กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 07-10-2021, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,757 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นั่งปฏิบัติสมาธิแล้วก็มีลมมาปะทะไปวูบหนึ่ง ประมาณว่าเป็นวิญญาณ วิญญาณเป็นเช่นไร ทำไมถึงเรียกว่าวิญญาณ ? วิญญาณเป็นตัวทุกข์ได้หรือไม่ ? ถ้าเป็นตัวทุกข์จริงแล้วเกี่ยวข้องกับขันธ์ ๕ ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ขออนุญาตนะครับ หลวงพ่อชัยชนะ พุทฺธเมธี เมตตาถามปัญหามา ซึ่งเป็นปัญหาที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายส่วนมากเข้าใจผิดกันมาตลอด

คำว่า วิญญาณ ในขันธ์ ๕ นั้น คือประสาทความรู้สึกของร่างกายเรา ส่วนวิญญาณที่ชาวบ้านคิดถึงทั่ว ๆ ไปนั้น ก็คือสภาพจิตที่เวียนว่ายตายเกิดไปตามภพภูมิต่าง ๆ ตามเวรตามกรรมที่ตนเองสร้างมา หรือถ้าหากในความหมายง่าย ๆ ที่ชาวบ้านเรียกก็คือผี..!

ดังนั้น...ในส่วนนี้เราต้องแยกให้ออกว่า ถ้าตามความหมายในภาษาบาลี วิญญาณคือประสาทความรู้สึกในร่างกายเรา แต่ถ้าหากว่าเป็นวิญญาณในความรู้สึกของชาวบ้านก็คือผีนั่นเอง ถ้าเป็นวิญญาณประเภทนี้มีความทุกข์เป็นปกติครับ เพราะว่าวิญญาณประเภทนี้คือจิต ซึ่งเป็นตัวรับรู้และบันทึกการรู้ต่าง ๆ รวมทั้งการรู้สุขทุกข์ด้วย

ในส่วนที่หลวงพ่อบอกว่า ถึงเวลาแล้วรู้สึกเหมือนมีลมมาปะทะ ถ้าเรารู้สึกเช่นนั้น แล้วเกิดความข้องใจว่าจะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม ให้ท่านตั้งใจว่า "กุศลบารมีที่เราสร้างมาตั้งแต่ต้นจวบจนบัดนี้ ตลอดจนกระทั่งกุศลที่เรากำลังสร้างอยู่ในขณะนี้ ขออุทิศให้แก่เธอ" ถ้าหากว่าได้ยินเสียง ให้นึกว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น ถ้าหากว่าได้แค่กลิ่น ให้นึกถึงเจ้าของกลิ่นนั้น หรือว่าถ้าได้รับแค่แรงลมกระทบ ให้นึกว่าเป็นเจ้าของแรงกระทบนั้น "ขอให้เขาอนุโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ รับความสุขเท่าไร ขอให้เขาได้รับด้วย"

ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตาม รับรองว่าจะมีแต่ผู้ที่รัก ไม่ว่าจะเป็นผีหรือว่าเป็นเทวดา เพราะว่าเขาได้ประโยชน์จากการปฏิบัติธรรมของเราครับ เรียนถวายหลวงพ่อครับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2021 เมื่อ 13:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 07-10-2021, 21:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,757 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขั้นตอนการออกจากสมาธิเมื่อใจเราสงบแล้ว ควรจะทำอย่างไรครับ ? เราแผ่เมตตาหรืออุทิศส่วนกุศล หรือว่าค่อย ๆ ประคองสติแล้วออก ตอนนั่งสมาธิสงบดีมากครับ แต่พอออกมาแล้วเป็นคนละเรื่องกับตอนนั่งเลยครับ
ตอบ : ท่านพระครูสังฆรักษ์พัสวัชร์ ฐิตสีโล ถามคำถามที่สองมา ซึ่งส่วนใหญ่แล้วในปัจจุบันนี้ บรรดาพระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมของเรา ปฏิบัติธรรมแล้วก็มักจะทิ้งเลย ก็คือพอเคลื่อนคลายออกจากบัลลังก์แล้ว เราก็ไม่รักษาอารมณ์นั้นไว้ ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนี้ การปฏิบัติของเราจะยาวนานแค่ไหนก็ตาม โอกาสที่จะได้ดีมีน้อยมาก

ขอให้จำไว้ว่ากำลังของเราในตอนที่นั่งอยู่นั้น นิ่งแค่ไหน สงบแค่ไหน เมื่อลุกออกจากบัลลังก์นั้นไปทำอะไรก็ตาม พยายามเอาสติกำหนดรู้ รักษาอารมณ์แบบนั้น รักษาความมั่นคงแบบนั้น รักษาความเยือกเย็นแบบนั้น ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะได้นานได้

ถ้าไม่มีความชำนาญก็ ๑ นาที ๒ นาที แต่ถ้าหากว่าพยายามทำไปเรื่อย ๆ ก็จะได้นานขึ้นเป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๒๐ นาที จนกระทั่งได้เป็นชั่วโมง เป็นวัน เป็นหลาย ๆ วัน

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถรักษาเอาไว้ในลักษณะอย่างนั้น โอกาสที่กิเลส รัก โลภ โกรธ หลงจะกินใจเราก็ไม่มี สภาพจิตปราศจากกิเลส มีความผ่องใสมาก ดวงปัญญาจะเกิดขึ้น ทำให้เราเห็นว่าเราควรที่จะดำเนินต่อไปในลักษณะไหน ถึงจะรักษาสภาพจิตเช่นนั้นเอาไว้ได้ไม่ให้กิเลสกินเรา และขณะเดียวกันจะขัดจะเกลาอย่างไร ให้กิเลสเหล่านั้นลดน้อยถอยลง ถ้าถึงช่วงนั้นเรารักษากำลังใจได้จริง ๆ จะเห็นช่องทางทั้งหลายเหล่านี้อย่างชัดเจน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2021 เมื่อ 13:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 07-10-2021, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,757 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..เมื่อท่านทำไปแล้ว เกิดความรู้สึกดี ความรู้สึกมั่นคง ความรู้สึกเยือกเย็น ขอให้พยายามเคลี่อนไหวให้ช้า ๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นแล้วบางทีสมาธิก็หลุดหายหมด อารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นก็จะหายหมดไปด้วย ก็แปลว่าทำได้แล้วต้องรักษาเอาไว้ ถ้าไม่รักษาเอาไว้ เราจะขาดทุน

เหตุที่ขาดทุนเพราะว่า การปฏิบัติธรรมเป็นการทวนกระแสโลก เหมือนกับคนว่ายทวนน้ำ ถึงเวลาเราว่ายมาจนพอใจแล้ว เราปล่อยให้ลอยตามน้ำไป พอถึงเวลาปฏิบัติธรรม ก็เท่ากับเราว่ายทวนน้ำขึ้นมาอีก เป็นอย่างนี้วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า กลายเป็นคนขยัน ทำงานทุกวัน แต่ไม่มีผลงานเลย เพราะว่าถึงเวลาก็ปล่อยลอยตามน้ำไป แล้วหลายท่านก็ท้อ หมดกำลังใจที่จะทำ

ดังนั้น...ถ้าหากว่าทำได้แล้ว ตอนนั่งอยู่กำลังใจดีแค่ไหน สงบแค่ไหน เมื่อละเมื่อเลิกจากบัลลังก์แล้ว ก็ขอให้รักษาอารมณ์ใจนั้นเอาไว้ ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ จะได้เห็นช่องทางว่าต่อไปเราควรที่จะทำอย่างไร ส่วนการแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศล ต้องทำเป็นปกติทุกครั้งครับ ขอเรียนถวายท่านพระครูสังฆรักษ์พัสวัชร์ ฐิตสีโล แต่เพียงเท่านี้ครับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2021 เมื่อ 13:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 07-10-2021, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,757 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การนั่งวิปัสสนาแล้วตัวโยกซ้ายโยกขวา โยกไปโยกมา เหมือนมีลมมากระแทก พอลุกขึ้นนั่งใหม่ก็จะเป็นอย่างนี้สองสามรอบ นี่เป็นปีติหรือว่าต้องปฏิบัติอย่างไรต่อครับ ?
ตอบ : จะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายเคยฟังหลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่า ท่านจะบอกว่า การปฏิบัติธรรม เราต้องแลกด้วยชีวิต แต่ว่าท่านอาจารย์ยศพัทธ์ เมื่อถึงเวลาร่างกายโยกไปโยกมา แล้วบางทีเราก็กลัว บางทีเราก็อาย แล้วเราก็หยุด ไม่ทำต่อ ก็เลยไม่สามารถที่จะก้าวข้ามอารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้นไปได้

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ยังไม่ถึงระดับของอัปปนาสมาธิขั้นต้น เป็นแค่ในเบื้องต้นของอุปจารสมาธิ ที่เรียกว่าปีติเท่านั้น เราต้องปล่อยให้เต็มที่ไปเลย บางคนถึงขนาดดิ้นตึงตังโครมครามลั่นไปทั้งบ้านก็มี ถ้าปล่อยเต็มที่ลักษณะอย่างนั้นแล้ว เมื่อก้าวข้ามไปได้ ต่อไปก็จะไม่เป็นอีก แต่ถ้าไม่ปล่อยให้เต็มที่ ทำเมื่อไรก็จะเป็นอย่างนั้นครับ ท่านอาจารย์ยศพัทธ์ ต่อไปคงจะปฏิบัติได้ถูกต้องขึ้นนะครับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2021 เมื่อ 13:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 07-10-2021, 21:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,757 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่พระอาจารย์บรรยายเมื่อสักครู่ ในส่วนของการปฏิบัติตามสายวิสุทธิมรรค ที่บอกว่าอัสสาสะปัสสาสะ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก เมื่อเราไปกำหนดยุบหนอพองหนอ หรือว่าเราไปกำหนดพุทโธ ก็เนื่องกับลมหายใจเข้า - ลมหายใจออก เมื่อเราพิจารณาไปแล้วจนถึงขั้นที่นิ่งสนิทจนไม่เห็นลมหายใจเข้าออก เราจะทำอย่างไรต่อครับ ?
ตอบ : ความจริงผมเรียนถวายไปชัดเจนนะครับ แต่ว่าท่านอาจารย์ชุมพลอาจจะฟังแล้วเลยหูไป ก็คือว่า อย่าอยากให้เป็นเช่นนั้น และอย่าดิ้นรนออกจากสภาพเช่นนั้น เมื่อถึงตอนนั้น เรามีหน้าที่แค่กำหนดดู กำหนดรู้เฉย ๆ ก็คือกำหนดรู้ว่าตอนนี้เป็นเช่นนั้น ก็คือตอนนี้ไม่มีลมหายใจ ตอนนี้ไม่มีคำภาวนา บางคนตกใจตะกายมาหาลมหายใจใหม่

ถ้าเปรียบเหมือนท่านขึ้นบันไดครับ ขึ้นไป ๓ ขั้น ๔ ขั้นแล้ว เมื่อถึงเวลาท่านก็ถอยลงมาใหม่ แล้วก็ขึ้นไปอีก แล้วก็ถอยลงมาใหม่ ความก้าวหน้าจะไม่มีครับ

แต่ถ้าหากว่าท่านไม่ได้ใส่ใจตรงจุดนั้น รับรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้เป็นอย่างนี้ ถึงไม่หายใจแล้วจะตายก็ช่างมัน เพราะเราปฏิบัติความดีอยู่ ถึงตายเราก็ไปดีแน่ ถ้าจิตใจของเรามั่นคงไม่หวั่นไหว ไม่มีความกลัว สมาธิจะดิ่งลึกเข้าไปมากกว่านั้นเองครับ ขอเรียนถวายท่านอาจารย์ชุมพลเท่านี้ครับผม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2021 เมื่อ 13:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 07-10-2021, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,757 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บ้านเติมบุญจะกลับมาเปิดอีกไหมเจ้าคะ ?
ตอบ : ตรงจุดนั้นเคยไปเปิดเพื่อสอนกรรมฐาน แต่คราวนี้ว่าญาติโยมที่เปิดท่านต้องเสียค่าเช่า เมื่อเกิดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดขึ้นมา ไม่สามารถที่จะไปสอนได้เป็นปี ก็เลยบอกโยมว่าให้ยกเลิกการเช่าไปเถอะ จะได้ไม่ต้องเสียเงินหลายหมื่นฟรี ๆ ทุกเดือน ในเมื่อยกเลิกแล้วก็ไม่มีการเปิดใหม่อีกแล้วครับ


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ธรรมบรรยาย เรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
วันเสาร์ที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2021 เมื่อ 13:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว