กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๔ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๔

Notices

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๔

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-04-2021, 09:42
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,529
ได้ให้อนุโมทนา: 215,924
ได้รับอนุโมทนา 736,952 ครั้ง ใน 35,904 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔

__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-04-2021, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้เป็นวันอังคารที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ เมื่อวานนี้เสียงธรรมหายไป เพราะว่ามีการประชุมปรึกษาหารือเพื่อคัดเลือกคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ แล้วพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. ก็รับเละไปอีก ๑ สมัย คณะกรรมการจะมีทั้งหมด ๓๙ คน ตัดตัวเองที่มีส่วนได้เสีย ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงคะแนนเสียงออกไป คะแนนออกมา ๓๘ เสียงต่อ ๐ เป็นเอกฉันท์ สิ่งนี้แสดงออก ๒ อย่างด้วยกัน

อย่างแรกก็คือ ผลงานที่เคยทำไว้ต้องเด่นจริง ๆ เป็นที่ยอมรับของทุกคน โดยไม่มีใครคัดค้าน

อย่างที่สอง เป็นความดีความงามของการทำงานร่วมกัน คือความเป็นอันหนึ่งอันเดียว ซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ตั้งแต่หน่วยงานที่เล็กที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด ถ้าเราขาดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเมื่อไร จะเด่นออกมาไม่เหมือนกับชาวบ้านเขาและสะดุดตาทันที

แบบเดียวกับสามเณรมอเอ พอถึงเวลาก็เดินรั้งท้าย ทั้ง ๆ ที่กฎเกณฑ์กติกาที่ตั้งไว้ก็คือสูงกว่าต้องอยู่ข้างหน้าหน้า คราวนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการแหกกฎเกณฑ์ที่ตั้งเอาไว้ เอาความสบายของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้เอาส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ก็คือถ้ากูเดินนำหน้า ต้องเร่งตามพระให้ทัน กูเหนื่อย กูก็ค่อย ๆ ห้อยท้าย ทิ้งห่างไปสัก ๑๐๐ - ๒๐๐ เมตรก็ไม่เป็นไร แต่กลายเป็นว่าไม่เหมือนกับชาวบ้านเขา

จากจุดนี้วิเคราะห์ได้เลยว่า ถ้าหากว่าไม่ได้บวชเป็นสามเณรหรือเป็นพระ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็จะมีปัญหากับเขาตลอด ถ้าไม่ใช่ตัวเองกระทบกระทั่งเขา เขาก็จะมากระทบกระทั่งเรา เพราะว่าเราทำตัวต่างไปจากเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2021 เมื่อ 07:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-04-2021, 19:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของกฎหมายบ้านเมือง เรื่องของระเบียบวินัย เรื่องของระเบียบในองค์กร เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเรียบร้อยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ถ้ามีใครสักคนหนึ่งแหกกฎเมื่อไร ก็ไปทันที คำว่า ไปทันที คือความเสียหายจะเกิดขึ้นทันที

เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายที่ศึกษานักธรรมตั้งแต่ชั้้นตรี จะเห็นว่า โบราณาจารย์ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า พระวินัยเปรียบเหมือนด้ายที่ร้อยดอกไม้ ดอกไม้ในที่นี้ก็คือพระภิกษุที่มาจากวรรณะต่าง ๆ กันไป เหมือนกับดอกไม้นานาพรรณ ถ้ากระจัดกระจายกันอยู่ ก็หาความงามความเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้ แต่ถ้าหากว่ามีพระวินัย เปรียบเหมือนกับเส้นด้ายร้อยเข้าด้วยกันจนกลายเป็นพวงมาลัย ถึงแม้จะคนละสี คนละสัน คนละเผ่า คนละพันธุ์กัน ถึงเวลาโดนควบคุมเอาไว้ด้วยระเบียบวินัย ซึ่งก็คือเส้นด้ายนั้น ก็จะออกมาเป็นพวงมาลัยที่สวยงาม

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราต้องตระหนัก โดยเฉพาะต้องคิดถึงส่วนรวมไว้ก่อน ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ใช่ว่าเรามีหน้าที่แค่ดูว่าคนอื่นทำอะไร แล้วก็ไปออกปากว่ายังไม่เต็มที่ ทั้ง ๆ ที่คนอื่นเหนื่อยขนาดสลบไสลคาชุดทำงานแล้ว ก็ไม่แปลกที่คนพูดจะโดน "ทัวร์ลง"

หรือไม่ก็อย่างที่บอกว่า ให้ประชาชนเอาเงินออมทั้งหมดออกมาใช้ในช่วงโควิด-๑๙ อาละวาดอยู่นี้ ก็จะสามารถเพิ่มจีดีพีของประเทศของเราได้ ๔ - ๕ เปอร์เซ็นต์ อยากจะบอกว่าคนที่พูดแบบนี้ ไม่มีความรู้จริงเลยแม้แต่นิดเดียว

เงินออมของประชาชนฝากอยู่กับสถาบันการเงิน สถาบันการเงินนำเอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไม่มีดอกผลมาให้กับผู้ฝาก การลงทุนนั้นย่อมมีผลพวงที่เป็นจีดีพีโดยปกติ ถ้าอยู่ ๆ โดนถอนออกมาใช้จ่ายจนหมด แทนที่จีดีพีจะเพิ่ม ก็กลายเป็นบรรลัยแทน เพราะว่าถ้าหากว่าไม่มีเงินออมในครอบครัว ไม่มีเงินออมส่วนตัว ความมั่นคงก็ไม่มี แล้วถ้าทั้งประเทศไม่มีเงินออม มีแต่เงินกู้ ก็บรรลัยแน่นอน ล้มละลายสถานเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2021 เมื่อ 07:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-04-2021, 19:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น...ยิ่งตำแหน่งสูงใหญ่ขึ้นไปเท่าไร ทุกคำพูดและการกระทำของเรายิ่งมีผลกระทบ คุณจะเห็นว่าประธานธนาคารกลางของอเมริกาคนที่แล้ว ที่เขาเรียกย่อ ๆ ว่า เฟด (เฟเดอรัลแบงค์) จะพูดอะไรแต่ละที ยิ่งกว่าพระร่วงอีก ก็คือระมัดระวังคำพูดสุดขีด เพราะว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งโลก

เราจะเห็นว่า อีลอน มัสก์ เจ้าของโลโก้เทสล่า พูดผิดนิดเดียวเท่านั้น หุ้นตกไปจนกระทั่งสูญเสียมูลค่าหุ้นไปเป็นหมื่น ๆ ล้านดอลลาร์ นั่นคือการพูดที่ไม่ได้คิดให้รอบคอบว่า ส่วนรวมจะได้รับผลกระทบอย่างไร นอกจากเอาตัวเองเป็นใหญ่

ดังนั้น...ส่วนหนึ่งที่อยากจะให้พวกท่านทั้งหลายที่เป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อญาติโยม ต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำของเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2021 เมื่อ 07:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-04-2021, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ผมไปเป็นเจ้าภาพงานศพพระเดชพระคุณพระเทพสุวรรณโมลี (หลวงปู่เเคล้ว อุตฺตโม) เปรียญธรรม ๗ ประโยค อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุราชวรมหาวิหาร จังหวัดเพชรบุรี ท่านทั้งหลายก็คงจะพอทราบว่าในเรื่องของงานศพนั้น เราไปทำอะไร ? เพื่ออะไร ? แต่บางทีก็ยังไม่ชัดเจน การที่เราไปบำเพ็ญกุศลนั้น เป้าหมายใหญ่ ๆ มี ๓ อย่าง

อย่างแรก คือ ประกาศคุณงามความดีของผู้ตาย ถ้าผู้ตายมีคุณงามความดีมาก ผู้คนก็จะไปกันมืดฟ้ามัวดิน

คนตายที่ไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรง แล้วคนแห่กันไปหลาย ๆ หมื่น คนแรกที่ผมได้เห็นก็คือคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ที่โดนยิงตายในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อสมท. ก่อนนี้ท่านทำงานอยู่ที่องค์การฟอกหนัง องค์กรนี้ขาดทุนยับเยินมาตลอดเวลาตั้งแต่ต้นยันปลาย คุณแสงชัยเข้าไปบริหารแล้วทำกำไรกลับมาได้ มีเงินส่งให้คลัง แต่คราวนี้สิ่งที่ทำก็กระทบคนอื่น สิ่งที่เคยได้กินก็ไม่ได้กิน ก็ทำให้เขาจะต้องหาทางเขี่ยออกไป

ในเมื่อไม่สามารถจะเล่นได้ด้วยอำนาจทางการเมือง หรือว่าในฐานะผู้บังคับบัญชา ก็ต้องใช้อำนาจมืด แต่สิ่งที่เขาทำมา ไม่ว่าตอนที่เป็นผู้อำนวยการ อสมท.ก็ดี ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนังก็ตาม ชาวบ้านทุกคนเขาเห็น ตายแล้วจึงมีคนแห่ไปงานศพเป็นหมื่น ๆ คน แล้วขณะเดียวกัน บางคนตายนี่แทบจะไม่มีใครไปเผาศพ ดังนั้น...เป้าหมายแรกของงานศพชัดเจนที่สุด คือ เป็นการประกาศเกียรติคุณของผู้ตาย เกียรติคุณมากคนไปมาก เกียรติคุณน้อยคนไปน้อย

ประการที่สอง เป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทิตาของบุคคลที่อยู่ จะต้องกตัญญูรู้คุณและกตเวทิตาทำการตอบแทน ถึงได้จัดงานศพขึ้นมา

ประการหลักประการสุดท้าย ก็คือ เพื่ออุทิศกัลปนาผล ก็คือส่วนกุศลที่ได้จากงานนั้น ๆ ให้กับผู้ตาย ถ้าสามารถโมทนาได้ ก็จะได้ไปสู่สุคติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2021 เมื่อ 07:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 28-04-2021, 19:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงส่วนนี้ หลวงปู่แคล้วท่านทำหน้าที่มาด้วยความอดทน มั่นคง ไม่ย่อท้อ เป็นรองเจ้าอาวาสอยู่ ๓๓ ปี ถึงได้เป็นเจ้าอาวาส เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดอยู่ ๒๓ ปี ถึงได้เป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านไม่ได้ไปดิ้นไปรนเพื่อให้ได้เป็น แต่ท่านทำงานในหน้าที่ไปเรื่อย ๆ รู้อยู่ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นอยู่ในสายตาผู้บังคับบัญชา ไม่ช้าก็เร็ว ตำแหน่งจะต้องตกมาถึง

แต่ตำแหน่งนั้นมาพร้อมกับหน้าที่ ถ้าหากว่าเราไปวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ก็แปลว่าเราอยากเหนื่อยกับหน้าที่ซึ่งต้องรับ ท่านก็ทำงานเพื่อส่วนรวมไปเรื่อย เหมือนอย่างกับคนปลูกไม้ผล ก็บำรุงรักษาฟูมฟักไปเรื่อย เมื่อถึงวาระที่สมควร ต้นไม้นั้นก็ออกดอกออกผลให้เอง

ดังนั้น...สิ่งที่ผมอยากจะเตือนท่านทั้งหลายไว้ก็คือ หลายครั้งที่พูดไปว่า เร่งศึกษาทั้งทางโลกทั้งทางธรรมให้ตัวเรามีความรู้ทั้งสองด้านให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาตำแหน่งหน้าที่ลงมา จะได้มีกำลังเพียงพอที่จะทำหน้าที่นั้น ๆ พูดง่าย ๆ คืออย่าอยากดังเร็ว ส่วนใหญ่ที่ดังเร็วมักจะดับเร็ว ถ้าหากว่ากำลังใจของเรายังไม่มั่นคงเพียงพอ ทนแรงเสียดทานไม่ได้ ก็มักจะสึกหาลาเพศออกไป ตัวอย่างมีให้เห็นเป็นจำนวนมาก

ฉะนั้น...เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตอนนี้ใครเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ใครเป็นเลขานุการ ใครเป็นพระเณรลูกวัด ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการรักษา กาย วาจา ใจ ของเราให้มั่นคง ถึงเวลาถ้างานถมลงมา จะได้สู้ได้ จะได้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ว่าความสามารถไม่ถึง แต่ตะเกียกตะกายอยากไปเป็นรัฐมนตรี..! ขออภัย...ผิดหยุด..พูดใหม่

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่เฉพาะภิกษุสามเณรเท่านั้น ญาติโยมที่ดูที่ฟังอยู่ทางบ้าน ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ หรือว่าต่างจังหวัด ตลอดจนต่างประเทศ ก็สามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้ได้

และอยากจะบอกกับคนกรุงเทพฯ ล่วงหน้าว่า เตรียมข้าวเตรียมของเอาไว้สัก ๑๔ หรือ ๒๑ วัน ให้เพียงพอใช้งาน คืออย่าออกไปไหน ล็อกตัวเองเสียก่อนที่คนอื่นเขาจะมาล็อกเรา ขอฝากอะไรคร่าว ๆ ไว้แต่เพียงแค่นี้


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-05-2021 เมื่อ 13:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว