|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
ต้นกำเนิดศีล
ถาม : พระพุทธเจ้าสมัยบำเพ็ญปัญญาบารมีระยะแรก ท่านชื่ออะไรคะ ?
ตอบ : มโหสถบัณฑิต นั่นเป็นปรมัตถบารมีนะ ตอนอื่น ๆ ยังมีอีกเยอะ อย่างท่านเป็นโสมทัตมานพ ตอนที่ท่านเป็นโสมทัตมานพ ท่านมีพ่อเป็นพราหมณ์ ที่ตอนหลังไปเกิดเป็นโลลุทายี โลลุทายีเป็นพระที่เหลวไหลมาก เป็นต้นกำเนิดศีลสารพัดข้อนั่นแหละ ว่าอะไรไปก็จำได้พักเดียว ปรากฏว่าพอพระอื่นนินทา พระพุทธเจ้าท่านก็เลยเล่าเรื่องให้ฟังว่า ท่านเกิดเป็นโสมทัตมานพและเป็นมหาดเล็กใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดิน พ่อก็ทำมาหากินไปตามแบบของตัว ปรากฏว่าวันหนึ่ง วัวตายไปหนึ่งตัวก็ส่งข่าวให้ลูก ลูกมาดู เออ..วัวตายจริง ๆ พ่อบอกว่า เจ้าเป็นมหาดเล็กใกล้ชิด ขอพระราชทานจากพระเจ้าแผ่นดินสิ เราจะได้มีวัวไว้ทำนาต่อ ท่านก็บอกว่าท่านเป็นคนใกล้ชิด ถ้าขออะไรจากเจ้านาย คนอื่นเห็นแล้วเขาจะเอาเยี่ยงอย่าง ให้พ่อไปขอเอง ท่านอุตส่าห์สอนวิธีให้ เอาหญ้าผูกเป็น ๒ ฟ่อน ฟ่อนนี้เป็นพระราชา ฟ่อนนี้เป็นพ่อนะ ต้องนั่งอยู่ท่านี้ แล้วไปถึงท่านจะตรัสถามว่า เป็นใคร ? มาจากไหน ? ให้บอกว่าข้าพเจ้าชื่อนั้นชื่อนี้ เป็นพ่อของโสมทัตมานพ ข้าพเจ้ามีวัวอยู่ ๒ ตัว บัดนี้ได้ตายไปตัวหนึ่ง ขอพระราชทานอีกตัวหนึ่งพระเจ้าข้า สอนอยู่ ๓ วัน แค่ไม่กี่ประโยคนี้ ปรากฏว่า พอไปถึงจริง ๆ ท่านก็กราบทูลบอกว่า ท่านเป็นพ่อของโสมทัตมานพ มีวัวอยู่ ๒ ตัว บัดนี้ตายไปแล้วตัวหนึ่ง ขอถวายอีกตัวหนึ่งพระเจ้าข้า ก็หมดเกลี้ยงเท่านั้นสิ พระเจ้าแผ่นดินท่านฟังอยู่ว่าแปลก ๆ ก็เลยหัวเราะ ตรัสว่า โสมทัต..ที่บ้านของเธอมีวัวมากหรือ ถึงจะเอามาถวายพระเจ้าแผ่นดิน โสมทัตมานพท่านฉลาด ท่านบอกว่า ถ้าพระองค์พระราชทานให้ ก็จะมีมากพระเจ้าข้า คนฉลาดเสียอย่าง ปากดีเป็นศรีแก่ตัว พระเจ้าแผ่นดินท่านให้ไปฝูงหนึ่งเลย นั่นแหละปัญญาบารมีขั้นต้น ๆ เอง ท่านโลลุทายีนี่จริง ๆ ปัญญาท่านเยอะนะ เหตุที่ต้องใช้คำว่า ปัญญาท่านเยอะเพราะว่าท่านหัวหมอแบบทนายความ เลี่ยงกฎหมายเก่ง สมัยก่อนไม่มีศีลข้อห้ามลักขโมย ท่านก็ไปขโมยของคนอื่นเขา ถามว่าขโมยมาจากไหน บอกว่าขโมยมาจากในป่า คนเข้าไปทำงานทำการในป่า มีห่อข้าวห่อของก็วางไว้แล้วไปตัดไม้ ทำไร่ อย่างนั้นนะ ก็ไปขโมยเขามา ไปขโมยเขาเสร็จ พระพุทธเจ้าตรัสว่าต่อไปนี้ห้ามไปขโมยนะ ท่านถือว่าห้ามเฉพาะที่ในป่าก็เลยไปขโมยในบ้าน พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติเพิ่มว่า ห้ามขโมยในบ้านด้วย ก็ไปขโมยในลานตากผ้า โรงย้อมผ้าจะมีลานตากผ้าอยู่ ส่วนใหญ่พวกนี้อยู่ลึกหน่อย ให้ห่างจากชุมชนเพราะว่าบางทีพวกไม้ที่เอามาต้มมาย้อม พอเวลาบูดเน่าแล้วกลิ่นแรง อยู่ใกล้ชุมชนไม่ได้ จะอยู่ในป่าก็ลำบากอีก เพราะไม่มีแสงแดด ต้องทำเป็นลานเฉพาะ ตัดต้นไม้ออกทำเป็นที่กว้างมาก เขาถือว่าไม่ได้ขโมยในป่า ไม่ได้ขโมยในบ้าน เพราะขโมยในลานตากผ้าอย่างนี้... ท่านเอาไปเรื่อยแหละ ฉลาดเป็นบ้าเลย ใครว่าท่านโง่ไม่ได้นะ ...(หัวเราะ)... ฉลาดจริง ๆ เพียงแต่ว่าท่านเลี่ยงบาลี ประเภทจับจดโลเลเอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างนี้ เขาเลยเรียกว่า โลลุทายี ถาม : แล้วพระที่...ต้องอาบัติ ? ตอบ : พระพุทธเจ้าท่านยกให้ ท่านเรียกว่า อาทิกัมมิกะ แปลว่า บุคคลคนที่เป็นต้นบัญญัติในอาบัตินั้น ถือว่าเป็นตัวอย่างแก่คนอื่นเขา ไม่นับว่าผิดเพราะยังไม่มีข้อห้าม แต่คนที่สองนี่ปรับเลย เพราะถือว่าห้ามแล้วยังทำ ถาม : สงสัยว่าอย่างท่านอุทายีจะผิดหลายข้อ แล้วอย่างนี้ท่านอธิษฐานมาเพื่อเกิดบัญญัติ... ? ตอบ : ไม่ทราบว่าท่านอธิษฐานมาหรือเปล่า แต่แหม...ท่านยอดฝีมือทางนี้จริง ๆ โดยเฉพาะอาบัติหนัก ๆ อย่าง สังฆาทิเสส ๑๓ ข้อนี่ ท่านอุทายีทำไปแล้วเกินครึ่ง ท่านไปของท่านได้เรื่อยเลย ถาม : ถึงตัวท่านเองก็ไม่ผิดใช่ไหมคะ ? ตอบ : ไม่ผิด เพราะถือว่าเป็นต้นบัญญัติ ต้นบัญญัติให้เป็นอาทิกัมมิกบุคคล บุคคลที่เป็นต้นบัญญัติ ศีลข้อนั้นยังไม่มีข้อห้ามอยู่ ไม่ถือว่าผิด ถ้าทำหลังจากนั้นแล้วโดนแน่ แต่ท่านเองท่านฉลาด ท่านรอดของท่านไปได้เรื่อย ในเมื่อรู้ว่าห้ามก็ออกไปทางอื่นต่อ สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2014 เมื่อ 16:51 |
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
Tags |
ต้นบัญญัติ, โลลุทายี, ศีล, โสมทัต, อาทิกัมมิกะ |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|