กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 19-06-2022, 08:18
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,092 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-06-2022, 23:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพยังคงพักอยู่ที่โรงแรมเดอะ เมเปิล เรสิเดนซี่ วันนี้จะต้องเดินทางไปยังทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ซอมโก ซึ่งอยู่ในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ๓,๗๕๓ เมตร ถึงแม้ว่าทางด้านล่างนี้ อากาศจะอยู่ที่ ๑๙ องศาเซลเซียส แต่ว่าทางด้านบนทะเลสาบ น่าจะมีอากาศที่ลดต่ำลงไปอีกหลายองศา

ทางด้านคุณเอ (ฉัตตริน เพียรธรรม) หัวหน้าคณะทัวร์ของเรา ได้เตือนให้ทุกคนใส่เสื้อกันหนาวไปด้วย และขณะเดียวกันอากาศด้านบนนั้นค่อนข้างที่จะเบาบาง อย่าได้เคลื่อนไหวอะไรเร็ว ๆ ไม่เช่นนั้นถ้าเกิดเป็นโรคแพ้พื้นที่สูงขึ้นมาก็จะลำบากกันทั้งคณะ

สำหรับวันนี้ก็ขอเล่าเรื่องเมื่อวานนี้ ซึ่งได้ไปไหว้พระตามสถานที่ต่าง ๆ มากมายหลายแห่ง เพียงแต่ว่าอยู่ภายในเมืองกังต็อกนี้ทั้งหมด บางแห่งก็ได้รับการแถมเพิ่มเติมขึ้นมาจากทางด้านเอ็นซีทัวร์ ซึ่งต้องขอเจริญพรขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้

ช่วงเช้าพวกเราเข้าไปฉันเช้าที่ห้องอาหารของทางโรงแรม แล้วก็เห็นว่าทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนั้น ก็คือมีพระพุทธรูปตั้งอยู่กับพื้นในลักษณะเครื่องประดับ แม้ว่าโรงแรมนี้จะมีการตั้งพระพุทธรูป ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายานเอาไว้มากมายหลายองค์ก็ตาม แต่ว่าเป็นการทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งโรงแรมเท่านั้น ซึ่งตรงนี้ถ้าหากว่าไม่มีการกราบขอขมาด้วยความที่รู้สึกผิดอย่างแท้จริงแล้ว ก็จะเป็นโทษในการปรามาสพระรัตนตรัย ทำให้ปิดมรรคปิดผลไปเลย..!

เนื่องเพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาการเข้าถึงมรรคผลข้อแรกนั้น ก็คือการเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ๆ เคารพในพระธรรมจริง ๆ เคารพในพระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จึงได้แต่หวังว่าท่านเจ้าของโรงแรมคงจะรู้ตัวภายในเร็ววัน เพื่อที่จะได้แก้ไขทันในชาติปัจจุบันนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-06-2022 เมื่อ 22:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-06-2022, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อฉันเช้าเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว รอจนกระทั่งรถมารับ พวกเราก็เดินทางไปยังวัดรุมเต็กธัมมจักรา ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในนครรัฐสิกขิมนี้ และขณะเดียวกันก็เป็นวัดที่เก่าแก่มาก สร้างมาหลายร้อยปีแล้ว

แต่คราวนี้ทางด้านคุณสุเรศวร์ ผู้เป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่นกับคุณเอ (ฉัตริน เพียรธรรม) ต่างคนต่างก็ให้ข้อมูลตรงกันว่า วัดที่พวกเราหรือนักท่องเที่ยวทั่วไปเดินทางไปชมนั้น เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาใหม่ วัดรุมเต็กธัมมจักราที่เก่าอย่างแท้จริงนั้นอยู่อีกแห่งหนึ่ง เมื่อชมสถานที่วัดใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมของทุกคนแล้ว ก็จะพาไปพวกเราไปชมที่วัดเก่าเป็นการแถมให้อีกด้วย

เมื่อเราเดินทางมาถึงยังวัดรุมเต็กธัมมจักรา ปรากฏว่าเห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ คาดว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจหลายนายเฝ้าอยู่ที่ทางหน้าประตู โดยที่แจ้งว่าทางด้านวัดรุมเต็กธัมมจักรานี้ เป็นวัดของนิกายหมวกดำ หรือถ้าหากเรียกเป็นภาษาทิเบตก็คือนิกายกากิวปะ (Kagyupa)

นิกายหมวกดำนี้มีวัตรปฏิบัติต่างไปจากนิกายอื่นอยู่บ้าง จึงทำให้กลายเป็นเกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างนิกายขึ้นมา จนถึงขนาดมีการลงไม้ลงมือกัน ทางด้านเจ้าหน้าที่จึงต้องจัดกำลังมาเฝ้าวัดทั้งช่วงบนและช่วงล่างเอาไว้มากมายหลายนาย และขอตรวจกันอย่างเข้มงวดสักหน่อย

คุณสุเรศวร์จึงต้องไปทำหน้าที่ในการชี้แจง และมอบพาสปอร์ตของทุกคนให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยที่เจ้าหน้าที่ชี้ให้พวกเราเข้าไปยังร้านค้าจำหน่ายสินค้าที่ระลึก บอกว่าในระหว่างรอการตรวจสอบก็ให้ซื้อของไปพลาง ๆ ก่อน..!

เมื่อพวกเราผ่านการตรวจสอบแล้ว ยังไม่สามารถที่จะนำรถวิ่งตรงขึ้นไปที่ตัววัดได้
เพื่อความปลอดภัยด้วยประการทั้งปวงของฝ่ายเขาและฝ่ายเราจึงขอให้พวกเราเดินเท้ากันขึ้นไป พวกเราจึงต้องออกกำลังกายเดินขึ้นเนินไปเป็นระยะทางที่ยาวนับกิโลเมตรทีเดียว..!

เมื่อไปถึงตัววัดทางด้านบนแล้ว ผ่านเจ้าหน้าที่เข้าไปภายใน ซึ่งมีกฎเกณฑ์กติกาเหมือนกันหมดก็คือห้ามถ่ายรูป..! แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า คณะของเรานั้นมากับเจ้าแม่หลักเมืองนภิสราเทวี ซึ่งกระผม/อาตมภาพเรียกด้วยความหมั่นไส้ว่า "เจ้าแม่น้ำพริกสละ"..!

เมื่อ
"เจ้าแม่น้ำพริกสละ"ของเราจัดการให้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นสะดวกและง่ายดายไปหมด สามารถที่จะตั้งขบวนหรือว่ายืนถ่ายรูปกันอย่างเปิดเผยได้ โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ของเขานั้นทำเหมือนกับไม่รู้ไม่ชี้ หรือว่าไม่เห็นเสียอย่างนั้นแหละ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 05:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-06-2022, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถ่ายรูปในวิหารใหญ่จนครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว พวกเราก็ไปกราบไหว้พระสถูปทองคำ ซึ่งคำว่าสถูปทองคำในที่นี้ก็คือ สถูปที่หล่อด้วยโลหะแล้วปิดทอง ซึ่งบรรจุรูปหล่อของท่านกรรมาปะองค์ที่ ๑๖ เอาไว้ ซึ่งคำว่า กรรมาปะ นี้เป็นสมณศักดิ์ชั้นสูงของนิกายวัชรยานสายทิเบต รองลงมาจากดาไลลามะและปันเชนลามะเท่านั้น ถือว่าเป็นมหาเถระที่มีความสำคัญอย่างยิ่งรูปหนึ่ง

เมื่อพวกเราเข้าไปในสถานที่นั้น พระสถูปทองคำประดิษฐานอยู่ในห้องกระจกแคบ ๆ มีพระท่านยืนเฝ้าประตูอยู่ และเมื่อเข้าไปข้างในองค์สถูป พวกเราก็ได้เดินประทักษิณ แล้วก็ทำการบริจาค กระผม/อาตมภาพก็ถ่ายรูปตามจังหวะที่
"เจ้าแม่น้ำพริกสละ" แกบอก ซึ่งจังหวะที่บอกให้นั้น จะเป็นจังหวะที่ว่างจากสายตาเจ้าหน้าที่ด้วยประการทั้งปวง

เมื่อถ่ายรูปเสร็จ พวกเราหมดธุระแล้ว ก็ออกจากวัดนั้น เดินกลับลงไปเพื่อที่จะขึ้นรถในทางด้านล่าง แต่ว่าทันทีที่พวกเราออกจากตัววัด มวลหมู่เมฆหมอกทั้งหลายก็วิ่งมาชนิดที่ฟ้ามืดไปหมด..!

พวกกระผม/อาตมภาพ ๓-๔ คนเดินลงไปก่อน คุณสุเรศวร์มัคคุเทศก์ท้องถิ่นก็พาเข้าไปที่ร้านขายยา ซึ่งเขียนป้ายอย่างชัด ๆ ว่า Medical Store แต่ปรากฏว่าเป็นร้านขายอาหารและพวกน้ำดื่มต่าง ๆ ด้วย พวกเรานั่งรอจนคณะทั้งหมดมาพร้อมกันแล้ว จึงได้สั่งอาหารกลางวันมารับประทานกันก่อนเวลาถึงครึ่งค่อนชั่วโมงทีเดียว

อาหารที่สั่งมานั้น ตอนแรกก็มีโมโม่ใส่ไส้ ซึ่งมีจำนวนให้แต่ละคนก็มากถึงขนาด ๘ ลูกด้วยกัน ขนาดประมาณซาลาเปาลูกเล็ก แล้วก็ยังมีข้าวสวย ผัดผัก พร้อมกับอาหารอื่นที่ตามมาอีก ซึ่งน่าจะเป็นหมี่น้ำแบบทิเบต และอาหารอีกอย่างหนึ่งซึ่งรสชาติค่อนข้างเผ็ด อยู่ในลักษณะคล้าย ๆ กับน้ำพริก แต่ก็ไม่ใช่

แต่ละอย่างที่จัดมานั้น ความกว้างของจานเป็นฟุตทีเดียว..! ทำเอากระผม/อาตมภาพได้แต่ทำตาปริบ ๆ แต่ว่ายังโชคดีที่ว่ามีผู้ช่วย ก็คือสุนัขตัวหนึ่ง ซึ่งมาสะกิดสะเกาผูกมิตรตั้งแต่แรกแล้ว จึงให้ช่วยรับประทานในส่วนของอาหารที่มีลักษณะเหมือนอย่างกับหมูรวนเค็ม แต่ว่าเป็นหมูสามชั้นที่มีเนื้อนิดเดียว นอกนั้นเป็นไขมันล้วน ๆ เหมาะกับบุคคลทางด้านนี้ที่ต้องต่อสู้กับความหนาว แต่ว่าไม่ใช่กระผม/อาตมภาพแน่..!

เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นมาลาเรียเรื้อรังมาเกินสี่สิบปี ตับพังหมดแล้ว..! ไม่สามารถที่จะย่อยไขมันได้ เมื่อมีสุนัขเป็นผู้ช่วย จึงมอบให้เขากินไปหมดทั้งถ้วยเลย ส่วนโมโม่นั้นได้ฉันไปแค่ลูกเดียว แล้วมอบให้คุณสุเรศวร์ไปช่วยจัดการให้แทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 05:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-06-2022, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออิ่มแล้วพวกเราก็นั่งรถยนต์ตรงไปยังวัดรุมเต็กธัมมจักราเก่า มีกฎเกณฑ์กติกาเหมือนกันทุกประการก็คือห้ามถ่ายรูป พวกเราก็เชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง คือถ่ายรูปตามที่ "เจ้าแม่น้ำพริกสละ" ท่านบอกให้ถ่ายได้เท่านั้น..!

เมื่อชมสถานที่และบริจาคทำบุญกันจนครบถ้วนแล้ว ในส่วนนี้ที่ต้องกล่าวถึงก็คือ เขามีสถานที่หนึ่ง เป็นตัวอาคารที่สร้างขึ้นมา ๓๐๐ กว่าปีแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มสร้างวัด โครงอาคารเป็นไม้ แต่ว่าข้างฝานั้นเป็นไม้ไผ่สาน แล้วพอกด้วยดินเหนียว เป็นการสร้างอาคารในแบบเก่าแก่โบร่ำโราณ ช่วยป้องกันความหนาวได้อย่างดียิ่ง

เพียงแต่ว่ารอบบริเวณนั้น มีแต่ต้นหานช้างร้อง หรือบางคนก็เรียกว่า ต้นตะรังตังไก่เต็มไปหมด แล้วก็ยังมีต้นไม้ประหลาดอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ต้นดอกงูเห่า เมื่อออกดอกแล้ว มีลักษณะเหมือนกับงูที่ชูหัวขึ้นมา ซึ่งกระผม/อาตมภาพยังไม่เคยเห็นว่าในเมืองไทยจะมีอยู่

เมื่อพวกเราชมสถานที่เสร็จแล้ว ก็ได้ข้ามถนนไปยังพื้นที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นวัดเดียวกัน ตรงส่วนนั้นมีเอาไว้สำหรับสวดมนต์ไหว้พระในวันพระใหญ่เท่านั้น มีสิ่งสำคัญก็คือกงล้อมนต์ที่นี่เย็บหุ้มไว้ด้วยหนังจามรีแล้วถึงได้จารึกอักษร เป็นของที่เก่าแก่มาก และกุฏิเก่าอีกหลังหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันนี้ทำเป็นห้องเก็บของ เป็นกุฏิเก่าที่เป็นฝาไม้ไผ่สาน พอกด้วยดินเหนียวเช่นกัน

ออกจากวัดวัดรุมเต็กธัมมจักราเก่านี้แล้ว พลขับก็พาพวกเราวิ่งเลี้ยวซ้ายมือไปแค่ ๒ นาที ก็มาถึงที่หน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งประดิษฐานรูปหล่อของท่านกรรมาปะองค์ที่ ๑ และรูปหล่อของท่านมิลาเรปะ ซึ่งเป็นนักบวชที่มีชื่อเสียงมากของทางด้านทิเบต โดยเฉพาะนิกายกากิวปะนี้ พวกเราได้ถวายสักการะกันถ้วนหน้าแล้ว ก็พากันเดินทางกลับมาเพื่อที่จะเข้าชมสำนักแม่ชีที่ชื่อว่า กรรมา โชเกล

เมื่อเดินเข้าไปปรากฏว่ามีแต่หมาวิ่งมารับ..! บรรดาแม่ชีต่างง่วนอยู่กับการงานของตน ดูแล้วน่าอันตรายมาก เพราะว่าประตูก็เปิดไว้ แล้วหมานั้นก็ไม่ได้ดุเลยแม้แต่ตัวเดียว ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับคนแปลกหน้าอีกด้วย อาจจะมีมิจฉาชีพเข้ามาทำอันตรายได้ เพราะว่าสำนักนี้มีแต่บรรดาแม่ชีสาว ๆ แทบทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 20:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-06-2022, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงกำหนดเอาไว้ว่า ภิกษุณีนั้นต้องจำพรรษาอยู่ในวัดที่มีภิกษุ แต่ห้ามอยู่เขตเดียวกันกับภิกษุ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพื่อป้องกันอันตรายจากบุคคลที่จะมารังแก เพราะเห็นว่าเป็นแต่ผู้หญิงเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ที่สำนักนี้จึงอาจจะมีอันตรายขึ้นมาได้ เหตุเพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่อยู่กันตามสบาย ก็คือไม่ได้มีการป้องกันอันตรายใด ๆ เลย

หลังจากที่ชมสำนักแม่ชีและถ่ายรูปจนหมด ไม่ว่าจะห้ามหรือไม่ห้ามก็ตาม พวกเราก็เดินทางย้อนกลับเข้ามาในตัวเมืองกังต็อก ตรงไปยังสถาบันชาติพันธุ์ทิเบตศึกษา ภายในนั้นมีพิพิธภัณฑ์แสดงสิ่งของต่าง ๆ ของชนชาติทิเบต ที่เป็นของเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก พวกเราซื้อตั๋วแล้ว เมื่อฟังบรรยายจบก็ได้เข้าไปชมสิ่งของยังด้านใน

กระผม/อาตมภาพก็ฟังผู้กำกับ คือ
"เจ้าแม่น้ำพริกสละ" ที่คอยบอกว่าสามารถที่จะถ่ายรูปตรงจุดไหน และเวลาไหนได้บ้าง เมื่อแม่เจ้าประคุณให้สัญญาณนั้น ต่อให้มีคนเดินเข้าออกกันพลุกพล่านขนาดไหนก็ตาม ก็จะเป็นจังหวะที่ปลอดคนและปลอดสายตาพอดีทุกครั้ง ต้องบอกว่าแม่เจ้าประคุณนั้นสามารถที่จะจัดการได้สุดยอดมาก อยากจะชมเชยต่อหน้าก็เกรงว่าจะเหลิงและเกรงใจ..!

เมื่อพวกเราชมสถานที่ภายในเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพเห็นร้านขายของที่ระลึก จึงเดินเข้าไปดูแล้วก็ติดใจวัชระอยู่ ๒ ชิ้น ซึ่งชิ้นแรกนั้นเป็นวัชระที่หัวท้ายเป็นตัววัชระจริง ๆ อีกชิ้นหนึ่งนั้น เป็นวัชระที่ต่อลงมาเป็นลักษณะของกริช ทั้ง ๒ ชิ้นแกะสลักมาจากแก้ว (หินเขี้ยวหนุมาน) ล้วน ๆ ซึ่งดูแล้วอันตรายมาก เพราะว่ามีโอกาสที่จะแตกหักได้ แต่ว่าแก้วชนิดนี้นั้นสามารถบรรจุพลังมนตราอาคมต่าง ๆ ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อได้จับ ๆ คลำ ๆ แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ตัดสินใจซื้อชิ้นที่สั้นกว่า ในราคา ๑๕,๐๐๐ รูปี อีกชิ้นหนึ่งที่ไม่ซื้อนั้น ยาวประมาณคืบเศษ ๆ นั้น ราคา ๒๑,๐๐๐ รูปี แต่อาจจะมีการกระทบกระทั่งระหว่างเดินทาง และทำให้แตกหักได้ง่ายกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 06:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 20-06-2022, 00:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,144 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยและรับของที่ห่อเป็นอย่างดีมาแล้ว มัคคุเทศก์ของเราก็พาไปตรงมุมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีอิฐก้อนหนึ่งทาสีทองเอาไว้โดดเด่นมาก บอกว่าเป็นอิฐปฐมฤกษ์ที่องค์ดาไลลามะองค์ที่ ๑๔ เสด็จมาวางศิลาฤกษ์ในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

เมื่อเดินย้อนออกมาทางด้านประตูหน้าของสถาบันทิเบตศึกษา แล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นเนินไปประมาณ ๕-๖ นาที เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์แห่งสันติภาพ (Peace Pagoda) กระผม/อาตมภาพฉวยโอกาสเดินจงกรมภาวนารอบองค์พระเจดีย์ อธิษฐานจิตเสกวัชระที่เพิ่งซื้อมาไปด้วย แล้วก็ได้เข้าไปดูการสวดมนต์ทำวัตรของพระภิกษุสงฆ์ทิเบต ซึ่งประกอบด้วยกลอง ดนตรี และแตรต่าง ๆ ซึ่งเขาอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ด้วย

เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็มีการถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก แล้วเดินย้อนกลับมาขึ้นรถ ซึ่งก็เป็นไปตามปกติที่
"เจ้าแม่น้ำพริกสละ" จัดให้ ก็คือขึ้นรถเมื่อไรก็แปลว่าฝนตกทันที..!

คุณเอ (ฉัตริน เพียรธรรม) หัวหน้าคณะจากเอ็นซีทัวร์
ได้บอกว่า พรุ่งนี้พวกเราจะต้องไปยังทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่สูง อากาศจางมาก วันนี้จึงให้พวกเราพักผ่อนกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งคำว่าตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้นก็คือ พวกเราเดินทางกลับถึงที่พักประมาณบ่าย ๓ โมงเท่านั้นเอง

กระผม/อาตมภาพได้ส่งงานต่าง ๆ ให้กับทางเว็บไซต์วัดท่าขนุน และทางด้านเฟซบุ๊กวัดท่าขนุนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้สรงน้ำ เปลี่ยนผ้า เตรียมตัวที่จะพักผ่อน รอเวลาการเดินทางไปยังทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งบรรดาคนทิเบตและพุทธศาสนิกชนสายมหายานทั้งหลาย ต่างพากันไปเดินจงกรมรอบทะเลสาบกันเป็นว่าเล่น

ทะเลสาบนี้จะมีลักษณะเป็นอย่างไร จะได้นำมาเล่าถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมทั้งหลายที่รอฟังอยู่ในวันต่อไป สำหรับวันนี้ก็ขอจบเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนไว้แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2022 เมื่อ 20:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว