กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 21-08-2022, 18:01
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,594
ได้ให้อนุโมทนา: 216,253
ได้รับอนุโมทนา 739,428 ครั้ง ใน 36,046 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-08-2022, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,753 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เมื่อคืนกระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ หมู่ที่ ๑ ตำบลแม่ป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ประมาณเที่ยงคืน

ทางวัดให้ไปพักอยู่ที่เรือนไม้หลังใหม่ ซึ่งปลูกเอาไว้ในสวนลำไยใกล้เคียงสถานที่สร้างจุฬามณีเจดีย์สถาน ซึ่งกระผม/อาตมภาพถวายเงิน ๔ ล้านกว่าบาทให้ซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ เพื่อเป็นสมบัติของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ แต่ว่าด้วยความเพิ่งจะเป็นอาคารสร้างใหม่ ไม่ควรที่คนแก่และป่วยอย่างกระผม/อาตมภาพจะมาพัก

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สถานที่สร้างใหม่ทุกแห่งยังขาดพลังปราณของผู้คน เมื่อถึงเวลาเราไปอยู่อาศัย ก็จะโดนดูดพลังไปเยอะมาก ถ้าหากว่าเป็นคนแก่หรือคนป่วย ก็อาจจะมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าอาการป่วยกำเริบหนักไปเลย

เรื่องพวกนี้บางทีคนรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยที่จะรู้กัน โดยเฉพาะวัยรุ่นหรือว่าหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรง ก็แค่รู้สึกว่าเพลียนิดหน่อย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมการไปนอนในสถานที่ใหม่ การใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ หริอการเปลี่ยนที่หลับที่นอนใหม่ทั้งชุด ถึงทำให้เพลียหมดแรงได้ ก็เพราะว่าข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างของเรานั้น จะดึงดูดพลังปราณ หรือว่าพลังชีวิตของเราเก็บเอาไว้ ถ้าหากมีการใช้ต่อเนื่อง ได้รับพลังงานไปจนเพียงพอแล้ว ก็จะทำให้เรารู้สึกคุ้นเคย

ในขณะเดียวกัน ถ้าเป็นวัตถุสิ่งของก็จะทำให้ดูดี มีพลัง ดังที่เราจะเห็นว่าบ้านเรือนบางหลัง แม้ว่าจะเก่าโทรมเพียงใดก็ตาม แต่ว่าดูดีมีสง่าราศี ขณะที่ตึกสร้างใหม่กลับรู้สึกว่าซีด ๆ เฉา ๆ หาสง่าราศีไม่ได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าขาดปราณ คือพลังชีวิตของบุคคลที่เข้าไปอยู่อาศัย

เพียงแต่ว่าถ้าเป็นบ้านสร้างใหม่ อยากจะให้คำแนะนำว่า เราควรที่จะพาพรรคพวกเพื่อนฝูงสัก ๕ คน ๑๐ คน มาช่วยกันอยู่อาศัยสักพักหนึ่ง อย่างเช่นว่า ๓ วัน ๕ วัน จะหาข้ออ้างจัดงานฉลองอะไรก็ได้ เพื่อที่จะได้รับพลังปราณแบ่งปันกันไปโดยเฉลี่ย เราก็จะได้ไม่ต้องสูญเสียพลังชีวิตอยู่คนเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2022 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-08-2022, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,753 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ท่านที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าจำเป็นด้วยหรือ ? ขอให้นึกถึงสถานที่ซึ่งพระอริยเจ้า โดยเฉพาะพระอรหันต์ท่านเคยอยู่อาศัย ข้าวของเครื่องใช้ที่ท่านเคยใช้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะมีเทวดารักษา เพราะว่าพลังปราณของท่านยังหลงเหลืออยู่ ผู้ที่เข้าไปอยู่อาศัยบริเวณนั้น ถ้าตั้งใจปฏิบัติธรรม ก็จะเกิดผลเร็วมาก

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เคยบอกเล่าว่า แคร่ไม้ที่พระนาคเสนได้เจริญกรรมฐานจนบรรลุธรรม มีบุคคลไปอาศัยนั่งเจริญกรรมฐาน แล้วบรรลุธรรมตามไปเป็นจำนวนมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพลังงานของบุคคลที่เคยอยู่อาศัยในบริเวณนั้น ยังหลงเหลืออยู่ในวัตถุทั้งหลายเหล่านั้น

โดยเฉพาะมีเพื่อนพระสังฆาธิการบางรูป ที่สามารถสัมผัสพลังงานเหล่านี้ได้ เคยไปยังสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่งที่ประเทศอินเดีย แล้วกลับมาเล่าให้ฟังว่า สถานที่นั้นมีพลังมากมายมหาศาลขนาดไหน ซึ่งเรื่องพวกนี้ท่านที่สัมผัสไม่ได้ก็อาจจะแค่รู้สึกว่า อยู่ในบริเวณนั้นแล้วเย็นสบาย ถึงเวลาจะสวดมนต์ภาวนาอะไรก็รู้สึกกำลังใจทรงตัวได้ง่าย แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพชอบไปวัดตอนเด็ก ๆ เพราะไปแล้วรู้สึกว่าวัดเย็นสบาย แล้วยังไม่ทันที่จะทำอะไร ก็อาจจะเผลอหลับไปเลยก็เป็นได้

ดังนั้น...เรื่องบางอย่างที่เรายังขาดประสบการณ์ ไม่รู้เรื่อง ก็อาจจะทำให้สงสัยว่าเป็นไปได้หรือ ? แต่บุคคลที่ท่านรู้แล้ว ก็สามารถที่จะเป็นพยานยืนยันได้ว่า เรื่องทั้งหลายเหล่านี้มีจริง

แต่ขอเตือนไว้แค่ว่า ถ้าเป็นอาคารใหม่ในลักษณะบ้านพักไม้ของวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ซึ่งต้องบอกว่าสร้างเสร็จแบบสด ๆ ร้อน ๆ แล้วก็ให้กระผม/อาตมภาพไปพักอาศัยอยู่ ในลักษณะการฉลอง เป็นการตอบแทนที่กระผม/อาตมภาพได้ช่วยซื้อหาพื้นที่ให้เป็นเงินหลายล้านบาท ถ้าอย่างนั้นโปรดอย่าเพิ่งรีบเมตตา

แต่ว่าให้หาคนไปพักอยู่สักระยะหนึ่งก่อน จนกระทั่งบ้านได้ดึงดูดพลังปราณทั้งหลายเหล่านั้นไปเป็นจำนวนที่เพียงพอ จากนั้นค่อยเอาคนแก่แถมยังป่วยด้วยอย่างกระผม/อาตมภาพไปพัก แล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้น ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยหลังจากที่ไปพักแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2022 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-08-2022, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,753 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือ เมื่อได้เดินทางไปในพิธีสืบชะตาต่ออายุครูบาอาจารย์ครั้งนี้ บางสิ่งบางอย่างที่ได้พบในสถานที่นั้นก็ควรที่จะกล่าวถึงด้วย อย่างเช่นว่ากิจกรรมบางอย่าง เราอาจจะเป็นผู้ที่อยากเข้าร่วมงานไปเสียทุกเรื่อง ลักษณะรู้สึกว่าอยากที่จะร่วมงาน แต่ไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เราอยากนั้น บางทีเป็นการแสดงออกซึ่งกิเลสในใจของเรา

อย่างเช่นที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อันดับแรกเลยก็คือมีการบวงสรวง ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ที่บริเวณเยื้อง ๆ กับหน้าอุโบสถ หลังจากนั้นก็เป็นการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลภายในอุโบสถ แล้วมาหล่อสมเด็จพระพุทธสมณโคดมที่มณฑลพิธีข้างอุโบสถ หลังจากนั้นจึงเป็นการสืบชะตาต่ออายุให้กับตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ในศาลาการเปรียญ

ถ้าหากว่าเป็นบุคคลที่ทำงาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเสียสละ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะร่วมงานไปเสียทุกเรื่องทุกที่ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่มีใครดูแลสถานที่อื่น โดยเฉพาะถ้าหากว่าไม่ได้เตรียมการไว้ ก็จะได้มีผู้ช่วยดูแลเตรียมการ ถ้าหากว่าเตรียมพร้อมไว้แล้ว ก็มีผู้ช่วยเฝ้าดูแลสถานที่ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นจากบุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์

โดยเฉพาะฝ่ายที่ดูแลการจราจรก็ดี ฝ่ายที่ดูแลเรื่องอาหารการกิน ตลอดจนกระทั่งโรงทานก็ตาม เราไม่สามารถที่จะไปร่วมงานได้เลย เพราะว่าหน้าที่ในความรับผิดชอบไม่ได้อยู่ตรงนั้น ถ้าหากว่ายังคิดว่าตนเองต้องเสนอหน้าไปทุกเรื่อง กรุณาอย่ารับอาสาทำงานแบบนี้ เพราะว่าเมื่อเราทิ้งงานไปเพื่อที่จะร่วมงานในส่วนที่เราคิดว่าสำคัญ ก็จะทำให้งานในส่วนรับผิดชอบของเราเกิดความผิดพลาด และอาจจะเสียหายใหญ่หลวงขึ้นมาได้

ดังนั้น...ทุกท่านจะเห็นว่าการทำงานนั้น เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเสียสละ การที่เราจะเสียสละได้นั้น ต้องประกอบไปด้วยน้ำใจอันยิ่งใหญ่ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว โดยเฉพาะการทำเป็นบุญเป็นกุศล ทำเพื่อเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ทำเพื่อครูบาอาจารย์ของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2022 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-08-2022, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,753 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้ากำลังใจไม่ได้อยู่ในลักษณะนี้ เห็นว่ามีความสำคัญตรงจุดไหน ก็จะต้องยื่นหน้าเข้าไปตรงจุดนั้น ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เราไปรับอาสาทำงานอะไรก็ตาม ก็ย่อมเกิดความบกพร่องขึ้นมาได้ ถ้าหากว่าบกพร่องน้อย เสียหายน้อยก็อาจจะโดนแค่คนตำหนิ บางทีก็ตำหนิไปถึงครูบาอาจารย์และวัดวาอาราม ว่าจัดงานแบบไหน ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาได้ ?


แต่ถ้าหากว่าเกิดความเสียหายใหญ่ อย่างเช่นว่ามีพระเถระหรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาในงาน แล้วไม่ได้รับความสะดวก เพราะว่าเราทิ้งงานไปที่อื่นเสียแล้ว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ก็จะทำให้ครูบาอาจารย์กลายเป็นที่เพ่งเล็ง ผู้บังคับบัญชาอาจจะเห็นว่าเป็นบุคคลที่ด้อยสมรรถภาพ แค่วัดวาอารามของตัวเองก็บริหารให้ดีไม่ได้ เมื่อขาดความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ต่อไปท่านก็ไม่กล้ามอบหมายหน้าที่อื่นให้รับผิดชอบอีก เป็นต้น

ส่วนอีกอย่างหนึ่งก็คือการเข้าทำบุญกับครูบาอาจารย์ในลักษณะแบบนี้ เมื่อมีผู้คนเป็นจำนวนมากควรที่จะเดินทำบุญ ก็คือเดินผ่านหน้าไป โดยที่หย่อนปัจจัยหรือว่าสิ่งของที่เตรียมไว้ลงในภาชนะที่รองรับ ทำบุญแล้วก็ออกไปอธิษฐานทางด้านนอก ไม่ใช่มาถึงตรงนั้นแล้วค่อยล้วงหาปัจจัย มานั่งอธิษฐานแล้วค่อยทำบุญ

ถ้าอย่างนั้น ท่านก็จะกลายเป็นผู้ที่ขวางทางบุญของคนอื่น เพราะว่าบุคคลอีกเป็นร้อยเป็นพันที่ตามหลังมา ก็ต้องสะดุดหยุดยั้งลง เพราะความล่าช้าและการทำบุญแบบไม่ฉลาดของท่าน

ถ้าหากว่านึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านตรัสว่า ฝูงวัวข้ามน้ำ จ่าฝูงนำทางตรง ฝูงวัวก็ต้องตามไปตรง จ่าฝูงนำทางคด ฝูงวัวก็ต้องคดตามไปด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าจ่าฝูงย่อมรู้ดีว่าสถานที่ตรงนั้นมีอันตราย หรือว่าน้ำลึกน้ำตื้นอย่างไร ถ้าเราไปทำผิดแผกจากส่วนรวมเมื่อไร ก็จะกลายเป็นทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนกันไปหมด เพราะว่ามาสะดุดหยุดยั้งด้วยความล่าช้าและขาดปัญญาในการทำความดีของพวกเรา

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ท่านทั้งหลายจะต้องใช้ปัญญาในการกระทำทุกอย่างให้เหมาะสมกับกาละเทศะ คำว่า กาละ คือ เวลาที่เหมาะสม เทศะ คือ สถานที่ที่เหมาะสม ถ้าท่านสามารถทำทุกอย่างได้เหมาะสมกับกาละเทศะ ก็จะทำให้งานการทุกอย่างมีความสะดวกคล่องตัว แต่ถ้าท่านขาดกาละเทศะเมื่อไร สิ่งที่ท่านทำก็อาจจะทำให้งานของคนอื่นเขาสะดุด หยุดยั้งล่าช้าลง แล้วท่านก็กลายเป็นผู้ที่ก่อกรรมโดยไม่รู้ตัว..!

สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2022 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว