กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-09-2021, 20:27
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,866 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-09-2021, 23:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ก็แทบจะจมอยู่กับหน้าจอทั้งวัน เพราะว่าเข้าอบรมการทำวิจัยของพระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, ศ.ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านอาจารย์ยังคงเหมือนเดิม

พวกกระผม/อาตมภาพเป็นรุ่นแรก ๆ ที่เรียนหลักสูตรสันติศึกษากับท่าน ตอนนั้นหลักสูตรยังไม่เป็นตัวเป็นตนชัดเจน ก็เป็นแค่วิชา ท่านมาถึงท่านก็บอกว่า "ขอเชิญทุกท่านนั่งสมาธิก่อน ๒๐ นาที" แล้วท่านก็ไม่สนใจพวกเราเลย ท่านนั่งสมาธิไปเลย ทุกครั้งก็จะเป็นอย่างนั้น ก็คือลูกศิษย์จะทำหรือไม่ทำ ท่านอาจารย์ทำไปแล้ว..!

ท่านบอกว่า ท่านจะตื่นขึ้นมาเขียนบทความประมาณช่วงตี ๑ ตี ๒ ประจำ ท่านบอกว่าช่วงนั้น "เป็นเวลาของพรหม เทวดา" ทำให้ท่านมีสมาธิและความคิดที่ปลอดโปร่ง สามารถเขียนบทความได้ประมาณวันละ ๑ เรื่อง..!

สำหรับคนอื่นฟังแล้วก็อาจจะไม่คิดอะไร แต่พวกเราต้องคิดแล้ว อันดับแรกก็คือ ท่านเห็นประโยชน์ของสมาธิจริง ๆ กระผม/อาตมภาพเคยเล่าให้พวกเราฟังหลายครั้งแล้วว่า ตอนที่พวกเราเรียนปริญญาเอกอยู่นั้น ท่านกำลังยุ่งอยู่กับการเปิดหลักสูตรสันติศึกษาระดับปริญญาเอก ท่านจึงไม่มีเวลาที่จะมาสอนแบบประจำ จึงใช้การ Block Course ก็คือ ถึงเวลาแล้วนัดสอนเป็นวัน ๆ วันละ ๘ ชั่วโมง ๙ ชั่วโมงต่อเนื่องกันเป็นปกติ อย่างวันนี้ผมก็โดนตั้งแต่ ๘ โมงครึ่งจนถึงบ่าย ๔ ครึ่ง..!

แล้วในช่วงนั้นถึงได้เห็นว่าคุณค่าของสมาธิเป็นอย่างไร ? เพราะว่าบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมดสู้ท่านอาจารย์ไม่ได้ ออกไปยืดเส้นยืดสาย ออกไปพักผ่อนอิริยาบถ ดื่มกาแฟบ้าง นั่งคุยกันบ้าง ปล่อยให้ผมกับท่านอาจารย์ดวลเดี่ยวกัน โดยที่ทิ้งพวกแฟล็ชไดรฟ์ แฮนดี้ไดรฟ์ ธัมป์ไดรฟ์เอาไว้เป็นกอง บอกอย่างเดียวว่า "สรุปเนื้อหาเสร็จแล้วช่วยโหลดให้ด้วยนะ" ท่านอาจารย์ยังแซวว่า "เป็นการเรียนระบบตัวแทน" ก็คือคนหนึ่งเรียนแทนเพื่อนทั้งห้อง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2021 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-09-2021, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราจะเห็นว่ากำลังสมาธิที่ฝึกฝนไว้ แม้กระทั่งเรื่องทางโลก อย่างเรื่องการเรียนตำรับตำรา เรียนหนังสือ ก็ยังสามารถที่จะใช้งานได้ดีมาก ถ้าหากว่าสมาธิไม่พอ คนสอนก็ลำดับเรื่องไม่ได้ ท้าย ๆ ก็จะสับสน ตรงนี้ท่านทั้งหลายที่สวดปาฏิโมกข์ได้จะรู้ ถ้าวันไหนสมาธิไม่ดีนี่ ตอนท้าย ๆ เละไม่เป็นท่าทุกราย..! เพราะว่าพอกำลังสมาธิไม่พอ การจดจำก็จะสับสน ลำดับเรื่องราวไม่ค่อยจะถูกแล้ว

ดังนั้น...เรื่องแบบนี้คนสอนจะหนักกว่า เพราะว่าต้องลำดับเรื่องราว แล้วก็สอนอย่างไรให้ลูกศิษย์เข้าใจ ส่วนคนฟังก็แค่ทุ่มเทสมาธิในการรับ แยกแยะเนื้อหาว่า เรื่องหลักคืออะไร ? เรื่องรองคืออะไร ? เนื้อหามีว่าอย่างไร ? คราวนี้ถ้าจับได้ว่าวันนี้เรื่องหลักคืออะไร เรื่องรองคืออะไร ก็ฟังเนื้อหาอย่างเดียว ก็สามารถทำความเข้าใจได้ตั้งแต่ต้นยันปลาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบรรดาท่านที่ศึกษามักจะขาดตรงจุดนี้ ก็คือถ้ารู้ว่าเรื่องหลักคืออะไร ? เรื่องรองคืออะไร ? ก็แค่ฟังเนื้อหาให้เข้าใจ แล้วเราก็จะสามารถอธิบายได้หมด

สมัยก่อนแม้กระทั่ง พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เจอหน้ากันเมื่อไร ท่านก็บอกว่า "ท่านเล็ก อย่าทิ้งสมาธินะ" เพราะว่าตอนนั้นกระผม/อาตมภาพเรียนบาลีอยู่ ท่านบอกว่า "คนเรียนบาลี ถ้าทิ้งสมาธิ ไปไม่รอดสักราย"

ผมเองเรียนบาลี ไม่ได้ทิ้งสมาธิ แต่ไปไม่รอด เพราะว่าไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน จึงโดนมาลาเรียรับประทาน..! ท้ายสุดก็เลยต้องเลิกเรียน เพราะว่าการเรียนบาลีสำคัญที่สุดก็คือต้องท่องหนังสือหนีอาจารย์ อย่าให้อาจารย์แซงได้เป็นอันขาด ถ้าท่องหนังสือหนีอาจารย์ไม่ได้..ตายทุกราย เพราะสิ่งที่อาจารย์สอนเราจะไม่เข้าใจ มัวแต่ห่วงพะวงว่าจะท่องจำได้หรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2021 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-09-2021, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราทุกคนก็ควรที่จะดูด้วยว่า กำลังสมาธิของเรานั้น ใช้ในชีวิตประจำวันได้เท่าไร ? มีกำลังยืนระยะได้แค่ไหน ? สมัยที่กระผม/อาตมภาพออกธุดงค์ ก็เพราะว่าสังเกตว่า กำลังของตนเองไม่พอที่จะยืนระยะได้ทั้งวัน

เนื่องจากเวลามีงานที่วัดท่าซุง ญาติโยมไปกันเป็นแสน ๆ คราวนี้อาตมภาพรับหน้าที่จำหน่ายวัตถุมงคล คนที่ไปวัดทุกคนที่จะไม่เอาวัตถุมงคลนั้นไม่มี ทุกคนดาหน้าเข้ามา ไม่ต้องหยุดหายใจ ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องฉันข้าวฉันน้ำ หรือเข้าห้องน้ำห้องส้วม สมาธิต้องทรงตัวโดยอัตโนมัติ

แต่คราวนี้ผมเป็นคนช่างสังเกต ผมก็สังเกตว่า ช่วงบ่ายเสียงผมจะดังขึ้นไปเรื่อย ๆ เสียงดังขึ้นแสดงว่าความเครียดบังเกิด แปลว่ากำลังสมาธิของเราตก เพราะฉะนั้น...คนจะมากแค่ไหนก็ตาม ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอตัวเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำห้องส้วมอะไรหรอก..ไปนั่งภาวนา..! พอกำลังใจทรงตัวได้ที่ก็กลับออกมาทำงานต่อ เจอแบบนั้นหลาย ๆ ครั้งเข้า ก็รู้ว่ากำลังสมาธิของตนเองไม่พอที่จะรบกับคนเป็นหมื่นเป็นแสนได้ทั้งวัน

ถึงได้ขออนุญาตหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านออกธุดงค์ เพราะสังเกตว่า ที่กำลังสมาธิไม่ทรงตัว เพราะว่าไปปรุงแต่ง เห็นว่าคนนี้ดี คนนี้ไม่ดี คำว่าคนดีก็คือเชื่อฟัง บอกอะไรทำอย่างนั้น คนไม่ดีคือบอกอะไรกูไม่ทำสักอย่าง ยังเห็นคนเป็นผู้หญิง เป็นผู้ชาย เป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ เป็นสาว เป็นแก่ ทำให้กำลังใจไม่สามารถที่จะสงเคราะห์เขาให้เท่าเทียมได้แบบอัปปมัญญาพรหมวิหาร จึงต้องขออนุญาตหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านออกไปธุดงค์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2021 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-09-2021, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งที่หลวงพ่อท่านให้ไปคือคาถาบทหนึ่ง บอกว่าถ้ามั่นใจก็เอาตัวรอดได้ทุกที่ ก็คือ บทบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ

อิติปาระมิตา ติงสา
อิติสัพพัญญู มาคะตา
อิติโพธิ มะนุปปัตโต
อิติปิโส จะเตนะโม
นะโมพุทธายะ

ท่านให้ภาวนาต่อเนื่องกันไปเลย ปรากฏว่าสถานที่ที่เลือกไปนั้นเท่ากับไปหาที่ตาย..! เพราะว่าทันทีที่เดินพ้นบ้านคนซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยง ข้ามลำห้วยไป เห็นแล้วใจหาย รอยตีนสัตว์ป่าเป็นเทือกเลย เหมือนอย่างกับเรามองดูรอยวัวควายในคอก..! ก็เลยได้แต่เดินตัวเกร็งไปตลอดทาง ไม่รู้จะรอดหรือไม่รอดกลับมา ยิ่งไปสัตว์ป่าก็ยิ่งมาก ไม่ต้องเห็นตัวหรอก แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าชุกชุมขนาดไหน..!

ดังนั้น..ตัวเมตตาพรหมวิหารที่ตั้งใจก็เลยไม่เหลือ..ไม่ได้มา เหลืออยู่อย่างเดียวคือ "ตายแน่..! ตายแน่...!" ปรากฏว่ากำลังใจกระโดดข้ามขั้นไปเลย ไม่ได้ตัวเมตตามา แต่ไปได้สังขารุเปกขาญาณเลย ซึ่งปกติแล้ว
ตัวนี้จะได้ยากได้เย็นมาก เพราะว่าต้องปล่อยวางภาระทั้งปวง ชนิดที่เรียกว่าร่างกายนี้ก็ไม่ต้องการจริง ๆ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่กล้าเดินหน้าต่อ..!

นับว่าการออกไปตั้งใจที่จะแสวงหาหลักธรรมที่ตนเองต้องการนั้นไม่ได้มา แต่ไปได้เกินกว่าที่ต้องการ หลังจากนั้นก็พยายามซักซ้อมทบทวนมาตลอด กำลังสมาธิก็ทรงตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ให้นั่งดวลเดี่ยวกับท่านอาจารย์หรรษาทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีปัญหา

ถ้าไม่มีพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ ศ.ดร. รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี อาจารย์หรรษาจะเป็นศาสตราจารย์ที่หนุ่มที่สุด พอดีมีท่านอาจารย์บุญเลิศอยู่ ท่านอาจารย์หรรษาก็เลยอายุมากกว่าหน่อยหนึ่ง คือท่านขอศาสตราจารย์ตั้งแต่ตอนอายุ ๔๐ แต่ไม่ได้รับการอนุมัติ เพราะเขาเห็นว่าท่านหนุ่มเกินไป ตอนหลังก็เลยโดนท่านอาจารย์พระมหาบุญเลิศแซงหน้าไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2021 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 07-09-2021, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...ในเรื่องของทางโลก สมาธิของท่านใช้งานได้ดีมาก ทำให้เกิด "ญาณ" คือ เครื่องรู้ ซึ่งไม่ว่าจะมองในแง่ไหนมุมไหน ก็จะสามารถที่จะดึงเอาเหตุเอาผลออกมาได้หมด ท่านจึงชำนาญและถนัดในงานวิจัยมาก สามารถที่จะอธิบายหลักธรรมในพุทธศาสนาเข้ากับทฤษฎีฝรั่งได้ชนิดที่แนบเนียน แล้วขณะเดียวกัน หลักธรรมของพระพุทธศาสนาก็สามารถที่จะเชื่อมโยงทุกหัวข้อเข้าหากันได้ ซึ่งตรงนี้ผมมองเห็นท่านแล้วก็เสียดาย เพราะว่าสิ่งที่ท่านทำได้ ท่านเอาไปใช้ในทางการศึกษาทางโลก ได้แต่หวังว่าวันดีคืนดี ท่านจะหวนกลับมาทางธรรมเต็ม ๆ บ้าง ตรงจุดนี้ก็ต้องแล้วแต่บุญแล้วแต่กรรมของท่าน

แต่ว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นเป็นประโยชน์แก่คนหมู่มากทั้งหมด อย่างเรื่องของสันติสนทนาที่ผ่านมา ก็คือชวนคนกลับสู่ชนบท ใช้คำว่า "คำตอบอยู่ที่ชนบท" การพัฒนาไม่จำเป็นต้องไปทางวัตถุ แต่ให้พัฒนาจิตใจให้คนรู้จักพอ อยู่กับการเกษตรแบบพออยู่พอกิน จะได้ไม่ต้องเป็นทาสนายทุน งานพวกนี้เป็นงานสายพระโพธิสัตว์ ก็ต้องดูว่าท่านเองจะมีโอกาสเลี้ยวกลับมาหรือเปล่า ? ถ้าไม่มีก็ไปยาว รอตรัสรู้ในภายภาคหน้า..! พวกเราก็ยกมือโมทนาตามหลังไป

จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2021 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว