กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-08-2021, 20:58
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,523
ได้ให้อนุโมทนา: 215,913
ได้รับอนุโมทนา 736,866 ครั้ง ใน 35,895 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 21-08-2021, 23:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ มีเรื่องจะพูดอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกก็คือ อีกสักครู่ต้องออกไปเป็นเจ้าภาพงานศพพระอธิการลี ปญฺญาวชิโร อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยสมจิตร ที่มรณภาพ

สำหรับพระอธิการลีนั้น ต้องบอกว่าท่านเป็นอัจฉริยะองค์หนึ่งในคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ การสูญเสียท่านถือว่าน่าเสียดายมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสด้วยกัน ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเทศน์ของผม เป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระธรรมทูตสายวิปัสสนา จนกระทั่งมาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นอบรมเจ้าอาวาส ต้องบอกว่ามีความสัมพันธ์ยาวไกลหลายสิบปี

คราวนี้ถ้าหากว่าใครเห็นในรูปถ่าย ตอนที่ถวายน้ำสรงศพให้ท่าน ถ้าเห็นมีแต่เจ้าหน้าที่ใส่ชุดป้องกันทางการแพทย์ (PPE) ก็อย่าเพิ่งใจคอไม่ดี เพราะยังไม่ชัดเจนว่าท่านมรณภาพเพราะอะไร แต่ว่าจากการใช้ชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิต (ATK) แล้ว ปรากฏว่าไม่เป็นผลบวก แต่เสียอยู่อย่างเดียวว่า เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร ไปเปิดพัดลมในงาน ซึ่งถ้าหากว่าเป็นการมรณภาพเพราะเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิทั้งอำเภอน่าจะโดนกักตัวทั้งหมด..!

เรื่องที่สองก็คือ วันนี้กระผม/อาตมภาพเข้าร่วมการเสวนา หัวข้อว่า "สถาบันศาสนาจะช่วยลดความรุนแรงในครอบครัวที่มีต่อผู้หญิงได้อย่างไร ?" ซึ่งบรรดาวิทยากรที่มานั้น ส่วนหนึ่งต้องบอกว่า "ผลักภาระให้กับทางวัด" ส่วนที่สองก็ตำหนิว่าพระสงฆ์ของเราไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจที่จะแก้ไขปัญหาพวกนี้ ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ กระผม/อาตมภาพได้ให้ทัศนคติไปในการเสวนาแล้ว ก็ต้องบอกว่าเหมือนกับไป "ตบหน้าให้ได้สติ..!" เพราะอาตมภาพกล่าวว่า บรรดาวิทยากรทั้งหลายที่เป็นผู้หญิงเก่งนั่นแหละ ที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-08-2021 เมื่อ 18:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 21-08-2021, 23:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องจากว่าบรรดาผู้หญิงเก่งออกมาทำงานข้างนอก ทำให้ไม่มีใครอบรมเลี้ยงดูลูก ก็เลยทำให้ไม่มีการหล่อหลอมตั้งแต่ในบ้าน ลูกสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็อยู่กับพี่เลี้ยง อยู่กับโทรศัพท์มือถือ อยู่กับเงิน ถ้าหากว่าดีกว่านั้นหน่อย ก็อยู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แล้วถ้าหากว่ามีปากมีเสียงกันขึ้นมาในบ้าน ผู้หญิงเก่งก็มักจะเห็นว่า เราไม่จำเป็นต้องมีผู้ชายก็ได้ ถ้าไม่ใช่ทะเลาะกันใหญ่โต ชนิดทำร้ายร่างกายหรือเข่นฆ่ากันไปเลย ก็อาจจะหอบลูกหนีออกไป เพื่อที่จะยืนด้วยลำแข้งตนเอง ท่านทั้งหลายเห็นหรือยังว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดจากอะไร ?

แต่ความจริงปัญหาตรงนี้ ถ้ากล่าวว่าสถาบันศาสนาของเราไร้คุณภาพ ก็ต้องแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนอีก เพราะส่วนแรกที่ไร้คุณภาพ ก็คือบุตรหลานที่พวกท่านทำให้บ้านแตกสาแหรกขาดนั่นแหละบวชเข้ามา ส่วนใหญ่ก็เกเรเกตุง ไม่ประสบความสำเร็จทางโลก บวชเข้ามาหวังที่จะขัดเกลาลูกให้ดีขึ้น แต่ลืมไปว่า กว่าลูกจะมาบวชก็อายุ ๒๐ ปี ตีเสียว่า ๓ ปีแรก อยู่กับครอบครัว แต่พ่อแม่กลับไม่อยู่บ้าน ก็ต้องอยู่กับพี่เลี้ยง ๓ ปีถัดมาอยู่โรงเรียนอนุบาล อีก ๑๒ ปีถัดมาอยู่ในระบบการศึกษาที่บังคับว่าจะต้องเรียน กว่าจะมาถึงมือพระ ก็แก่เกินแกง..ดัดไม่ไหวแล้ว..!

ประการที่สองก็คือ ในบริบทสังคมของเรา สถาบันศาสนาของเราได้รับการยอมรับน้อยลงไปทุกที ก็เกิดจากบุคคลที่มาบวชคุณภาพน้อยอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็คือ คนห่างศาสนาออกไปเอง เพราะไม่เห็นความจำเป็นในเรื่องของศาสนา ไปเน้นในเรื่องของการทำมาหากินมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อทั้งผู้หญิงผู้ชายออกไปทำมาหากินนอกบ้านทั้งคู่ ก็ทำให้ครอบครัวไม่มีใครดูแล

ถ้าเป็นสมัยก่อนเป็นครอบครัวขยาย ก็ยังมีปู่ย่าตายายดูแลให้ แต่ส่วนมากแล้วก็อยากได้ความเป็นส่วนตัว แยกออกไปเป็นครอบครัวเดี่ยว อย่างดีก็มีพี่เลี้ยง แล้วสมัยนี้พอถึงเวลาถ้าเด็กไม่เว้าลาวได้ก่อน ก็คงจะประเภทพูดภาษาพม่าได้ก่อน แล้วจะมาโยนให้เป็นภาระของพระอย่างเดียวไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2021 เมื่อ 01:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-08-2021, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การแก้ไขต้องบูรณาการร่วมกัน ตามทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็คือ "บวร" บ้าน วัด โรงเรียนและส่วนราชการต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะส่วนราชการสำคัญที่สุด

ระบบการศึกษาเบื้องต้น ๑๒ ปี คุณไปเอาวิชาศีลธรรม จริยธรรมออกจากหลักสูตร ก็ทำให้เกิดความล้มเหลวทางศีลธรรมและจริยธรรมในใจของเด็ก จนกระทั่งไม่เห็นว่าการรุนแรงต่อผู้อื่นเป็นความผิด เราจะเห็นว่าปัจจุบันนี้มีเด็กนักเรียนแทงเพื่อนตาย ยิงเพื่อนตาย ทำร้ายร่างกายเพื่อน จนกระทั่งบาดเจ็บสาหัส เป็นต้น

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน โดยเฉพาะรัฐบาลต้องเป็นผู้นำ ถือเป็นวาระแห่งชาติเลย ญี่ปุ่นใช้เวลา ๔๐ ปีในการปรับโครงสร้างตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันนี้คนญี่ปุ่นทุกรุ่นมีจิตสำนึก ต้องบอกว่าจิตสำนึกในทางรับผิดชอบต่อสังคมสูงมาก ถึงเวลามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นายกรัฐมนตรีลาออก รัฐมนตรีลาออก หัวหน้าหน่วยงานลาออก..!

เรื่องอย่างนี้จะไม่เคยเห็นในบ้านเรา จึงไม่ใช่เรื่องที่จะยกให้สถาบันศาสนามาแก้ไขฝ่ายเดียว เพราะถ้าว่าไปแล้ว คือทุกฝ่ายผิดร่วมกัน รัฐบาลต้องเป็นเจ้ามือ ต้องทุ่มเทสรรพกำลังและงบประมาณทุกอย่างลงมาให้บ้าน วัด โรงเรียนและส่วนราชการร่วมกันแก้ไข

ประการสุดท้ายที่จะพูดในวันนี้ก็คือ ผู้เข้าร่วมเสวนา มีบุคคลข้ามเพศเยอะมาก แล้วก็กล่าวในลักษณะที่ว่า ไม่ไว้วางใจที่จะให้สถาบันศาสนาเข้ามาแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เพราะว่าสถาบันศาสนาไม่ให้เกียรติเพศที่สาม ไม่ให้โอกาสในการบวช..ปิดกั้น..กีดกันสิทธิส่วนบุคคล ฯลฯ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2021 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-08-2021, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงนี้อาตมภาพเคยพูดไปแล้วครั้งหนึ่ง ขอตอกย้ำเพื่อความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ทุกองค์กรมีวัฒนธรรมและระเบียบปฏิบัติของตนเอง ถ้าหากบอกว่าพระพุทธเจ้าปิดกั้น ขอบอกว่าท่านไม่ได้ปิดกั้น เพราะว่าหลักธรรมของพระองค์ท่าน ใครประพฤติปฏิบัติ ก็ย่อมได้รับผลตามวาสนาบารมีของตนเอง แล้วทำไมคุณซึ่งเป็นเพศที่สาม ถึงต้องดิ้นรนเข้ามาบวชด้วย ? นอกจากสนองกิเลสตัวเองว่ากูทำได้..! ในเมื่อเป็นฆราวาสก็สามารถบรรลุธรรมได้ กฎเกณฑ์กติกาน้อยกว่าด้วย

ประการต่อไป คุณบวชเข้ามา คุณมั่นใจไหมว่าจะสามารถทำตัวอยู่ในกรอบของพระธรรมวินัยได้ ? ก็เห็นมีแต่ไปทำให้เสียหายจนกระทั่งโดนคนประณามว่าเป็น "พระตุ๊ด พระแต๋ว"

ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะสำรวมจริตจริยาให้สังคมทั่วไปยอมรับได้ แล้วสังคมพระ ซึ่งเป็นปูชนียบุคคลที่คนให้ความเคารพ คุณมั่นใจแล้วหรือว่า คุณจะอยู่แล้วสามารถสำรวมให้คนเคารพได้ ?

เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องของการมาเรียกร้องสิทธิ การเรียกร้องความเสมอภาคตามรัฐธรรมนูญ คุณเรียกร้องได้ แต่ว่าทุกหน่วยงานมีระเบียบ มีวินัย มีกฎหมายของตนเอง คุณอยากจะอยู่กับเขาได้ ต้องศึกษาแบบธรรมเนียมของเขาจนกว่าจะทำได้

โดยเฉพาะอุปัชฌาย์อาจารย์ โดยรากศัพท์ อุปัชฌาย์ แปลว่า ผู้เพ่งดู ส่วนที่ต้องดูให้ชัดที่สุดคือ คุณเข้ามาแล้วจะสร้างความเสียหายให้กับพระศาสนาหรือเปล่า ? ในเมื่อมีโอกาสจะสร้างความเสียหาย พระอุปัชฌาย์ย่อมตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ยอมให้คุณบวช
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2021 เมื่อ 01:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 21-08-2021, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องนี้ไม่สามารถที่จะมาถกเถียงกันด้วยวาจา เพราะว่าไม่ใช่การเอาชนะคะคานกันทางวาจา แต่ถ้าคุณอยากพิสูจน์ตัวเอง ให้มาบวชที่วัดท่าขนุน ที่วัดนี้ยินดีรับเพศที่สาม ไม่เคยปิดกั้น แม้แต่ในปัจจุบันนี้ก็มีอยู่หลายรูป แต่กฎเกณฑ์กติกาของเราก็คือ คุณต้องรับรองว่าสำรวมจริตกริยาเอาไว้ได้ กรี๊ดกร๊าดวี้ดว้ายขึ้นมาเมื่อไร ถ้าไม่โดนตบหัวหลุดก็โดนจับสึก..! ถ้าคิดว่าแน่จริงก็มาตรงนี้เลย...! ไม่ต้องเสียเวลามาเถียงกัน เพราะว่าการเถียงกันมีแต่เพิ่มกิเลสให้พวกเรา มีวิธีเดียวก็คือพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติ

หรือไม่เช่นนั้น คุณก็ลองไปขออนุญาตหน่วยทหารดูว่า ขอให้รับเพศที่สามเข้าไป ดูว่ามีหน่วยทหารหน่วยไหนในประเทศไทยที่รับได้บ้าง ถ้าหากว่ารับไม่ได้ ท่านจะติด #ย้ายประเทศ ก็ย้ายไป ไปอยู่ในประเทศที่เขารับท่านได้ แล้วดูสิว่าเข้าไปแล้วท่านจะเดือดร้อนขนาดไหน..!

เรื่องนี้ถ้าหากว่าพูดไปก็ยังยืดยาว แต่ว่าอาตมภาพวันนี้ไม่มีเวลา เพราะว่าต้องออกไปงานศพ ก็เลยขอชี้แจงทำความเข้าใจในเบื้องต้นเท่านี้ เผื่อว่าพระเณรที่บวชใหม่บางรูปยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ถึงเวลาจะได้ชี้แจงให้กับเขาให้เข้าใจชัดเจนได้

ส่วนญาติโยมทั้งที่นี่และที่บ้าน ท่านใดที่มาใหม่ หรือเป็นผู้ใหม่เข้ามารับฟัง ถ้ายังไม่ชัดเจนก็จะได้รู้ว่า พระธรรมวินัยนี้ไม่ได้ปิดกั้นเพศที่สาม เพียงแต่ให้โอกาสในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ใช่นักบวช ถ้าไม่ใช่ต้องการเอาชนะกันด้วยทิฏฐิมานะ เอาชนะกันด้วยกิเลส คุณต้องยอมรับได้ว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมและบรรลุมรรคผล ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในสถานภาพของนักบวช..ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2021 เมื่อ 01:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว