กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-07-2021, 20:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,598
ได้ให้อนุโมทนา: 216,275
ได้รับอนุโมทนา 739,965 ครั้ง ใน 36,062 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-07-2021, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,200 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในนามคณะสงฆ์วัดท่าขนุนและคณะศิษย์ทั้งหลาย ขอถวายพระพร..ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

สำหรับพวกเราก็เพิ่งจะจบจากการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ ๖๙ พรรษา

คราวนี้การปฏิบัติธรรมในช่วง ๕ วัน ๔ คืนที่ผ่านมา ถ้าผู้ใดผู้หนึ่งอยู่จนครบถ้วน ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น ก็คงจะสามารถ "ฟื้นกำลังใจ" ตนเองที่ตกให้กลับคืนมาได้

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าหากว่าสำหรับบุคคลทั่วไป ก็จะมีอาการสมาธิตก จิตตก กรรมฐานแตก กำลังใจตกต่ำ จนกระทั่งบางคนหดหู่ กลายเป็นโรคซึมเศร้าไปก็มี ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ สามารถที่จะตีคืนมาได้ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะท่านที่กำลังใจตก แล้วปล่อยทิ้งเป็นระยะเวลายาว ๆ ทำให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มีอำนาจมากกว่า ก็จะยิ่งตีคืนได้ยาก เหมือนกับคนที่ว่ายทวนน้ำอยู่ แล้วถึงเวลาปล่อยให้ตนเองโดนกระแสน้ำพัดลอยไป ยิ่งลอยไปไกลเท่าไร ก็ยิ่งย้อนกลับมาได้ยากเท่านั้น

เรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงเป็นเรื่องของคนขยัน พากเพียร อดทน และต้องมีปัญญา ก็คือต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ถ้าหากว่าช่วงไหน หาความก้าวหน้าไม่ได้ ก็ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ตรงจุดนั้น เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ จนกว่าที่จะก้าวข้ามไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2021 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-07-2021, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,200 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้บุคคลที่มีกำลังใจหรือบารมีเพียงพอต่อการปฏิบัติธรรมนั้นมีน้อย เราจะเห็นว่าประชากรไทย ๖๐ ล้านคนเศษ มีบุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นถึง ๖ ล้านคนหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามองดูด้วยสายตาอย่างยุติธรรมจริง ๆ แล้ว อาตมภาพว่าถึง ๓๐๐,๐๐๐ คนก็ยากแล้ว นอกนั้นไปวัดก็เพื่อไปเอาหวยบ้าง ไปเพื่อบูชาวัตถุมงคลบ้าง ไปเพื่อสะเดาะเคราะห์บ้าง ไปเพื่อขูดหาตัวเลขจากแม่ตะเคียนในวัดบ้าง ไอ้ที่ไกลกว่านั้นก็ไปไหว้ "ไอ้ไข่" บ้าง

จะมีสักกี่คนที่เข้าวัดไปหาพระ ไปสมาทานศีล ไปขอศึกษาวิธีทำสมาธิ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ เพื่อยกกำลังใจตนเองให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมีเป้าหมายคือ ต้องการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ?

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะเห็นชัดว่า เรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าต้องได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา อยู่ในครอบครัวตลอดจนตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ได้มีโอกาสฟังเทศน์ฟังธรรม ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสถึงน้อมนำมาปฏิบัติ

เป็นเรื่องที่ยากที่สุด ทำให้คนส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะ "เสียชาติเกิด" ที่ว่าเสียชาติเกิดก็คือ ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นช่วงจังหวะที่ดีที่สุด ในการที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวขึ้นไปเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม หรือว่าหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน เพราะว่าถ้าเป็นเทวดานางฟ้า ท่านทั้งหลายก็อาจจะติดอยู่ในสุขที่เป็นทิพย์ แล้วก็หลงลืมเรื่องการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตนเอง

ถ้าหากว่าเป็นพรหม นอกจากว่าติดอยู่ในความสุขที่เป็นทิพย์แล้ว ระยะเวลาเมื่อเปรียบกับโลกมนุษย์แล้วยาวนานเหลือเกิน โดยเฉพาะถ้าหลุดไปเป็นอรูปพรหม เพราะว่าอายุเป็นหมื่นมหากัป อรูปพรหมชั้นสุดท้ายอายุ ๘๔,๐๐๐ มหากัป อยู่กันจนลืมโลก พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2021 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-07-2021, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,200 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราเกิดในปฏิรูปเทส ได้ชาติกำเนิดเป็นมนุษย์ อยู่ในสถานที่ที่มีสุขมีทุกข์ให้เราเห็นอย่างชัดเจน อยู่ในประเทศที่เป็นพระพุทธศาสนา มีวัดวาอาราม มีครูบาอาจารย์พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ หรือวิธีการที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์ให้ได้ แต่มีสักกี่คนที่เต็มใจเข้าวัด คือรู้อยู่ว่าสิ่งนี้ดี แต่กำลังใจไม่พอที่จะทำ

เคยมีลูกศิษย์ปรารภกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่า "หลวงพ่อครับ..ทำไมคนที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจึงมีน้อยเหลือเกิน ?" หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเหมือนกับเพชร แกเคยเห็นคนเข้าร้านขายเพชรมากกว่าเข้าร้านชำไหม ?" คำว่า "ร้านชำ" ในปัจจุบันนี้ ก็น่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ เมื่อท่านเปรียบอย่างนี้ เราก็จะเห็นชัดเจนว่า บุคคลที่เข้าร้านขายเพชรกับเข้าร้านชำ อย่างไหนที่มีมากกว่ากัน

แม้กระทั่งบุคคลที่ใช้คำพูดประเภทที่ว่า "บวชพระแล้วสบาย" ก็ไม่เห็นจะมาบวช ลองดูว่าระยะนี้พระวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตเปียกโชกหัวถึงเท้า...สบายมาก...! ลองมาพบกับความสบายแบบนี้ดูบ้าง จะได้ไม่สักแต่หลับหูหลับตาพูด...! แล้วคราวนี้สิ่งที่ยากลำบาก อย่างที่พระภิกษุสามเณรของเราพบเข้า ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งจริง ๆ ท่านทั้งหลายก็อยู่ไม่ได้ ทนความลำบากไม่ได้ ถ้าเป็นภาษาทหารทางโลก เขาบอกว่า ทหารไม่ใช่ดินเหนียวและไม่ใช่เทียนไข โดนแดดโดนฝนจะได้ละลาย

ในเรื่องของทางธรรมก็เหมือนกัน พระภิกษุสามเณรของเราเป็นธรรมเสนา เป็นทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน ต้องต่อสู้กับกิเลสต่าง ๆ อย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ไม่อย่างนั้นแล้วอับอายขายหน้าไปถึงจอมทัพ ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าอับอายขายหน้าไปถึงบรรดาแม่ทัพนายกอง คือหลวงปู่หลวงพ่อ ครูบาอาจาย์ ว่ามีลูกศิษย์ที่กำลังใจห่วยแตก สู้กับกิเลสแค่นี้ก็ไม่ไหว ท้อถอยเสียตั้งแต่ต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2021 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-07-2021, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,200 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ต้องไปนึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะโอวาทปาฏิโมกข์ ประโยคแรกเลยก็คือ ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา ความอดกลั้นอดทนเป็นตบะอย่างยิ่งของนักปฏิบัติธรรม อดทนไม่พอ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

หลวงปู่พระพรหมมงคล วิ. หรือหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นพระมหาเถระนักปฏิบัติ ที่กระผม/อาตมภาพให้ความเคารพอย่างยิ่งรูปหนึ่ง ท่านบอกว่า "คนเราต้องอดได้ ทนได้ เย็นได้ รอได้ คอยได้ ถึงจะดีได้"

คราวนี้ "อดได้ ทนได้" แค่นี้เราก็ผ่านยากแล้ว จะไปพูดถึง "เย็นได้ รอได้" เป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก แล้วกว่าจะ "ดีได้" ต้องดูหลวงปู่ท่าน กว่าจะเป็นพระพรหมมงคล วิ. อายุเกือบ ๑๐๐ ปี ถ้าอายุไม่ถึงจะได้เป็นไหม ? เพราะฉะนั้น..ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของความอดทน เชื่อมั่น และรอคอย

การปฏิบัติธรรมเหมือนอย่างกับเราปลูกไม้ผล ต้องรอปีแล้วปีเล่า กว่าจะถึงฤดูกาลที่ต้นไม้นั้นออกดอกและติดผล แล้วยังต้องประคับประคองดูแลรักษา จนกว่าผลนั้นจะสุกงอมพอที่เราจะนำมากินมาใช้ได้ ไม่มีวิธีการไหนที่จะไปดึงยอดให้โตเร็ว ๆ รออย่างเดียว..! มีหน้าที่บำรุงรักษา รดน้ำ พรวนดิน จับหนอน จับแมลง ใส่ปุ๋ย ดูแลไปตามหน้าที่ของเรา เมื่อถึงเวลา..
ถ้าทุกอย่างพร้อมมูล ความสำเร็จก็จะปรากฏขึ้น ภาษาพระท่านเรียกว่า "เหตุปัจจัยถึงพร้อม"

ดังนั้น...สิ่งที่พวกเราทำใน ๔ - ๕ วันที่ผ่านมา ถ้าหากว่าท่านใดสามารถฟื้นกำลังใจคืนมาได้ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รักษากำลังใจเอาไว้ให้ได้ และทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2021 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 29-07-2021, 00:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,200 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเรียนรู้มาทั้งหมด ทั้งชาติก่อน ๆ และชาตินี้ จากครูบาอาจารย์ทุกรูปที่มี สรุปรวมกันลงที่กรรมฐานภาคเช้านี้เมื่อตอนตี ๓ ครึ่ง ถ้าหากว่าใครอยากได้แบบนั้นบ้าง ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป อย่าคิดว่าเป็นแค่การจับลมหายใจ แผ่เมตตา กำหนดภาพพระ ใครก็ทำได้ ขอยืนยันว่าไม่ใช่ใครก็ทำได้ ถ้าไม่ใช่บุคคลที่หวังการหลุดพ้นจริง ๆ พากเพียรพยายามไม่ท้อถอย ยากนักที่จะประสบความสำเร็จ

กระผม/อาตมภาพฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่ก่อนอายุครบ ๒๐ ปี เป็นระยะเวลาที่ยาวนานประมาณ ๒๐ ปีที่ซักซ้อมแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น จนมีอยู่วันหนึ่งวงสมาธิจึงจะสามารถที่จะแยกแยะได้ว่า ต้นไม้ที่เราเห็นในสมาธินั้น ใบอ่อนเป็นอย่างไร ใบแก่เป็นอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านั้นแยกไม่ออก เห็นแค่เป็นรูปต้นไม้เท่านั้น

แล้วหลังจากนั้นมาจนถึงบัดนี้ ตั้งแต่อายุก่อนครบ ๒๐ จนปีนี้อายุย่างเข้า ๖๓ ปี เพิ่งจะสามารถแยกแยะได้ว่า สมเด็จองค์ปฐมที่ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงให้ความเคารพสุดจิตสุดใจนั้นมีพุทธลักษณะเป็นอย่างไร เครื่องทรงเป็นอย่างไร ก่อนหน้านั้นเหมือนอย่างกับเห็นเป็นกลุ่มพลังงานมหึมาที่น่ากลัวมาก..! มีเค้าแค่ว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าเท่านั้น หารายละเอียดไม่ได้

ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานถึงขนาดนั้น ผ่านการซักซ้อมมาทุกวัน โดยไม่เบื่อไม่หน่ายไปเสียก่อน แล้วท่านทั้งหลายคิดว่าจะมีเวลาอยู่ถึง ๔๐ กว่าปีเพื่อทำอย่างอาตมภาพไหม ?

มีอยู่อย่างเดียวก็คือ อยากเก่งแบบนี้ ก็ต้องซักซ้อม ซักซ้อม และซักซ้อมอยู่ทุกวัน ถ้ากำลังใจก้าวหน้าไม่ได้ ก็ห้ามถอยหลัง บางช่วงบางขณะต้องใช้เวลาถึง ๓ ปี ๔ ปีก่อนที่จะได้อะไรสักอย่าง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนขยัน ทำแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น กว่าที่เหตุปัจจัยทุกอย่างจะลงตัวได้ เราอาจจะหมดความอดทนอดกลั้นไปเสียก่อน

ดังนั้น...ในวันนี้ที่บอกกล่าวให้กับพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยม ทั้งที่นี่และที่บ้านได้ทราบก็คือ การปฏิบัติธรรมไม่มีอะไรง่าย ต้องการคนที่มีใจรักจริง สู้จริง อดทน เชื่อมั่น รอคอย ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป ถึงเวลาถ้าออกดอกออกผลเมื่อไร สิ่งที่ได้รับจะหอมหวานกว่าที่ท่านทั้งหลายจะคาดคิด

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และเจริญพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-07-2021 เมื่อ 16:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว