|
ประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโน รวมประวัติ ปฏิปทาของครูบาอาจารย์อันเป็นที่เคารพจากทั่วเมืองไทย |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
หลวงปู่คำคะนิงพบหลวงปู่ปาน
หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ย้อนหลังไปสัก ๒๐ ปีที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พระหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านนามว่า คำคะนิง จุลมณี แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภิกษุรูปนี้ได้ยึด "ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ หลวงปู่คำคะนิงนั้น ท่านเป็นภิกษุที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเป็นฤๅษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี จึงค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ด้วยการธุดงค์ไปที่ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา อย่างครั้งหนึ่ง...ที่เมืองเชียงตุง หลวงพ่อปานแห่งวัดบางนมโค จังหวัดอยุธยา ได้พาคณะศิษย์ท่องธุดงค์ในเขตป่าของเมืองนี้ ได้ปะหน้ากับชีปะขาวคำคะนิง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-08-2009 เมื่อ 17:40 |
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
หลวงพ่อปานเห็นสารรูปคนผู้นี้ถึงกับตะลึง เพราะตอนนั้นคำคะนิงมีผมยาวถึงเอว หนวดเครารกรุงรัง ห่มผ้าขาดวิ่นมองไม่ออกว่าเป็นสีอะไรจึงกล่าวขึ้นลอย ๆ ว่า “นี่พระหรือคนนี่”
ชีปะขาวคำคะนิงได้ยินเกิดอยากลองภูมิกับพระรูปนี้ ถามออกไปว่า “ไอ้พระนั้นมันอยู่ที่ไหน” หลวงพ่อปานโต้กลับ “ก็เห็นผมยาวเสื้อผ้าขาดปุปะมองไม่ออกว่าสีเป็นอะไร แล้วใครจะรู้ว่าพระหรือคน” คำคะนิงตั้งคำถามใหม่ “พระมันอยู่ที่ผมหรือ” หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่” คำคะนิง “พระมันอยู่ที่ผ้านุ่งหรือเปล่า” หลวงพ่อปาน “ไม่ใช่” ชีปะขาวคำคะนิงใช้คำถามจี้ “อ้าว..แล้วพระมันอยู่ที่ไหนกันเล่า” หลวงพ่อปานตอบฉับพลันทันที “พระอยู่ที่ใจสะอาด” คำคะนิงยิ้มก่อนบอกออกไป “แล้วมาถามทำไมว่าพระหรือคน” หลวงพ่อปานยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ “เห็นผมเผ้ารุงรังใครจะไปรู้พระหรือคนกันแน่” ชีปะขาวคำคะนิง “พระบ้านพระเมือง พระกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี เห็นทีต้องเห็นดีกัน” ชีปะขาวคำคะนิงกล่าวเสร็จก็คว้าหวายยาวร่วมวา ขว้างไปเบื้องหน้าหลวงพ่อปาน จากหวายก็กลายเป็นงูใหญ่ท่าทางดุร้ายเตรียมฉกกัด หลวงพ่อปานท่านทำจิตเป็นสมาธิ เอาใบไม้ขว้างขึ้นสู่อากาศกลายเป็นนกขนาดใหญ่ โฉบเฉี่ยวเอางูขึ้นไปสะบัดฟัดเหวี่ยงบนอากาศอยู่พักใหญ่ งูพลัดตกลงสู่ดินกลายเป็นช้างตัวใหญ่มหึมากำลังตกมัน ส่วนนกถลาลงสู่พื้นกลายเป็นเสือโคร่งใหญ่มีความดุร้ายไม่แพ้กัน สัตว์ทั้ง ๒ ชนิดเข้าโรมรันพันตูกันฝุ่นคลุ้งไปหมด แต่จู่ ๆ สัตว์ทั้ง ๒ กลับสลายหายไป ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นลูกไฟเข้าเผาผลาญ อีกฝ่ายกลายเป็นพายุฝนเข้าแก้ทางกัน ทั้งพระและชีปะขาวต่างหัวเราะด้วยความชอบใจในอิทธิฤทธิ์อภิญญาของกันละกัน ต่างฝ่ายต่างชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน แต่ศิษย์ของหลวงพ่อปานที่ร่วมธุดงค์มาด้วยรู้ดีว่า ท่านทั้ง ๒ ต่างมีอภิญญาด้วยกันทั้งคู่ http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=6662
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-08-2009 เมื่อ 13:19 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|