กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-11-2021, 21:00
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,524
ได้ให้อนุโมทนา: 215,914
ได้รับอนุโมทนา 736,912 ครั้ง ใน 35,896 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-11-2021, 23:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เมื่อช่วงบ่ายกระผม/อาตมภาพได้บรรยายวิชาวิสุทธิมรรคศึกษาให้แก่นิสิตปริญญาตรีปี ๓ สาขาพระพุทธศาสนาของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์

ในเรื่องของวิชาวิสุทธิมรรคศึกษานั้น เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า บรรดาอาจารย์ท่านเกี่ยงกันสอน อันดับแรกเลยก็คือ เป็นวิชาสามหน่วยกิต ก็คือต้องบรรยาย ๓ ชั่วโมงต่อเนื่องกัน อันดับที่สองคือ ก่อนหน้านี้เป็นวิชาข้อสอบกลาง ตัวเราจะสอนอย่างไร ผู้ที่ออกข้อสอบก็คืออาจารย์จากส่วนกลาง ซึ่งไม่แน่ว่าจะมีแนวความคิดแบบเดียวกับเรา แล้วประการสุดท้ายก็คือ เรื่องของวิสุทธิมรรคศึกษา ถ้าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติธรรมจริง ๆ อธิบายให้เข้าใจได้ยากมาก จะได้แค่ผิว ได้แค่เปลือกเท่านั้น

วันนี้ที่บรรยายไปประมาณชั่วโมงเศษเป็นการสรุปย่อ เพื่อที่จะให้นิสิตได้มองเห็นภาพว่าวิชานี้มีภาพรวมอย่างไร เนื้อหาอย่างไร แล้วก็จะได้มีความเข้าใจและทำข้อสอบได้ถูกต้อง เพียงแต่ว่าระยะเวลาส่วนใหญ่แล้วก็คือไม่เพียงพอ เพราะว่าวิสุทธิมรรค ถ้าไม่ได้แบ่งออกเป็นส่วนใหญ่ ๓ นิเทส คือ สีลนิเทส สมาธินิเทส และปัญญานิเทสแล้ว ก็จะแบ่งออกเป็น ๒๓ ปริจเฉท ซึ่งในแต่ละปริจเฉทนั้น บางทีเวลา ๓ ชั่วโมงยังไม่พอให้กับการบรรยายในคาบนั้น

อย่างเช่นว่าอสุภกรรมฐาน ๑๐ อย่าง อธิบายภายใน ๓ ชั่วโมง ถ้าว่ากันตามรายละเอียดจริง ๆ แล้วไม่จบ แม้กระทั่งหลักการเบื้องต้นของการปฏิบัติกรรมฐานที่เริ่มในสมาธินิเทส ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจกันอย่างขนานใหญ่แล้ว อย่างเช่นว่าจะไปกราบขอศึกษากรรมฐานกับครูบาอาจารย์ จะต้องทำอย่างไรบ้าง การเลือกสถานที่ซึ่งเราจะไปเพื่อปฏิบัติธรรมต้องทำอย่างไรบ้าง อย่างเช่นว่า วัดต้องไม่ใหญ่เกินไป ต้องไม่เก่าเกินไป ต้องไม่ไกลเกินไป เป็นต้น

วัดใหญ่เกินไป แค่ดูแลรับผิดชอบก็ไม่มีเวลาเหลือให้ปฏิบัติธรรมแล้ว วัดเก่าเกินไป ต้องซ่อมแซม ก็ไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมอีก วัดไกลเกินไป บางทีก็ไม่สัปปายะ จะไม่ให้เป็นวัดที่อยู่ใกล้ท่าน้ำ ไม่ให้เป็นวัดที่อยู่ใกล้ตลาด ไม่ให้เป็นวัดที่อยู่ใกล้ชายแดน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2021 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-11-2021, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้เรื่องใกล้ท่าน้ำ ใกล้ตลาด เราก็รู้ว่าเป็นสถานที่เกลื่อนกล่นด้วยผู้คน หาความสงบไม่ได้ แล้ววัดที่อยู่ใกล้ชายแดนเกี่ยวอะไรด้วย ? ก็เพราะว่าสมัยก่อนการศึกการสงครามยังมีมาก ถ้าอีกฝ่ายยกกองทัพมาก็ถึง เราก็กลายเป็นเชลยถูกกวาดต้อนไป แล้วจะปฏิบัติธรรมได้อย่างไร !!?

แม้กระทั่งข้อสุดท้ายก็คือวัดที่มีผี..! โดนผีหลอกจนไม่มีอารมณ์ที่จะปฏิบัติธรรม เป็นต้น เพราะฉะนั้น..เนื้อหารายละเอียดจะมีมากเป็นพิเศษสำหรับวิชานี้ เท่าที่กล่าวย่อ ๆ ไปประมาณชั่วโมงกว่า ขอให้ทุกท่านไปหาฟังเอาใน YouTube ก็แล้วกัน

ครูบาอาจารย์หลายท่านที่สอนวิชานี้ ส่วนใหญ่ก็ต้องบอกว่าพยายามเลี่ยง เพราะว่าเป็นวิชาที่ยาก แม้กระทั่งตัวกระผม/อาตมภาพเอง ที่รับช่วงต่อจากท่านเจ้าคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมป์สันต์ จนฺทสุวณฺโณ) มา ท่านเจ้าคุณก็บอกว่า "วิชานี้แม้แต่ตัวผมยังไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะอธิบายให้ลูกศิษย์เข้าใจได้อย่างไร ?" ก็เลยมาขอให้ผมสอนแทน

แต่คราวนี้ระยะหลัง
กระผม/อาตมภาพเองต้องการจะปลีกตัวออกจากภารกิจที่มีมาก ก็บอกว่าไม่สอนแล้ว แต่ยังหาคนแทนไม่ได้ เขายังใช้ชื่อเป็นอาจารย์สอนอยู่ แต่ให้จับคู่กับพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เมื่อถึงเวลาพระครูวิโรจน์ฯ ก็จะนิมนต์ให้ผมเข้าไปปรับความเข้าใจของบรรดานิสิตนักศึกษาให้ถูกต้องไปในแนวทางเดียวกัน

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติธรรม ถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องศึกษา ถ้าท่านอ่านประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านจะบอกไว้ว่า ลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานทุกคนต้องมีความคล่องตัวในวิสุทธิมรรค โดยเฉพาะในส่วนของกรรมฐาน ๔๐ ต้องจดจำให้ได้ว่า แต่ละกองกรรมฐานต้องจัดการอย่างไร ถึงจะถูกต้อง

กระผม/อาตมภาพเองเท่ากับว่าคลุกคลีกับวิสุทธิมรรคมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี ก็คือเริ่มฝึกปฏิบัติตามสายหลวงพ่อวัดท่าซุง ปีนี้ขึ้น ๖๓ ปี มาครึ่งหนึ่งแล้ว ก็จะไป ๖๓ ปีเต็มปีหน้า กลาง ๆ ปี สรุปว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เป็นเรื่องที่พระเณรทั้งหมดควรที่จะศึกษาและปฏิบัติให้ได้ เป็นเครื่องช่วยชีวิตของท่านทั้งหลายให้อยู่รอดในพระพุทธศาสนา ไม่โดนกิเลสคว้าไปกินเสียก่อน

กระผม/อาตมภาพเองความจริงก็เข้าใจตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอก ก็คือกรรมฐาน ๔๐ กอง กองใดกองหนึ่ง ถ้าปฏิบัติจริง ๆ ก็หลุดพ้นจากกองทุกข์ได้แล้ว แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพเอง เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง ก็เลยพยายามศึกษากรรมฐานทั้ง ๔๐ กองให้ครบถ้วน

ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักสังเกต ในการสอนธรรมนำปฏิบัติช่วงเช้ามืด เมื่อเวลาเราจัดให้มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม นั่นคือการรวมกรรมฐานทั้ง ๔๐ กองไว้ด้วยกัน บางทีท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่า
กระผม/อาตมภาพเองนำปฏิบัติแค่ประมาณ ๑๐ กว่า ๒๐ นาที แต่ขอให้สังเกตดูแล้วจะรู้ว่ากรรมฐานทั้ง ๔๐ กองนั้นแทรกไว้ตรงไหนบ้าง พวกท่านไม่ต้องเสียเวลาไปค่อย ๆ ศึกษาทีละอย่างแบบผม แต่ว่าสามารถที่จะปฏิบัติตามไปได้เลย และปฏิบัติได้ครบถ้วนทุกกองในเวลาเดียวกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2021 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-11-2021, 23:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับวันนี้ ในช่วงที่เว้นว่างจากภารกิจ ก็ได้ตอบคำถามที่ถามมาในเว็บวัดท่าขนุน ซึ่งอยู่ในการดูแลของท่านสุธรรม ก็เจอปัญหาจำนวนหนึ่งที่คนถามถามแบบขี้เกียจ ก็คือไม่คิดที่จะค้นคว้าหาความรู้อะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ความรู้มีอยู่ล้นฟ้าล้นแผ่นดิน เอาแต่ถามอย่างเดียว

แม้กระทั่งในเรื่องวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ซึ่งมีอยู่ในเว็บวัดท่าขนุนนั่นเอง ก็ไม่เข้าไปเปิดว่าในแต่ละกระทู้มีอะไรเหลืออยู่บ้าง แต่ใช้วิธีถามแบบมักง่าย ลักษณะแบบนี้ ถ้าหากว่าเป็นนักปฏิบัติก็เอาดีไม่ได้แน่นอน เพราะว่าไม่ใช้ความเพียรพยายามเป็นส่วนตัวเลย

แต่ว่าในเรื่องของวัตถุมงคล อีกหลายท่านก็มักจะไปดูในเฟซบุ๊กบ้าง ในเว็บไซต์ที่จำหน่ายวัตถุมงคลบ้าง แล้วก็โทรมาถามหากับวัดท่าขนุน ทั้ง ๆ ที่วัตถุมงคลทั้งหลายนั้น บางทีวัดท่าขนุนไม่ได้สร้างเลย เพียงแต่ว่ามีส่วนในการปลุกเสกบ้าง หรือว่าบางทีก็แค่มอบชนวนมวลสารให้ไปบ้าง

แต่ด้วยความที่ชื่อของกระผม/อาตมภาพ "ขายได้" เขาก็จะพยายามโยงเข้ามาให้ได้ว่าเป็นวัตถุมงคลของ
กระผม/อาตมภาพ ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นวิธีในการทำมาหากินอย่างหนึ่ง จะตำหนิโดยตรงก็ไม่ได้ แต่ว่าสร้างความลำบากให้กับทางวัด เพราะว่าคนโทรมาถาม เพื่อที่จะซื้อหาเช่าบูชาไปจากวัด ก็ขอแจ้งให้ทราบว่า วัตถุมงคลวัดท่าขนุนนั้น มีอยู่เท่าที่เปิดกระทู้ในห้องสะพานบุญเท่านั้น ส่วนนอกเหนือจากนั้นไม่ต้องถามมา

แล้วบางอย่างคนก็ไม่รู้จักคุณค่า อย่างพระสีวลีฝังแร่โคตรเศรษฐี ถ้าท่านทั้งหลายทันพระสีวลีซึ่งสร้างจากแร่โคตรเศรษฐีทั้งองค์ ในสมัยที่หลวงพ่อวัดท่าซุงยังอยู่ ก็จะรู้ว่าในสมัยนั้นให้บูชาในราคาองค์ละ ๑๐,๐๐๐ บาท..!

แร่โคตรเศรษฐีนั้น เป็นชื่อที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเรียก ถ้าว่ากันตามภาษาของพวกเราก็คือ ทองคำดำ เพราะว่าองค์ประกอบทุกอย่างเหมือนกับทองคำ แยกธาตุอย่างไรก็เหมือนทองคำ แต่มีสีดำ ซึ่งถ้าภาษาวิทยาศาสตร์เขาเรียกว่า รูธีเนียม ถ้าในตำราโบราณเรียกว่า สุวรรณขีด ก็เป็นหนึ่งในนวโลหะ ซึ่งนอกจากจะหายาก ราคาแพงแล้ว การรับอานุภาพของพระ ของพรหม เทวดา และของครูบาอาจารย์ ก็อยู่ในระดับเดียวกับทองคำ แต่ผมเห็นว่าคนไม่รู้จักและไม่ได้สนใจก็ปล่อยเลยตามเลย เพราะว่าราคาถูกเกินไป เหลือติดวัดไว้บ้างก็ดี

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะแจ้งแก่ทุกท่านก็คือ ได้มีการสำรวจดูหลวงพ่อสุคโต ปรากฏว่ามีจำนวนหนึ่ง ซึ่งเม็ดเงินมหาสะท้อนที่บรรจุไว้ กลายเป็นสีทองทั้งหมด ก็ต้องบอกว่าแล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ แต่ได้แจ้งกับผู้ที่ดูแลอยู่แล้วว่าให้คัดออกมา แล้วจำหน่ายอีกราคาหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นองค์พิเศษไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-12-2021 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 30-11-2021, 23:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของหลวงพ่อสุคโตนั้น จะว่าไปแล้วก็คือ ถ้าอยู่ที่ไหน สถานที่นั้นจะปลอดภัย ต่อให้สร้างเวรกรรมเก่ามาหนักหนาสาหัสขนาดไหนก็ตาม ก็สูญเสียแค่ทรัพย์สิน แต่ชีวิตจะไม่มีอันตราย เพียงแต่ว่าบางท่านก็อยากได้พระที่ติดตัวได้ หลวงพ่อสุคโตอยู่ในระดับหน้าตักประมาณ ๓ นิ้ว ซึ่งก็คงไม่มีใครเอามาเลี่ยมแขวนคอ เพราะเจตนาดั้งเดิมของกระผม/อาตมภาพก็คือทำไว้ให้ติดรถ ก็หมายความว่า ถ้าหากว่าติดไว้ในรถ คนทั้งคันรถก็จะได้ปลอดภัย เกิดอุบัติเหตุหนักหนาสาหัสอย่างไร ก็จะได้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ก็มีคนเอาไปบูชาไว้ในบ้าน ก็คงนัยเดียวกัน ก็คือต้องปลอดภัยทั้งบ้าน เป็นต้น

ตัวกระผม/อาตมภาพเอง โดนห้ามสั่งทำตะกรุดมหาสะท้อน เพราะว่ามีลูกศิษย์ไปใช้ผิด ทำให้คนตายชนิดที่รู้ชัด ๆ เลยถึง ๒ ราย..! จะว่าไปแล้วก็คือไปคิดร้ายกับคนอื่นเขาก่อน แต่คราวนี้ในเรื่องของวิชามหาสะท้อนนั้นก็คือ มาเท่าไร ก็จะคืนไปหลายเท่า ในเมื่อมีคนเอาไปใช้ผิด ทำให้ถึงกับตายไป ๒ รายติดต่อกัน
กระผม/อาตมภาพก็เลยโดนห้าม ก็เพิ่งจะมาตอนที่สร้างสมเด็จองค์ปฐม เนื้อเงินชนวนมหาสะท้อน และหลวงพ่อสุคโตเท่านั้น ที่พระท่านต้องการให้กระผม/อาตมภาพทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่ต้องบอกว่าค่อนข้างจะหนักหนาสำหรับคนทั่วไปอยู่ กระผม/อาตมภาพก็เลยขอพรในลักษณะที่ว่า ขออนุญาตทำในส่วนของมหาสะท้อน เพราะว่าตะกรุดราคาแพงมากแล้ว

คราวนี้สมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงินมหาสะท้อนได้หมดไปจากวัด แล้วคนก็เอาไปจำหน่ายราคาแพงหลายเท่าจากที่ออกจากวัดไป ก็เหลือแต่หลวงพ่อสุคโตที่ยังพอมีอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมดเมื่อไร เพราะว่ารอเขาเช็คอยู่ว่า มีส่วนที่เม็ดเงินกลายเป็นสีทองจำนวนแน่นอนสักเท่าไร แล้วก็จะได้ให้เขาเอาลงเว็บไซต์หรือว่าในเฟซบุ๊ก เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้บูชากันต่อไป

เรื่องของวัตถุมงคลนั้นสำคัญที่สุดตรงอนุสติ คือการระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าแขวนอยู่โดยไม่ระลึกถึงเลยก็ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากหนักคอเสียเปล่า ๆ เป็นอุปเท่ห์ที่ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณคิดทำขึ้นมา เพื่อให้ใจคนเกาะกรรมฐานใหญ่ คือพุทธานุสติหรือสังฆานุสติได้ แต่ในปัจจุบันนี้ ส่วนหนึ่งก็เอาไปใช้ผิด โดยเฉพาะอยู่ในลักษณะของการค้าขายเอากำไรมากจนเกินเหตุ

แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องของเวรของกรรมเหมือนกัน เพราะว่าวัดท่าขนุนก็ไม่ได้หายากเย็นอะไร ข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ต้องบอกว่า "มีท่วมบ้านท่วมเมือง" แต่คนทั้งหลายเหล่านั้นกลับไม่หาข้อมูลเพื่อที่จะบูชาวัตถุมงคลในเว็บวัดท่าขนุน แต่กลับไปบูชาจากในเฟซบุ๊กหรือเว็บไซต์วัตถุมงคลต่าง ๆ ที่จำหน่ายแพงกว่าทางวัดหลายเท่า ก็ต้องบอกว่า ตกอยู่ในลักษณะของภาษิตจีนที่ว่า "จิวยี่ตีอุยกาย" ก็คือคนหนึ่งเต็มใจให้ตี คนหนึ่งก็ตั้งใจที่จะตี เพื่อที่จะส่งอุยกายเข้าไปเป็นไส้ศึก

ดังนั้น...เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าพวกท่านพบเห็น สะกิดสะเกาเตือนเขาได้ก็ช่วยบอกหน่อย ถ้าเตือนไม่ได้ เห็นว่าเขาฐานะดีเพียงพอ ก็ให้บูชาของแพงกันต่อไป วันนี้ก็ขอรบกวนเวลาของทุกท่านแต่เพียงแค่นี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2021 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว