กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-06-2022, 19:29
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,095 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-06-2022, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ์ พระบรมราชินี ในนามคณะศิษย์วัดท่าขนุน ขอถวายพระพร..ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

กิจกรรมของพวกเราในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ คือการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๔/๒๕๖๕ แล้วยังมีการเจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล และงานภาวนาพระคาถาเงินล้านถวายเป็นพระราชกุศลอีกด้วย ก็แปลว่าเราจะมีกิจกรรมต่อเนื่องกันตลอดทั้ง ๓ วัน ซึ่งทั้ง ๓ วันนี้ พวกเราเองไม่ได้มีกิจกรรมอื่นนอกวัด ยกเว้นเมื่อเช้านี้ที่กระผม/อาตมภาพต้องไปร่วมงานถวายพระพรกับทางที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ

คราวนี้การที่ท่านทั้งหลายมาปฏิบัติธรรม ทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงวันหยุดยาว สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้เลยคือ สิ่งที่เราทำนั้นเป็นการทวนกระแสโลก การทวนกระแสโลกนั้น สถานเบาก็คือตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน โดนเขานินทาว่าร้าย หลายรายทนปากชาวบ้านไม่ได้ ก็เลิกทำความดีไปเลย

อีกประการหนึ่งก็คือ มารทั้งหลายจะอาศัยคนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขัดขวางไม่ให้เราก้าวถึงความดีตามที่ต้องการ โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด จะสร้างความสะเทือนใจให้กับเราได้มากที่สุด ซึ่งบางทีเขาทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่รู้เลยว่าตนเองทำอะไรลงไป เพราะว่าเป็นการดลใจของมารล้วน ๆ

ถ้าเป็นส่วนนี้ ท่านทั้งหลายต้องอาศัยสติปัญญาและความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด ถึงจะฝ่าฟันผ่านไปได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะท้อถอยเสียก่อน โดยเฉพาะคนครอบครัวเดียวกัน เป็นอุปสรรคบั่นทอนกำลังใจของเราได้มาก และอาจจะถึงมากที่สุด..!

จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจอยู่กับการปฏิบัติธรรม อย่างชนิดที่ต้องยอมเอาชีวิตเข้าแลก ไม่เช่นนั้นแล้วยากนักที่จะผ่านไปได้ ยกเว้นว่าเราทำในลักษณะแก้บน ก็คือได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2022 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-06-2022, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าวางกำลังใจในลักษณะนี้ ก็เป็นไปได้ ๒ ทาง อย่างแรกคือหาความก้าวหน้าอะไรไม่ได้เลย อย่างที่สอง ไปลงล็อกเป็นสังขารุเปกขาญาณ สร้างความก้าวหน้าให้กับตัวเองแบบพรวดพราด เพราะว่าสังขารุเปกขาญาณนั้นเป็นวิปัสสนาญาณระดับที่สูงมาก ถามว่ามากแค่ไหน ? ก็เป็นอันว่ามากก็แล้วกัน

อีกส่วนหนึ่งที่ไม่อยากให้ทุกคนลืมก็คือ การปฏิบัติธรรมของเราที่เป็นการทวนกระแสโลก ก็เหมือนกับการว่ายทวนน้ำ ต่อให้เหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ก็จำเป็นที่จะต้องจ้วงเอาไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วจะโดนกระแสโลกพัดพาไป ทำให้การปฏิบัติธรรมของเรานั้นไม่เกิดผล ยิ่งถ้าหากว่าผ่านไปหลาย ๆ เดือน หลาย ๆ ปี ไม่มีอะไรดีขึ้นมาจากการปฏิบัติธรรมเลย เราก็จะท้อถอยและหมดกำลังใจ

อย่างที่เคยบอกกล่าวให้หลายท่านฟังไปแล้วว่า ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น เมื่อแรกเริ่มในการปฏิบัติธรรม โดยเน้นจะเอามรรคเอาผลกันจริง ๆ ก็เป็นเวลาที่ปฏิบัติมาหลายปีแล้ว ก็คือผ่านไปถึง ๑๑ ปีด้วยกัน กว่าที่จะรู้สึกว่าในเรื่องของสมาธิ สมาบัติอะไรต่าง ๆ ที่อุตส่าห์ทำกันแทบล้มประดาตาย เป็นเรื่องที่เกินต้องการ

กำลังใจที่เราทั้งหลายต้องการนั้น อันดับแรกเลย อยู่แค่ปฐมฌานละเอียดก็พอ เพราะว่ามีกำลังเพียงพอที่จะตัดกิเลสเป็นพระโสดาบัน หรือเป็นพระสกทาคามีได้ ยกเว้นว่าต้องการมากกว่านั้น ก็ต้องเอาให้ถึงฌาน ๔ เนื่องจากว่าพระอริยเจ้าระดับต่อไปก็คือพระอนาคามี ซึ่งสามารถละโลภ โกรธ ลงได้อย่างเด็ดขาด

คราวนี้อย่าลืมว่าราคะกับโลภะ สองอย่างนี้คือตัวเดียวกัน เพราะเราเกิดราคะ คือความยินดีในสิ่งนั้น ๆ จึงเกิดโลภะ ความอยากมี อยากได้ขึ้นในใจ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตัวเราเองที่เป็นนักปฏิบัติธรรม ถ้าต้องการความเป็นพระอริยเจ้าในระดับพระอนาคามีขึ้นไป ต้องได้ฌาน ๔ ละเอียดเท่านั้น ฌาน ๔ หยาบก็ยังไม่ไหว เพราะว่าต้องตัดราคะและโทสะ ที่เป็นกิเลสใหญ่ ๒ ตัวลงให้ได้ ถ้ากำลังไม่ถึงระดับนั้น เราก็เอาไม่อยู่ โดนกิเลสตีหงายท้องทุกราย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2022 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-06-2022, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่คราวนี้ในระยะแรกเริ่มที่กระผม/อาตมภาพปฏิบัติธรรม ด้วยหวังที่จะได้ปฐมฌานนั้น เป็นการทำแบบเอากิเลสนำหน้า เอาตัณหานำทาง ก็คือทำเพราะอยากได้ เมื่อสักครู่นี้เราได้ฟังแล้วว่าต้อง "สักแต่ว่าทำ" แต่คราวนี้ของกระผม/อาตมภาพไม่ได้สักแต่ว่าทำ แต่เป็นการทำเพราะอยากได้จริง ๆ อยากได้ถึงขนาดที่ว่า ไปค่อย ๆ ตามจี้ดูทีละขั้นตอน

ตอนนี้วิตกนะ..เรานึกคิดตรึกอยู่ว่าจะภาวนา ตอนนี้วิจารนะ..ลมหายใจพร้อมกับคำภาวนา ผ่านจมูก ผ่านอก ลงไปถึงท้อง ออกจากท้อง ผ่านอก มาถึงปลายจมูก ตอนนี้ปีตินะ..เริ่มมีอาการขนลุกแล้ว เมื่อไปตามดูใกล้ชิดจนเกินไป ความดีที่เหมือนอย่างกับคนขี้อายก็เลยไม่โผล่มาเสียที วันก็แล้ว เดือนก็แล้ว ปีก็แล้ว ๒ ปีก็แล้ว ๓ ปีก็แล้ว มั่นใจได้เลยว่าถ้าญาติโยมทั้งหลายทำอะไร ๓ ปีต่อเนื่องแล้วไม่เกิดผล ต้องเลิกกันหมดแน่นอน แต่ไม่ใช่กระผม/อาตมภาพ

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะมั่นใจว่าถ้าเราทำถูก ต้องได้ แต่นี่เรายังทำไม่ถูก ถึงไม่ได้ แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าไม่ถูกตรงไหน ๓ ปีผ่านไป เหนื่อยทั้งกาย เหนื่อยทั้งใจ ท้ายสุดก็ตัดสินใจว่า เอ้า..จะได้หรือไม่ได้ก็ช่างหัวมัน เรามีหน้าที่ภาวนาก็แล้วกัน โป๊ะเดียวลงร่องเลย..ได้เดี๋ยวนั้นเลย..! เพราะว่าที่ผ่านมาใช้กำลังใจเกินต้องการ ในเมื่อลดกำลังใจลงมาว่าได้หรือไม่ได้ก็ช่างมัน ก็ได้เดี๋ยวนั้นเลย

ถึงได้บอกกับทุกคนว่า ถ้าเราปฏิบัติโดยเอากิเลสนำหน้า ตัณหานำทาง โอกาสที่จะได้ก็ไม่มี ทำเหมือนกับแก้บน โอกาสที่จะได้ก็ไม่มี แต่ถ้าวางกำลังใจว่าเรามีหน้าที่ปฏิบัติธรรม ส่วนจะได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของมัน ถ้าวางกำลังใจถูกต้องจริง ๆ โอกาสที่จะได้ดีมีสูงมาก เพราะว่าการปฏิบัติธรรมทุกขั้นตอนต้องมีอุเบกขา คือการปล่อยวาง คราวนี้อุเบกขาตัวนี้ก็คือ "ช่างมัน"

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติไปแล้ว ต่อให้เกิดผลแต่ว่าเสื่อมลง หรือว่าทำเท่าไรก็ไม่เกิดผลเสียที ท้อใจเต็มทีแล้ว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเราปฏิบัติแล้วรักษาอารมณ์ไว้ไม่ได้ ปล่อยให้สิ่งที่เราทำได้รั่วออกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รั่วหมดทุกทางเลย ก็คือเมื่อเลิกการปฏิบัติ ก็เลิกรักษาอารมณ์ไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2022 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-06-2022, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อย่าลืมว่าเราทวนกระแสโลกเหมือนคนว่ายทวนน้ำ ปล่อยมือเมื่อไรก็ไหลตามน้ำไปทันที ยิ่งทิ้งเอาไว้นานก็ยิ่งไหลไกลมาก เพราะฉะนั้น..หลายท่านที่เกิดอาการจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก กว่าที่จะกลับคืนมาเหมือนเดิมได้นี่ ต้องบอกว่าใช้ระยะเวลาและความเพียรพยายามที่ยาวนานมาก เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วก็คืออยากได้ดีเหมือนเดิม กลายเป็นเอากิเลสนำหน้าอีกแล้ว

ดังนั้น..เพื่อไม่ให้พลาดตรงจุดนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำได้เท่าไร ต้องตั้งสติประคับประคองอารมณ์นั้นไว้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ แรก ๆ ก็ได้ไม่กี่นาที ก็พังไปตามระเบียบ หลังจากนั้นแล้วก็จะได้เป็นชั่วโมง เป็นครึ่งวัน เป็น ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน ๔ วัน ๕ วัน ๖ วัน ๗ วัน ๑๐ วัน ครึ่งเดือน ๑ เดือน ๒ เดือน ฯลฯ

ยิ่งกำลังใจของเราสะอาด รักษาระดับเอาไว้ได้มากเท่าไร ปัญญาก็จะเกิดขึ้นมากเท่านั้น แล้วเราก็จะรู้ว่าควรที่จะหลบ จะเลี่ยง จะรักษาอารมณ์อย่างไร จึงทำให้ตนเองเกิดความก้าวหน้าขึ้น

สิ่งทั้งหลายที่บอกกล่าวพวกเราในวันนี้เพื่อให้รู้ว่า ที่เราทำดีแล้ว ยังเอาดีไม่ได้ทุกวันนี้นั้น ข้อบกพร่องอยู่ตรงไหน แล้วกลับไปแก้ไข ถ้าหากว่าทำได้ ก็จะเหมือนกับทีมวอลเล่ย์บอลสาวไทย ก่อนหน้านี้มี "บ่อน้ำมัน" "ทะเลสาบ" เต็มทีมไปหมด คู่ต่อสู้จะตบ จะหยอดตรงไหนลงหมด แต่เดี๋ยวนี้คู่ต่อสู้กว่าจะได้สักแต้มหนึ่งก็ต้องสู้กันจนเหงื่อตกกีบ แล้วแถมยังแพ้ให้ทีมไทยอีกด้วย

เพราะว่าทีมสาวไทยรู้จักแก้ไขกำจัดจุดอ่อนของตนเอง รู้ว่าตัวเตี้ย ก็พยายามกระโดดให้สูงหน่อย รู้ว่าตบไปเขารับได้ ก็เปลี่ยนเป็นหยอดแทน รู้ว่าเซ็ตเมื่อไรพวกเราต้องกระโดดตบ อีกฝ่ายหนึ่งก็จะเตรียมบล็อก ก็เซ็ตข้ามเน็ตไปเลย

การปฏิบัติธรรมก็ลักษณะเดียวกัน ต้องพยายามปรับปรุงแก้ไขตนเองอยู่เสมอ ถ้าเรารู้จักสังเกต จะเห็นว่าการปรับปรุงแก้ไข ทำให้มีความก้าวหน้าเป็นขั้น ๆ จากปุถุชนคนหนาด้วยกิเลส ก็เริ่มมีศีลมาตีกรอบ ไม่ให้กิเลสอาละวาดมาก กลายเป็นกัลยาณชน ถ้าหากว่าปฏิบัติเข้าที่ ถูกทาง ก็เริ่มกลายเป็นอริยชนขั้นต้น ถัดไปก็ขั้นกลาง และท้ายสุดก็ขั้นปลาย หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2022 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว