กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-04-2022, 17:37
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,937 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-04-2022, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กิจกรรมสำคัญก็คือเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ พระเดชพระคุณพระเทพสุวรรณโมลี (แคล้ว อุตฺตโม ป.ธ.๗) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๕ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี

เหตุที่เดินทางไปนั้น เนื่องจากว่าท่านเจ้าอาวาสรูปใหม่ถัดจากพระเดชพระคุณพระเทพสุวรรณโมลีนั้น ก็คือพระครูวาทีวรวัฒน์, ดร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระอุปัชฌาย์มาด้วยกัน กระผม/อาตมภาพในฐานะใดฐานะหนึ่ง ก็จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปร่วมงานด้วย อย่าว่าแต่...ยังเป็นฎีกาของกองพิธีการ กรมการศาสนา ซึ่งเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า ฎีกาหลวง เพื่อที่จะไปพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลโดยเสด็จพระราชกุศล

ตรงจุดนี้ ต้องบอกว่าเป็นงานที่อย่างไรเสียก็ปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะมีงานใดงานหนึ่งที่สำคัญขนาดไหนก็ตาม งานหลวงต้องมาก่อน ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวเอาไว้แล้วว่า ถ้าหากว่างานคณะสงฆ์มาถึง กระผม/อาตมภาพก็จะต้องทิ้งงานของญาติโยมไป แต่ถ้าหากว่ามีงานหลวงมาถึง กระผม/อาตมภาพก็ต้องทิ้งงานคณะสงฆ์ ซึ่งเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องลำดับความสำคัญของงานให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้วจะเกิดความเสียหายมาก โดยเฉพาะงานหลวงนั้น ถ้าผิดพลาดอะไรขึ้นมา ก็จะมีข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรออยู่..!

พวกเราทั้งหลายที่เป็นพระเถรานุเถระ ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักชัด ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าหากว่าผิดพลาดไป โอกาสที่ท่านทั้งหลายจะแก้ตัวได้มีน้อยสุด ๆ เนื่องเพราะว่าการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ถ้าหากว่าเป็นสมัยเป็นโบราณที่มีการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์แล้ว มีโอกาสหัวขาดอย่างแน่นอน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2022 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-04-2022, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกลับมาจากงานพิจารณาผ้าไตรบังสุกุลโดยเสด็จพระราชกุศล ก็โดน "พี่กู" หรือว่า "กูเกิ้ลแม็พ" พาเดินทางเข้าป่าเข้าดงไปเรื่อย ซึ่งเป็นนิสัยของ "พี่กู" ที่ชอบอวดความรู้ความสามารถ โดยการพาไปทางลัดที่ถือว่าใกล้ที่สุด แต่ไม่ค่อยจะดูว่าสภาพของทางควรที่จะไป หรือไม่ควรที่จะไป เห็นเป็นทางลัดก็กำหนดให้ไปแล้ว

ตรงจุดนี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยของเรานั้นอุดมสมบูรณ์จริง ๆ สมกับเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของอาเซียนและของโลก เพราะว่าพืชผักผลไม้ต่าง ๆ ตลอดเส้นทางนั้นอุดมสมบูรณ์มาก และในขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลก็ตัดถนนเข้าไปจนแทบจะทั่วถึง ถ้ามีการขนส่งพืชผักผลไม้ออกสู่ตลาด ก็จะได้รับความสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะทางลัดจากจังหวัดเพชรบุรีมาจังหวัดราชบุรี แล้วจากจังหวัดราชบุรีมายังจังหวัดกาญจนบุรีนั้น บางเส้นทาง กระผม/อาตมภาพไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำไป แต่ก็ยินดีที่จะวิ่งไปตามคำแนะนำของ "พี่กู" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า จะได้รู้จักบ้านเมืองแถวนั้นว่าเป็นอย่างไร มีความเจริญหรือว่าไม่เจริญอย่างไรบ้าง

อีกส่วนหนึ่งที่เห็นก็คือว่า ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ป่าและเขาซึ่งมีที่ราบไม่มาก แต่บรรดาที่ราบนั้นมักจะเป็นรีสอร์ทบ้าง เป็นบ้านพักส่วนตัวบ้าง ซึ่งตรงจุดนี้แปลว่าบุคคลในพื้นที่จริง ๆ นั้น มีโอกาสที่จะทำอย่างนั้นน้อยมาก แต่มักจะเป็นบุคคลจากในเมืองหรือว่าในกรุงเทพฯ ไปซื้อพื้นที่เอาไว้ แล้วทำการลงทุน

ในส่วนที่ท่านทั้งหลายลงทุนเพื่อให้ก่อเกิดกำไรนั้น ในเรื่องของรีสอร์ทหรือว่าโฮมสเตย์ ก็ต้องถือว่าเป็นกิจการอย่างหนึ่งที่สมัยก่อนนั้นทำรายได้ให้ดีมาก ทว่าตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดเมื่อปลายปี ๒๕๖๒ มาจนถึงปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวของบ้านเราก็ตกลงไปมาก รายได้ต่าง ๆ ที่จะเข้ามาเสริมก็น้อยลง แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วบรรดารีสอร์ทก็มักจะปลูกพืชผักผลไม้เอาไว้ เพื่อช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2022 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-04-2022, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้ในช่วงที่ภาวะสงครามและภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ประเทศต่าง ๆ ที่จะปลูกพืชปลูกผักก็เป็นไปได้น้อย ถ้าหากว่าทางรัฐบาลของเรา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่น ข้าราชการในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลก็ดี เทศบาลก็ดี หรือว่าทางอำเภอ ทางจังหวัดก็ตาม มีการสนับสนุน หาตลาดให้ หรือว่าช่วยแนะนำตลาดที่สมควรจะจำหน่าย หรือไม่ก็หาปุ๋ย หายาฆ่าแมลง ในลักษณะของการจัดรวมตัวเป็นสหกรณ์ ก็จะทำให้ญาติโยมทั้งหลายที่ทำอาชีพเกษตรกรเหล่านี้ สามารถที่จะลดต้นทุนลงไปได้มาก แล้วในขณะเดียวกัน เมื่อทำออกมาแล้วมีตลาดให้จำหน่ายได้ ก็ทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีกำลังใจที่จะกระทำอาชีพนี้กันต่อไป

ญาติโยมทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ประเทศของเรานั้นเป็นประเทศเกษตรกรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ นั้น ก็เน้นในเรื่องของการเกษตร เพราะว่าถ้าเราทำในเรื่องของพืชผลการเกษตร ปลูกข้าว มีแหล่งน้ำ มีพืชผักระยะสั้น มีพืชผลระยะปานกลาง มีผลไม้ยืนต้นที่สามารถจำหน่ายได้ระยะยาว เราจะลำบากในการลงทุนไม่เกิน ๓ ปี ๕ ปี เมื่ออยู่ตัวแล้ว เราก็จะมีกินตลอดไป ถ้าหากว่าเหลือจากกิน เราค่อยเอาไปจำหน่าย หารายได้เข้ามาเสริมครอบครัวของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายซึ่งมีที่ดินอยู่ ในขณะที่ทางประเทศอื่น ๆ มัวแต่รบราฆ่าฟันกัน เราก็ควรที่จะรีบในการปลูกพืชผักสวนครัว ตลอดจนกระทั่งพืชผลการเกษตรอื่น ๆ โดยกำหนดพืชอายุสั้น ในเวลาไม่กี่วันก็กินได้ พืชอายุปานกลาง อย่างเช่น ๓ เดือน ๖ เดือน ๑ ปีก็เก็บกินได้ แล้วในขณะเดียวกัน พืชผลยืนต้นที่ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย ๓ ปี ๕ ปีถึงจะให้ผล พร้อมกันนั้นเมื่อมีแหล่งน้ำ เราก็เลี้ยงปลาด้วย เลี้ยงไก่บนบ่อปลาด้วย เราก็จะมีอาหารโปรตีนจากปลา จากไข่ จากไก่ เข้ามาเสริมกับพืชผักผลไม้ที่มีอยู่

ความมั่นคงทางอาหารเป็นความมั่นคงอย่างแท้จริง ต่อให้เขารบราฆ่าฟันกันขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าเราเดินออกไปรอบบ้าน แล้วสามารถเก็บกินได้ เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพึ่งพาคนอื่นเขา

ตรงส่วนนี้องค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงคิดเอาไว้อย่างรอบคอบแล้ว เพียงแต่ว่าท่านทั้งหลายส่วนหนึ่งนั้นไม่ชอบงานหนัก กลัวเหนื่อยกลัวยากลำบาก แล้วก็มักจะไปกู้เงิน เพื่อที่จะไปประกอบกิจการลงทุนที่เห็นผลในระยะสั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2022 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-04-2022, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่ท่านทั้งหลายลืมไปว่า สมัยที่บรรพบุรุษของเราส่วนหนึ่ง หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากประเทศจีนนั้น บางทีก็มาแต่ตัว แทบจะไม่มีเงินติดมาเลย นอกจากค่าเรือ เมื่อมาถึงก็พยายามที่จะหางานทำ อดออม เก็บเงิน จนกระทั่งได้มาก้อนหนึ่ง ก็เริ่มลงทุนจากกิจการเล็ก ๆ ก่อน

การลงทุนนั้นไม่ได้กู้ยืมใครมา แต่เป็นในลักษณะที่ว่า "สู้แค่หน้าตัก" คือมีเท่าไรก็ลงทุนแค่นั้น ในลักษณะนี้ถ้ามีความผิดพลาดขึ้นมา เราก็แค่หมดตัว แต่ว่าไม่มีหนี้สิน

แต่ว่าเศรษฐศาสตร์สมัยใหม่นั้น กรอกหูพวกเราจนเชื่อว่า "การมีหนี้สินนั้นถือว่าเป็นผู้มีเครดิต มีความน่าเชื่อถือ" แล้วก็ยัดเยียดหนี้สินมาให้พวกเราเป็นภาระอยู่ตลอดเวลา หนี้สินตรงนี้ก็คือสินค้าเงินผ่อนทั้งหลายทั้งปวง ตลอดจนกระทั่งเงินที่เรากู้ยืมมาลงทุน ถ้าหากว่าเราผิดพลาดในการลงทุน นอกจากเราจะหมดตัวแล้ว ยังมีหนี้สินก้อนใหญ่รออยู่ข้างหน้า..!

ดังนั้น...ท่านทั้งหลายที่พอจะมีปัญญาอยู่บ้างก็ย่อมมองเห็นว่า สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ อุตส่าห์คิดค้นมาเพื่อพวกเรานั้นถือว่าเลิศที่สุดแล้ว แต่ถ้าหากว่าเรายังกลัวเหนื่อย ยังคิดที่จะลงทุนแล้วเอาความรวยเร็วเข้าว่า ขาดความอดทน อดกลั้น อดออม ถึงเวลาที่เรามีหนี้ก้อนใหญ่ กลายเป็นหนี้ครัวเรือนที่ไปซ้ำเติมสภาวะของประเทศชาติ ซึ่งแบกหนี้เงินกู้จนชนเพดานแล้วให้หนักเข้าไปอีก นอกจากตัวเราจะเอาตัวไม่รอดแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติให้หนักขึ้นไปอีกด้วย

แค่การวิ่งผ่านทุ่งนาป่าเขา เห็นสภาพของนาไร่เรือกสวนแล้ว กระผม/อาตมภาพก็คิดฟุ้งซ่านไปใหญ่โตได้ขนาดนี้ เสียดายที่ว่าทางวัดท่าขนุนนั้น มีพื้นที่เหลือน้อย แม้กระทั่งแปลงเกษตรสาธิตเศรษฐกิจพอเพียง ก็ยังต้องยืมญาติโยมในชุมชนวังท่าขนุนมาใช้งาน โดยที่ทางวัดเข้าไปทำตัวอย่างให้ดูว่า การปลูกพืชผลการเกษตรโดยที่เราไม่ได้หวังเอากำไรนั้น ต้องทำในลักษณะอย่างไร ซ้ำยังอนุญาตให้คนในชุมชนไปเก็บกินได้ตลอดเวลาอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2022 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-04-2022, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนพื้นที่ของวัดนั้นก็กระผม/อาตมภาพขอสงวนเอาไว้ เพื่อให้มีต้นไม้เป็นร่มเงา "เป็นปอดของส่วนรวม" อยู่ในลักษณะของสวนสาธารณะกลาย ๆ แต่ว่าน่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ ถ้าท่านทั้งหลายขึ้นยอดเขาพระพุทธเจติยคีรี แล้วมองไปรอบพื้นที่วัด ก็จะเห็นว่าจุดของวัดนั้นกลายเป็นเกาะ ก็คือเป็นป่าเขียว ๆ อยู่แค่หย่อมเดียวเท่านั้น

ถ้าหากว่าเราปลูกต้นไม้กันคนละต้น ปลูกพืชผักเอาไว้กิน เพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนสักเล็กน้อย ไม่ว่าจะปลูกในถ้วย ในถัง ในกะละมัง หรือว่าในรางก็ตาม ก็จะสามารถที่จะบรรเทาค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของเรา ให้ลดน้อยถอยลงไปได้มาก

วันนี้ที่บอกกล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้น ก็คือเรื่องของสัมมาอาชีพ สัมมาอาชีพนั้นก็คือการที่เราไม่กระทำในมิจฉาวณิชา คือการค้าขายในทางที่ผิด ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่ามี ๕ อย่างคือ การขายมนุษย์ การขายอาวุธ การขายยาพิษ การขายสุรา การขายสัตว์ที่มีชีวิต ซึ่งบุคคลที่เป็นพุทธมามกะ ถ้าหากว่าไปทำอาชีพทั้งหลายเหล่านี้ก็จะเสี่ยงต่อการละเมิดศีล ละเมิดธรรมนั่นเอง

วันนี้ฟุ้งซ่านไปในเรื่องของสัมมาอาชีพ ก็เพราะว่าเห็นว่า สภาวะของประเทศชาติของเราก็เพียบหนักเต็มทีแล้ว สภาพของโลกก็เต็มไปด้วยสงคราม เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าท่านทั้งหลายจะรีบกระทำในสิ่งที่ช่วยให้ตนเองยืนหยัดอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอกมากเท่าไร เราก็จะเป็นผู้ที่มีทุกข์น้อยเท่านั้น

วันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และเจริญพรบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2022 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว