#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงวันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเองพร้อมด้วยหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร และพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ได้ร่วมกันบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับทางวัดอุทยาน หมู่ที่ ๕ ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
ในงานนั้นพระท่านอนุญาตให้สร้างวัตถุมงคล โดยมีวัตถุประสงค์หลายประการด้วยกัน ประการที่ ๑ ก็เพื่อหาทุนไว้สำหรับทอดกฐินปลดหนี้ปี ๒๕๖๘ และกฐินวัดท่าขนุนปีเดียวกัน อีกส่วนหนึ่งก็แบ่งไปร่วมฉลองหลวงพ่อโต วัดศรีธรรโมทยะ เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา ซึ่งตอนนี้ได้รับปัจจัยจากทางเมืองไทยไป และสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากที่ค้างมา ๑๐ กว่าปี เพียงแต่ว่ายังไม่สามารถที่จะทาสีให้งดงามสมบุญสมบารมีได้ เนื่องเพราะว่าที่ศรีลังกาช่วงนี้ ยังมีฝนตกอยู่ตลอดเวลา ต้องรอให้เป็นช่วงแล้งจริง ๆ แล้วถึงจะลงสีให้งดงาม ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี จึงกำหนดให้มีพิธีฉลองกันในปี ๒๕๖๘ โดยที่จะนิมนต์พระมหานายกะ ซึ่งก็คือสมเด็จพระสังฆราชของบ้านเราทั้ง ๒ ฝ่าย ก็คือพระมหานายกะธรรมรักขิตะ ฝ่ายอัสคีรียะ และพระมหานายกะสิทธารถะ ฝ่ายมัลลวัตตะ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ศรีลังกาจำนวน ๕๐๐ รูป มาฉลองใหญ่ให้เลื่องลือกันไปทั้งประเทศศรีลังกา..! กระผม/อาตมภาพเองคงไม่มีอารมณ์ที่จะไปเบียดกับคนเป็นร้อยเป็นพันบนยอดเขาเล็ก ๆ แบบนั้น ก็เลยตั้งใจว่าจะหาทุนให้ท่านถวายเป็นไทยธรรมแก่พระสงฆ์ ๕๐๐ รูป ซึ่งถือว่าเป็นมหาสังฆทานอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่ง เมื่อพระท่านอนุญาตและบอกแบบให้มาเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว โดยที่ให้เอาผงคำข้าวที่เหลืออยู่ผสมลงไป แล้วก็พยายามที่จะทำให้แข็งแกร่งพอที่จะสามารถแช่ทำน้ำมนต์ได้ด้วย กระผม/อาตมภาพจึงมอบหมายให้ผู้ติดต่อประสานงานเอาปัญหานี้ไปปรึกษากับทางโรงงานสร้างวัตถุมงคล ซึ่งในระยะนี้ไม่มีใครกล้าสร้างกันสักเท่าไร เนื่องเพราะว่าสร้างไปก็ขายไม่ออก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2024 เมื่อ 01:26 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
เหตุเพราะมีบุคคลมาโจมตีว่า การสร้างวัตถุมงคลนั้นเป็นเรื่องของ "พระงกกับโยมโง่" ก็คือพระต้องการเงิน ส่วนโยมก็โง่พอที่จะโดนหลอกให้เสียเงิน..! โดยที่ไม่ได้มีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า โบราณาจารย์ของเรานั้นแฝงการปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา เอาไว้ในวัตถุมงคล เพื่อให้บุคคลที่กำลังยังน้อยอยู่ หมายถึงความเข้มข้นในการปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีน้อย ได้อาศัยเป็นเครื่องโยงจิต ให้ระลึกถึงศีล ก็คือเมื่อแขวนวัตถุมงคลแล้วต้องอยู่ในศีลในธรรม บารมีพระ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์จึงจะช่วยคุ้มครองรักษา
ขณะเดียวกันก็ต้องมีคำอาราธนาอยู่ทุกวัน นั่นก็คือสมาธิภาวนา แล้วถ้าหากว่าท่านเห็นรูปพระพุทธเจ้า หรือว่ารูปพระสงฆ์ จิตใจก็จะได้ยึดในพุทธานุสติและสังฆานุสติ เป็นเครื่องโยงจิตให้ท่านทั้งหลายได้ดำเนินต่อไปจนกว่าจะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน นั่นก็คือปัญญาในพระพุทธศาสสนา ส่วนอำนาจพุทธคุณหรือพุทธานุภาพที่บรรจุลงไปนั้น ถือว่าเป็นส่วน "ของแถม" เท่านั้น เพียงแต่ว่าท่านใดถ้าศรัทธามาก ปฏิบัติตามได้เคร่งครัดมาก พุทธคุณหรือพุทธานุภาพที่ได้รับ ก็จะมากกว่าคนอื่นเขา บุคคลที่โจมตีนั้น ท่านก็แค่ที่ต้องการดึงคนให้ไปศรัทธาท่าน ว่าไม่มีการกระทำในลักษณะอย่างนี้ โดยที่ไม่ได้ดูว่าประเทศไทยของเราที่มาเป็นพระราชอาณาจักรไทย หรือที่เรียกกันเต็ม ๆ แบบต่างประเทศเขาเรียกก็คือ Kingdom of Thailand ก็เพราะว่าบรรพบุรุษ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา สละเลือดเนื้อและชีวิตเป็นชาติพลี เพื่อที่จะรักษาแผ่นดินนี้เอาไว้ให้พวกเราได้อยู่เย็นเป็นสุข แต่ว่ากลับมีบุคคลที่ไม่เห็นคุณค่าว่า เครื่องรางของขลังและพระเครื่องต่าง ๆ ที่สร้างเอาไว้ นอกจากสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา โยงใจให้คนรำลึกถึง ศีล สมาธิ และปัญญาแล้ว ยังมีผลพลอยได้ ก็คือสร้างกำลังใจให้นักรบของเรามีความเข้มแข็ง ฮึกเหิม กล้าต่อสู้เพื่อที่จะรักษาแผ่นดินนี้เอาไว้ให้กับพวกเรา แล้วพวกเราก็ยังมาใช้การกระทำและวาจา ในการดูถูกดูหมิ่นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่บรรพบุรุษของเราเคารพบูชา แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ยังมีเครื่องคาดราชศาสตราประจำองค์ ยังมีพระชัยหลังช้าง ที่จะต้องนิมนต์ขึ้นไปบนหลังช้างเพื่อออกศึกออกสงคราม แล้วยังมีวัตถุมงคลอื่น ๆ ที่ยังต้องติดพระองค์ไปเพื่อออกรบทุกครั้ง แต่ท่านทั้งหลายเหล่านี้ "ไอคิวเตี้ย ไอเดียต่ำ" มองไม่เห็นความสำคัญยังไม่พอ ยังมาโจมตีทำให้บุคคลที่ปัญญาน้อย พลอยเห็นดีเห็นงามตามไปด้วย สรุปว่ากระผม/อาตมภาพขอเป็นพระงก ส่วนญาติโยมทั้งหลายจะยอมเป็นโยมโง่มาร่วมบุญ เพื่อที่จะได้สร้างบุญสร้างกุศลใหญ่ให้กับตัวเองหรือไม่ ก็แล้วแต่จะตัดสินใจกันเอาเอง..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2024 เมื่อ 01:31 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
วัตถุมงคลชุดนี้ก็คงจะออกในปีหน้า เนื่องเพราะว่ามีเสาร์ ๕ อยู่ ๒ ครั้ง ขอให้ชื่อว่า "พระคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน" แล้วในขณะเดียวกัน ภาวะอื่น ๆ ที่บีบคั้นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสงครามก็ตาม จะได้อาศัยพุทธานุภาพนี้ นำตัวเราให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ยากลำบากในขณะที่สภาวะวิกฤตของโลกหนักขึ้นไปทุกที
สำหรับการไปประเทศศรีลังกาเพื่อทอดกฐินปลดหนี้ในครั้งนี้ เนื่องจากว่าคณะที่เราไปนั้นใหญ่มาก ก็คือมีพระ ๑๓ รูป และมีญาติโยม ๑๑๐ คน แต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่สร้างบุญสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน เป็นภาระหนักให้กับเจ้าพ่อหลักเมืองสองศรีพี่น้องของประเทศศรีลังกา และบรรดาบริวารเป็นอย่างยิ่ง ท่านต้องพยายามที่จะดูแลรักษาพวกเราอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีผิดพลาด มีคนหกล้มได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไป ๒ คน แล้วขณะเดียวกันก็ทำให้เครื่องบินล่าช้าไปถึง ๒ ชั่วโมง แต่ว่าในฐานะที่พวกเราสร้างเวรสร้างกรรมกันมามาก จึงรับในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ได้อยู่แล้ว เพราะว่าส่วนหนึ่งของความเป็นพรหมเป็นเทวดาก็คือ ต้องมีความละอายชั่วกลัวบาป รักศีลตนเอง และไม่ฝืนกฎของกรรม กระผม/อาตมภาพขอเจริญพรขอบพระคุณเจ้าพ่อหลักเมืองสองศรีพี่น้อง ตลอดจนกระทั่งบริวารทั้งหลาย ที่ดูแลเราตลอดเส้นทางแห่งตามพปัณณิทวีป และขอกราบขอบพระคุณพระมหานายกะทั้งฝ่ายอัสคีรียะและฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ใช้ "กำลังภายใน" บัญชาให้บรรดาผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินส่วนราชการศรีลังกา ส่งเอาตำรวจมานำรถของเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยที่ท่านทั้งหลายก็ทำงานด้วยความเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง เจอพระก็ลงมานั่งยอง ๆ กราบเท้าเอาไปแตะศีรษะตัวเองเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนที่จะพาพวกเราฝ่าการจราจรที่ติดขัดและถนนคับแคบไป อย่างชนิดที่พวกเราหัวใจจะวายกันไปเลย..! กระผม/อาตมภาพขออาศัยโอกาสนี้เตือนให้ญาติโยมทั้งหลายว่า เมื่อกลับไปถึงที่อยู่แล้ว ให้ลองทบทวนดูว่า ตลอดระยะทางที่เราเดินทางร่วมกันมา เกือบจะ ๕ วันเต็ม ๆ นั้น อารมณ์ใจของเราเป็นอย่างไรบ้าง ? ยังมีกลัวตายจากการจราจรที่ค่อนข้างจะติดขัดรุนแรง เพราะว่ารถจะต้องไปให้ได้ ขณะที่ถนนคับแคบและมีรถอื่นเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการเบรกหัวทิ่มและประจันหน้ากับรถอื่นระยะกระชั้นชิดหลายต่อหลายครั้ง..! มีการหงุดหงิดกลัดกลุ้มจากการที่ไม่ได้อย่างใจ เพราะว่าเพื่อนร่วมงานช้าบ้าง ทำอะไรโดยไม่เกรงอกเกรงใจเราบ้าง รับประทานอาหารที่ไม่เหมือนกับที่บ้านบ้าง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2024 เมื่อ 01:35 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีขึ้นเกิดขึ้นในจิตใจของเราหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีขึ้น เราต้องปรับปรุงแก้ไขให้ดี ไปที่ไหนพยายามที่จะอยู่ให้เรียบง่ายที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คืออย่ามองคนอื่นต่ำกว่าตัวเอง..!
เราจะไปเห็นว่าประเทศศรีลังกาลำบากยากจนกว่าเรา ไม่ทันสมัยเท่ากับเรา ถ้าลักษณะแบบนี้ แปลว่าท่านแบกเอามานะถือตัวถือตนไปอย่างเต็มที่ ไม่สมกับที่เป็นนักปฏิบัติธรรมแล้ว ขอให้ช่วยกันขัด ช่วยกันเกลา ให้เราได้รับสิ่งดี ๆ กลับมาในทุกครั้งที่เดินทางไปทำบุญ ถ้าเป็นอย่างนั้นถึงจะได้ชื่อว่าสมกับเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง ส่วนประเทศศรีลังกานั้น เศรษฐกิจดีขึ้นจากปีที่แล้วเป็นอย่างมาก ปีที่แล้วพวกเราแลกเงินไทย ๑ บาทได้ ๑๐ กว่ารูปีศรีลังกา แต่ปีนี้เหลือแค่ ๗ รูปี เท่านั้น ถ้าแลกเป็นจำนวนมากยังได้ที่ ๘ รูปีกว่าอีกด้วย เนื่องเพราะว่าศรีลังกาค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมาจากสถานภาพล้มละลาย มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ นำเงินตราเข้าประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอัญมณีต่าง ๆ เครื่องเทศ ผ้าทอศรีลังกา และมะพร้าว ทำให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นดูมีความสุขมากขึ้น ยิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น เข้าหาพระพุทธศาสนากันมากขึ้น เพราะเขามีความเชื่อและความศรัทธาว่า พระพุทธศาสนาที่ตั้งมั่นอยู่ในศรีลังกานี่แหละ ที่ทำให้พวกเขาฝ่าฟันโพยภัยต่าง ๆ ผ่านไปได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างชนเผ่าก็ดี เรื่องของเศรษฐกิจที่ถึงขนาดล้มละลายก็ตาม ตลอดจนกระทั่งเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เขามั่นใจถึงขนาดว่า ตราบใดที่พระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วและต้นพระศรีมหาโพธิ์ยังอยู่คู่แผ่นดินศรีลังกา ตราบนั้นเรื่องร้ายทั้งหลายท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นดี ขอให้อดทนในการสร้างบุญสร้างกุศลด้วยความมั่นคงในพระพุทธศาสนาเท่านั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ทุกประเภทก็จะโดนปัดเป่าให้สลายไปเอง ทำอย่างไรที่กำลังใจของคนไทยจะยึดมั่นได้แบบนั้นบ้าง ? เราไปถึง เห็นฝนฟ้าตกกระหน่ำกันแบบ "ไม่ดูดำดูดี" แต่ญาติโยมชาวศรีลังกาก็เดินไปสักการะพระพุทธรูป เดินไปสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ และแห่กันไปถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วกันแบบไม่ย่อท้อ เปียกเป็นเปียก แต่ไม่สามารถที่จะหยุดการทำบุญทำกุศลของเขาทั้งหลายได้..! กำลังใจเหล่านี้ขอให้จงมี จงบังเกิดขึ้นกับพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั้งหลาย เพื่อที่เราจะได้ช่วยกันยกยอพระพุทธศาสนา และนำพาประเทศชาติของเราให้พ้นจากภาวะต่าง ๆ ที่ไม่ดีไม่งามเหล่านี้ไปได้ เหมือนกับที่คนศรีลังกาเขาทำกันมาแล้ว สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2024 เมื่อ 01:37 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|