กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-11-2022, 18:26
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,963 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-12-2022, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ภารกิจสำคัญของกระผม/อาตมภาพก็คือได้เดินทางไปยังวัดเขาสามสิบหาบ หมู่ที่ ๔ ตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทำหน้าที่พระเกจิอาจารย์ในการนั่งปรกคุมธาตุ เพื่อหล่อพระพุทธรูปประจำพระอุโบสถวัดเขาสามสิบหาบ คือสมเด็จพระพุทธติงสบารมี เป็นการฉลองในวาระการตั้งวัดสามสิบหาบมาครบ ๑๓๐ ปี

ดังนั้น..การหล่อพระพุทธรูปก็ดี การฉลอง ๑๓๐ ปีครบรอบการตั้งวัดเขาสามสิบหาบก็ดี ตลอดจนกระทั่งชื่อวัดเขาสามสิบหาบก็ดี จึงมาประมวลรวมกันเป็นพระนามของพระประธาน คือสมเด็จพระพุทธติงสบารมี คำว่า ติงสะ ในภาษาบาลีแปลว่า ๓๐ ก็คือหลวงพ่อบารมี ๓๐ ทัศ เพื่อให้คล้องจองกับชื่อบ้านนามเมืองของวัดเขาสามสิบหาบ และขณะเดียวกันก็ได้ตรงกับวาระมงคลในการตั้งวัดครบ ๑๓๐ ปีดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

ความจริงวัดเขาสามสิบหาบนั้น แต่เดิมมีชื่อว่าวัดหนองสามสิบหาบ คาดว่าเป็นเพราะคนโบราณมาวิดปลา แล้วได้ไปจำนวนมากถึง ๓๐ หาบด้วยกัน จึงได้ตั้งชื่อสถานที่นั้นว่าหนองสามสิบหาบ ด้วยความที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนั้น เมื่อมีคนอพยพมาตั้งถิ่นฐานมากขึ้น ๆ ก็กลายเป็นหมู่บ้านหนองสามสิบหาบ แล้วภายหลังเพี้ยนเป็นบ้านเขาสามสิบหาบ ซึ่งเป็นการเรียกกันตามสบายลิ้นก็ว่าได้

ในเรื่องของชื่อบ้านนามเมืองนั้น มักจะมีความเพี้ยนความเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยตามยุคตามสมัย เนื่องเพราะว่าคนสมัยหลังบางทีก็ไม่เข้าใจภาษาเก่าดั้งเดิม

อย่างเช่นในเขตของอำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี มี "หนองย่างช้าง" ซึ่งความจริงมาจาก "หนองยั้งช้าง" คือเป็นสถานที่ซึ่งบุคคลเดินทางป่าด้วยช้าง ถึงเวลาก็จะพักค้างคืน หุงหาอาหารกินกันที่นั่น แต่คราวนี้คนรุ่นใหม่ไม่เข้าใจว่าคำว่า "ยั้ง" แปลว่า หยุด ไปเข้าใจว่าน่าจะเป็นการ "ย่าง" ก็คือ "ทำให้สุก" ตกลงว่าเขาจะกินช้างกัน ไม่ใช่หยุดพักช้างที่นั่น..!

อีกสถานที่หนึ่งก็คือ "เขานกเจ่า" คำว่า "เจ่า" ในที่นี้ก็คือการลงเกาะเพื่อพักของสัตว์จำพวกนก เป็นสถานที่ฝูงนกมาพักกันอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อนานไปคนไม่เข้าใจ คำว่า เจ่า ที่แปลว่าพักหรือว่าเกาะ ก็เลยเปลี่ยนเป็น "เขานกเจ้า" ทำให้กลายเป็นนกของบรรดาเจ้าป่าเจ้าเขาไปเลย

เรื่องพวกนี้จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาของบุคคลที่ไม่เข้าใจภาษาโบราณ คนรุ่นเก่าจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบอกเล่าต่อกันไป เพื่อรักษาชื่อบ้านนามเมืองแต่เดิมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ถึงเวลา "ของกินไม่กินก็เน่า เรื่องเล่าไม่เล่าก็ลืม" คนรุ่นหลังเมื่อไม่ทราบ เพราะว่าผู้ใหญ่ลืมบอกกล่าวเอาไว้ ก็จะทำให้ชื่อเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2022 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-12-2022, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

งานนี้ทางวัดสามสิบหาบ โดยพระมหาทิวา ฐานิสฺสโร ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาส ได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง มาเป็นองค์ประธานในการเททองสมเด็จพระพุทธติงสบารมีให้เป็นพระพุทธรูปประจำอุโบสถ

กระผม/อาตมภาพนั้น ความจริงเมื่อเสร็จงานจากตรงนี้แล้วก็ต้องวิ่งย้อนกลับไปอีก ๑๘๐ กิโลเมตร เพื่อที่จะไปร่วมงานวันเกิดของพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งจะมีงานสำคัญก็คือการมอบตราตั้งเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท เจ้าอาวาสวัดหนองเจริญ และเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นงานสำคัญ ที่เจ้าคณะปกครองจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอยู่ร่วมด้วย เพื่อเป็นขวัญเป็นกำลังใจให้แก่เจ้าอาวาสใหม่

แต่ว่าเมื่อกระผม/อาตมภาพรับปัจจัยไทยธรรมในงานนั่งปรกคุมธาตุ บอกลาทางด้านเจ้าภาพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดโทรศัพท์เพื่อจะดูความเป็นไปของงานทางด้านทองผาภูมิ ปรากฏว่าพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ น่าจะปรับงานให้เร็วขึ้น ด้วยการมอบตราตั้งเจ้าอาวาสใหม่ทั้ง ๓ รูปไปเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้กระผม/อาตมภาพแจ้งลงไปในกลุ่มไลน์ว่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่วิ่งย้อนไป ๑๘๐ กิโลเมตร แล้ววิ่งกลับลงมาอีก ๑๘๐ กิโลเมตร แต่จะเดินทางไปตามจุดหมายปลายทางของตนเองเลย ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะเสียเวลาเปล่าไปในการวิ่งเป็นระยะทางถึง ๓๖๐ กิโลเมตร ซึ่งอย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาถึง ๔ ชั่วโมง..!

หากแต่ว่าตรงไปยังกุฏิริมป่าช้า วัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี แล้วรีบเข้าระบบซูมมีตติ้งออนไลน์ เพื่อที่จะร่วมประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ระดับเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ รองเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล รองเจ้าคณะตำบล และเลขานุการทุกระดับ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕ โดยมีพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เป็นประธานในการประชุม

ในการประชุมนั้น นอกจากเรื่องราวตามปกติแล้ว ทางด้านจังหวัดสุพรรณบุรี โดยพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ.๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ก็ได้ปรารภขำ ๆ ถึงเรื่องราวของอธิกรณ์ที่เกิดขึ้นในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี โดยเฉพาะในอำเภอเดิมบางนางบวช

เนื่องเพราะว่าเดือนที่แล้วนั้น ก็มีเรื่องของพระภิกษุรูปหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เดินทางไปพักค้างคืนกับโยมผู้หญิงที่อำเภอเดิมบางนางบวช แล้วก็โดนทางเจ้าคณะปกครองดำเนินการให้สึกไป เพราะว่าความประพฤติแบบนี้เป็นเรื่องที่ญาติโยมยอมรับกันไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2022 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 01-12-2022, 00:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาเดือนนี้ก็มีเรื่องเกิดขึ้นที่เดิมบางนางบวชคล้าย ๆ กัน แต่พระภิกษุรูปนี้เป็นเจ้าอาวาสของวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาตามการเรียกร้องของหัวใจ เนื่องจากว่าสาวเดิมบางนั้นเดินทางไปทำบุญที่วัดท่าน แล้วไม่ทราบเหมือนกันว่า "เวรกรรมบันดาล บุพเพสันนิวาสดึงดูด" หรือว่าอะไรก็ตาม ทำให้ท่านเดินทางมาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ จนกระทั่งเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา เพราะว่าเที่ยวไปไล่ถามเขาทีละบ้านว่า "ผู้หญิงคนนี้พักอาศัยอยู่ที่บ้านไหน ?" จนกระทั่งทางด้านกำนันทนไม่ไหว จึงได้แจ้งให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ได้มาดำเนินการให้สึกหาลาเพศไป

ในส่วนนี้แม้ว่าท่านเจ้าคณะจังหวัดจะพูดในทำนองขำขัน ถึงเสน่ห์ของสาวเดิมบางฯ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพเอาใจเขามาใส่ใจเราแล้ว ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นในเขตปกครองที่กระผม/อาตมภาพต้องดูแลอยู่ ก็คงจะหัวเราะไม่ออกเหมือนกัน เนื่องเพราะว่าท่านลืมในความเป็นพระภิกษุสงฆ์ของตนเอง โดยเฉพาะเป็นระดับเจ้าอาวาสด้วย จึงทำให้เสียอาการถึงขนาดต้องไล่ตามแรงเรียกร้องของหัวใจมาถึงขนาดนั้น..!

ตรงส่วนนี้กระผม/อาตมภาพได้รับการอบรมจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งท่านได้กล่าวไว้เป็นตัวอย่างว่า ถ้าท่านรักชอบผู้หญิงคนไหน ท่านจะสึกหาลาเพศไป ไม่ปล่อยให้ผ้าเหลืองต้องมัวหมอง

คำว่า ผ้าเหลืองมัวหมอง ในที่นี้ ก็คือก่อให้เกิดความเสียหายกับทางคณะสงฆ์ เนื่องเพราะว่าถ้ามีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นในลักษณะแบบนั้น ก็จะทำให้บรรดาสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ ข่าวคราวไปได้เร็วมากกว่าสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านหลายเท่า ข่าวคราวเหล่านั้นก็จะสร้างความเสียหายให้แก่คณะสงฆ์ได้มากกว่าหลายเท่าเช่นกัน

กระผม/อาตมภาพเองก็ยึดถือเป็นแนวทางเช่นกันว่า ถ้าหากว่ารักชอบผู้หญิงคนไหนอย่างจริงจัง ก็จะสึกหาลาเพศไปเช่นกัน เมื่อสึกไปแล้ว เขาเองจะเห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง เพราะว่าเรารักพระพุทธศาสนามากกว่ารักตัวเอง เมื่อสิ่งหนึ่งประการใดที่จะทำให้เสียหายถึงพระพุทธศาสนา ก็จะไม่อยู่ให้เกิดความมัวหมองขึ้นมา

แต่ว่าอยู่มาจนป่านนี้ อายุ ๖๐ กว่าปีแล้ว ก็ยังไม่เห็นมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้เกิดความรักแน่นแฟ้น ถึงขนาดต้องวิ่งไปหาตามแรงเรียกร้องของหัวใจ ก็คาดว่าอายุกาลที่มีแต่ผ่านวัยมากขึ้นไปทุกที เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็คงจะมีได้น้อยมาก

แต่ก็จะขอโอกาสเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราว่า ถ้าจะมีเรื่องเหล่านี้ปรากฏขึ้น ท่านทั้งหลายสามารถไปหากระผม/อาตมภาพได้ทุกเวลา เพื่อที่จะขอลาสึก ไม่ให้เกิดเรื่องมัวหมองแก่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะไม่ให้มัวหมองมาถึงวัดหรือถึงคณะสงฆ์ได้ ประมาณว่าถึงหลับอยู่ ก็ปลุกขึ้นมาให้ทำพิธีสึกหาลาเพศให้ท่านทั้งหลายได้ ไม่ต้องเกรงใจจนกระทั่งรอให้เกิดความเสียหายต่อคณะสงฆ์อย่างที่เป็นอยู่ในจังหวัดสุพรรณบุรี

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2022 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว