาพไปไม่ทันนะครับ แต่ว่าคณะสงฆ์เขาปล่อยเวลาผ่านไปช่วงใหญ่ แล้วถึงมีการแบ่งสมบัติกัน ผมเองก็ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรหรอกครับ แต่ปรากฏว่าทางคณะสงฆ์ที่ดูแลจัดการ หยิบเอาคทาของหลวงพ่อวัดท่าซุงขึ้นมา บอกว่า "อันนี้เป็นสมบัติที่หลวงพ่อวัดท่าซุงมอบให้กับหลวงปู่มหาอำพัน ถวายคืนคุณไปก็แล้วกัน" ตอนนั้นถ้าไม่ใช่พระนี่ ผมจะกระโดดกอดพระเจ้าหน้าที่ท่านเลย คือเป็นของที่ผมอยากได้มานานมากแล้ว แต่ไม่ได้

แล้วเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกวิธีการใช้คทา แม้กระทั่งการจัดการวาง คาถากำกับทั้งหมด บอกผมมา ผมก็ยังสงสัยว่าบอกผมทำไม ในเมื่อผมไม่มี แล้วก็มารู้เอาหลังจากหลายปีให้หลังนั้นว่าคทาที่ท่านทำแค่ประมาณ ๑๐ อัน ตกมาถึงมือของ
กระผม/อาตมภาพจนได้ นี่คือลักษณะการจัดการทรัพย์สินของพระสงฆ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-12-2021 เมื่อ 00:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-12-2021, 01:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ในกฎหมายก็ยังระบุเอาไว้ชัด ท่านอย่าลืมนะครับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตัวย่อคือ ป.พ.พ. มาตราที่ ๑๖๒๓ ระบุเอาไว้ชัดเจน ถ้าหากว่าพระภิกษุมรณภาพ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดจะตกเป็นของวัดต้นสังกัด

แต่คราวนี้มีวรรคต่อมาครับ ยกเว้นว่าท่านจะจำหน่ายออกไปในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าระบุให้แก่ผู้ใดโดยพินัยกรรม ก็แปลว่า ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายคิดว่าทรัพย์สินบางอย่างของท่าน จะมอบให้แก่ญาติโยมที่อุปถัมภ์อุปัฏฐากแก่เรา ก็พิจารณาดูให้ดี ๆ นะครับ เพราะว่าถ้าหากว่าให้พลาดไป อาจจะทำให้โยมติดหนี้สงฆ์ได้ อย่างของกระผม/อาตมภาพ ถ้าหากว่าจะให้วัตถุมงคลแก่ญาติโยมท่านใด ผมจะควักเงินส่วนตัวบูชาเอง เป็นการตัดปัญหาตรงนี้ไปเลย

คราวนี้มีปัญหาต่อไปก็คือมาตราที่ ๑๖๒๔ อยู่ติดกันเลยครับ ระบุเอาไว้ว่าทรัพย์สินที่ติดตัวพระภิกษุสามเณรมาตั้งแต่ก่อนบวช ไม่ได้อยู่ในการจัดการนี้นะครับ ยังเป็นของภิกษุรูปนั้นอยู่ ก็คือของอะไรที่เราติดตัวมาตั้งแต่ก่อนบวช และควรให้ตกแก่ทายาทโดยธรรมของพระภิกษุสามเณรนั้นเท่านั้น คราวนี้ทายาทโดยธรรม ส่วนใหญ่แล้วก็ต้องหมายถึงลูกหลาน ถ้าหากว่าไม่มีก็ต้องญาติผู้ใหญ่ เช่น พ่อ แม่ ลุง ป้า น้า อา ไปโน่น

เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าปล่อยให้เขาพูดกันไปเรื่อย พวกเราก็จะเข้าใจผิด โดยเฉพาะในจุดที่ว่าพระมีเงินเป็นสิบ ๆ ล้าน ถ้ามีขนาดนั้น ผมมั่นใจว่าสอง พส. แกสึกไปนานแล้ว ไม่มารี ๆ รอ ๆ อยู่จนป่านนี้หรอก คืออยู่ในลักษณะของการกล่าวหาพระ ถ้าหากสมัยนี้ เขาใช้คำว่า "ด้อยค่า" ก็คือเป็นการด้อยค่าพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาอย่างไม่ควรให้อภัยเลย คือสิ่งที่พูด กิริยาที่ทำ ไม่ได้มีความเคารพในพระสงฆ์ หรือพระพุทธศาสนาเลย มีอยู่อย่างเดียวคือ กล่าวโทษและโจทก์มั่ว ๆ ไป เพื่อที่จะด้อยค่าลงเท่านั้นเอง

ตรงจุดนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าการลาสิกขา หรือว่าการแบ่งปันทรัพย์สมบัติของพระภิกษุสามเณร และบุคคลประเภทนี้ จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตนเองก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลย ศีล ๕ ก็มีไม่ครบด้วยซ้ำไป แต่ถึงเวลาก็กล่าวตำหนิติเตียนพระภิกษุสามเณรที่มีศีลมากกว่าตน

ถ้าเป็นภาษิตจีนเขาบอกว่า "สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูดันตะกายมา..!" จะสมน้ำหน้าก็ใช่ที่
กระผม/อาตมภาพว่าน่าสงสารมากกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-12-2021 เมื่อ 00:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-12-2021, 01:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกข้อหนึ่งที่อยากจะฝากพวกท่านทั้งหลายเอาไว้นะครับ เกี่ยวกับมรดก ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายมีสิทธิ์ได้รับมรดกที่ญาติพี่น้องเขาแบ่งปันให้ รับได้นะครับ และเป็นของส่วนตัวของท่านด้วย ถือเป็นสมบัติติดตัวเหมือนกัน ไม่ได้เกี่ยวข้องในลักษณะของการที่บวชเข้ามาแล้วจึงได้

แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่ได้ แล้วคิดว่าญาติพี่น้องเขาไม่ยุติธรรมกับเรา แล้วจะไปฟ้องร้องเพื่อขอแบ่งมรดก ต้องสึกถึงจะไปฟ้องได้ ไม่อย่างนั้นฟ้องเท่าไร แพ้รูดมหาราชเลยครับ ฎีกากี่ฉบับที่ตัดสินมา..แพ้หมด เพราะผู้พิพากษาท่านฟันธงว่า พระภิกษุเป็นผู้ที่เพียรไปในการละกิเลสแล้ว มิสมควรที่จะกระทำเช่นนี้

ต้องเข้าใจนะครับว่า ถ้าไปฟ้องร้องเพื่อขอแบ่งมรดก ต้องสึกเท่านั้นถึงมีโอกาสชนะ แต่ถ้าหากว่าฟ้องทั้ง ๆ ที่เรายังห่มจีวรอยู่ รับประกันว่าแพ้ทุกรายครับ ผมดูฎีกามาหลายฉบับแล้ว การตัดสินของศาลฎีกานี่ถือเป็นบรรทัดฐานในการตีความกฎหมายเลย

ดังนั้น...ถ้าทั่วไปเขาแบ่งให้..รับได้ และเป็นของส่วนตัวของท่าน แต่ถ้าหากว่าไม่ได้รับ คิดว่าเขาไม่ยุติธรรมกับเรา ตั้งใจที่จะฟ้องร้องเพื่อขอแบ่งสมบัติ ขอแบ่งมรดก โปรดสึกหาลาเพศเสียก่อน ไม่เช่นนั้นโอกาสชนะไม่มีเลย

ก็ขอเรียนถวายต่อพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวให้แก่ญาติโยม ทั้งที่อยู่ที่วัดท่าขนุนนี้และที่บ้าน ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ ฟังเอาไว้เป็นแนวทางว่า เรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับทั้ง ๒ ประการนี้ มีความชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะได้ไปศึกษาหรือเปล่าเท่านั้นเอง..ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2021 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว