กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-08-2022, 19:47
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,618
ได้ให้อนุโมทนา: 216,321
ได้รับอนุโมทนา 741,359 ครั้ง ใน 36,110 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-08-2022, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ก็ต้องเจริญพรขอบคุณญาติโยมทั้งหลายที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำบุญทอดผ้าป่า สร้างอาคารเรียนรวมของวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ กระผม/อาตมภาพก็งัดเอาของเก่าเท่าที่มี แพงบ้าง ถูกบ้างออกมา ของบางอย่างน่าจะเป็นมรดกโลกได้แล้ว แต่ว่าเพื่อนเดือดร้อนก็ต้องช่วยกันหน่อย ผลก็ปรากฏว่าแพงแค่ไหนก็มีคนบูชา

เรื่องพวกนี้เราต้องเข้าใจว่า สิ่งที่เราทำก็คือช่วยกันสร้างอาคารเรียนรวมของวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิให้เสร็จ อาคารเรียนเป็นวิหารทาน ถ้าไม่นับธรรมทานแล้ว ก็ถือว่าเป็นทานที่สูงสุดของพระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากว่าเป็นอาคารเรียนของวิทยาลัยสงฆ์ ก็เลยกลายเป็นธรรมทานไปด้วย แล้วเป็นธรรมทานต่อเนื่อง ก็คือคนเข้าไปใช้งานกี่ครั้ง ธรรมทานนั้นก็ส่งผลถึงเราเท่านั้นครั้ง ก็นับว่าท่านทั้งหลายถือว่าโชคดีได้ทำบุญใหญ่โดยไม่รู้ตัว หรือบางท่านก็รู้ตัวและตั้งใจทำ เห็นมีหลายท่านที่โอนเงินเข้าไปอย่างเดียว ไม่รับวัตถุมงคลด้วย ต้องบอกว่าเป็นกำลังใจที่มั่นคงกับบุญมาก

ส่วนท่านที่ตั้งใจรับวัตถุมงคล ก็อย่าลืมว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราได้มาอย่างไร ถ้าระลึกได้ว่าเราได้มาจากการทำบุญก็เป็นจาคานุสติ เป็นทานบารมี ถ้าหากว่าเป็นรูปพระพุทธ ก็เป็นพุทธานุสติ เป็นรูปพระสงฆ์ ก็เป็นสังฆานุสติ ต่อให้เป็นเครื่องรางของขลังที่ไม่ใช่รูปพระเลย เราก็รู้ว่าครูบาอาจารย์ท่านไหนทำ ก็ยังเป็นสังฆานุสติอยู่ดี

เรื่องของวัตถุมงคลจึงเป็นเรื่องที่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณมา นำเอากรรมฐานใหญ่ ๆ ทั้งหลายเหล่านี้มาสอดแทรกเอาไว้ โดยที่ไม่ได้บอกกล่าวให้ชัดเจน ทำให้บรรดาผู้ที่ไร้ปัญญาจำนวนหนึ่ง มาตำหนิติเตียนในเรื่องของวัตถุมงคล

โดยเฉพาะบุคคลที่กำลังใจยังอ่อนอยู่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเครื่องยึด ซึ่งเครื่องยึดทั้งหลายเหล่านั้นก็จะโยงให้เข้าถึงพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ บางส่วนก็บังคับในเรื่องของสีลานุสติด้วย

อย่างเช่นว่าพระเครื่องของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หรือแม้กระทั่งยันต์เกราะเพชร บังคับว่าอย่างน้อยต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือไม่ลักขโมยกับไม่ดื่มสุราเมรัย การลักขโมยเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น การดื่มสุราเมรัยเป็นการเบียดเบียนตัวเอง ครบทั้งในทั้งนอก แต่คนที่ปัญญาน้อย ไม่ได้ระลึกถึงตรงจุดนี้ ก็ไปตำหนิเอา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2022 เมื่อ 01:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-08-2022, 00:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เครื่องรางของขลังบางอย่างก็มีข้อห้าม ถ้าหากว่าตั้งใจระมัดระวังไม่ทำในสิ่งที่ห้ามนั้นได้ เราจะมีสติสมบูรณ์เท่ากับการรักษาศีล ถ้าหากว่าท่านใดที่ใช้เครื่องรางของขลัง แล้วมีสติ ไม่ด่าแม่คนอื่น ไม่ลอดใต้ถุนเรือน เหล่านี้เป็นต้น สติของท่านจะสมบูรณ์เท่ากับการรักษาศีลทั่วไป ถือว่าเป็นสีลานุสติได้

ดังนั้น...เรื่องอุปเท่ห์ต่าง ๆ ที่โบราณาจารย์ท่านได้กำหนดเอาไว้ โดยเฉพาะในส่วนของคาถากำกับวัตถุมงคล นั่นเป็นส่วนของการภาวนา เราต้องไม่ลืมว่าไตรสิกขาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือศีล สมาธิ และปัญญา ในเมื่อเราระมัดระวังตามข้อห้ามก็เป็นศีล เราภาวนาคาถากำกับก็เป็นสมาธิ ก็เหลืออยู่แค่ว่าเราจะมีปัญญามองเห็นทุกข์เห็นโทษหรือไม่ ว่าการเกิดมาในโลกนี้ต้องลำบากแบบนี้ ต้องหาสิ่งของมาป้องกันตัวเอง

ที่พระรัฐบาลเถระกล่าวกับพระเจ้าโกรัพยะว่า "โลกนี้ไม่มีผู้ป้องกัน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน" ฟังบาลีแล้วยาก ก็คือถ้าไม่มีคนช่วยก็มักจะเอาตัวไม่รอด เริ่มมาตั้งแต่ที่พระเจ้าโกรัพยะถามพระรัฐบาลเถระว่าทำไมถึงบวช ? พระรัฐบาลเถระก็กล่าวธัมมุทเทส ๔ ประการ พวกที่เรียนนักธรรมจำได้ไหม ? โลกนี้สับสน พร่องอยู่เป็นนิจ ไม่รู้จักอิ่ม เป็นทาสแห่งตัณหา กลับไปท่องเสีย จะได้จำได้ว่า ๔ ข้อมีอะไรบ้าง ?

คราวนี้การที่ไม่มีผู้ต้านทาน ไม่เป็นใหญ่เฉพาะตน เราต้องอาศัยวัตถุมงคลป้องกันอันตรายต่าง ๆ คำว่า ตาณัง หรือต้านทาน ก็คือการป้องกัน ก็แปลว่า ถ้าเรามีปัญญาเพียงพอ เราจะเห็นว่าตราบใดที่เรายังต้องเกิดมา ก็ต้องเกิดอยู่บนกองทุกข์ ต้องอาศัยสิ่งต่าง ๆ มาช่วยบรรเทาเบาบางทุกข์ทั้งหลายนี้ลง

ขาดในเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ก็ต้องหาวัตถุมงคลประเภทลาภผล ขาดคนรัก ก็ต้องหาประเภทเมตตามหานิยม จะออกรบราฆ่าฟัน รบทัพจับศึกกับเขา ก็ต้องหาประเภทคงกระพันชาตรี หรือถ้าหากว่าไม่มีนิสัยจะปะทะกับใคร ก็หาพวกแคล้วคลาดปลอดภัยเป็นต้น แล้วถ้ายังเกิดอยู่ก็ต้องหาไปทุกชาตินั่นแหละ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2022 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-08-2022, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเราทั้งหลายมองเห็นตรงจุดนี้ก็จะเกิดปัญญา ซึ่งเป็นตัวสุดท้ายของไตรสิกขา ก็คือเห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิด เห็นทุกข์เห็นโทษของการมีร่างกายนี้ ถ้าหากว่าเห็นอย่างเดียว ก็ยังเอาตัวไม่รอด ปัญญาจะต้องถึง สมาธิจะต้องถึง สมาธิถึงอย่างไร ก็คือเข้มแข็ง เพียงพอต่อการใช้งาน ปัญญาต้องถึงคืออะไร ? เห็นอย่างชัดเจนแล้วถอนกำลังใจออกมาด้วยสมาธิ ไม่ไปยึดไปเกาะอีก เราถึงสามารถที่จะหลุดพ้นไปตามลำดับขั้น

ปัญญาสูง สมาธิสูง ก็หลุดพ้นได้สูง ปัญญาต่ำ สมาธิต่ำ ก็หลุดพ้นได้ต่ำ ปัญญาและสมาธิยังไม่เพียงพอที่จะหลุดพ้น อย่างน้อย ๆ ก็มีกำลังระงับตนเองไม่ให้ไปกระทำในสิ่งที่เป็นอกุศล ครองตนอยู่ในศีลในธรรม

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง และคนที่มีปัญญาเท่านั้นถึงจะเข้าถึงได้ แต่ต่อให้มีปัญญาน้อย ก็ยังอาศัยเป็นอนุสติ โยงใจเราให้ยึดอยู่กับความดี เพราะว่าถ้าไม่สามารถรักษากฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ วัตถุมงคลนั้นก็จะไม่คุ้มครองเรา

ดังนั้น...ในส่วนที่ท่านทั้งหลายร่วมกันทำมาเมื่อวานและวันนี้ จากความตั้งใจของกระผม/อาตมภาพก็คือ หาเงินให้ "พี่ไพ" สักล้านหนึ่ง เขาต้องการ ๑๕ ล้าน เราสายเดียวให้ไป ๑ ใน ๑๕ ก็น่าพอแล้ว

ต้องบอกว่ากระผม/อาตมภาพเป็นที่พึ่งของเพื่อนฝูงมาตลอด ลองไปอ่านในพรหมชาติดู ดวงของผมเขาบอกว่าอย่างไร ? "จักพึ่งผู้อื่นมิได้สักครา เขากลับพึ่งพาดีเนื้อดีใจ" โคตรแม่นเลย..! เพราะอะไร ? ก็เพราะว่าถ้าหากว่าสิ่งไหนที่
กระผม/อาตมภาพทำไม่ได้ คนอื่นก็ทำไม่ได้ด้วย แต่ถ้าเป็นสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ กระผม/อาตมภาพดันไปทำให้เขาได้ ก็เจริญสิครับ ทนต่อไปก็แล้วกัน

ทำเอาไว้มาก ถึงเวลาคนอื่นเขาไล่ไม่ทัน กำลังไม่พอ เขาช่วยเราไม่ได้ แต่ของเราเอง ถึงจะน้อยเท่าไร ก็ยังมากกว่าคนอื่น จึงต้องคอยช่วยเขาต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2022 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-08-2022, 00:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ อย่างที่เคยบอกกล่าวเอาไว้ว่า บางคนเห็นว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก แต่ถ้าหากว่ารู้จักสังเกต จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพใช้เฉพาะในเรื่องของบุญของกุศลเท่านั้น พวกท่านจะไม่เห็นกระผม/อาตมภาพทำเพื่อความสุขส่วนตัวเลย กุฏิของกระผม/อาตมภาพ พวกคุณเข้าไปได้พักเดียวก็เหงื่อหยดติ๋งแล้ว กระทั่งพัดลมก็ยังไม่มี แล้วจะไปพูดถึงเครื่องปรับอากาศ ถึงมีติดไว้ก็ไปติดยันพัง..! นาน ๆ นึกขึ้นมาได้ก็ลองเปิดดูหน่อยว่ายังทำงานอยู่หรือเปล่า ?

โบราณบอกอะไรไว้ไม่ผิดหรอก ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ กระผม/อาตมภาพทำตัวลำบาก เหมือนคนไม่มีอะไร ใช้ทรัพยากรน้อยมาก แม้กระทั่งเวลาเดินทาง ข้าวปลาอาหารส่วนใหญ่ก็อาศัยข้าวกล่องร้านสะดวกซื้อ หลายท่านที่ไม่มีร้านอาหารหรู ๆ แล้วฉันอาหารไม่ได้ ก็ปล่อยท่านไปเถอะ..!

กระผม/อาตมภาพเองนั้น ต่อให้เป็นหาบเร่ข้างทางก็อยู่รอดไปแล้ววันหนึ่ง ข้าวกล่องหนึ่งกล่อง ๓๕ บาท ก็รอดตายไปอีกวัน แล้วเรื่องอะไรจะไปนั่งร้านให้หมดไปทีหนึ่งหลายร้อย บางทีก็ล่อไปเป็นพัน..! ให้ไปเลี้ยงเพื่อนเลี้ยงฝูง เลี้ยงครูบาอาจารย์นั้นเลี้ยงได้ ควักเท่าไรก็ควักไป แต่ถ้าให้ไปซื้อกินเองแบบนั้น
กระผม/อาตมภาพไม่เอาหรอก

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าคนที่สังเกตเห็นจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพฟุ่มเฟือยเฉพาะเรื่องที่เป็นบุญเป็นกุศล มีเท่าไรก็ทำได้ ขนาดตัวเองหมดก็ยังให้เขาก่อน แต่ถ้าหากว่าให้ทำเพื่อตัวเอง..ไม่เอา มีแต่จะพาให้กิเลสเจริญรุ่งเรืองแล้วเอากำลังใจคืนได้ยาก

วันนี้รบกวนเวลาพวกเรามากแล้ว ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2022 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว