กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 12-12-2009, 10:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default อยากบรรลุมรรคผลเร็ว ๆ

ส่วนใหญ่แล้วพวกเราใจร้อน อยากได้ดีเร็ว บางทีเราอาจจะไปอ่านในพระไตรปิฎก ไม่ว่าจะในพระสูตรบ้าง ธรรมบทบ้างว่า ท่านฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้าจบ ก็บรรลุอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ แล้วเราก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง โดยไม่ได้คำนึงว่า ตัวอย่างเช่นนั้นกลายเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เราไม่ได้อะไร

ถ้าเราจะดูอย่างพระพาหิยะ ท่านฟังเทศน์พระพุทธเจ้าสั้น ๆ ก็บรรลุมรรคผล พระพุทธเจ้าตั้งให้เป็นเอตทัคคะบุคคล คือ บุคคลผู้เป็นเลิศในการบรรลุธรรมเร็ว ที่เราเห็นว่าเร็วคือชาตินี้ เราไม่ได้เห็นชาติก่อน ๆ ว่าท่านลำบากมาขนาดไหน ? ต้องทุกข์ยากฝ่าฟันมาขนาดไหน ? พระพาหิยะชาติก่อนท่านปฏิบัติธรรมจนอดตายคาถ้ำเลย พอมาชาตินี้เราก็ว่าท่านบรรลุเร็ว เพราะฉะนั้นถ้าชาตินี้เราอยากบรรลุเร็ว ก็ปฏิบัติให้ตายคาที่ไปเลย..! เดี๋ยวชาติหน้าเราก็จะบรรลุเร็วบ้าง เราเห็นแต่ตอนที่ท่านสบาย แต่ไม่ได้เห็นตอนที่ท่านลำบาก

เรื่องของการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา อุปสรรคต่าง ๆ จะมีเป็นปกติและมีมากเป็นปกติ ฉะนั้น..ถ้าหากเจออุปสรรคแล้วหวั่นไหวท้อถอย โอกาสที่จะบรรลุมรรคผลก็น้อย เพราะฉะนั้น..ถ้าไปหวังให้บรรลุเร็วอย่างใจของเรา ยิ่งอยากมากเท่าไร ยิ่งห่างไกลมรรคผลเท่านั้น เพราะตัวอยากเป็นตัณหา ตัวอยากเป็นกิเลสมาขวางกั้น

หลายรายมาในลักษณะที่ว่าจะให้อาตมาเสก เป่า สวดให้กลายเป็นพระอรหันต์เดี๋ยวนั้นไปเลย ซึ่งความจริงก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่คราวนี้ต้องบอกว่าภาชนะของพวกเราเล็กเกินไป ไม่สามารถที่จะรองรับธรรมที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้ ก็เลยไม่ปรากฏผลสำเร็จเสียที ถ้าเป็นสมัยนี้ก็บอกว่าแรงน้อยไป ไม่พอแก่การใช้งาน ฉะนั้น..เรื่องของการปฏิบัติต้องค่อย ๆ สั่งสมไปทีละเล็กทีละน้อย อย่าท้อถอยเสียก่อน พระพุทธเจ้าจึงได้ยกขันติบารมีขึ้นมาเป็นข้อแรกในโอวาทปาฏิโมกข์เลย ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ขันติคือความอดกลั้น เป็นตบะ (เครื่องเผากิเลส) อย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ ก็คือจะดีกว่าคนอื่นเขาได้ ต้องมีความเข้มแข็ง ต้องมีความอดทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2014 เมื่อ 11:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-12-2009, 10:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,405,129 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรายิ่งอยากได้ดีมากเท่าไร กำลังใจก็ยิ่งฟุ้งซ่านมากเท่านั้น ทำให้เราห่างไกลความดีมากเท่านั้น ถ้าเราใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ปฏิบัติ ค่อย ๆ ทำไป โดยวางกำลังใจว่า เรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลจะเกิดอย่างไรก็ช่าง ถ้าวางกำลังใจลักษณะอย่างนี้ได้ จิตจะเกิดอุเบกขาธรรมขึ้น จะทำให้เราปฏิบัติแล้วได้ผลเร็วขึ้น เพราะว่าการปฏิบัติทุกระดับชั้น ถ้าไม่มีอุเบกขา กำลังใจจะไม่ทรงตัวสักระดับหนึ่ง

ดังนั้น..ขอให้ทุกท่านที่ใจร้อน อยากได้ดีเร็ว เบื่อกิเลสเต็มทีแล้ว อยากจะบรรลุมรรคผล ให้ทราบไว้ว่า อยากนั้นดี เพียงแต่ว่าอย่าให้เป็นความอยากให้กิเลสตัณหา แต่ให้อยากแบบธรรมฉันทะ ในเมื่อพอใจต้องการจะดีแล้ว ก็ให้เร่งตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อให้ไปสู่จุดหมายที่เราต้องการ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะพาเราเดินผิดทาง รู้สึกว่าปฏิบัติกับครูบาอาจารย์ท่านนี้แล้วไม่บรรลุสักทีอย่างที่เราต้องการ..ก็ย้ายที่ไป ปฏิบัติกับสำนักนั้นแล้วไม่บรรลุอย่างที่ต้องการ...ก็ย้ายที่ไป ตกลงว่าย้ายที่ไปเรื่อย เหมือนกับที่เคยเปรียบไว้ว่า เราขุดบ่อต้องการน้ำ ขุดลงไปสองวา...สามวา...ไม่ถึงน้ำเสียที เราก็ย้ายที่ขุดใหม่ ชาติหน้าบ่าย ๆ ก็ไม่ได้น้ำเสียที เพราะว่าย้ายที่ขุดอยู่เรื่อย

ฉะนั้น..ถ้าหากจะเอาดีก็ลุยที่เดียวไปเลย ให้เห็นหน้าเห็นหลังไปเลย ถ้าเก่งเกินครูบาอาจารย์แล้วไม่สามารถจะบรรลุได้เราค่อยย้ายสำนัก แบบพระโมคคัลลานะกับพระสารีบุตร ท่านปฏิบัติจนหมดความรู้ของอาจารย์แล้ว ท่านจึงได้ขอย้ายสำนักไปอยู่กับพระพุทธเจ้า


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๒
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2014 เมื่อ 11:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
บรรลุมรรคผล


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว