|
ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
หลวงปู่กูด
วานนี้สหายผู้เป็นอุปัฏฐากหลวงปู่กูดได้กรุณาโทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่าหลวงปู่มรณภาพแล้วในวัยกว่า ๙๕ พรรษาที่บ้านเกิด จังหวัดยโสธร หลังย้ายไปอยู่ได้ปีเศษ ช่วงค่ำจึงเข้าไปพบที่บ้านเพื่อนำเงินไปมอบให้เพื่อบูชาหลวงปู่ ให้ทันก่อนที่เขาจะเดินทางไปจัดการงานต่าง ๆ อีกครั้งในเช้าวันนี้
ได้สนทนากันอยู่ร่วม ๒ ช.ม. หรือที่จริง ผมเป็นผู้รับฟังการบอกเล่าเรื่องราวของหลวงปู่อยู่เกือบทั้ง ๒ ช.ม. กริยาอาการที่แสดงออก หลวงปู่ดูจะปลงสังขารมาตั้งแต่แรกย้ายมาแล้ว โดยมีการค่อย ๆ ฉันภัตตาหารน้อยลงกระทั่งยุติโดยเด็ดขาด ไม่กี่วันสุดท้ายก็แสดงกริยาอย่างไม่เห็นพบเห็นมาก่อน วันหนึ่งขณะนอนแบบอยู่อย่างแม้เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ไร้เรี่ยวแรงแม้จะหายใจ หลวงปู่กลับลุกขึ้นนั่งพนมมือ พร้อมมีการจบมือที่พนมขึ้นหลายครั้ง มีการกราบ หันมาสั่งศิษย์ผู้เป็นสหายผมท่านนี้ให้ช่วยจับพับขาให้เรียบร้อย ทั้งมีช่วงหนึ่งยังบอกให้ทุกคนในที่นั้นพนมมือขึ้นพร้อมกัน และทั้งหมดรวมเป็นเวลาทั้งสิ้นถึง ๒ ช.ม. กว่าหลวงปู่จะยอมลงนอนราบเหมือนเดิม สหายท่านนี้เพียรดูแลหลวงปู่อย่างใกล้ชิดมาเป็นเวลาถึง ๒๐ ปี ได้รู้เห็นความอัศจรรย์ในความเป็นธรรมดาของความเป็นพระสงฆ์สาวกแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พร้อมสมบูรณ์ในองค์หลวงปู่อย่างหาที่เสมอเหมือนได้ยาก และเป็นโชคดีของผมอย่างที่สุดที่ได้รับความเมตตา ถ่ายทอดความงดงามแห่งจริยาวัตรของหลวงปู่จากสหายท่านนี้ กระทั่งเกิดศรัทธา มีโอกาสได้ติดตามไปกราบและสัมผัสกับเพชรน้ำเอกแห่งพระศาสนาองค์นี้ด้วยตนเองหลายวาระ ผมเคยได้นำเรื่องราวของหลวงปู่เท่าที่พอได้รับรู้เล็กน้อยมาเขียนเป็นบทความ บอกเล่าไว้ให้ประจักษ์และโมทนากับสีลาจริยาวัตรของหลวงปู่ ฉะนั้นเพื่อเป็นการบูชาหลวงปู่ในวาระอันเป็นโอกาสที่เหมาะสมต่อการสักการบูชาพระธรรมนี้ จึงขอนำมาลงให้ได้อ่านกันอีกครั้ง |
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
หลวงปู่ผู้หลีกเร้นในป่า ... โดย คนเก่า เมื่อวันเสาร์หนึ่งต้นปี ๒๕๔๕ กัลยาณมิตรผู้เป็นอุปัฏฐากใหญ่ของหลวงปู่กูดแห่งวัดใจ ได้นำขึ้นเขาไปอยู่ค้างคืนภาวนาในถ้ำเฝ้าหลวงปู่ หลังจากที่หลวงปู่ขึ้นมาภาวนาเป็นสัปดาห์ที่ ๓ แล้ว เป็นโอกาสที่ได้สัมผัสกับการปฏิบัติตนตามพุทธประเพณีอย่างเคร่งครัดของพระสงฆ์สาวก แม้หลวงปู่อายุจะครบ ๘๗ ปีแล้วแต่ก็ยังแสวงความวิเวก มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ระย่อกับความขัดข้องของธาตุขันธ์ ปฏิบัติตามธุดงควัตรเป็นปกติ คนที่อายุน้อยกว่าหลวงปู่คราวหลาน ทั้งเล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอยังหอบแล้วหอบอีก เหงื่อไหลโทรมกายกว่าจะขึ้นถึง แม้จะพออยู่พอภาวนาได้ก็เป็นเพียงคืนเดียว มีข้อปลอบใจว่าเดี๋ยวก็จะได้กลับมาพบความสุขสบายตามเดิม ในขณะที่หลวงปู่อยู่เป็นปกติ ทั้งยังนั่งภาวนาทั้งคืนอย่างเป็นธรรมดาอย่างที่สุด แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2010 เมื่อ 15:34 |
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ได้พบได้เห็นด้วยตนเองก็เป็นบุญเหลือเกินแล้ว ธรรมวินัยแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดาและธุดงควัตรตามพุทธประเพณีที่ยังคงมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยสงบเยือกเย็นและเป็นธรรมดา
ต่อมาไม่นานนัก จากคำบอกเล่าของกัลยาณมิตรผู้เป็นอุปัฏฐากก้นกุฏิของหลวงปู่ เป็นเวลาค่ำแล้วขณะที่หลวงปู่กำลังปฏิบัติสมณธรรมอยู่ในกลด (เวลานั้นหลวงปู่ได้ขึ้นเขามาอยู่ในถ้ำเป็นเวลานับเดือนแล้ว) พบว่ามีมดไต่อยู่บนตัว จึงเปิดกลดออกดู ก็เห็นกองทัพมดดำล้อมอยู่เป็นหมื่น ๆ แสน ๆ ตัว ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว หลวงปู่ได้เอ่ยวาจาว่า "อโหสิกรรมให้เด้อ" และปลดจีวรออกจากกาย กองทัพมดป่าก็เข้ารุมกัดทึ้งเนื้อหนังของหลวงปู่ตลอดคืน เป็นเวลาหลายชั่วโมงกระทั่งเช้า พระ-เณรที่มาเฝ้าอยู่หน้าถ้ำถึงได้เข้ามาเห็นฝูงมดที่ปกคลุมร่างของหลวงปู่ดำมืดไปทั้งองค์ เอะอะแจ้งบอกมายังอุปัฏฐากก้นกุฏิท่านนี้ จึงได้รีบแจ้นไปพาหลวงปู่ส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ให้เข้าไอซียูทันที แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 09-09-2010 เมื่อ 13:27 |
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
แม้เมื่ออยู่โรงพยาบาลแล้ว ยังไม่วายต้องคอยปลดมดออกจากกายของหลวงปู่ ตามร่างกายส่วนใดที่ถูกมดใหญ่กัดแทะก็จะเห็นเป็นรอยแผลรอยเนื้อหนังแหว่งออกไป ส่วนใดที่เป็นพื้นที่ของมดเล็กแม้จะไม่ค่อยเห็นรอยหนังเปิด แต่ก็อักเสบบวมแดงจากพิษอย่างน่ากลัว หลวงปู่ยับเยินไปทั้งร่าง
แม้ธาตุขันธ์ของหลวงปู่จะชอกช้ำ น่าเจ็บปวดทรมานสักเพียงใด หลวงปู่ก็ยังทรงไว้ซึ่งสติและความเมตตาเป็นปกติธรรมดาอย่างที่สุด ซ้ำยังลุกขึ้นมานั่งเทศน์ แสดงธรรมให้แก่ลูกศิษย์ที่รุดมาดูอาการด้วยความห่วงใย |
สมาชิก 106 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ธรรมะที่หลวงปู่ได้แสดงอย่างเอาธาตุขันธ์เข้าแลก สุดจะแจกแจงบรรยาย แต่อย่างน้อย ประการหนึ่งก็ได้เห็นเป็นอัศจรรย์ในคุณธรรมอันวิเศษเหนือสติปัญญาของเรา คือที่หลวงปู่วางธาตุขันธ์ราวกับซากศพให้ฝูงมดกัดแทะเป็นอาหารได้ตลอดคืน อีกประการหนึ่งก็ได้เห็นการแสดงผลของกฎแห่งกรรม ได้เห็นความทุกข์ทรมานจากการทรงขันธ์ในวัฏสงสาร ไม่เว้นแม้ภิกษุชราภาพผู้ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมอันวิเศษ
ครับ ไม่ว่ากระแสโลกจะเป็นอย่างไร ก็ยังปรากฏผู้ปฏิบัติรักษาพระสัทธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ ภิกษุผู้มีความเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติรักษาพุทธประเพณี พระธรรมวินัย และธุดงค์วัตรอย่างเป็นอธิ ดุจดังพระมหากัสสปในครั้งพุทธกาล ยังมีปรากฎอยู่ และที่สำคัญพระภิกษุผู้ปล่อยวางธาตุขันธ์ดังซากอสุภะยังมีให้พบสัมผัสอยู่ |
สมาชิก 104 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
ถ้าจำไม่ผิด หลวงปู่เกิดในจังหวัดทางอีสานใต้และละชีวิตครอบครัวออกบวชเมื่ออายุประมาณ ๕๐ ปี โดยได้เคยบวชเณรมาก่อน ครั้งเมื่อเป็นเณร พุทธบริษัทที่วัดได้ยินกิตติศัพท์หลวงปู่มั่น ก็ทิ้งสามเณรน้อย เดินทางไปหาหลวงปู่มั่นกันหมด แม้ท่านอยากจะตามไปด้วยก็ไม่สามารถทำได้เพราะยังเด็กเกินไป ไม่สามารถเดินทางด้วยตนเองได้ หลวงปู่เติบโตขึ้น กลับมาใช้ชีวิตฆราวาส ทำไร่ทำนาและแต่งงาน หลังมีครอบครัวได้ระยะหนึ่ง ท่านเกิดความรู้สึกเบื่อการครองเรือนมากจนไม่สามารถทนอยู่ในบ้านได้ ต้องออกไปนอนตามเถียงนา และในที่สุดก็ตัดสินใจทิ้งครอบครัวเพื่อออกบวช ขณะที่เดินจากมานั้น โดยท่านกำลังเดินอยู่บนเขา ภรรยาวิ่งตามมาทันที่ตีนเขา ร้องเรียกให้กลับไป ท่านก็ไม่หวั่นไหว หันหลังให้แล้วเดินจากไป
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 09-09-2010 เมื่อ 16:37 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ซึ่งแม้ท่านไม่ได้พบหลวงปู่มั่น แต่ก็ได้อาศัยสำนักต่าง ๆ ในสายพระป่าสายอีสานนี้ เช่น ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นพระลูกวัดของหลวงปู่หล้า ภูจ้อก้อ และอาจเป็นวิบากแห่งความปรารถนาพุทธภูมิ จึงดูเหมือนท่านมิได้กราบครูบาอาจารย์องค์ใดเป็นอาจารย์อย่างชัดเจน คงได้แต่รับฟังคำแนะนำเป็นครั้งคราวแล้วหลีกเร้นเข้าถ้ำเข้าป่า ทำความเพียรไปตามลำพัง
|
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
เพราะหลวงปู่ออกบวชเมื่ออายุมากแล้ว จึงเร่งทำความเพียรมาก แต่แม้เวลาผ่านไปถึง ๑๐ ปี กลับพบว่าไม่ค่อยก้าวหน้าในด้านมรรคผล อันเนื่องจากท่านปรารถนาพุทธภูมิอยู่โดยไม่รู้ตัว กระทั่งมีครูบาอาจารย์ผู้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นท่านหนึ่งสะกิดให้ จึงได้ระลึกรู้แล้วลาจากความปรารถนาที่จะนำรื้อถ่ายสรรพสัตว์ออกจากห้วงวัฏฏสงสารนั้นเสีย ก่อนที่จะลาพุทธภูมิ ขณะที่หลวงปู่ปฏิบัติธรรมจะมีความสว่างที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ แม้เป็นเวลาเดือนมืด พระ-เณรชอบไปแอบดูความอัศจรรย์นี้ ครั้นลาแล้วความสว่างนี้ก็หายไป เข้าใจว่าเป็นการสงเคราะห์จากภูมิละเอียดที่ต้องการสร้างบารมีกับพระโพธิสัตว์
|
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
ถอยหลังจากเหตุการณ์ที่แรกเกริ่นไว้ไปกว่า ๑๐ ปี กัลยาณมิตรของผมได้มีโอกาสรู้จักหลวงปู่จากพระอาจารย์หลวงพ่อสมาน แห่งวัดหินโป้งเป้ง จ.หนองคาย (ซึ่งปัจจุบันคือพระเดชพระคุณพระนิเทศศาสนคุณ องค์ประธานคณะธรรมทูตฝ่ายธรรมยุตประจำประเทศสหรัฐอเมริกา) ขณะนั้นหลวงปู่อาพาธหนักติดต่อกันมาหลายปี มีโรคต่าง ๆ รุมเร้า เช่น วัณโรคกระดูก เกาต์ ความดัน หัวใจ แพ้ยา ฯลฯ หูดับสนิท(จากอาการแพ้ยาขณะนั้น) ลุกเดินไม่ได้ ต้องค่อย ๆ ถัดไปกับพื้นเพื่อขับถ่าย ตาเกือบมองไม่เห็น ผิวหนังเป็นแผลพุพอง ขามีอาการบวมอย่างรุนแรงจนไม่สามารถจะล้มตัวลงนอนได้ ต้องทนอยู่ในท่ากึ่งนอนกึ่งนั่งตลอดเวลา อาหารแข็งก็ฉันไม่ได้ ฉันได้แต่เฉพาะที่เป็นน้ำเป็นของเหลวครั้งละเล็กละน้อยเท่านั้น พระอาจารย์สมานได้บอกกับเพื่อนของผม ผู้เป็นศิษย์ว่า ทุกขเวทนาของธาตุขันธ์ที่ต่อเนื่องมาหลายปีนี้เกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทานทน การที่หลวงปู่ยังทรงขันธ์อยู่ได้ ก็น่าจะเป็นเพราะหลวงปู่สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ พร้อมกับได้ฝากฝังให้เพื่อนท่านของผมนี้ดูแลหลวงปู่ด้วย มิฉะนั้นอีกไม่นานหลวงปู่อาจจำเป็นต้องดับขันธ์ลง ซึ่งเพื่อนท่านผู้นี้ก็มีศรัทธาแรงกล้า ได้นำหลวงปู่มาเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ ปรนนิบัติรักษาหลวงปู่ด้วยความเคารพอย่างสุดกำลัง กระทั่งหลวงปู่หายป่วย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 09-09-2010 เมื่อ 16:37 |
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ครั้นหลวงปู่กลับไปวัดที่ จ.อุดร ผู้ที่เคารพศรัทธา ณ ที่นั้น ยังคงเพียงหวังพึ่งบุญหลวงปู่ในเชิงอิทธิฤทธิ์และโชคลาภ โดยเฉพาะเรื่องหวยเป็นส่วนใหญ่ หลวงปู่จึงขอให้พาออกมาเสียและแสวงหาที่อยู่ใหม่ต่อมาอีกระยะหนึ่ง กระทั่งในที่สุดก็ได้มาอยู่ที่วัดใจ ในบริเวณป่าละอู ซึ่งอุปัฏฐากท่านนี้ซื้อที่และปลูกสร้างอาคารต่าง ๆ ขึ้นมาให้หลวงปู่ได้พำนัก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 09-09-2010 เมื่อ 17:38 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
เท่าที่เข้าใจเอาเองจากข้อมูลที่ได้รับฟัง คิดว่าหลวงปู่น่าจะมีวิบากเป็นพวกภูมิละเอียดมากกว่ามนุษย์ อันคงจะเป็นบริวารที่ติดตามหวังพึ่งหลวงปู่ในฐานะพระโพธิสัตว์ หากเมื่อหลวงปู่ลาพุทธภูมิเสีย เหล่าบริวารจึงออกฤทธิ์ออกเดชกันยกใหญ่ เป็นหลายครั้งหลายคราว ครั้งหนึ่งศิษย์รักของหลวงปู่ท่านนี้ต้องเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่มีเหล่าอมุษย์คณะหนึ่งมารบกวนหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่เรียกอมนุษย์พวกนี้ว่า พวกแผน โดยบอกว่ามีอายุเป็นหมื่น ๆ ปี อัศจรรย์นักที่หลายปีให้หลัง ผมได้มาพบชื่อชาวแผนอีกครั้งในหนังสือพุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ ราชบุรีกถา ตำนานขุนไท อันเป็นผลงานการค้นคว้าและบันทึกไว้โดยหลวงปู่อ่ำ หรือพระเดชพระคุณพระราชกวี แห่งวัดโสมนัสวิหาร
|
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ก่อนกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด หลวงปู่ลงมาอยู่ที่วัดป่าบ้านวไลย ใกล้ถนนใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อย ไม่ต้องวิ่งลึกเข้าไปในเขตป่าละอูเหมือนวัดใจ แต่ครั้งหนึ่งที่เข้าไปกราบหลวงปู่ในช่วงหน้าฝนปี ๒๕๔๖ พอจะกลับก็เจอกับกระแสน้ำป่าไหลบ่าท่วมสะพานเข้าวัด เกือบออกมาไม่ได้ ยังโชคดีที่ไปกับกัลยาณมิตรอีกท่าน มีความชำนาญการขับรถในป่า ช่ำชองเทคนิคการบังคับรถในเส้นทางทุรกันดาร สามารถฝ่ากระแสน้ำออกมาได้ด้วยความปลอดภัย
|
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ครั้งหลวงปู่ยังทรงขันธ์อยู่ หากต้องการถวายทานกับหลวงปู่ ต้องไปแต่เช้า ถึงกุฏิหลวงปู่ตั้งแต่เวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. ส่วนอีกเวลาหนึ่งที่สามารถเข้าไปกราบ - ถวายทานกับหลวงปู่ได้ คือต้องไปรอตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น. หากพ้นเวลารับแขกไป จะไม่สามารถเข้ากราบหลวงปู่ได้ เหตุผลสำคัญที่เคยได้รับการบอกเล่า คือ หลวงปู่มีภาระต้องสงเคราะห์ ”แขก” ภูมิละเอียดแทบตลอดเวลา
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 09-09-2010 เมื่อ 17:39 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
หลวงปู่สมถะแบบพระป่าจนน่ากลุ้มใจสำหรับผู้มุ่งหวังจะเอาบุญกับท่าน ครั้งที่ผมไปขออาศัยค้างคืนปฏิบัติธรรมในถ้ำ ก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปถวายเลย คิดจะไปซื้อภัตตาหารถวายเอาข้างหน้า เมื่อถึงสถานการณ์จริงก็พบว่ามีความขัดข้องในการขึ้น - ลงเขาที่ค่อนข้างลำบาก ใช้เวลามาก ไม่ทันการ ได้แต่นึกเสียดายอยู่ในใจ แต่ก็เหมือนหลวงปู่เมตตา สายวันรุ่งขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังจะออกจากถ้ำเพื่อยุติการรบกวนหลวงปู่จากการปฏิบัติสมณธรรม เกิดเอะอะกันขึ้นว่าหลวงปู่ไม่ได้เอาไฟฉายมาจากกลด (ที่นั่งฉันและรับแขกอยู่ห่างจากกลด) ผมจึงได้โอกาส รีบถวายไฟฉายที่ติดตัวไป เพื่อนของผมท่านก็ปากไว อาจด้วยความเคยชินมรรยาทสังคม บอกว่าไม่เป็นไรหรอก ของหลวงปู่มีอย่างดีอย่างใหญ่ เดี๋ยวขึ้นไปเอามาให้หลวงปู่ได้ เล่นเอาผมใจตกวูบ สิ้นหวังที่จะได้บุญจากหลวงปู่ในวาระนั้น หลวงปู่ก็เอ่ยแย้งขึ้นอย่างเมตตา ยังความปลาบปลื้มแก่ผมเป็นที่สุดว่า อันนี้มันเล็กเหมาะดี พร้อมยื่นมือรับประเคน เล่นเอาปีติอิ่มบุญไปอีกหลายวันและต่อมาทุกครั้งที่นึกถึง แต่ก็ยังมีแถมให้ยิ่งปลื้มไปกว่านั้น คือครั้งถัดมาที่ไปกราบหลวงปู่ ได้สังเกตเห็นไฟฉายกระบอกน้อยแบบนักดำน้ำใช้ สีเหลืองใสสะดุดตาที่ได้ถวายไว้ในครั้งนั้น วางอยู่บริเวณหัวนอนของหลวงปู่ ดุจเป็นเครื่องบริขารประจำกาย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2010 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
เส้นเกศาของหลวงปู่ศักดิ์สิทธิ์มาก แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุก็มี ผู้ที่อาราธนาติดตัวได้พบความอัศจรรย์กับตนเองหลากหลายประการ มีกรณีหนึ่งเป็นอดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขตนั้น เคยนำคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ แล้วถูกดักซุ่มยิงด้วยอาวุธสงครามในระยะหวังผลอย่างคงต้องการไม่ให้เหลือรอดออกไปเลยแม้แต่คนเดียว หากกลับไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายแม้แต่บาดเจ็บ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 13-09-2010 เมื่อ 16:34 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
พรของหลวงปู่เป็นที่เชื่อถือศรัทธาว่าทันตาเห็น แต่ก็ใช่จะหว่านโปรยอย่างขัดต่อกฎแห่งกรรม นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้รับพรจากหลวงปู่ไปแล้วได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งภายในเวลาไม่กี่วัน กลับมากราบขอพรจากหลวงปู่อีก หลวงปู่ก็เมตตาอำนวยอวยชัยให้ดังปรารถนา แต่ตบท้ายด้วยใจความว่า
...ความสุขความสมหวังที่ต้องการและพรให้ไปนั้นจะสำเร็จได้ก็ต้องด้วย กายกรรม มโนกรรม และวจีกรรมที่สุจริต… แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 13-09-2010 เมื่อ 16:33 |
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
เจ้ากรมทหารท่านหนึ่งพาลูกน้องมากราบหลวงปู่เป็นคันรถบัส พอจะเรียงแถวเข้ามาขอพร เหมือนจะรู้ล่วงหน้า หลวงปู่กวักมือเรียกท่านเจ้ากรมให้มานั่งข้าง ๆ เมื่อลูกน้องของท่านเจ้ากรมคนใดกราบขอพรให้ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง หลวงปู่ก็หันมาถามเจ้ากรมที่นั่งอยู่ตรงนั้นว่า
...ว่าอย่างไร ท่านเจ้ากรม จะให้เขาไหม… แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 13-09-2010 เมื่อ 13:15 |
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
หลายครั้งที่ผมได้ติดตามเพื่อนท่านนี้ไปกราบหลวงปู่ มักพลอยได้รับความเมตตาอย่างมากจากหลวงปู่เสมอ ที่มีแต่เฝ้าบอกสอนธรรมให้ลัดตรงเข้าสู่พระนิพพานแต่ถ่ายเดียว
ธรรมะของหลวงปู่ที่ผมมีโอกาสได้รับความเมตตา สดับตรับฟัง แม้ไม่ยาวละเอียดพิศดารนัก แต่ก็กระชับ ได้ใจความ ชวนให้ปีติปลื้มใจ ยังให้ศรัทธามั่นใจว่าเป็นธรรมะของสมณสงฆ์ สาวกในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมควรกราบไหว้บูชาสักการะและเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของโลก ครั้งหนึ่งหลวงปู่บอกแก่เพื่อนของผมว่า ดูอย่างหลวงปู่ซิ ปู่ไม่ถือไว้เลย ทั้งบุญทั้งบาป ชื่นใจอย่างที่สุดทุกครั้งที่ได้ฟังธรรมอันประเสริฐจากปากหลวงปู่ หรือแม้แต่ถูกถ่ายทอดต่อมาอีกที ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการไล่ให้ไปพระนิพพานทั้งสิ้น มีประโยคหนึ่งที่ผมจำได้แม่น คือ “...พิจารณา ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ ให้มาก พระนิพพานก็อยู่ตรงนี้แหละ…” และยังมีอีกวลีที่กระแทกใจคนกิเลสหนาอย่างผมได้อย่างถึงกึ๋น คือ “...มัวบริโภคความโง่อยู่ทำไม...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2010 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
เสาร์ – อาทิตย์ที่ผ่านมา งานประชุมเพลิงหลวงปู่ก็เสร็จสิ้นลงอย่างเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ สมเกียรติ และน่าอัศจรรย์ ผู้ร่วมงานนอกจากจะได้กราบสักการะร่างขันธ์ของหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ยังได้กราบครูบาอาจารย์สายพระป่าอีสานอีกหลายองค์ นับเป็นอีกงานหนึ่งที่พระเถรานุเถระมากันมากมาย เป็นเหตุให้สานุศิษย์ติดตามมาอีกจำนวนมาก กลายเป็นงานใหญ่งานหนึ่งของสายพระป่าอีสาน
งานของหลวงปู่ชวนให้อัศจรรย์ในความจริงแท้ของคำครูบาอาจารย์ที่กล่าวไว้ว่า ...พระฯ...อยู่ที่ไหน เจริญที่นั่น... ด้วยหลวงปู่มีจริยาวัตรดังเสือทิ้งถ้ำเสมอ หลวงปู่เมื่ออกจากวัดใดที่อาศัยประจำอยู่ไปแล้วก็มักไม่ย้อนคืน ดังต้องการปฏิบัติแสดงธรรมในการไม่ยึดติดแม้ถิ่นที่อยู่อาศัย หมู่คณะ ตลอดจนญาติโยมที่รู้จักคุ้นเคยที่คอยให้ความสะดวกสบาย ฉะนั้นการกลับมาบ้านเดิมของหลวงปู่ในครั้งนี้ จึงเป็นการกลับมาอย่างแทบไม่มีคนรู้จัก หากบารมีธรรมของหลวงปู่สูงยิ่งนัก ดึงดูดสาธุชนให้ประจักษ์เลื่อมใสศรัทธาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าคณะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัด มีผู้ว่าฯ และอธิบดีศาล เป็นต้น รับเป็นธุระจัดการด้วยความเคารพศรัทธา ทำให้จากที่ดูเหมือนจะเป็นงานศพของหลวงตาประจำวัดรูปหนึ่ง กลับกลายเป็นงานใหญ่มากของจังหวัด แม้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ก็ยังมาร่วมงาน ซึ่งบังเอิญท่านมายืนอยู่ข้าง ๆ ขณะหันไปมองหน้าให้ชัดว่าใช่หรือไม่ ท่านก็ยิ้มให้อย่างมรรยาทดี เป็นโอกาสได้ทักทายท่านอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหลวงปู่ไม่สนับสนุนการสร้างวัตถุมงคล นาน ๆ ครั้งมี “ผู้กล้า” สร้างออกมาแจกกันสักครั้ง งานประชุมเพลิงของหลวงปู่นี้จึงไม่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ให้บูชาหรือจำหน่าย ยิ่งทำให้ประจักษ์ในความศรัทธาของผู้เข้าร่วมงานปริมาณมหาศาลที่พบเห็น ว่ามิได้เป็นเพราะมีจำนวนผู้ต้องการแสวงหาของดีมาปะปนเลย มีการจัดสถานที่ลานจอดรถอย่างเพียงพอและเป็นระเบียบ ปลูกสร้างห้องน้ำชั่วคราวไว้รอบด้านเป็นจำนวนมาก ทั้งมีผู้ตั้งโรงทานหลากหลายพร้อมปริมาณอาหารมากมาย แจกกันข้ามวันข้ามคืนอย่างไม่รู้หมด เพื่อน ๆ ชาวกรุงเทพฯ ที่ไปด้วยกันถึงกับออกปากด้วยความประทับใจว่า... คนบ้านนอกเขารักบุญรักกุศลกันจริง ๆ คืนวันเสาร์หลังร่วมงานประชุมเพลิงเสร็จ เข้าพักในโรงแรมในตัวเมือง อาบน้ำแล้วก็โทรแจ้งเคาน์เตอร์ต้องการบริการนวดกดเส้นแต่ถูกปฏิเสธ โดยแจ้งว่าหมอนวดไปงานศพกันหมด แม้ไม่ได้รับการคลายเส้นตามที่คาดหวังแต่ก็ยิ่งรื่นเริงในธรรม โมทนายินดีกับคนยโสธรนักที่ฉลาดรู้จักกราบสักการะพระสงฆ์ผู้ควรแก่การบูชาสักการะในเวลาอันรวดเร็ว โมทนายินดีกับการเข้าสงบกายของหลวงปู่อย่างที่สุด หลวงปู่เจ็บ หลวงปู่ทรมานมามากเหลือเกิน บัดนี้หลวงปู่คงถึงฝั่งแล้ว หลวงปู่คงไม่ต้องทุกข์อีกแล้ว คงไว้แต่คำสอน ตัวอย่างการปฏิบัติของหลวงปู่ที่จะถูกจดจำและเล่าขานต่อไป และรอยเท้าอันมั่นคง มุ่งมั่น ให้ลูกหลานได้เดินตาม ธรรมใดที่หลวงปู่ได้รู้เห็นแล้ว ขอให้ลูกได้รู้เห็นธรรมนั้นในปัจจุบันชาติด้วยเถิด |
สมาชิก 79 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|