กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-09-2022, 19:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,530
ได้ให้อนุโมทนา: 215,928
ได้รับอนุโมทนา 737,057 ครั้ง ใน 35,905 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-09-2022, 23:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,108 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพวิ่งจากอำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์กลับมาถึงที่วัดนี่ ก็ประมาณ ๕ ชั่วโมง ตัวเองหมดสภาพไม่พอ คนขับรถก็หมดสภาพไปด้วย..!

งานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์ จะว่าไปแล้วก็ต้องบอกว่า ได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากครูบาอาจารย์ หรือพรหมเทวดาท่านหยุดฝนเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเละเป็นโจ๊กทั้งงานแน่นอน..! เพียงแต่ว่ามีเรื่องตลก ก็คือช่วงที่เริ่มพิธีสืบชะตา ปกติแล้วพระเถราจารย์ที่รับหน้าที่นั่งปรกคุม ๔ ทิศ เขาก็จะมีขันน้ำมนต์ให้ ปรากฏว่าน้องแนน ซึ่งอยู่รับใช้ครูบาวิฑูรย์ท่าน ย่องมาบอกว่า "ครูบาขอให้เหลือเทียนชัยไว้ให้ด้วย"

เพราะว่าโดยปกติแล้ว ในพิธีที่มีการพุทธาภิเษกวัตถุมงคล กระผม/อาตมภาพจะเอาเศษเทียนชัยที่เหลือปั้นเป็นลูกอมเทียนชัยไว้ ก็แปลว่างานหนึ่งก็ได้แค่หนึ่งองค์เท่านั้น ถ้าถามว่าดีตรงไหน ? คำว่า "ชัย" ก็คือ "ชนะ" อยากจะชนะเรื่องอะไรก็ว่าไป โบราณท่านถือเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่ง

ที่กระผม/อาตมภาพทำเอาไว้ก็เพราะว่าเวลาที่พระ หรือครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์ลงมา ถ้าหากว่าจะทิ้งไปเฉย ๆ ก็เสียดาย แล้วงานหนึ่งก็ได้แค่ลูกเดียวเท่านั้น ก็ทำเก็บเผื่อ ๆ ไว้ แต่ส่วนใหญ่โดนไอ้ตัวเล็กล้วงไปขายหมด..! ถ้าหากว่าคนที่บูชาไป จะติดตัวเอาไว้ก็ดี แต่ส่วนที่น่าทำก็คือเอาไว้เป็นชนวนเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ได้ก็จะดีมาก

ปกติแล้วกระผม/อาตมภาพทำแล้วก็ไม่ได้มอบให้ใคร แต่ว่ามอบได้ให้กับพลเอกเจษฎา เปรมนิรันดร ไปลูกหนึ่ง เพราะว่าท่านรับอาสาดูแลเรื่องงานบูรณปฏิสังขรณ์วัดราษฎร์ประชุมชนาราม หรือว่าวัดท่ามะขามให้ ตั้งแต่ท่านมาช่วยงานเกี่ยวกับทางด้านนี้ ก็เลื่อนจากรองเจ้ากรม ยศพลตรี ขึ้นมาเป็นเจ้ากรม ยศพลโท ปัจจุบันนี้ขึ้นมาถึงพลเอกแล้ว ก็ต้องบอกว่าเทียนก็คือตัวแทนของความสว่างรุ่งเรือง แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือตัวแทนของปัญญา คำว่าชัยก็คือชนะ จึงมี "นกรู้" อยากจะได้ไว้บ้าง..!

โดยเฉพาะครูบาวิฑูรย์ ท่านแอบสังเกตตอนไหนก็ไม่รู้ ว่าแต่ละงานส่วนใหญ่แล้ว
กระผม/อาตมภาพจะอมเอาเศษเทียนที่เหลือกลับไป งานนี้ท่านจึงได้ขอเอาไว้ กลายเป็นงานที่กระผม/อาตมภาพกลับมามือเปล่า ไม่มีของติดมือมาเหมือนกับทุกงาน ตรงนั้นก็แล้วแต่ว่าท่านจะเอาใช้งานอะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2022 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-09-2022, 23:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,108 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของปรียานันท์ธรรมสถาน จะว่าไปแล้ว ต้องนับว่ายังเป็นที่พักสงฆ์อยู่ ตรงจุดนี้ทางด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้พยายามชี้แจงให้พระภิกษุสามเณรของเราได้เข้าใจ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วถ้าไม่ใช่วัดที่ได้รับวิสุงคามสีมา ส่วนใหญ่เราก็จะไปเรียกว่า สำนักสงฆ์

แต่ว่าสำนักสงฆ์ในที่นี้ ถ้าตามกฎหมายก็คือ ที่พักสงฆ์ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว และตัวเจ้าอาวาสมีนิตยภัตเหมือนกับวัดทั่วไป ดังนั้น..ที่พักสงฆ์ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจถึงความถูกต้อง ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ต้องเรียกว่าที่พักสงฆ์ทั้งหมด

ดังนั้น..ที่พักสงฆ์ปรียานันท์ธรรมสถานก็ดี ที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตรก็ตาม ก็ยังคงจัดเป็นแค่ที่พักสงฆ์ รออยู่ในระหว่างดำเนินการ ตัวผู้เป็นหัวหน้าดูแลรักษาพื้นที่ ให้ใช้คำว่า ประธานที่พักสงฆ์ ถ้าเป็นสำนักสงฆ์ก็ใช้ว่าประธานสำนักสงฆ์ ยกเว้นว่าเป็นวัด ถ้าไม่มียศ ไม่มีสมณศักดิ์ ก็เรียกว่าพระอธิการ ถ้ามียศ มีฐานานุกรม มีสมณศักดิ์ ก็เรียกตามสมณศักดิ์นั้น ไม่ต้องใช้คำว่าพระอธิการ

ในส่วนที่
กระผม/อาตมภาพขอชื่อมหาไบท์ (พระมหาจักรพงษ์ ปญฺญาทีโป ป.ธ.๖) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท ของมหาไบท์นี่ "มหาเปรียญ" เป็นสมณศักดิ์สำคัญที่ในหลวงพระราชทานให้มาตั้งแต่โบร่ำโบราณ โดยเฉพาะยิ่งประโยคสูงเท่าไร ฐานานุศักดิ์ยิ่งสูงเท่านั้น แค่มหาเปรียญประโยค ๓ ก็ต้องนั่งสูงกว่าฐานานุกรมระดับ พระครูรองคู่สวด พระครูสังฆรักษ์ พระครูสมุห์ พระครูใบฎีกา พระสมุห์ พระใบฎีกา พระพิธีธรรมไปแล้ว

ในส่วนนี้ "มหาเปรียญ" ถึงเวลาถ้ามีคนจะตั้งฐานานุกรมให้ ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่าเป็นเปรียญธรรมประโยคไหน เพราะว่าจะต่ำกว่าฐานานุศักดิ์ของตนเองไม่ได้ ยิ่งถ้าหากว่าเปรียญธรรม ๖ ประโยค นั่งเหนือพระครูฐานานุกรมระดับพระครูปลัดชั้นเทพไปเลย มีอย่างเดียว ต้องเป็นพระครูปลัดของเจ้าคุณชั้นธรรมขึ้นไป ต่ำกว่านั้นไม่ได้

บรรดามหาเปรียญนี่เท่ากับว่าสร้างฐานานุศักดิ์ของตนเองขึ้นมา เพราะว่าศึกษาเล่าเรียนด้วยตัวเอง เหนือกว่าพระฐานานุกรมจำนวนมากต่อมากด้วยกัน ตามแต่ความสูงต่ำในประโยคของบาลีของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2022 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-09-2022, 23:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,108 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สำหรับปีนี้ที่กระผม/อาตมภาพขอให้นักเรียนบาลีวัดท่าขนุนของเราไปทดลองสอบดู ไม่ทราบว่าพวกท่านมีความสามารถเหมือนกระผม/อาตมภาพหรือเปล่า ? ก็คือถ้าได้สอบสักครั้งหนึ่ง จะเข้าใจว่าเขาจะมีแนวการออกข้อสอบแบบไหน ต่อให้ครั้งนี้ตก ครั้งหน้าก็สอบได้อย่างแน่นอน แต่เกรงว่าพวกท่านทั้งหลายจะไม่มีความสามารถตรงนี้ ก็เลยจำเป็นที่พวกเราจะต้องซักซ้อมในการทำข้อสอบให้เคยชินไว้ ถ้าหากว่าบังเอิญไปตรงกับข้อสอบที่ออกได้เลยก็ยิ่งดี

โดยเฉพาะในเรื่องของบาลีไวยากรณ์ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะว่าเป็นพื้นฐานที่เราต้องใช้ตั้งแต่ประโยค ๑ - ๒ ไปถึงประโยค ๙ เลย ยิ่งมีความเชี่ยวชาญในไวยากรณ์มากเท่าไร การเรียนประโยคสูงก็ยิ่งง่ายเท่านั้น

คราวนี้ถ้าเราสอบติดไวยากรณ์ได้ ๑ วิชา ที่เหลือก็รอซ่อมรอบสอง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ตกแล้วตกเลย จบกันไป รอปีหน้าค่อยสอบใหม่ ช่วงระหว่างรอซ่อม เราจะมีเวลาซักซ้อมประมาณ ๒ เดือน ตอนนั้นค่อยมาซ้อมแปลกัน น่าจะช่วยได้ พวกท่านก็จะเห็นว่ารุ่นพี่ ๆ เขามีการสอบโดยการซ่อมผ่านมาเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นรุ่น
กระผม/อาตมภาพนี่ตกแล้วตกเลย..หมดสิทธิ์ด้วยประการทั้งปวง

การเรียนบาลีเป็นเรื่องยาก พระผู้ใหญ่ท่านจึงออกความคิดว่า ถ้าหากว่ามีการซ่อมได้ ก็จะช่วยให้คนได้ประโยคบาลีมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว กระผม/อาตมภาพเคยเสนอความคิดไปแล้ว แต่ว่าไม่ได้รับความเห็นชอบ ก็คือให้เรียนบาลีลักษณะของการเก็บหน่วยกิต เรียนขึ้นหน้าไปเรื่อย ๆ ถ้าเก็บหน่วยกิตครบเท่านี้จะได้ประโยค ๑ - ๒ เก็บได้เท่านั้นจะได้ประโยค ๓ ไล่ขึ้นไปเรื่อย ผ่านไปแล้วจบเลย ไม่ต้องเหลียวกลับหลังมาอีก ให้เรียนขึ้นหน้าอย่างเดียว

ถ้าลักษณะนี้ การเรียนบาลีก็จะง่ายขึ้น แต่พระผู้ใหญ่ท่านท้วง โดยใช้คำว่า "ถ้าทำแบบนี้แล้วจะไม่ศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งกระผม/อาตมภาพเอง ไม่เห็นความสำคัญตรงคำว่า "ศักดิ์สิทธิ์" ของการเรียนบาลี

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? ก็เพราะว่าบาลีนั้น แนวการให้คะแนน แนวการตรวจข้อสอบ ไม่เหมือนกับวิชาการทั่วไป วิชาทั่วไปตรวจว่าคุณทำถูกเท่าไร แล้วก็รับคะแนนไปตามนั้น แต่วิชาบาลีตรวจว่าคุณทำผิดเท่าไรถึงจะปรับตก แล้วก็ผิดได้เต็มที่แค่ ๑๒ แห่ง สมมติว่าคุณผิด ๑๒ แห่งที่เหลือทำถูกหมด ถ้าคิดคะแนนเต็ม ๑๐๐ คุณก็ได้ตั้ง ๘๘ คะแนน แต่ตก..! ก็เลยทำให้บรรดาผู้ที่จบประโยค ๙ ทั้งหลาย กลายเป็นพวกแปลกแยกจากสังคม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2022 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 25-09-2022, 23:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,108 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะบ้านเราจบแล้วจบเลย ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรต่อ ยกเว้นท่านที่ไปเป็นครูสอนบาลีต่อ ก็จะมีความชำนาญแตกฉานมากขึ้น แต่ก็ไปด้วนเอาเฉย ๆ ตรงนั้น ไม่เหมือนกับทางพม่าที่เขามีไปเรียนบาลีปารคู ไปเรียนผู้ทรงพระไตรปิฎก

ในเมื่อพระผู้ใหญ่ท่านยังเห็นว่าจำเป็นต้องพึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของบาลี เราก็จะมีบรรดาผู้แปลกแยกจากสังคมเพิ่มขึ้นปีละไม่กี่รูป เท่าที่พบมา ปีที่ได้มากที่สุดน่าจะประมาณ ๕๐ รูปเศษ แล้วลองคิดดูว่าพระทั้งประเทศไปสอบ แต่ได้แค่ ๕๐ รูปเศษ หรือว่าบางปีได้แค่ไม่กี่รูป บางวัดส่งสอบอยู่ปีแล้วปีเล่า ไม่เคยได้เลยสักรูป..!

แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่ของบางสำนักบาลีที่สนิทสนมคุ้นเคยกับผม ปกติแล้วอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนบาลีต้องประโยค ๙ แต่ว่ารายนั้นท่านได้แค่ประโยค ๗ เพียงแต่ว่าศึกษาส่วนที่เหลือจนปรุแล้ว แต่ดวงไม่ดี สอบเมื่อไรก็ตกเมื่อนั้น สอนลูกศิษย์ได้ประโยค ๙ ไปมากมาย อาจารย์ยังอยู่แค่ประโยค ๗ ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ว่า ถ้าต้องการความศักดิ์สิทธิ์ ก็จะอยู่ในลักษณะอย่างนี้ไปเรื่อย

คราวนี้บาลีนั้นตั้งแต่โบราณมา ที่ศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะว่าการตั้งหน้าตั้งตาท่องบาลีนั้นได้สมาธิง่ายมาก คล้าย ๆ กับการสวดมนต์เหมือนกัน หลวงปู่พุธ ฐานิโย (พระราชสังวรญาณ ป.ธ.๔) วัดป่าสาลวัน ท่านเล่าให้กระผม/อาตมภาพฟังว่า ท่านท่องบาลี..ท่องบาลีอยู่ รู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ..! แล้วไอ้ที่หน้าตาเหมือนกับตัวเองที่กำลังนั่งท่องบาลีอยู่นั่นใครวะ ? ก็คือท่านว่าไปจนกระทั่งกายในหลุดออกไปไม่รู้ตัว ท่องบาลีจนเป็นสมาธิ พอกำลังถึง พื้นฐานอภิญญาเก่ากลับมา เลยได้อภิญญาเอาง่าย ๆ แล้วสมัยก่อนความศรัทธา ความเชื่อมั่นมีมาก ขนาดตัวหนังสือหรือว่าหนังสือ เขาจะไม่ข้ามกัน ถึงขนาดให้กราบหนังสือทุกครั้งที่เรียน

ดังนั้น..ในเมื่อความศรัทธามีมาก ความเชื่อมั่นมีมาก สมัยก่อนเวลาลบกระดานเขาถึงได้เก็บผงชอล์กเอาไว้สำหรับสร้างวัตถุมงคลด้วย เพราะถือว่าอักขระทุกตัวสามารถทดแทนธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ทั้งนั้น มารุ่นของเราไม่ค่อยได้ใช้ แต่เปิดเพาเวอร์พ้อยต์สอนแทน แล้วจะไปลบผงกันอีท่าไหน ? จึงเล่าถวายเอาไว้สำหรับพวกเราเพื่อเป็นแนวทาง

วันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และญาติโยมที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-09-2022 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว