กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-10-2022, 20:00
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,269
ได้รับอนุโมทนา 739,772 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-10-2022, 00:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนหายไป ๓ วัน เพราะกระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐานอยู่ ช่วงที่เข้ากรรมฐาน อดอาหาร สภาพร่างกายจะปรับเอง ในร่างกายเมื่อปรับ ธาตุความร้อนในร่างกายขึ้นสูง เสียงจะแหบโดยอัตโนมัติ ก็เลยไม่สามารถที่จะบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนให้ทุกคนฟังในช่วงนั้นได้

ในช่วงที่ผ่านมาถึงวันกึ่งกลาง คือวันที่ ๙ ตุลาคม
กระผม/อาตมภาพต้องไปงานทำบุญ ๑๐๐ ปีชาตกาล พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺญมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ ในเมื่อเป็นฎีกาหลวงก็ต้องเอาพัดยศไปด้วย

คราวนี้การที่คนเราเข้ากรรมฐานทรงสมาธิอยู่ ถ้าหากว่าไม่มีความคล่องตัวจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะนั่งแข็งทื่อไปเลย แต่ว่าเรื่องนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านฝึกฝนกระผม/อาตมภาพมา ต้องบอกว่า นอกจากความเข้มงวดของท่านแล้ว กระผม/อาตมภาพยังเป็นคนที่ไม่กลัวความลำบาก จึงพยายามฝึกทุกอย่างตามที่ท่านสอน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสมาธิตามลำดับชั้น สลับการเข้าสมาธิ หรือว่าการเข้าสมาธิแล้วทำงานไปด้วย

เมื่อมีความคล่องตัวตรงจุดนี้ ก็สามารถที่จะทำทุกอย่างในขณะที่อารมณ์ใจทรงตัวเท่ากับนั่งนิ่ง ๆ ได้ ซึ่งมีหลายคนที่รู้และพยายามที่จะดู แต่เลียนแบบไม่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าขาดการฝึกฝนมา

สมัยที่อยู่วัดท่าซุง
กระผม/อาตมภาพก็พยายามสอนรุ่นน้องหลายต่อหลายคน แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าความพยายามไม่พอ ถ้าถามว่าพยายามเท่าไรถึงจะพอ ? ให้ดูตัวอย่างกระผม/อาตมภาพเองก็แล้วกัน แค่ปฐมฌานอย่างเดียวใช้เวลาฝึกอยู่ ๓ ปี..! นั่นขนาดทุ่มเทแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น ถ้าเป็นคนอื่นก็เลิกกันหมดแล้ว

ยิ่งถ้าเป็นพวกท่านทั้งหลายก็ไม่ต้องหวังเลย แค่ลุกขึ้นมาทำวัตรเช้าก็มาไม่ทันแล้ว ไอ้ที่เหลือจะไปทำอะไรได้ ? เพราะว่ากำลังใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับความดี ปล่อยให้กิเลสครอบงำ เอาความสบาย นอนเพลิน นี่ขนาดกระผม/อาตมภาพสั่งให้เปิดเสียงระฆังปลุกตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง ตี ๔ เริ่มเจริญพระกรรมฐาน ต่อด้วยทำวัตรเช้าแต่มาไม่ทัน มาตอนทำวัตรใกล้จะเสร็จ แล้วถ้าไม่มีเสียงระฆังปลุก พวกท่านจะตื่นกันไหม ? ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่า ถ้าเราเองอยู่ต่อไป จะมีความหวังหรือความเจริญก้าวหน้าในพระศาสนาหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2022 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 12-10-2022, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนที่ต้องการเอาดีเขาไม่กลัวความลำบาก ไม่มีข้ออ้างใด ๆ ทั้งสิ้น จำไว้ว่าข้ออ้างทุกรูปแบบเป็นข้ออ้างของกิเลสทั้งนั้น ถ้าตราบใดที่เรายังมีข้ออ้างสำหรับตัวเองอยู่ ก็แปลว่ากิเลสยังมีอำนาจเหนือกว่าเราอยู่มาก

ดังนั้น..พวกเราลองพิจารณาดูว่า ๑ พรรษาที่ผ่านมากำไรหรือขาดทุน ? เพราะว่ายิ่งในเรื่องของการบวชพระบวชเณร ทันทีที่ประกอบพิธีเสร็จ อานิสงส์ในการบวชเราได้เต็มแล้ว แต่คราวนี้อยู่ต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติปฏิบัติของเรา ทำดีก็บวกเข้าไป ทำไม่ดีก็ลบออก แบบนั้นอยู่ไปนาน ๆ ก็ขาดทุนย่อยยับ

เนื่องเพราะว่าญาติโยมแต่ละท่านที่สงเคราะห์เราด้วยปัจจัย ๔ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ส่วนใหญ่แล้วเขาก็ตั้งความปรารถนาของเขาเอาไว้ ว่าทำบุญครั้งนี้เขาต้องการอะไร แล้วเราลองมานึกดูว่า ถ้าสมมติโยมต้องการเงินจากเราหนึ่ง
ล้านบาท แต่เรามีให้เขาแค่แสนเดียว เราก็ขาดทุนไปเก้าแสน..! ยิ่งอยู่ก็ยิ่งขาดทุนหนักเข้าไปทุกวัน

สมัยที่อยู่วัดท่าซุง มีรุ่นพี่อยู่ท่านหนึ่ง
กระผม/อาตมภาพเรียก "หลวงน้า" ก็คือพระมีชัย สุนฺทโร ส่วนใหญ่เขาเรียก "หลวงน้ามีชัย" นอกจากสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต เจริญพระกรรมฐานตามปกติแล้ว ด้วยความที่พักอยู่อาคารหลังเดียวกัน แม้ว่าจะคนละห้องก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็ได้เห็นข้อวัตรปฏิบัติของท่านว่า หลังจากที่ทำวัตรเสร็จแล้ว ท่านกลับถึงกุฏิ ท่านจะสวดมนต์ต่ออีกเป็นชั่วโมง ๆ โดยเฉพาะบรรดาบทสวดยาว ๆ อย่างอาทิตตปริยายสูตร อนัตตลักขณสูตร ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร มหาสมยสูตร ฯลฯ

มีอยู่วันหนึ่ง
กระผม/อาตมภาพมีโอกาสถามว่า "หลวงน้า..ขยันสวดมนต์ขนาดนี้ มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจหรือเปล่า ?" หลวงน้าท่านบอกว่า "ท่านเล็ก..เราบิณฑบาตทุกวัน โยมกอบโกยจากเราไปทุกวัน ถ้าเรามีไม่พอให้โยมเขา เราอยู่ไปก็ขาดทุน ผมไม่อยากขาดทุน ผมก็ต้องขยัน"

แล้วมาถึงนึกท่านเจ้าคุณอาจารย์โสภา พระราชปริยัติโมลี (โสภา เขมสรโณ ป.ธ.๙) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระงามพระอารามหลวง อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ท่านมรณภาพไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง ท่านสอนบาลีในช่วงที่
กระผม/อาตมภาพเรียนปริญญาตรีอยู่

เจ้าคุณอาจารย์ท่านมีปฏิปทาก็คือว่า ไม่ว่าจะกลับจากข้างนอกมาดึกดื่นขนาดไหนก็ตาม ท่านต้องสวดมนต์ทำวัตรก่อนถึงจะเข้านอน ท่านบอกกับกระผม/อาตมภาพว่า "สมัยนี้จะเอาบรรลุมรรคบรรลุผลเหมือนอย่างสมัยพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของง่าย แต่ผมจะทำตัวให้เป็นพระของพระพุทธเจ้าให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้" นั่นเจ้าคุณชั้นราช เจ้าอาวาสพระอารามหลวง เปรียญธรรม ๙ ประโยค รองเจ้าคณะจังหวัด มีวัตรปฏิบัติอย่างนั้น แล้วพวกเราเองมีอะไรเทียบท่านได้สักอย่างไหม ?

เรื่องพวกนี้จึงอยู่ที่สามัญสำนึกของพวกท่านเอง ถ้าตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็คือ อัตตนา โจทยัตตานัง จงเตือนตนด้วยตนเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2022 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 12-10-2022, 00:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมหลายท่านฟังครูบาอาจารย์สั่งสอนมา จนครูบาอาจารย์ล่วงลับดับขันธ์ไปรูปแล้วรูปเล่า ก็ยังเอาดีไม่ได้สักที เพราะว่ามัวแต่รอครูบาอาจารย์ตักเตือน แทนที่จะเตือนตัวเองสอนตัวเองว่า ชีวิตนี้เป็นของน้อย เราอาจจะตายลงไปวันนี้เมื่อไรก็ไม่แน่ ครูบาอาจารย์สอนอะไรมา เราต้องกอบโกยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่กลายเป็นว่าพวกเราทำตัวเหมือนไฟไหม้ฟาง ดีได้ไม่เคยครบ ๓ วัน พอตั้งใจจริง ไปวันแรกลำบากหน่อย วันที่สองก็ท้อ วันที่สามถอยไปแล้ว..! กำลังใจแบบนี้ เมื่อไรจะเอาดีได้

ลองเปรียบเทียบดู หลวงน้ามีชัยที่เป็นพระหลวงตาแก่ ๆ กับท่านเจ้าคุณอาจารย์โสภา ต้องบอกว่าเป็นดาวรุ่งของวงการสงฆ์ในยุคนั้น ถึงขนาดทุกคนเล็งว่าท่านจะได้เป็นเจ้าคณะภาคอย่างแน่นอน มีแต่กระผม/อาตมภาพบอก "ไม่ได้เป็นหรอก" เพราะท่านบอกว่า "เล็ก ถ้าข้าเป็นเจ้าคณะภาค แกช่วยมาเป็นเลขาฯ ให้ทีนะ" กราบเรียนท่านไปว่า "เลขาฯ ภาค ๑๙ ผมไม่เป็นด้วยหรอก" เพราะคณะสงฆ์มีแค่ ๑๘ ภาค ภาค ๑๙ เขาเป็นที่โลกอื่น หลังจากนั้นปีกว่า ท่านก็มรณภาพ..!

ฉะนั้น..ในเมื่อเราเองไม่มีอะไรเหมือนกับท่านสักอย่าง ก็ต้องพากเพียรพยายาม โดยเฉพาะใครที่ตั้งใจทำความดีตลอด ๓ เดือนที่เข้าพรรษานี่
กระผม/อาตมภาพไม่ได้เห็นด้วยเลย เพราะไอ้ ๙ เดือนนอกพรรษา ท่านจะไม่ทำเลยหรือ ? แล้วถ้ายิ่งเป็นตัวกระผม/อาตมภาพด้วยแล้ว ทุกวันก็คือวันเข้าพรรษา ทำงานเหมือนอย่างกับมีวันนี้วันเดียว ตายลงไปก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย เพราะเต็มที่กับทุกอย่างแล้ว อยู่คนเขาก็เกรงใจ ไปคนเขาก็คิดถึง แหงนหน้าก็ไม่อายฟ้า ก้มหน้าก็ไม่อายดิน

ในเมื่อเราไม่เตือนตัวเอง มัวแต่ไปรอครูบาอาจารย์เตือน อย่าลืมว่ากระผม/อาตมภาพแก่ลงไปทุกวัน นี่ก็เข้า ๖๔ ปีแล้ว วันนี้เดินบิณฑบาต กว่าจะมาถึงประตูข้างศาลา แข้งขาแข็งไปหมด เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วโยมก็ใส่ข้าวมาทั้งถุง ๕ กิโลกรัม ใส่น้ำมาทีละโหล พวกท่านอยู่ท้ายแถวก็ไม่กระไรนัก ไอ้หัวแถวอย่างกระผม/อาตมภาพลำบากจะแย่ ในเมื่อแก่ลงไปทุกวัน โอกาสที่จะอยู่ จะบอก จะกล่าวให้แก่พวกเราก็น้อยลงไปทุกวัน

สมัยก่อน กระผม/อาตมภาพน้อยใจหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่าไม่มีเวลาให้พระเณรเลย ท่านบอกแค่ว่า "เราเป็นพระเป็นเณร ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ หนังสือมี เทปมี ไปอ่านเอา ไปฟังเอา ศึกษาแล้วปฏิบัติตาม ติดขัดตรงไหนค่อยมาถาม" ถ้าเป็นพวกท่าน
กระผม/อาตมภาพยืนยันว่าตายหมด..! เพราะว่าคงไม่มีใครมีอารมณ์ไปแคะตำราเอาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2022 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-10-2022, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,116 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อกระผม/อาตมภาพเห็นข้อบกพร่องตรงจุดนี้ ว่าส่วนใหญ่แล้วลูกศิษย์ต้องการให้อาจารย์จ้ำจี้จ้ำไช ไม่ใช่ลูกศิษย์คุณภาพแบบของหลวงพ่อฤๅษีฯ ที่สั่งทีเดียวก็ทำไปตลอดชีวิต ถึงได้ต้องมามีบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ไม่ได้หวังสตางค์จากยูทูบ ไอ้นั่นเป็นแค่ผลพลอยได้..!

ข้อใหญ่ใจความจริง ๆ ก็คือ ให้พวกเรามีหลักในการประพฤติปฏิบัติ ฟังไปแล้ว ตรงไหนเป็นประโยชน์แก่ตนเอง จะได้เก็บเอาไปใช้งาน ไม่ใช่วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า นอกจากเอาดีไม่ได้แล้วยังถอยหลังอีกต่างหาก..!

ดังนั้น..ตลอดพรรษานี้ถ้าเราล้มเหลวมา ก็ตั้งใจไปเลยว่าอีก ๙ เดือนนี้เราต้องเอาดีให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่างนั้น ก็ชีวิตนี้ต้องเอาให้ได้ กระผม/อาตมภาพยืนยันว่า ถ้าขยันจริง ทำได้ถูกต้อง มีโอกาสทุกคน เพียงแต่ว่าเราจะต้องรักตัวเอง

สมัยก่อนหลวงปู่มหาอำพัน ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) วัดเทพศิรินทราวาส ท่านบอกให้กระผมฟังว่า

รักษาตัว กลัวกรรม อย่าทำชั่ว
จะหมองหมัว หม่นไหม้ ไปเมืองผี
จงเลือกทำ แต่กรรม ที่ดี ๆ
จะได้มี ความสุข พ้นทุกข์ภัย

หลวงปู่ท่านเป็นพระที่พูดน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วทำให้ดู ถ้าให้พวกท่านไปอยู่กับหลวงปู่ อาจจะไม่ได้อะไรเลย เพราะว่าดูแล้วเลียนแบบไม่เป็น แต่กระผม/อาตมภาพกอบโกยจากท่านมาได้เยอะมาก เพราะเข้าใจว่าครูบาอาจารย์แต่ละท่านมีลีลาการสอนที่ไม่เหมือนกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2022 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว