กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-05-2021, 21:24
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,435
ได้ให้อนุโมทนา: 215,213
ได้รับอนุโมทนา 733,981 ครั้ง ใน 35,768 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-05-2021, 07:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,378 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขอโอกาสพระเถรานุเถระและน้องสามเณร เจริญพรญาติโยมทุกท่าน ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ หรือว่าอยู่ที่บ้าน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ วันนี้ทางวัดท่าขนุน โดยเฉพาะตัวอาตมภาพมีกิจกรรมหลายอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือ การที่ให้พวกท่านทั้งหลายช่วยกันเตรียมสถานที่สำหรับสร้างโรงพยาบาลสนาม เพื่อไว้รองรับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ถามว่าทำไมวัดท่าขนุนต้องสร้างโรงพยาบาลสนาม ?

อันดับแรกเลย พระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาให้วัดที่มีศักยภาพร่วมมือกับทางราชการ ในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ระบาดนี้ แล้ววัดท่าขนุนก็มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำ

ประการที่สอง เป็นการเตรียมพร้อมไว้ ถือว่าเป็นการมองการณ์ไกล หรือที่ราชบัณฑิตท่านบัญญัติใหม่ว่า วิสัยทัศน์ ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษว่า vision เหตุที่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพราะว่า ตัวอย่างชัดเจนก็คือโรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนาในเมือง ต้องปิดตัวลง รับผู้ป่วยไม่ได้ นอกจากต้องรับรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เท่านั้น ไม่ใช่ว่ารับผู้ป่วยไม่ได้อย่างเดียว ผู้ป่วยก็ไม่อยากจะไปด้วย เนื่องเพราะว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ส่วนใหญ่จะโดนส่งไปที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนา แล้วตอนนี้ทางโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ที่พนมทวน ก็มีบุคลากรติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ หลายคน อาจจะต้องปิดโรงพยาบาลลงอีกเช่นกัน

ลองคิดดูว่า ถ้าหากโรงพยาบาลทองผาภูมิต้องเจอสภาพอย่างนี้ แล้วคนที่เจ็บไข้ได้ป่วยจะทำอย่างไร ? ทุกวันนี้คนไข้ของโรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนาจำนวนหนึ่ง ต้องขึ้นมารักษาตัวที่ทองผาภูมิ โดยเฉพาะพวกที่ต้องส่องกล้องผ่าตัด เนื่องจากว่าอาตมภาพซื้อหาเครื่องมือศัลยแพทย์ โดยเฉพาะกล้องส่องให้ครบถ้วนสมบูรณ์ บริการคนไข้ไปจำนวนหลายคนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ เวลามีเคสพวกนี้ ทางโรงพยาบาลทองผาภูมิต้องส่งลงไปที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนา แต่ปัจจุบันนี้โรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนาต้องส่งคนไข้มาให้เราแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2021 เมื่อ 09:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-05-2021, 07:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,378 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ถ้าหากว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เพิ่มขึ้น แล้วไม่สามารถที่จะส่งไปโรงพยาบาลพหลพลพยุหาเสนา ถ้าโรงพยาบาลทองผาภูมิต้องรักษาเอง คนไข้ฉุกเฉินโรคอื่น ๆ ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว วัดท่าขนุนจึงจำเป็นที่จะต้องจัดโรงพยาบาลสนามรอรับไว้ ถ้าหากว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสก็ให้มารวมกันที่นี่ ให้บุคลากรทางการแพทย์มาดำเนินการรักษาที่นี่ โรงพยาบาลทองผาภูมิจะได้รับคนไข้ฉุกเฉินอื่น ๆ ได้ พวกท่านอาจจะคิดว่าเป็นการฟุ้งซ่าน..แต่ไม่ใช่ เมื่อวานนี้ทางบ้านปิล็อกเจอผู้ติดเชื้อรวดเดียว ๖ คน..! แล้วยังมีโอกาสที่จะแพร่กระจายอีกมาก

เรื่องพวกนี้ ทางภาษาบาลีใช้คำว่า จักขุมา มีดวงตามองไกล ก็คือวิสัยทัศน์ คือ ลักษณะของบุคคลที่จะบริหารงานให้สำเร็จ พระพุทธเจ้าตรัสไว้มี ๓ ประการ

มีจักขุมา มองการณ์ไกล หรือว่ามีสายตา ถ้าหากว่าค้าขายก็คือเลือกของเป็น อะไรที่ซื้อมาแล้วขายได้ อะไรที่ซื้อมาขายต่อจะได้ราคาดี

ประการที่สองคือ วิธุโร แปลว่า จัดการธุระได้ดียิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ทำงานเป็น ก็แปลว่านอกจากทำเองเป็นแล้ว ยังต้องใช้คนเป็น ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็ต้องใช้ระบบเป็น ใช้เครื่องมือเป็น

ประการสุดท้ายคือ นิสสยสัมปันโน ถึงพร้อมด้วยที่พึ่ง อันนี้แปลตามศัพท์บาลี ถ้าเป็นสมัยนี้คือมีคอนเน็กชั่น ถึงแม้ตัวเองทำไม่ได้ แต่รู้ว่าใครทำได้และสามารถที่จะติดต่อขอความช่วยเหลือได้ ถ้ามี ๓ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า สามารถบริหารงานได้สำเร็จสมดังใจปรารถนา

ดังนั้น...การตั้งโรงพยาบาลสนามเป็นแค่ข้อแรก คือ จักขุมา มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล ไม่รอให้เหตุเกิด แล้วค่อยมาซื้อวัคซีน ขอโทษ...! ผิดหยุด..พูดใหม่ ก็คือต้องเตรียมการล่วงหน้าไว้ก่อน โดยคาดการณ์ในด้านที่เลวร้ายที่สุด แล้วเตรียมการแก้ไข ถ้าเป็นในลักษณะอย่างนี้ ต่อให้ปัญหาเกิดขึ้นขนาดไหน เราก็จะรับมือได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2021 เมื่อ 09:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-05-2021, 07:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,378 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กิจกรรมต่อไปก็คือ ผมไปที่โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ไปดูการซ้อมรำของเด็ก ๆ พวกท่านต้องไม่ลืมนะครับ ว่าตำแหน่งหนึ่งของผมก็คือ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ งานทางวัฒนธรรมนั้น นอกจากต้องส่งเสริมสนับสนุนแล้ว ยังต้องให้กำลังใจ และท้ายที่สุด ต้องหาสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าทางวัฒนธรรม หรือว่าเวทีในการแสดง ไม่อย่างนั้นแล้ว เด็ก ๆ อุตส่าห์ฝึกซ้อมแทบตาย แต่ไม่มีที่ให้แสดงออก คิดว่ามีใครอยากจะไปฝึกซ้อมบ้าง ?

เด็ก ๆ ของผมชุดนี้กำลังฝึกซ้อม เพื่อที่กำลังจะไปแข่งนาฏศิลป์ระดับประเทศ เห็นหน้าหลวงตา กำลังใจก็มาครึ่งหนึ่งแล้ว พอหลวงตาบอกว่าถ้าได้รางวัลมา หลวงตาจะเพิ่มให้อีกเท่าหนึ่ง ตอนนี้ต่อให้ไม่คิดสู้ กำลังใจก็ต้องมาเต็มร้อย..!

เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เราอาจจะคิดว่า เออ..รอให้เขาได้รางวัลแล้วค่อยไป..ไม่ใช่ ความสำเร็จจะเกิดขึ้นต้องมีความพร้อม พร้อมทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ โดยเฉพาะความพร้อมทางใจต้องมีขึ้นก่อน ถึงจะไปแสดงออกด้วยความมั่นใจของตนเอง

พวกท่านต้องจำเอาไว้ว่า การกระทำทุกอย่าง ไม่มีคำว่าเล็กน้อย สำคัญทั้งหมด แบบเดียวกับที่เด็ก ๆ เล่าเรื่องให้เราฟัง แล้วเราจำเป็นต้องรับฟัง เพราะนั่นคือสิ่งที่เด็กเห็นว่าสำคัญ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ต้องไปดูเขา ก็คือไปให้กำลังใจ ไปกระตุ้นให้เขากระตือรือร้น แล้วยังต้องหาเวทีรองรับว่า ถ้าไปได้รางวัลมา เราจะสนับสนุนต่อในลักษณะอย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2021 เมื่อ 09:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-05-2021, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,378 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากนั้นก็มาดูการถ่ายทำของโทรทัศน์ช่อง ๑๑ กรมประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับเรื่องของมัคคุเทศก์น้อยของชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน อีกตำแหน่งของผมก็คือประธานชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน และเป็นชุมชนคุณธรรมต้นแบบที่ได้รับรางวัลโดดเด่นจากกระทรวงวัฒนธรรมด้วย อีกรางวัลหนึ่งก็คือ รางวัล ๑ ใน ๑๐๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมของประเทศไทยด้วย

ดังนั้น..บางท่านจะเห็นว่า เขามาสัมภาษณ์ผมที่นี่ว่า "คิดอย่างไรถึงได้มาทำงานเกี่ยวกับชุมชน โดยเฉพาะการอบรมมัคคุเทศก์น้อย ?" ซึ่งเรื่องนี้ต้องว่ากันยาว เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมา วัดวาอารามก็เป็นศูนย์กลางของชุมชน ปัญหาของชุมชนก็คือปัญหาของวัด และปัญหาของวัดก็คือปัญหาของชุมชน ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เหมือนที่เขากล่าวว่า วัดและบ้านผลัดกันช่วยก็อวยชัย ถ้าขัดกันก็บรรลัยทั้งสองทาง ถ้าหากว่าชาวบ้านอยู่ดีกินดี เขาจะมาสนับสนุนวัดเอง

ผมถึงต้องพยายามที่จะขุดหางานทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นมูลค่าได้ขึ้นมา เพื่อให้ชาวบ้านมีกินมีใช้ ไม่ว่าจะเรื่องของอาหารพื้นถิ่น พืชผักผลไม้ งานจักสาน งานทอผ้า งานดัดแปลงพืชผลทางเกษตร เป็นต้น แต่นี่เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ เพราะว่าไปแก้ที่ผู้ใหญ่ จึงต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ ก็คือที่เด็ก

พวกท่านจะเห็นว่าผมให้ทุนการศึกษาทุกระดับ ระดับประถม ระดับมัธยม ผมให้เด็กดี ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า ต้องมีความประพฤติดี เรียนดี และมีฐานะยากจน แต่ทุนระดับอุดมศึกษา ผมให้เด็กเก่ง ถึงต้องให้สอบแข่งขันกัน เพราะว่าเด็กเก่งโอกาสที่จะเรียนจบอย่างแท้จริงย่อมมีมากกว่า ส่วนเรียนจบแล้ว เขาจะกลับมาสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น หรือว่าจะไปทำงานทำการที่อื่น ผมไม่ได้มีข้อแม้กำหนดไว้

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ต้องการให้เขาตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง ในเมื่อเราสนับสนุนเด็ก ก็เท่ากับว่ามีการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ฐานราก ถ้าหากว่าเด็กทุกคนมีความรู้ความสามารถ นำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะพวกมัคคุเทศก์น้อย อย่าลืมว่านี่เป็นการอบรมในระดับที่สองแล้ว ก็คือระดับแรก..อบรมภาคภาษาไทย ระดับที่สอง..อบรมภาคภาษาอังกฤษ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นคุณสมบัติติดตัวเด็กไป

โดยเฉพาะปัจจุบัน ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของโลก ถ้าไม่ได้นับภาษาคอมพิวเตอร์ ๐๐๐ ๑๑๑ อะไรประเภทนั้นแล้ว ถือว่าภาษาอังกฤษได้รับการยอมรับว่าเป็นภาษาราชการ และเป็นภาษากลางในการติดต่อกันมากที่สุดภาษาหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2021 เมื่อ 09:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-05-2021, 08:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,378 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเราสนับสนุนเด็กทุกอย่างทุกด้าน ก็เป็นการช่วยเหลือให้เด็กสามารถก้าวขึ้นไปยืนในที่สูง เพราะว่าการมีการศึกษาเหมือนอย่างกับได้ขึ้นที่สูงไปเรื่อย คนที่อยู่ในที่สูง ย่อมมองเห็นทางไกล ก็คือทางชีวิตมีให้เลือกมากกว่าปกติ แล้วถ้าหากว่าทุกคนเมื่อเรียนจบไปแล้ว สามารถไปสร้างความเจริญให้กับหน่วยงานที่ตัวเองทำงานอยู่ หรือว่ากลับมาสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่น เท่ากับเราแก้ปัญหาตั้งแต่ระดับล่าง แล้วคนทั้งหลายเหล่านี้ก็จะทดแทนไปรุ่นสู่รุ่น เมื่อเติบโตขึ้นเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ชุมชนและสังคมของเราก็จะเข้มแข็ง

อีกส่วนหนึ่ง ท่านจะเห็นว่าผมสนับสนุนพวกท่าน ไม่ว่าจะภิกษุ สามเณร ตลอดจนแม่ชี หรือเด็กวัดให้ได้เรียน เปิดโอกาสทางการศึกษาให้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายอยู่ต่อ ก็จะเป็นพระภิกษุสามเณรที่ดี เป็นกำลังของศาสนาที่มีคุณภาพ ถ้าสึกหาลาเพศไป ความรู้นี้ท่านทั้งหลายก็สามารถนำเอาไปใช้ในการทำมาหากิน ช่วยให้ชีวิตฆราวาสของเราดำเนินไปด้วยดี แล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อท้ายสุด ไม่ว่าจะเด็ก จะผู้ใหญ่ หรือว่าพระภิกษุสามเณรของเรา ก็จะหลอมรวมกันเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ เป็นกำลังที่สำคัญ ช่วยให้ประเทศชาติเข้มแข็ง มั่งคั่ง มั่นคง ถาวร เหมือนอย่างที่รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปีเอาไว้

ดังนั้น เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว บางท่านบอกว่า ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่าลืมนะครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า ให้เราจาริกไปเพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก เพื่อความสุขของคนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก โดยเฉพาะท่านทั้งหลายต้องสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปรับภาระ จะได้มีกำลังที่จะสู้กับงานกันต่อไป

วันนี้ก็ขอให้ข้อคิดไว้แต่เพียงเท่านั้น ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่าน ตลอดจนญาติโยมที่ฟังอยู่ ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศก็ดี อยู่รอดปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ มีโอกาสให้รีบไปฉีดวัคซีนเอาไว้ จะได้ไม่ต้องไปติดเชื้อโควิด ๑๙ หรือว่าถ้าติดเชื้อ โอกาสรอดก็จะมีสูงกันทุกท่านทุกคน..ขอเจริญพร


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2021 เมื่อ 09:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว